The Black Card - ตอนที่ 364
ตอนที่ 364 – ประตูด้านหน้าถูกขวาง
ฝ่ายตรงข้ามก็มีเหตุผลเนื่องจากพวกเขาได้แจ้งยามไปแล้วว่าพวกเขากำลังออกไปรับตัวเจ้าสาว ไม่ว่ามันจะเป็นการเข้าหรือออก พวกเขาก็ต้องยกที่กั้นขึ้นและปล่อยให้พวกเขาขับรถออกไป
มันแปลก ถ้าพูดตามหลักการแล้ว รถนำขบวนก็ไม่น่าจะมีเหตุผลเท่าไรเนื่องจากผู้คนก็มักจะขับเข้ามาจากทางเข้าอยู่แล้ว ใครจะรู้ว่าคุณสื่อสารกับยามไว้แล้ว? และคุณก็ไม่สามารถอนุญาตไม่ยอมให้รถคันอื่นขับเข้สมาทางนี้ได้เพียงเพราะว่าพวกเขากำลังจัดงานแต่งใช่ไหม? คุณยังไม่สมควรที่จะขับรถตรงไปโดยไม่ระวังอะไรเมื่อมันเป็นทางเข้าอีก?
สือเหล่ยมองไปที่รถคันนั้นและมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรมาก พวกเขาอยู่ที่ทางเข้าและไม่ได้ขับเร็วอะไร อย่างไรก็ตาม รถคันนี้ก็ไม่สามารถเป็นรถนำขบวนได้อีกจากด้านหน้าของมันเบี้ยวไปแล้ว ตะกร้าดอกไม้ด้านหน้าก็กระจัดกระจายอยู่บนพื้น
รถคันนี้ไม่เลวเท่าไร มันคือ BMW ซีรีย์เจ็ด และน่าจะเป็น 730 ซึ่งมีราคาหนึ่งล้านกว่าหยวนถ้ามาพร้อมกับชุดอุปกรณ์ตัวท็อป
ส่วนข้อโต้เถียงกันนั้น ฝ่ายหนึ่งบอกว่าพวกเขาบีบแตรอย่างบ้าคลั่งเมื่อเห็นรถคันนี้กำลังเข้ามา แต่พวกเขาก็ยังชนกันอีกและต้องการค่าชดเชย
สำหรับอีกฝั่งนั้น พวกเขาขับรถเข้ามาที่ทางเข้าช้าๆตามปกติ ฝ่ายตรงข้ามขับรถผิดทาง ทำไมพวกเขาต้องไปชดเชยให้ด้วย? ฝ่ายตรงข้ามสิที่สมควรจะต้องรับผิดชอบ
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มโต้เถียงกัน ฝ่ายตรงข้ามสร้างความสนใจในขณะที่พวกเอ็ดตะโรโวยวายว่าพวกเขากำลังจะไปงานพิธีแต่งงานสายและรถคันนี้ต้องชดเชยให้กับเสียหายทั้งหมด
เพื่อนและญาติของทั้งสองฝ่ายเข้ามาร่วมวงด้วยและทุกๆคนก็เถียงกันไม่หยุด
มีหลายคนที่พยายามจะยุติสถานการณ์ แต่ฝ่ายรถบีเอ็มก็หยิ่งเกินไป พวกเขายังพูดอีกว่าพวกเขาจะทุบตีทุกๆคนที่พยายามขัดขวางงานของพวกเขา ในขณะที่พวกเขาพูดคุยกัน พวกเขาก็เริ่มข่มขู่ผู้คน
ตามที่ไทยมุงบอก พ่อของเจ้าบ่าวทำงานอยู่ที่สำนักงานของเมือง เขาหยิ่งผยองเป็นทุนเดิมอยู่แล้วและในตอนนี้เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้นในวันงานแต่งของบลูกชาย เขาจึงไม่เต็มใจที่จะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ
สือเหล่ยพูดไม่ออก มีคนแบบนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอ พนักงานของรัฐธรรมดาๆกล้าหยิ่งผยองขนาดนี้ได้ยังไง? เหตุผลที่ทำไมสือเหล่ยถึงรู้ว่าชายคนนี้เป็นแค่พนักงานของรัฐธรรมดาๆนั้นเป็นเพราะว่าเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่รัฐบาลจัดไว้ให้
แต่ถึงกระนั้นมันก็เป็นเรื่องของคนอื่นและสือเหล่ยก็ไม่สามารถเข้าไปยุ่งด้วยได้
เขากลับไปที่รถอย่างเงียบๆและโทรหาลุงสองของเขา
ลุงสองดูจะยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาคิดว่าสือเหล่ยหาบ้านไม่เจอเมื่อเขาเห็นสือเหล่ยโทรมา เขายิ้ม “ก้อนหิน หลานมาถึงแล้วเหรอ? หลานอยู่ไหน ลุงจะออกไปรับ”
“ลุง ผมมาถึงสักพักแล้ว แต่ทางเข้าถูกขวางไว้ มีทางเข้าอื่นที่ผมสามารถขับผ่านไปได้ไหม?”
“ฮะ? ถูกขวาง? เกิดอะไรขึ้น? รอแป๊ป ลุงถามก่อน…”
ในไม่ช้าลุงของเขาก็พูดออกมาอีก “ทางเข้าสำหรับรถมีทางเดียว ทางอื่นเป็นสำหรับคนเดิน ไม่ใช่ทางของรถ ครอบครัวของพวกเขาก็ยังอยู่ที่ทางเข้าเหมือนกัน ลุงคิดว่าน่าจะมีเรื่องเกิดขึ้น ไอ้หยา มันถูกขวางไว้เพราะมีเรื่องเกิดขึ้นกับครอบครัวของพวกเขาใช่ไหม? ก้อนหิน ตอนนี้หลานอยู่ที่ไหน? ป้าของหลานและลุงกำลังจะไปหาหลาน”
“ผมนั่งอยู่ในรถฝั่งตรงข้ามกับประตูทางเข้าครับ”
“โอเค เดี๋ยวพวกเรารีบไป” ลุงของเขารีบวางสายไป และเดินลงมาข้างล่างพร้อมกับป้าสองของเขาและมุ่งหน้ามาที่ทางเข้า
พวกเขาเห็นฝูงชนปิดขวางทางเข้าไว้จากระยะไกล พวกเขาเดินเข้ามาและมันก็เป็นญาติของลุงสองของเขาจริงๆ เขาขอโทษไม่หยุด แต่ฝ่ายตรงข้ามก็เรียกค่าเสียหายราคาสูงลิบลิ่ว และต้องการให้พวกกเขามอบซองแดงจำนวน 99,999 หยวนให้ก่อนที่จะปล่อยให้พวกเขาชดเชยและเลื่อนงานวันสำคัญออกไป
ลุงของสือเหล่ยไม่มีเวลาถามมากนัก เขารีบทักทายญาติของตนและบีบตัวออกจากทางเข้า
รถของสือเหล่ยจอดอยู่ที่อีกฝั่งของถนนและพวกเขาก็เห็นมันได้ทันที เมื่อลุงและป้าของเขาเข้ามา สือเหล่ยเองก็เห็นพวกเขาผ่านทางกระจกเช่นกัน
สือเหล่ยเปิดประตู โบกมือของเขา และรีบเดินไปหาพวกเขา
สือเหล่ยเล่าให้ลุงและป้าของเขาฟังว่าเขาได้ยินอะไรมาบ้าง ป้าของเขาถอนหายใจ “อ่า ลูกพี่ลูกน้องของป้าขอโทษไม่หยุดเลยเมื่อป้าออกมากับลุงของหลาน และเขายินดีที่จะชดใช้ แต่อีกฝ่ายไม่ยอมปล่อยเขาไป นอกจากเงินค่าซ่อมรถ พวกเขายังจงใจทำให้รถของลูกพี่ลูกน้องของป้าเสียหายอีก เนื่องจากงานแต่งของลูกชายเขาล่าช้าออกไป เขาจึงต้องการค่าสินไหมอีก 99,999 หยวนเพื่อจบเรื่องนี้ ลูกพี่ลูกน้องของป้าไม่ได้ร่ำรวยอะไรอยู่แล้ว เพื่องานแต่งนี้ เขาได้กู้ซื้อบ้านและเฟอร์นิเจอร์ให้กับฝั่งเจ้าสาว งานแต่งนี้ก็เป็นเงินก้อนใหญ่อีกก้อน ไม่ต้องพูดถึงเงินแสนเลย ตอนนี้พวกเขามีเงินแทบไม่ถึงหมื่นหยวนด้วยซ้ำ พวกเขาต้องใช้ซองแดงของแขกมาซ่อมรถและพวกเขาก็เริ่มทำแล้ว แต่เงิน 100,000 หยวน… อ่า…”
สือเหล่ยไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเหมือนกัน “อ่า พวกเราโทรเรียกตำรวจได้ไหมครับถ้าเป็นแบบนี้”
“โทรเรียกตำรวจแล้วจะทำอะไรได้? เขาเป็นคนของรัฐ แม้ว่าเขาจะเป็นแค่คนขับรถ และแต่ก็ต้องมีเส้นสายภายใน หัวหน้าสถานีตำรวจใกล้ๆนี้ก็เป็นเพื่อนดื่มเพื่อนกินของเขา เมื่อเขามา ผลก็คงเป็นแค่การต่อรองเท่านั้น แต่ถ้ามันใช้เวลานาน แล้วงานแต่งล่ะ?!”
ลุงสองมองมาที่สือเหล่ยและพูดขึ้นมาในทันใด “ก้อนหิน ตอนหลานแก้ปัญหาให้กับครอบครัวเมื่อครั้งล่าสุด หลานมีเพื่อนที่มีเส้นสายอยู่ในเมืองนี้ใช่ไหม? หลานสามารถถามเพื่อนของหลานหน่อยได้ไหม? ไม่ว่าจะยังไง ทั้งสองครอบครัวก็ต้องแต่งงานกันก่อน วันดีแบบนี้ แต่คนพวกนี้ดันมาขว้างทางเข้าไว้…”
หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง สือเหล่ยก็ตอบกลับมา “ป้า ลุง ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมลองโทรก่อน”
สือเหล่ยหยิบโทรศัพท์ออกมาในขณะที่เขาพูด เขามีเบอร์ของผู้มีอำนาจบางคนในเมืองอยู่แล้ว อย่างเช่นหวังหัวอันที่เป็นรองหัวหน้าของสำนักงานเขต เลขานายกเทศมนตรีซู และรองนายกฯไป่หยวน แต่สือเหล่ยก็รู้สึกไม่ดีเท่าไรที่ต้องรบกวนพวกเขาด้วยเรื่องเล็กๆแบบนี้
ดังนั้นเขาจึงโทรหาได้แค่หูเซียวหัวและเจียงหยวนเชา
หลังจากหลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สือเหล่ยก็โทรหาเจียงหยวนเชา
“สือเหล่ย? โทรหาฉันแต่เช้ามีอะไรเนี้ย? มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” เห็นได้ชัดว่าเจียงหยวนเชากำลังนอนอยู่เนื่องจากเสียงของเขาฟังดูอู้อี้ๆ ถ้าไม่ใช่สายจากสือเหล่ย เขาคงไม่รับมันแล้ว
สือเหล่ยถอนหายใจ “วันนี้ลูกของญาติของผมจะแต่งงาน พวกเขาชอบรถผมและยืมมันจากผม ผมขับมาแล้วแต่ทางเข้าถูกขวางไว้…”
เขาเล่าเหตุการณ์คร่าวๆและเจียงหยวนเชาก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “ทำไมนายต้องใส่ใจกับคนขับรถของรัฐบาลด้วย? แค่ยกหูหาไป่หยวน รองนายกไป่คงจะไล่ไอ้คนขับรถโง่นั่นออกทันทีเลย!”
“ผมไม่อยากรบกวนเจ้าหน้าด้วยเรื่องเล็กๆขนาดนี้ อืม ผมอยากรู้ว่าพี่จะ…”
“เอาล่ะ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ตำแหน่งอยู่แถวไหน? ฉันจะไปจัดการให้”
สือเหล่ยบอกที่อยู่กับเจียงหยวนเชาและเขาก็มีความสุขมากยิ่งขึ้นไปอีก “ฮ่าฮ่า บังเอิญจริงๆ ฉันอยู่ไม่ไกลเท่าไร ฉันกำลังลุก อีกสามนาทีเจอกัน”
หลังจากเจียงหยวนเชาวางสาย เขาก็โทรหาหูเซียวหัวและได้เล่าเหตุการณ์ของสือเหล่ยให้หูเซียวหัวฟังไปพร้อมกับหัวเราะ
“อืม เซียวหัว ถ้าพวกเราไม่รู้เรื่องนี้ก็คงลืมมันไปได้ แต่เมื่อพวกเรารู้แล้ว งั้นก็ไปช่วยเคลียร์ให้สือเหล่ยกันเถอะ”