My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 558
ตอนที่ 558 ศัตรูตัวฉกาจ
ติดตามข่าวสารได้ที่เพจผู้แปล FB: ND Translate นิยายแปลไทย
หอยสังข์ได้พยายามเพ่งสมาธิที่นางมี
ทุกคนต่างก็เหลือบมองมายังนาง ทกคนหวังไว้ว่านางจะสามารถควบแน่นพลังลมปราณให้กลายเป็นพลังงานได้
ในตอนนั้นเสียงขลุ่ยที่ดังก็เริ่มฟังดูกระวนกระวาย เสียงที่ดังขึ้นฟังไม่ปะติดปะต่อเหมือนกับในตอนแรก
ทุกๆ คนต่างก็คิดว่าหอยสังข์กําลังจะล้มเหลว
ไม่นานนักพลังงานก็เริ่มปรากฏขึ้นมา หอยสังข์สามารถเปลี่ยนพลังลมปราณและเสียงดนตรีที่สร้างขึ้นให้กลายเป็นพลังงานได้แล้ว!
“น่าทึ่งจริงๆ ศิษย์น้องเล็ก!” หมิงซูหยินที่เห็นพลังงานได้กล่าวชมเชย
เสียงดนตรีที่ดังขึ้นแตกต่างจากเสียงของชาวลัทธิขงจื้อ ชาวพุทธ หรือแม้แต่ชาวลัทธิเต๋ มันเป็นเสียงที่ไม่มีอักษรเขตแดนพลังใดๆเสียงที่เกิดขึ้นมีรูปร่างเหมือนกับสายลมเมื่อเสียงดนตรีชลงพลังงานที่ปรากฏก็เป็นดั่งสายลมอันอ่อนโยน แต่เมื่อเสียงดนตรีเร็วขึ้นพลังที่ได้เห็นก็เกรี้ยวกราดราวกับพายุฝน
ทุกคนต่างก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ ทุกคนต่างก็ประหลาดใจให้กับความสามารถพิเศษรวมไปถึงความสามารถในการเรียนรู้สิ่งใหม่ของหอยสังข์ที่สามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วแบบนี้เพียงแค่คําชี้แนะของผู้เป็นอาจารย์หอยสังข์ก็สามารถเปลี่ยนพลังลมปราณให้กลายเป็นพลังงานได้อย่างง่ายดาย
พลังงานที่ลอยอยู่บนอากาศได้แผ่นขยายออกไป แม้ว่ามันจะเคลื่อนที่เร็วแค่ไหนแต่มันก็ไม่ได้เร็วไปกว่าสายลมได้ แม้ว่ามันจะไม่ได้สุดยอดแต่มันก็น่าตกใจเกินพอแล้ว
“ได้โปรดฆ่าข้าซะเถอะ”
“ข้ารู้สึกประทับใจจริงๆ ข้าคิดว่าท่านสิบจะต้องกลายเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดในศาลาปีศาจลอยฟ้าไปแล้วแน่”
แม้แต่หยวนเอ๋อที่ได้รับการยอมรับว่ามีพรสวรรค์สูงส่ง แต่เมื่อเห็นสิ่งนี้นางก็ยังต้องยอมรับ แม้ว่านางจะพ่ายแพ้แต่ดูเหมือนนางจะไม่ได้อิจฉาเลย ตรงกันข้ามกัน หยวนเอ๋อเลือกที่จะปรบมือแสดงความยินดีให้ “ทําได้ดีมากศิษย์น้องเล็ก! เจ้าจะต้องทําได้อยู่แล้ว!”
เห็นได้ชัดว่าหอยสังข์ได้รับแรงบันดาลใจมาจากหยวนเอ๋อ หอยสังข์ไม่เพียงแต่จะพยายามต่อไปนางยังคงใช้พลังลมปราณเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานให้มากขึ้นอีกด้วย ในตอนนี้นางเป็นผู้มีพลังขั้นมหาราชครูและยังสา มารถเชื่อมต่อเส้นพลังลมปราณได้ถึง 5 เส้น เมื่อพลังลมปราณเริ่มเพิ่มพูนขึ้นเสียงเพลงที่นางเล่นก็เริ่มรวดเร็วและดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ทุกๆ คนต่างก็ตื่นตกใจ ทุกคนได้แต่สร้างม่านพลังเพื่อป้องกันคลื่นเสียงในทันที
เสียงดนตรียังคงดังต่อไป ทุกๆ คนที่อยู่ใกล้ต่างก็กําลังตื่นตกใจ
มีเพียงสู่โจวคนเดียวเท่านั้นที่ขมวดคิ้วอยู่ นี่เป็นเพราะตัวเขามองเห็นพลังงานสีแดงท่ามกลางพลังงานที่กําลังพลุ่งพล่านได้ ถ้าหากจะบอกว่าพลังที่หอยสังข์ควบแน่นขึ้นมาเป็นพลังสีแดงนั่นก็ไม่ได้เกินจริงเลย
พลังงานสีแดงถือเป็นพลังงานที่หาได้ยากในโลกยุทธภพเป็นที่รู้กันดีว่าสีของพลังงานจะแปรเปลี่ยนไปก็ ต่อเมื่อผู้ฝึกยุทธคนนั้นได้ฝึกฝนศิลปะลี้ลับอะไรบางอย่างหรือแม้แต่ค้นพบแนวทางใหม่ ยกตัวอย่างเช่นการฝึก ยุทธในแบบของชาวพุทธวิถีมารการฝึกฝนตัวเองตามแนวทางนั้นจะทําให้พลังงานที่มีแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีดํา พลังที่เป็นม่านพลังเองก็มักจะมีสีฟ้าและพลังแห่งการรักษาเองก็มักจะมีสีเขียว นอกจากสีของพลังงานเหล่านี้แล้วภายในยุทธภพก็ไม่เคยมีสีอื่นปรากฏขึ้นมาอีก
นี่เป็นครั้งแรกที่ลูโจวได้เห็นพลังงานสีแดงตัวเขาวางมือลงบนขลุ่ยหยกหลานเทียนเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“หยุด”
เสียงของขลุ่ยหยุดลงอย่างกะทันหัน
ก่อนที่พลังงานจะถูกสร้างขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ลูโจวไม่ต้องการให้ใครคนอื่นรู้เรื่องเกี่ยวกับพลังงานสีแดงไปมากกว่านี้
ศาลาตะวันออกกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
จี้เหลียงกลับไปยังป่าภูเขาทอง มันได้หายตัวไปจากสายตาของทุกคน
“ท่านอาจารย์?” หอยสังข์เงยหน้าขึ้นมอง
ทุกๆ คนต่างก็ต้องการจะเฝ้ามองว่าหอยสังข์มีความสามารถมากแค่ไหน การหยุดชะงักอย่างกะทันหันแบบนี้ทําให้ทุกคนต่างก็สับสน
ทําไมการประเมินของหอยสังข์ถึงได้ถูกผู้เป็นอาจารย์ขัดซะเอง?
จู่โจวได้พูดต่อ “นับตั้งแต่นี้ไป…ต้องไม่มีใครพูดถึงเรื่องวรยุทธของหอยสังข์อีก ถ้าหากใครขัดคําสั่งข้าจะลงโทษสถานหนัก”
ทุกๆ คนต่างก็ตระหนักได้ถึงแรงกดดันจากคําสั่งได้ ทุกคนที่ฟังแบบนั้นก็โค้งคํานับตอบรับในทันที
“ครับ/ค่ะ ท่านอาจารย์
“ครับ/ค่ะ ท่านปรมาจารย์”
การเป็นอัจฉริยะไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่มันก็มีสิ่งที่อัจฉริยะจะต้องกลัวอยู่ สิ่งนั้นก็คือการถูกฆ่าก่อนที่จะเติบโตเต็มที่นั่นเอง
ถ้าหากจะมองในมุมเดียวกับผู้เป็นปรมาจารย์ เป็นธรรมดาที่ลูโจวจะตั้งใจปิดข่าวเอาไว้ ไม่มีใครอยากให้หอยสังข์ถูกสังหารก่อนที่จะเติบโต
เมื่อการประเมินของลูโจวสิ้นสุดลง ทุกคนก็เริ่มแยกย้ายจากไป
ลู่โจวกลับไปที่ศาลาตะวันออกก่อนที่จะคิดทบทวนเรื่องของหอยสังข์
พลบค่ํา
ลู่โจวมองไปที่ดาบแห่งความเงียบ ตัวเขารู้สึกกังวลเล็กน้อย
ผู้ที่มากับโลงศพ ดอกบัวสีแดง บันทึกลึกลับ และแม่นางแซ่หลัว ทั้งหมดนี้ต่างก็เกี่ยวข้องกับพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ เงื่อนงําทั้งหมดได้ชี้ไปในทิศทางเดียวกัน ทุกอย่างต่างก็หักห้ามไม่ให้ใครฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ
ตัวเขาสามารถขอให้คนอื่นตรวจสอบเรื่องนี้ได้ แต่ใครกันจะตรวจสอบเรื่องพลังงานสีแดงของหอยสังข์ได้?
“ดอกบัวสีแดง พลังงานสีแดง…เป็นไปได้ไหมว่าผู้ฝึกยุทธลึกลับจะเป็นผู้สร้างพลังงานสีแดงและดอกบัวสีแดงในโลกใบนี้?หอยสังข์มีที่มาที่เดียวกันกับเจ้าของโลงศพอย่างงั้นสินะ?”
ภายในตําหนักเขียวชอุ่ม ณ เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ที่ห้องอ่านทํางานปกป้องอย่างแน่นหนา
ในตอนนั้นเองก็มีผู้ส่งสารเดินทางมา
“ฝ่าบาท ผลลัพธ์ออกมาแล้ว” เสียงของผู้ส่งสารเต็มไปด้วยความลังเล
“เข้ามาได้”
เมื่อประตูเปิด ผู้ส่งสารคนนั้นก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังงานความร้อน พลังความร้อนนั้นแทบที่จะทําให้ผู้ส่งสารคนนั้นสําลักออกมา
หลิว’นั่งลงบนพื้น ในตอนนี้ตัวเขากําลังนั่งสมาธิ ร่างกายของหลิวคู่ได้ปล่อยอากาศอันอบอ้าวออกมา
ผู้ส่งสารไม่กล้าแม้แต่จะเหลือบมองไปยังองค์จักรพรรดิ ผู้ส่งสารคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ
“อดีตจักรพรรดิทรงพาชูเฉิงและกู้ยี่หรานไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กัน เมื่อการต่อสู้จบลงฝ่ายอดีตจักรพรรดิได้พ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้พะย่ะค่ะ” หลังจากที่ผู้ส่งสารพูดจบตัวเขาก็ทรุดตัวลงบนพื้นไม่กล้าที่จะขยับไปไหน
ครูต่อมาหลิวก่ก็ลืมตาขึ้น ตรงกันข้ามกับที่ผู้ส่งสารคาดหวังไว้ หลิวไม่ได้ฉุนเฉียวหรือรู้สึกโกรธแค้นแต่อย่างใดหลิวก่ได้พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์แทน “ข้ารู้แล้ว”
ผู้ส่งสารคนนั้นรู้สึกสับสน ทั้งคู่เป็นพ่อลูกกันไม่ใช่เหรอ? จักรพรรดิจะไม่ได้รับผลกระทบได้ยังไงถ้าหากผู้เป็นพ่อได้ตายจากไป? ผู้ส่งสารคนนั้นได้แต่เก็บสิ่งที่คิดไว้อยู่ภายในใจเท่านั้นตัวเขาไม่กล้าที่จะส่งเสียงอะไร ออกมา เมื่อเห็นว่าองค์จักรพรรดิไม่ได้โกรธแค้น ผู้ส่งสารจึงรายงานต่อ “ฝ่าบาทบัดนี้มีเพียงมณฑลหยานและ มณฑลจีเท่านั้นที่ไม่ถูกสํานักอเวจีพิชิตดูเหมือนว่าสํานักอเวจีจะล้อมเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในไม่ช้าเหล่าขุนนางในตอนนี้อยากจะขอเชิญฝ่าบาทเข้าประชุมเพื่อหารือแผนการและมาตรการตอบโต้สํานักอเวจีพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหลิวคู่ก็ตอบกลับมาอย่างเฉยเมย “ข้าต้องสนทนากับพวกขยะพวกนั้นถึงสิ่งที่ข้าจะต้องทําด้วยเหรอ? ถ่ายทอดคําสั่ง ให้รัชทายาทนําทัพ ให้อํานาจเขาเลือกใครก็ได้จากแปดแม่ทัพใหญ่บอกให้เหว่ยซูหยานถอนกําลังรักษาพรมแดนเพื่อโจมตีไปยังมณฑลเหลียงแทนบอกให้ผู้พิทักษ์เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ทุกคนเสริมการป้องกันเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ซะสั่งห้ามทุกคนไม่ให้เข้ามายังราชสํานักถ้าหากมีแขกไม่ได้รับเชิญฆ่าได้ทันทีโดยที่ไม่มีข้อยกเว้น”
ผู้ส่งสารคนนั้นสั่นไปทั้งตัว เขาไม่กล้าที่จะถามอะไรอีก “พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”เมื่อผู้ส่งสารได้รับคําสั่งแบบนั้นตัวเขาก็รีบถอยออกจากห้องไปด้วยความเคารพ
ในตอนนั้นเองหลิวคู่ก็ลืมตาขึ้น ตัวเขารีบพลิกฝ่ามือ
ซูวว!
พลังอวตารได้ปรากฏขึ้นเหนือฝ่ามือหลิว’ มันไม่มีดอกบัว ที่ใต้อวตารมีกลีบดอกบัวกว่าเจ็ดกลีบกําลังหมุนรอบอวตาร กลีบดอกบัวทั้งเจ็ดดูสมบูรณ์และสดใส เมื่อได้เห็นแบบนั้นหลิวคู่ก็ได้กําหมัดแน่น
หลิวคู่พยักหน้าอย่างพึงพอใจ “พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอยู่ใกล้แค่เอื้อมเท่านั้น และเมื่อถึงตอนนั้นพลัง อวตารดอกบัวเก้ากลีบก็จะใกล้เข้ามามากยิ่งขึ้น…ทําไมข้าต้องกลัวสํานักอเวจีกับศาลาปีศาจลอยฟ้าด้วย?”
หลิวกยกมือขึ้น ในตอนนั้นเองพู่กันก็ลอยขึ้นมา ขนพู่กันที่เป็นสีขาวมีส่วนปลายเป็นสีแดงสีแดงที่ได้รับพลังลมปราณยิ่งดูเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น ในไม่ช้ส่วนปลายก็ได้จุ่มลงในหมึกก่อนจะเปลี่ยนกลายเป็นสีดํา
คฤหาสน์แม่ทัพ ณ มณฑลยู่
ฮั่วจงหยางกําลังถือเอกสารเข้ามา
“ท่านเจ้าสํานัก ท่านเจ็ด ผลการตรวจสอบออกมาแล้ว…มณฑลหยานได้รับการปกป้องโดยแม่ทัพหม่าลู่ปิงเขาเป็นหนึ่งในแปดแม่ทัพใหญ่แห่งราชองครักษ์ หม่าลู่ปิงเป็นแม่ทัพผู้รักษาการณ์ประตูตะวันออกเฉียงใต้…”
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นหัวเราะ “ข้าว่าราชสํานักไม่มีทางเลือกแล้วมากกว่า แผนการในการล้อมเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามันยอดเยี่ยมมากจริงๆ ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า”
สีรู่หยาที่ได้ฟังแบบนั้นตอบกลับมา “ราชสํานักไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าหากไม่ส่งใครมาปกป้องเมืองเอาไว้ราช สํานักก็จะล่มสลายเร็วขึ้น เมื่อแปดแม่ทัพใหญ่ถูกกําจัดไป เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก็จะเหลือกําลังไม่มาก”
ฮั่วจงหยางเริ่มพูดต่อ “ท่านพูดถูกแล้วท่านเจ็ด แม่ทัพใหญ่ทั้งแปดอย่างฮั่นยู่หยวน เซียงลี่คู่ยี่หรานเหวินชูและขู่เฉิงต่างก็เสียชีวิตกันหมดแล้ว ในตอนนี้จี้ชิงชิงได้หายตัวไปนอกเหนือจากนั้นมีเพียงหวางยู่ ซวน จิงหยวนและหม่าฟังเท่านั้นที่ยังเหลืออยู่”
“นางหนีไปแล้วอย่างงั้นเหรอ?” สีรู่หยาขมวดคิ้ว ตัวเขามักจะคิดถึงรายละเอียดของสิ่งรอบตัวอยู่เสมอแตกต่างจากยู่เฉิงไห่ ยู่เฉิงไห่มักจะมองข้ามรายละเอียดของสิ่งต่างๆ ที่ไม่มีความสําคัญไป
“จี้ชิงชิงเป็นแม่ทัพหญิงเพียงคนเดียวในแม่ทัพใหญ่ทั้งแปด ว่ากันว่านางมีชื่ออยู่ในรายชื่อของยอดฝีมือผู้ลึกลับจี้ชิงชิงที่รู้ตัวได้หนีไปในชั่วข้ามคืนด้วยความกลัว”
ยู่เฉิงไห่และสีว์หยายังจําภาพเหตุการณ์เมื่อตอนนั้นได้ดี ในตอนที่ทุกคนบุกโจมตีมณฑลยู่
“ยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบ…เขาทําอะไรกับจี้ชิงชิงกันแน่?” ยู่เฉิงไห่พูดสิ่งที่สงสัยออกมาดังๆ
“ข้าเองก็ไม่รู้
“ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า เป็นไปได้ไหมว่ายอดฝีมือลึกลับคนนี้จะมาจากราชสํานักน่ะ?”
“ไม่น่าจะเป็นไปได้ศิษย์พี่ ยอดฝีมือคนนั้นคาดเดายาก…เขาไม่ได้ทําตัวให้เหมือนกับผู้มีพลังอวตารดอกบัวห้ากลีบทั่วๆ ไป บางทีเขาอาจจะลดทอนความแข็งแกร่งของพลังอวตารตัวเองลงก็เป็นได้”สวี่หยาตอบกลับมา
ยู่เฉิงไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ตัวเขาจดจําสิ่งที่หมิงซูหยินพูดได้ ยู่ฉางตงอยู่ในมณฑลยู่ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง…ศัตรูตัวฉกาจอย่างเขาถึงได้ยอมช่วยข้าได้? ศิษย์น้องรองผู้ขัดขวางข้ามาโดยตลอดจะช่วยเหลือข้าอย่างงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
ในตอนนั้นเองสาวกของสํานักอเวจได้รีบเข้ามา “ท่านเจ้าสํานัก ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่สู้ดีแล้ว! เมื่องมณฑลหยานได้เปิดใช้เขตแดนพลังก่อนที่จะปิดตัวลงแล้วครับ!”
“เหตุผลที่ทําให้พวกเขาต้องทําแบบนั้นล่ะ?” สีรู่หยาถาม
“เพื่อจับใครบางคนครับ! ว่ากันว่า…พวกเขาได้พบกับยอดฝีมือผู้ลึกลับแล้ว!”