My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 578
ตอนที่ 578 เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
บรรยากาศแห่งความตึงเครียดได้อบอวลไปทั่วเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้มณฑลทั้งเก้าของดินแดนหยานได้ถูกสํานักอเวจียึดครองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ขันที่และนางสนมภายในวังต่างก็หลบหนีกันไปหมดแล้ว เหล่าขุนนางทั้งหลายก็ยังไม่รู้ถึงที่มาของความเชื่อมั่นขององค์จักรพรรดิ แต่เมื่อนึกถึงยาเม็ดแห่งการผลิบาน ยาเม็ดที่ได้มาโดยตลอดในเวลา 6 เดือน ทุกๆคนต่างก็เกิดคิดสงสัยขึ้น เป็นไปได้ไหมว่าองค์จักรพรรดิจะมีแผน?”
ผู้ส่งสารที่ทําการรายงานไม่กล้าที่จะพูดจาอะไร ชายคนนั้นได้ทําความเคารพก่อนที่จะเดินทางไปยังสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็เดินทางไปยังสถานศึกษาผืนฟ้าต่อเพื่อถ่ายทอดคําสั่งของหลิวคู่
สถานศึกษาทั้งสองแห่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ และเพราะแบบนั้นพวกเขาจะเมินเฉยต่อคําเรียกจักรพรรดิได้ยังไง?
ในช่วงบ่าย
ผู้อาวุโสทั้ง 20 คนจากสถานศึกษาทั้ง 2 แห่งได้เข้าสู่ราชวัง ผู้อาวุโสทั้งหมดต่างก็ถูกขันทึกว่าหลายคนพาไปยังตําหนักเขียวชอุ่ม
ขันที่คนหนึ่งได้เริ่มต้นพูด “ทุกคนที่นี่ถือเป็นสมาชิกหลักของสถานศึกษา ข้าแน่ใจมากกว่าองค์จักรพรรดิต้องมีเรื่องสําคัญที่จะต้องหารือกับทุกคน ข้าอยากจะขอวิงวอนให้พวกท่านทุกคนยอมรับพระประสงค์ของฝ่าบาท ผู้อาวุโสทุกท่าน นี่ถือเป็นช่วงเวลาพิเศษ และนี่แหละคือทั้งหมดที่ขาสามารถพูดได้”
“ขอบคุณสําหรับคําเตือน ขันที่เฉิน”
ผู้อาวุโสทั้ง 20 คนได้ตามขันที่ไปยังตําหนักเขียวชอุ่ม ผู้อาวุโสทั้ง 10 คนของสถานศึกษากลุ่มดาวหมีใหญ่อยู่ทางด้านซ้าย ส่วนคนของสถานศึกษาผืนฟ้าอยู่ทางด้านขวา ทันที่ทุกคนเข้าไปยังตําหนัก ทุกคนก็ได้เห็นหลิวกู่ องค์จักรพรรดิที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ในตอนนี้หลิวก่กําลังรอพวกเขาอยู่ก่อนแล้ว
ผู้อาวุโสทั้ง 20 คนต่างก็คุกเข่าอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ฝ่าบาท!”
บางทีหลิวก่อาจจะเก็บตัวฝึกฝนตัวเองอย่างสันโดษมาเป็นเวลานาน และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงไม่ได้เคร่งครัดถึงเรื่องพิธีรีตองอีกต่อไป หลิวกู่ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะก้าวลงบันไดมา “ลุกขึ้นซะ”
“ขอบคุณ ฝ่าบาท!”
ผู้อาวุโสทั้ง 20 คนลุกขึ้นยืน
หลิวคู่เดินไปยังอีกทางก่อนที่จะหันหลังกลับมา ตัวเขาเหลือบมองผู้อาวุโสทุกคนก่อนที่จะพยักหน้าถามออกมาเบาๆ “พวกเจ้ารู้ไหมว่าทําไมข้าถึงเรียกพวกเจ้ามาที่นี่?”
ผู้อาวุโสทั้ง 20 คนส่ายหัว
หลิวก่ถามต่อ “ภายใต้ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ ไม่มีผู้ฝึกยุทธคนไหนไม่รู้สึกกลัวต่อเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่าที่นี่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของเขตแดนพลังทั้งสิบ กองทัพของสํานักฝ่ายอธรรมได้ก่อกบฏ สร้างความเสียหายไปทั่วทั้งดินแดน ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่ถูกเขตแดนพลังปกป้องเอาไว้ ถ้าหากไม่มีพวกเจ้า เขตแดนพลังทั้งสิบก็คงจะไร้ความหมาย ข้าต้องการจะรับประกันความปลอดภัยของพวกเจ้าทุกคน”
“ฝ่าบาท…เรื่องแบบนี้ควรจะหารือกันในพระราชวัง มียอดฝีมือมากมายหลายคนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการปกป้องโดยทหารของราชสํานัก ภายใต้สถานการณ์ปกติไม่จําเป็นเลยที่จะต้องเปิดใช้งานเขตแดนพลังทั้งสิบ” ผู้อาวุโสคนแรกจากทางด้านขวาพูด
ดวงตาของหลิวคู่จับจ้องไปที่ผู้อาวุโสคนนั้นในทันที “เจ้าคิดว่าไม่จําเป็นจะต้องใช้งานเขตแดนพลังอย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าก็แค่เชื่อมั่นในความสามารถของทหารของราชสํานัก”
“ถ้าหากทหารราชสํานักมีประโยชน์จริง แล้วทําไมจึงเหลือเพียงแค่แม่ทัพใหญ่ 2 จาก 8 คนล่ะ?” หลิวกู่ถามกลับ
“เอ่อ…”
หลิวก่กางแขนออก “ข้าเรียกพวกเจ้ามาที่นี่…ไม่ได้เรียกเพื่อที่จะขอคําแนะนํา”
พรึบ!
พู่กันพิพากษาบนโต๊ะส่องแสงสีแดงออกมาก่อนที่จะบินไปฟันคอของผู้อาวุโสคนแรก ผู้อาวุโสคนนั้นไม่มีโอกาสแม้แต่จะโต้กลับ
เมื่อผู้อาวุโสคนนั้นล้มลง สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งหมดก็เปลี่ยนแปลงไปในทันที
“มีใครสงสัยอะไรอีกไหม?” สายตาของหลิวคู่จับจ้องไปที่ผู้อาวุโส 19 คนที่เหลือ
ตําหนักเขียวชอุ่มเงียบราวกับสุสาน บรรยากาศในตอนนี้ตึงเครียดจนยากที่จะหายใจ
“พวกเจ้าเป็นคนของข้า แต่พวกเจ้าคิดกบฏอย่างงั้นสินะ?” หลิวกู่พูดออกมาอย่างเย็นชา
สิ่งที่หลิวก่พูดถือเป็นข้อกล่าวหาที่ร้ายแรง ทุกคนตกใจจนล้มตัวลง
“ฝ่าบาท พวกเราไม่กล้า!”
หลิวกมองไปที่ผู้อาวุโสที่คุกเข่าก่อนที่จะก้าวเดินต่อ “หรือเป็นเพราะผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบของศาลาปีศาจลอยฟ้ากัน?”
ทุกๆ คนได้แต่สั่นกลัว ไม่มีใครตอบอะไรกลับมา
หลิวก่พลิกฝ่ามือของตัวเอง ในตอนนั้นก็มีเสียงอะไรดังขึ้น ไม่นานนักพลังอวตารขนาดจิ๋วก็ปรากฏต่อหน้า ทุกคนที่ใต้เท้าของร่างอวตารมีกลีบดอกบัวทั้งแปดกําลังหมุนรอบอยู่
ผู้อาวุโสทั้ง 19 คนต่างก็เบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทุกคนไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น แม้ว่าจะพยายามมองเท่าไหร่แต่ผลลัพธ์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
บัดนี้องค์จักรพรรดิ ผู้ปกครองดินแดนหยานสามารถฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบใหม่ได้อีก
ครั้ง!
นี่ถือเป็นความเร็วที่น่าทึ่งมาก
หลิวคู่ดึงฝ่ามือกลับมา ในทันใดนั้นพลังอวตารก็ได้หายจางไป หลิวก่มองไปที่ผู้อาวุโสทั้งหลายที่กําลังสั่นเทาก่อนที่จะพูดออกมาอย่างอุ่นเคือง “ในอีกไม่ช้า…ข้าจะต้องฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบแน่…”
เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็พูดอย่างพร้อมเพรียงกัน “ฝ่าบาททรงพระเจริญ!”
“ฝ่าบาททรงพระเจริญ!”
“ฝ่าบาททรงพระเจริญ!”
ผู้อาวุโสทั้งหลายต่างก็สรรเสริญหลิวคู่ 3 ครั้ง
หลิวกู่หัวเราะออกมาเบาๆ เสียงหัวเราะของเขาฟังดูน่ากลัวเล็กน้อย ดูเหมือนว่าการเก็บตัวฝึกฝนตัวเองเป็นเวลานานจะทําให้นิสัยที่หลิวก่มีเปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน
“มีใครอยู่บ้าง!?”
พรึบ! พรึบ! พรึบ!
ทหารองครักษ์ทั้งหลายมารวมตัวกันที่นอกตําหนัก
หลิวกรีบสั่งการ “นําผู้อาวุโสทั้งหมดออกไป ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกเขาปลอดภัย นับตั้งแต่นี้ไปไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ออกไปจากพระราชวังอีก”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท!”
สามวันต่อมา
ดวงอาทิตย์ได้ขึ้นทางทิศตะวันออก บนแม่น้ํายังคงมีหมอกหนาคอยปกคลุมอยู่เสมอ เมื่อแสงแดดส่องผ่านม่านหมอก ที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ก็ถูกเผยให้ได้เห็น
นอกที่ตั้งถิ่นฐาน พื้นที่ส่วนใหญ่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะสีขาวกว่าหลายไมล์
บนเส้นทางที่เต็มไปด้วยป่าไม้ รถม้ากว่าหลายแถวได้เคลื่อนตัวไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
เหนือผืนป่า ที่ตรงนั้นมีรถม้าลอยฟ้าสีดําขนาดใหญ่กําลังลอยอยู่ บนรถม้าเต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธกว่าหลายคน มีผู้ฝึกยุทธกว่า 1,000,000 คนขนาบข้างรถม้าลอยฟ้าอยู่
บนรถม้าลอยฟ้ามียู่เฉิงไห่นั่งอยู่ด้านหน้า ยู่เฉิงไห่ยังคงสํารวจพื้นที่โดยรอบที่อยู่ทางด้านล่าง
เมื่อดวงอาทิตย์สูงขึ้น หมอกก็จางหายลง
ไม่นานนักเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้ายู่เฉิงไห่
ในตอนนั้นเองฮั่วจงหยางก็เดินเข้ามาหา “ท่านเจ้าสํานัก มีทหารกว่า 200,000 คนอยู่ทางด้านตะวันตกของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แล้ว ทหารทั้งหมดล้วนถูกนําโดยหนิงจินซุย เฉียนอู่ เม้งจือฉานและกงเฟง ทางด้านใต้ยังมีทหารกว่า 200,000 พวกเขาเหล่านั้นถูกนําโดยหวั่นซื้อ ลู่หยุน เทียนฉวน และเพิ่งเหวินจือ ทางด้านเหนือก็มีทหารกว่า 15,000 คน พวกเขาถูกนําโดยสือไห่เฉิง ถังจี้จุน เถารั่ว และเค่อชิงห่าว และทางด้านตะวันออกเองก็เช่นกัน ที่นั่นมีทหาร 15,000 คน ที่ถูกนําโดยท่านเจ็ด”
หลังจากที่ฟังรายงานแล้วยู่เฉิงไห่ก็พยักหน้า “ดีมาก”
“เจ้าสํานัก พวกเราจะโจมตีเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ พวกเราควรจะทํายังไงกับผู้ฝึกยุทธที่ทําตัวเป็นกลาง?” ฮั่วจงหยางถาม
มีผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือทั้งหลายอยู่ภายในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์จํานวนมาก ผู้ฝึกยุทธที่มีพรสวรรค์มักจะมารวมตัวกันอยู่ที่นี่ ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกเขาจะเลือกข้างไหน…ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่าสํานักอเวจีจะไม่ถูกแทงข้างหลัง ไม่มีใครรู้ได้เลยว่าพวกเขาจะช่วยเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์หรือสํานักอเวจีกันแน่?
ยู่เฉิงไห่พูดขึ้น “บอกให้เจ้าพวกนั้นหนีเอาชีวิตรอดซะ ทุกคนมีเวลา 2 ชั่วโมง ใครก็ตามที่ยังคงอยู่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์คนคนนั้นก็จะถูกนับเป็นศัตรูของพวกเรา”
“ครับ ท่านเจ้าสํานัก”
พรึบ! พรึบ! พรึบ!
สาวกของสํานักอเวจก้าวไปยังด้านหน้าอย่างสง่างาม
เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
บนกําแพงเมือง
บหน้าที่ปกป้องกําแพงเมืองต่างก็มองเห็นสาวกของสํานักอเวจีจํานวนมากกําลังเดินทางมา และเพราะแบบนั้นพวกเขาจึงส่งเสียงแตรเป็นสัญญาณแจ้งเตือนในทันที
เมื่อสัญญาณดังขึ้นก็มีหมอกควันสีดําลอยตามมา มันเป็นสัญญาณของศัตรูที่ถูกพบตัวนั่นเอง
ไม่ว่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในโรงเตี้ยม โรงน้ําชา หรือแม้แต่ซ่องโสเภณี ทุกคนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่างก็หยุดการกระทําทุกอย่างเมื่อได้ยินเสียงแตร มันเป็นเสียงแตรที่เจือไปด้วยพลังลมปราณ
เสียงแตรได้ดังกึกก้องไปทั่ว มันได้แจ้งเตือนให้ทุกคนในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์รับรู้การมาถึงของสํานักอเวจี
ความโกลาหลได้เข้าปกคลุมเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในทันที
ผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือกว่าหลายคนเพิกเฉยต่อกฎข้อห้ามก่อนที่จะบินออกจากเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ไป
ที่รถม้าลอยฟ้าของสํานักอเวจี บัดนี้มันได้ลอยอยู่เหนือกําแพงเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เป็นระยะกว่า 1,000 เมตรแล้ว
เวลานี้ทุกอย่างเงียบสงบ ในพื้นที่กว่าหลายไมล์รอบเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์อบอวลไปด้วยจิตสังหารเข้มข้น
ธงของสํานักอเวจโบกสะบัดไปในอากาศ
สองชั่วโมงต่อมา
ห่างจากประตูเมืองทางตะวันออกไปเพียง 1,000 เมตร ที่ตรงนั้นมีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบปรากฏขึ้น มันเป็นพลังที่ปรากฏขึ้นมาจากรถม้าลอยฟ้าของสํานักอเวจีนั่นเอง
ตุ้ม!
พลังฝ่ามือกว่าหลายฝ่ามือได้กระทบเข้ากับกําแพงเมือง
บัดนี้การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!