The Black Card - ตอนที่ 363
ตอนที่ 363 – รถยนต์ดีเกินไปที่จะยืม
สือเหล่ยตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยเสียงของคนที่กำลังคุยกันอยู่ที่ห้องนั่งเล่น เขาตรวจดูเวลาและมันไม่ใช่เช้าตรู่แล้ว
เขาลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกจากห้องนอนหลังจากแต่งตัวแล้ว ลุงสองและป้าของเขามาถึงแล้ว สือเหล่ยทักทายพวกเขาและเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อล้างหน้า
เขาได้รับแจ้งว่าพวกเขามาเพราะแม่ของเขาตกลงกันว่าจะให้ยืมรถ พวกเขามาเพื่อยืมรถไปใช้ในวันนี้
สือเหล่ยเดินกลับเข้าไปในคว้าเพื่อหยิบกุญแจและยื่นมันให้กับลุงของเขา
“น้ำมันน่าจะมีพอครับ ยังไงพวกเราก็เป็นญาติกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องค่าใช้จ่ายอะไร”
ลุงสองรับกุญแจมาแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมองไปที่มัน ตรีศูลบนกุญแจรถทำให้เขาตกใจ
สือเหล่ยน่าจะพอมีรายได้บ้าง แต่มันก็ยากที่จะเชื่อว่าสือเหล่ยสามารถซื้อมาเซราติได้ รถคันที่ราคาถูกที่สุดของแบรนด์นี้ก็ไม่ต่ำกว่าหลักล้านแล้ว
“อืม ก้อนหิน หยิบกุญแจมาผิดรึเปล่า? นี่มันพวงกุญแจรึเปล่า?”
สือเหล่ยไม่ได้คิดอะไรมากและตอบกลับไป “ถูกแล้วล่ะครับ มันมีรถแค่คันเดียวแล้วก็ไม่ได้มีพวงกุญแจอะไร”
“แต่รถนี่…” ลุงสองของเขายังคงตกใจ
สือเหล่ยเข้าใจได้ทันทีว่าทำไม เห็นได้ชัดว่าญาติของแม่เขาเป็นแค่คนธรรมดา ไม่มีใครที่จะคิดว่าครอบครัวของเขาจะสามารถซื้อรถที่แพงขนาดนี้ได้
ดังนั้นเขาจึงยิ้มและหยิบกุญแจไปจากลุงสอง เขาเดินไปที่หน้าต่างและปลดล็อครถที่จอดอยู่ด้านล่าง
มาเซอร์ราติควอตโตรปอร์เต้ส่งเสียงดัง สือเหล่ยล็อคมันอีกครั้งและยิ้ม “ลุงสอง เห็นยังครับ? มันเป็นรถคันนั้นจริงๆ!”
เมื่อเขายื่นกุญแจให้อีกครั้ง ลุงสองก็ไม่กล้ารับมันไว้
“รถคันนี้ราคาเท่าไร?” เขาถามด้วยความลังเล
“มากกว่าสองล้านนิดหน่อยครับ ไม่ต้องห่วง ใช้มันเถอะ”
ลุงของเขาลังเลไปชั่วขณะและส่ายหัว “ลุงไม่กล้าขับรถราคาแพงแบบนั้นหรอก ก้อนหิน หลานซื้อมันมาจริงๆเหรอ?”
“อืม ผมผ่อนเอาครับ” สือเหล่ยหยิบแป้งทอดขึ้นมา มันเย็นแล้วแต่เขาก็ไม่ใส่ใจที่จะไปอุ่นมัน
ลุงของเขาประหลาดใจ “รถราคามากกว่าสองล้านหยวนเนี้ยนะ? หินน้อย หลานไปเอาเงินมากขนาดนั้นมาจากไหน?”
“ผมผ่อนเอาครับลุง เงินดาวน์แค่ไม่กี่แสนหยวนเอง”
ลุงของเขาโบกมือ “นั่นก็ยังมากอยู่ดี หลานจำเป็นต้องผ่อนมันและมันก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ธนาคารย่อมปล่อยสินเชื่อแบบนี้ ลุงคิดว่าหลานซื้อรถราคาแค่ไม่กี่แสนหยวนมาซะอีก ลุงไม่กล้าขับมันหรอก เกิดอะไรขึ้นถ้าลุงทำมันเป็นรอย?”
สือเหล่ยกลืนอาหารในปากและยิ้ม “ไม่เป็นไรครับ ลุงใช้ไปเถอะ แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น มันก็ยังมีประกันอยู่ แค่ใช้มันตามที่ลุงต้องการเถอะ”
“ไม่ได้ๆ รถนำขบวนคือ Audi A6 ถ้ามีมาเซราติราคาสองล้านหยวนอยู่ ไม่ใช่ว่าพวกเขาต้องเปลี่ยนเหรอ?” ลุงของเขาโบกมือและหยิบโทรศัพ์ออกมา “ช่างเถอะ ลุงจะพูดกับพวกเขาเอง พวกเราไม่ได้ขาดรถอะไร”
ลุงสองของเขาเดินไปที่ระเบียงและกดโทรออก “พวกเราน่าจะไม่สามารถยืมรถคันนี้ได้” เขาพูดในทันทีที่ปลายสายรับ
คนที่รับสายพบว่ามันแปลกๆ “ทำไม? ญาติของนายไม่มีรถงั้นเหรอ?”
“ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่มีรถ แต่รถมันดีเกินไป มันคือมาเซราติราคาสองล้านหยวน ขบวนทั้งขบวนมีค่าเท่ากับรถแค่คันเดียว”
ปลายสายเงียบไปหลังจากได้ยิน พวกเขาต่างก็เป็นคนจริงจังและพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะยืมมันจริงๆหลังจากรู้ว่ามันแพงแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่สามารถต้านทานต่อความเย้ายวนของรถราคาแพงได้และคิดว่าถ้าเขามีรถราคาสองล้านหยวนคอยนำขบวน เขาคงจะมีหน้ามีตาในงานแต่งมากเลยทีเดียว
ดังนั้นปลายสายจึงพูดกระตุ้นไปว่า “อืม… รถดีเกินไปจริงๆและฉันรู้ว่านายไม่กล้าขับมัน แต่นายช่วยลองถามญาติของนายหน่อยได้ไหมว่าเต็มใจที่จะขับมันมาด้วยตัวเองไหม? ฉันจะเปลี่ยนรถนำขบวนให้เป็นของเขา”
ลุงสองของสือเหล่ยคิดว่ามันไม่ใช่การตัดสินใจที่ดีเท่าไรและเมื่อเขากำลังจะปฏิเสธ สือเหล่ยก็เดินเข้ามา “ลุงสอง ไม่เป็นไรจริงๆครับ มันเป็นแค่รถคันหนึ่งและรถงานแต่งก็ไม่ได้ขับเร็วอะไร เอามันไปใช้เถอะ”
ลุงของเขาได้ยินและตัดสินใจ “อืม พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่กล้าขับมันเพราะกลัวจะไปชนอะไร แต่ก้อนหิน หลานอยู่ในช่วงวันหยุดอยู่ใช่ไหม ถ้าหลานว่างงั้นก็ช่วยพวกเราหน่อยเป็นไง ขับมันไปสักครึ่งวันได้ไหม พวกเขาอยากให้รถของหลานเป็นคันนำขบวน พวกเขาน่าจะอยากได้หน้าบ้าง…”
สือเหล่ยตอบโดยไม่คิด “ได้ครับ บอกที่อยู่แล้วก็เวลามาละกัน ผมจะขับไปให้เอง แต่รถคันแรกจำเป็นต้องมีการตกแต่ง ผมต้องไปแต่เช้าเลยไหม?”
“ไม่เช้าเท่าไรก็ได้ คู่บ่าวสาวอยู่ในเขตเดียวกัน ไม่จำเป็นที่ต้องไปรับเจ้าสาว พวกเขาน่าจะออกไปประมาณเที่ยงวัน หลานจะมาสักประมาณสิบโมงก็ได้”
สือเหล่ยตกลงและลุงสองของเขาก็ได้แจ้งข้อมูลให้กับญาติของเขา ปลายสายขอบคุณเขาอย่างมีความสุขและวางสายไป
ป้าและลุงสองของเขานั่งอยู่สักพักก่อนที่จะกลับไปด้วยความซึ้งใจ ก่อนที่พวกเขาจะกลับไป สือเหล่ยได้หยิบเอาของขวัญที่เขาซื้อมามอบให้กับพวกเขา ซึ่งก็ได้รับคำขอบคุณอีกมากโข พวกเขากล่าวว่าสือเหล่ยเติบโตขึ้นมาได้อย่างที่คาดหวังไว้และเขาก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
สือเหล่ยไม่ลืมที่จะเสริม “ป้าครับ ลุงครับ ราคาของพวกนี้ไม่ได้แพงอะไรมาก อย่าลืมที่จะลองใช้มันที่บ้านและมันจะดูดีขึ้นในงานแต่งวันพรุ่งนี้นะครับ”
วันนี้สือเหล่ยได้จัดส่งของขวัญทุกๆชิ้นของเขาให้กับญาติๆ ญาติทุกคนได้ชมเชยเขาและบอกว่าเขาสร้างอนาคตขึ้นมาได้แต่ก็ยังไม่ลืมครอบครัวของตัวเอง
เขาออกไปข้างนอกตลอดทั้งวันและหลังจากกลับมากินข้าวเย็นที่บ้าน สือเหล่ยก็ถามสือจงผิงว่า “พ่อ พ่อมีกุญแจบ้านที่พ่อได้รับมาจากการเป็นประธานสหภาพไหม?”
“มีสิ พวกเราคุยกับว่าพวกเขาจะย้ายของที่จำเป็นออกไปตอนตรุษจีน แต่ขาของพ่อยังไม่หายดีและแม่ก็ไม่กล้าพูดถึงมัน แต่ถ้าอี้อี้และแม่ของเธอจะมาบ้านเราช่วงตรุษจีน พวกเราก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้และพวกเราจะต้องย้ายไปที่นั่น”
สือเหล่ยตอบ “งั้นก็ไม่ต้องย้ายอะไรพ่อ หลังจากผมเสร็จงานของลุงในวันพรุ่งนี้ ไปดูกันว่าพวกเราต้องการอะไรและพวกเขาจะซื้อมัน มันไม่ใช่บ้านของพวกเราจริงๆซะหน่อย มันเป็นบ้านของพ่อเพราะตำแหน่งของพ่อและพวกเราก็ต้องคืนมันหลังจากพ่อพ้นตำแหน่ง ไม่ต้องย้ายของจากที่นี่ไปหรอก พวกเราต้องใช้มันอีกอยู่ดี”
สือจงผิงคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร บ้านหลังนั้นได้รับการตกแต่งไว้แล้วและโรงงานก็เตรียมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไว้ให้แล้วด้วย พวกเขาเพียงแค่ต้องซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันไม่กี่อย่างและพวกมันก็ไม่ได้มีราคาอะไรมาก
วันรุ่งขึ้น สือเหล่ยออกจากบ้านไปประมาณแปดโมงครึ่งและมุ่งหน้าไปยังที่อยู่ที่ลุงของเขาให้ไว้
แม้ว่าลุงของเขาจะบอกว่าเขาสามารถมาถึงได้ก่อนสิบโมงเช้า แต่มันก็เป็นวันสำคัญและรถก็จำเป็นจะต้องมีการตกแต่ง สือเหล่ยไม่อยากให้เวลามันจวนตัว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาไม่อยากทำให้วันมงคลของพวกเขาต้องเลื่อนไปเพราะตัวเอง
เขาขับรถมาที่หน้าย่านที่อยู่อาศัยและพบว่าประตูหน้าถูกขวางไว้หมด คนกลุ่มใหญ่ได้ล้อมบริเวณนี้ไว้และดูเหมือนว่ามีข้อโต้แย้งกำลังเกิดขึ้น
สือเหล่ยขมวดคิ้วและจอดรถไว้ข้างถนน เขาเดินเข้าไปและตระหนักได้ว่ามีรถสองคนชนกัน
ในที่สุดสือเหล่ยก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากมองอยู่สักพัก
มีสองครอบครัวกำลังจะจัดงานแต่งขึ้นในวันนี้ ในหมู่คนพวกนี้มีลุงของเขาอยู่ด้วย เพราะทั้งสองคู่ต่างก็อยู่ในพื้นที่เดียวกัน มันจึงเป็นสถานการณ์ที่วุ่นวายมาก พวกเขาวางแผนที่จะเข้ามาจากทางเข้าด้านหน้า แค่รถอีกคันก็ขับตรงมายังพวกเขา แต่มันเป็นทางเข้า ดังนั้นพวกเขาจึงคิดว่ารถที่กำลังเข้ามาจะต้องหยุดและให้ทางแน่นอน พวกเขาจึงไม่ได้สนใจอะไรมากและชนกัน
รถที่เพิ่งชนนั้นเป็นรถที่กำลังมารับเจ้าสาวและพวกเขาก็เริ่มโต้เถียงกันในทันทีเมื่อเห็นว่ารถได้รับความเสียหาย