My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 580
ตอนที่ 580 หนึ่งในแม่ทัพใหญ่ทั้งแปด
ฝานลี่เทียนที่ได้ฟังคําถามเช่นนั้นตกตะลึงเล็กน้อย “ข้าไม่ได้สงสัยอะไร! ข้าก็แค่ตกใจกับความสามารถของสาวน้อยก็เท่านั้น ถ้าหากฝานซงมีความสามารถมากกว่านี้ ข้าก็คงจะตายตาหลับแล้ว”
“ผู้อาวุโสฝาน เจ้าน่ะโลภมากเกินไปแล้ว ลําพังฝานซงในตอนนี้ก็มีความสามารถพอแล้ว เขาฝึกฝนตัวเองจนสําเร็จวิชาหยินทั้งสามและหยางทั้งหกได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังฝึกฝนจนมีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบโดยใช้เวลาเพียงแค่หกเดือน ข้าแน่ใจว่าฝานซงจะต้องสืบทอดมรดกที่เจ้ามีในไม่ช้ได้แน่” เล้งถั่วพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ฝานลี่เทียนกระแอมก่อนที่จะหันกลับไปหาเล้งลั่ว “เจ้าอิจฉาอย่างงั้นสินะ?”
“ข้าน่ะเหรออิจฉา?” เล้งลั่วหันกลับมาพูดอย่างเย็นชา
ซูยู่ชูมองไปที่ฝานลี่เทียนก่อนจะพูดขึ้น “เจ้ากําลังเปรียบเทียบความสามารถของฝานซังกับหอยสังข์อย่างงั้นเหรอ? เจ้าจะไปเปรียบเทียบแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อความสามารถที่หอยสังข์มีมากกว่าข้าซะด้วยซ้ํา?”
ฝานลี่เทียนส่ายหัว “ข้าพูดผิดไปแล้ว ทุกคนได้โปรดยกโทษให้ข้าที่ไม่ทันคิดก่อนพูดด้วย” ฝานลี่เทียนไม่อยากจะโต้เถียงกับผู้อาวุโสทั้งสองอีกต่อไป
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งก็ได้เข็นรถเข็นไม้ที่มียี่เทียนซินนั่งอยู่มา ไม่นานนักยี่เทียนซิน หญิงสาวผู้มีผมสีขาวบริสุทธิ์ก็ได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน
“ศิษย์พี่หก!”
นอกจากสีหน้าและแววตาที่ดูอ่อนแรง การหายใจและอาการบาดเจ็บโดยรวมของยี่เทียนซินคงที่แล้ว เมื่อได้เห็นลูโจวอยู่ที่ศาลาตะวันออก นางก็ลุกขึ้นก่อนที่จะโค้งคํานับให้ “ท่านอาจารย์
ลูโจวลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับ ตัวเขาจ้องมองยี่เทียนซินอยู่ชั่วครู่ ดูเหมือนว่าออร่าพลังชีวิตที่นางมีจะดูอ่อนแอ แต่ถึงแบบนั้นพลังที่นางมีก็ยังไหลเวียนเป็นปกติได้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลูโจวสังเกตเห็นในทุกๆ วัน “มีเรื่องอะไรกัน?”
“ข้ายินดีที่จะมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์เพื่อช่วยศิษย์พี่ใหญ่”
“พักผ่อนซะเถอะ” สู่โจวโบกแขนเสื้อก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไป เมื่อเดินมาถึงทางเข้าตัวเขาก็ได้หยุดเดินก่อนจะพูดต่อ “จะไม่มีใครไปไหนได้ถ้าหากไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ถ้าหากใครจะสื่อสารกับโลกภายนอกก็จงใช้จดหมายซะ”
“ครับ/ค่ะ ท่านปรมาจารย์”
สร็จก็ได้เดินจากไป
สามวันต่อมา
ณ ทางตะวันออกของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ที่ตรงนั้นมีรถม้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ของสํานักอเวจีลอยอยู่
หลังจากที่เริ่มการโจมตีมาเป็นเวลาสามวัน กําแพงด้านตะวันออกของเมืองก็เต็มไปด้วยรูโหว่ที่ไม่ไกลนัก เต็มไปด้วยซากศพ
กลิ่นเลือดผสมกลิ่นโลหะได้ลอยคละคลุ้งอยู่ในอากาศ
บัดนี้สาวกของสํานักอเวจียึดครองกําแพงเมืองได้แล้ว
รถม้าลอยฟ้าเคลื่อนตัวมาอย่างช้าๆ
สาวกสํานักอเวจีส่วนใหญ่ยังคงติดตามรถม้าต่อไป
ยู่เฉิงไห่กําลังมองลงมาที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ในตอนนี้ตัวเขามองเห็นสถานการณ์ของการต่อสู้แล้ว
“ศิษย์น้องผู้หลักแหลมของข้า เมื่อไหร่กันที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์จะใช้เขตแดนพลังทั้งสิบน่ะ?”
สบู่หยาเคยเป็นราชครูในราชสํานักเป็นระยะเวลาหนึ่ง ในตอนนั้นตัวเขาเคยศึกษาเรื่องของเขตแดนพลังทั้ง สิบมาก่อน เพราแบบนั้นแล้วสบู่หยาจึงพอจะมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง “ไม่ต้องกังวลไปศิษย์พี่…แม้ว่าหลิวคู่จะเปิดใช้งานเขตแดนพลังทั้งสิบจริง แต่ถึงแบบนั้นพวกเราก็ไม่มีอะไรต้องกลัว เขตแดนพลังทั้งสิบสามารถสกัดกั้นการใช้พลังลมปราณได้เท่านั้น ทุกคนที่อยู่ในเขตแดนพลังจะต้องต่อสู้ด้วยความสามารถทางด้านกายภาพและกระบวนท่าแทน พวกเรามีพรรคพวกกว่าหลายแสนคน พรรคพวกที่เรามีจะต้องเทียบเท่าได้กับทหารของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แน่”
“ตราบใดที่เจ้าอยู่ที่นี่ พวกเราจะต้องชนะได้แน่!” ยู่เฉิงไห่พูดอย่างมั่นใจ
ในตอนนั้นเองฮั่วจงหยางก็ได้บินกลับมา “ท่านเจ้าสํานัก ตอนนี้พวกเราเข้าควบคุมกําแพงเมืองทางด้านตะวันออกได้แล้วครับ”
“ดีมาก” ยู่เฉิงไห่เหลือบมองสถานการณ์ด้านล่างต่อ “ฮั่วจงหยาง ไปสมทบกับประตูทางเหนือซะ รีบแจ้งข้าทันทีถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น”
“ครับ ท่านเจ้าสํานัก”
“ก่อน”
“ท่านเจ้าสํานักมีอะไรให้ข้ารับใช้?”
นิวของข้าไปซะ…”
ฮั่วจงหยางคุกเข่าในทันที “ท่านเจ้าสํานักจะให้ข้าใช้สัตว์ขี่ของท่านจริงๆ อย่างงั้นเหรอ?!”
“จงใช้มันซะ!” ยู่เฉิงไห้ก้าวไปด้านหน้าก่อนที่จะจับแขนของฮั่วจงหยางเอาไว้ “เจ้าต่อสู้เคียงข้างข้ามาหลายปี เจ้าต้องเผชิญหน้ากับความยากลําบากโดยที่ไม่ปริปากบ่น เป็นเพราะเจ้าจึงทําให้พวกเรามีวันนี้ได้ ในตอนนี้ เป้าหมายของเราอยู่ใกล้แค่เอื้อม ถ้าหากเกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ข้าก็คงจะยินดีกับความสําเร็จไม่ได้แน่!”
ฮัวจงหยางที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก “ท่านเจ้าสํานักไม่ต้องกังวลไป พวกเราจะต้องชนะแน่!”
“ไปได้แล้ว” ยู่เฉิงไห่ตบไหล่ของฮั่วจงหยาง
ฮั่วจงหยางรีบกระโดดขึ้นไปขี่หลังของกุ้ยหนิวก่อนที่จะบินไปยังประตูทางเหนือ
ในตอนนี้ชาวยุทธรวมไปถึงทหารที่กล้าหาญได้หายไปจํานวนหนึ่งแล้ว ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ถูกทิ้งร้างอย่างไม่เคยเป็น
มีเพียงทหารรักษาการณ์เท่านั้นที่เดินอยู่บนถนนคนเดิน
“ทหารราชสํานักกําลังเคลื่อนไหวแล้ว!”
“นั่นมันทหารของราชสํานัก!”
“ระวัง!”
ทหารจากราชสํานักเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว ในตอนนี้ทหารชุดสีดํากําลังบินออกมาในระดับความสูงที่แตกต่างกัน
ว่ากันว่าที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มักจะมีทหารราชสํานักปกป้องเมืองกว่า 30,000 คนในตลอดทั้งปี ทหารที่ว่านั้นแข็งแกร่งที่สุดที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์มี นอกจากนี้ทหารทั้งหมดยังถูกนําทัพโดนแปดแม่ทัพใหญ่ ยอดฝีมือในหมู่ยอดฝีมือแห่งโลกยุทธภพ แม้จะเหลือแม่ทัพใหญ่เพียงแค่สองคน แต่พลังที่ทหารจากราชสํานักมีก็ยังไม่อาจมองข้ามได้
เมื่อทหารทั้งหมดตั้งขบวนทัพได้แล้ว พลังอวตารทศภพก็เริ่มจะปรากฏขึ้นมา ในตอนนี้ทหารทั้งหมดกําลังเร่งหน้าไปยังประตูทางตอนเหนือ
ที่ประตูทางตอนเหนือ ผู้นําทัพย่อยของสํานักอเวจีทั้งสี่ได้ลอยอยู่ก่อนแล้ว
“ระวังเอาไว้ ทุกคน…โจมตีประตูเมือง!”
องประตเมือง สาวกของสํานักอเวจีได้โจมตีทกอย่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ในเวลานั้นเองเสียงร้องของกุ้ยหนิวก็ดังขึ้น
ม่ออ!
ผู้นําทัพย่อยทั้งสี่ได้หันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน เมื่อได้เห็นใบหน้าของแขกผู้มาเยือน ทุกคนก็อดยิ้มไม่ได้ “ยินดีต้อนรับ ผู้พิทักษ์แห่งสํานักอเวจี”
ฮั่วจงหยางเป็นผู้ที่ขี่กุ้ยหนิวมา
ฮัวจงหยางได้มองไปยังประตูเมืองและกําแพงเมืองที่กําลังสั่นคลอน กําแพงเมืองอันสูงตระหง่านที่มนุษย์สร้างขึ้นถือเป็นการสําแดงภูมิปัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่มนุษย์พึงมี “โจมตีต่อได้”
“เข้าใจแล้ว!”
ฮั่วจงหยางลอยสูงขึ้น ตัวเขากําลังเหลือบมองไปยังทิศใต้ของเมือง ที่ตรงนั้นฮั่วจงหยางมองเห็นผู้ฝึกยุทธกว่าหลายคนที่พร้อมไปด้วยพลังอวตารทศภพที่มี “บุกเข้าไปซะ!”
“ครับ!”
ในตอนนั้นเองทหารจากราชสํานักกว่าหลายร้อยคนก็ได้บินขึ้นไปบนกําแพงเมือง ทุกคนล้วนกระโดดลงมา ก่อนที่จะพุ่งหาสาวกจากสํานักอเวจีที่อยู่บนพื้นเบื้องล่าง
ฮั่วจงหยางที่เห็นแบบนั้นตะโกนอย่างเย็นชา “ฆ่าพวกมันซะ!”
“ฆ่าพวกมัน!”
“ฆ่าพวกมัน!”
ผู้นําทัพย่อยทั้งสี่ได้เรียกพลังอวตารของตัวเองก่อนที่จะลอยขึ้นไปบนอากาศ พลังอวตารร้อยวิถีที่มีดอกบัวทองคําสองกลีบได้ปรากฏขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
พลังอวตารได้กวาดร่างทหารผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมา ไม่นานนักฝนโลหิตก็ได้โปรยปรายลงบนกําแพงเมือง
ฮัวจงหยางไม่ได้สนใจทหารของราชสํานักอีกต่อไป ตัวเขาเลือกที่จะหันไปมองภายในเมืองแทน แม้ว่านักอเวจีจะได้เปรียบมากก็ตาม แต่ถ้าหากไม่ระวังตัวให้ดี ฝ่ายสํานักอเวจีก็อาจจะเสียเปรียบได้ ยังไงซะยอดฝีมือของทางราชสํานักก็ยังไม่ปรากฏตัว
ตุ้ม!
เสียงดังที่ราวกับฟ้าร้องได้ดังขึ้น ไม่นานนักประตูทางเมืองก็ถูกเปิดออก!
สาวกของสํานักอเวจีกเข้ามาที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก่อนที่จะเริ่มสังหารจัดการกับทหารราชสํานักไป
ฮั่วจงหยางบินไปที่ด้านหน้า เมื่อข้ามกําแพงเมืองไปได้ตัวเขาก็ได้เห็นใครบางคนปรากฏตัว ชายคนนั้นก็ร้องออกมาอย่างเย็นชา “ข้ารอเจ้ามานานแล้ว!”
ชายคนนั้นเคลื่อนไหวฝ่ามืออย่างรวดเร็ว!
“ฝ่ามือเต! พลังฝ่ามือสายฟ้าฟาด!
พรึบ!
พลังฝ่ามือสีทองแวววาวได้พุ่งไปบนอากาศ
สีหน้าของฮั่วจงหยางเปลี่ยนไป ตัวเขารีบใช้แขนทั้งสองข้างสกัดกั้นการโจมตีไว้
ตุ้ม!
ฮัวจงหยางดึงหลังของกุ้ยหนิวเอาไว้
กุ้ยหนิวร้องออกมาก่อนที่จะลงสู่พื้นเพื่อปล่อยให้ฮั่วจงหยางลงจากตัวมัน
ฮั่วจงหยางทรงตัวก่อนที่จะพุ่งไปบนอากาศ ฮั่วจงหยางมองไปที่ยอดฝีมือคนนั้นก่อนที่จะใช้คลื่นเสียงขึ้นมา “หยุดซะ!”
เหล่าสาวกของสํานักอเวจีเงยหน้าขึ้นมอง
ฮัวจงหยางกลับมายืนบนตัวของกุ้ยหนิว ตัวเขาพยายามระงับเลือดลมที่พลุ่งพล่านจากอาการที่บาดเจ็บ “แล้วเจ้าคือใครกัน?”
“หนึ่งในแม่ทัพใหญ่ทั้งแปดของราชสํานักชวนจิงหยวน”
“ผู้อาวุโสซวนยอดฝีมือแห่งเต๋ ข้าเคยได้ยินชื่อเสียงของท่านมาก่อน”
“ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้นหลังจากที่ถูกข้าโจมตี” ซวนจิงหยวนลอยอยู่ในอากาศ ตัวเขากําลังยืนเอามือไขว้หลังอยู่นั่นเอง ซวนจิงหยวนได้เหลือบไปมองบนพื้น
“ผู้อาวุโสซวน…เวลาของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์นั้นหมดลงแล้ว ทําไมท่านต้องฝืนขัดลิขิตสวรรค์ด้วย? เจ้าสํานักของข้ากําลังทวงหาความยุติธรรมให้กับชาวเมือง เขาปรารถนาที่จะขจัดความชั่วร้ายเพื่อที่จะช่วยเหลือผู้คน ถ้าหากเจ้าท่านยอมจํานน ท่านจะต้องใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขไปตลอดได้แน่!” ฮั่วจงหยางพูด
“ข้าต้องขอโทษด้วย แต่ความสงบสุขที่เจ้าพูดถึงข้าน่ะมีสิ่งนั้นแล้ว”
ซูวว!
พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบตระหง่านขึ้น
เหล่าสาวกของสํานักอเวจไม่กล้าที่จะเดินหน้าแม้แต่ก้าวเดียว
“ด้วยคําสั่งขององค์จักรพรรดิ สาวกจากสํานักอเวจีทุกคนจะต้องถูกประหารโดยไม่มีขอยกเว้น!”
ชวนจิงหยวนบินไปทางฮั่วจงหยางก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามือขนาดใหญ่จู่โจมเข้าใส่!
“ไม่!” ฮั่วจงหยังไม่คาดคิดว่ายอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบจะรีบร้อนโจมตีตัวเขาแบบนี้ ฮั่วจงหยางใช้พลังฝ่ามือตอบโต้กลับไปกว่าหลายสิบครั้ง แต่ถึงแบบนั้นพลังที่ผู้มีอวตารดอกบัวแปดกลีบมีมันก็ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่ฮั่วจงหยางจะรับมือได้ พลังฝ่ามือของฮั่วจงหยางทําได้เพียงชะลอการโจมตี ไม่นานนักฮั่วจงหยางก็ถูกพลังฝ่ามือของซวนจิงหยวน
ตุ้ม!
“ถอย! ถอยเร็วเข้า!”
สาวกจากสํานักอเวจีต่างก็ถอยออกจากประตูเมือง
ตุ้ม!
ฮัวจงหยางกระเด็นกลับมาเพราะการโจมตีของยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ
ซวนจิงหยวนพุ่งไปที่ด้านหน้าต่อ “สุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่อย่างงั้นเหรอ? นี่คือฝีมือทั้งหมดที่เจ้ามีอย่างงั้นสินะ?” ซวนจิงหยวนพุ่งไปที่ด้านหน้าเล็กน้อย ในแววตาของเขาเต็มๆไปด้วยจิตสังหาร “ข้าจะปลิดชีพเจ้าเอง!”
พรึบ!
ซวนจิงหยวนหายตัวไปในอากาศ! ในวินาทีถัดจากนั้นเขาก็ปรากฏตัวข้างๆ ฮั่วจงหยางแล้ว ซวนจิงหยวนไม่รอช้าใช้พลังฝ่ามือฝาดเข้าใส่ฮั่วจงหยางอย่างรวดเร็ว!
“ท่านฮั่วจงหยาง!”
“ท่านฮั่วจงหยาง!”
ฮั่วจงหยางแห่งโถงมังกรฟ้ากําลังตกอยู่ในอันตรายแล้ว!
เมื่อผู้นําทัพย่อยทั้งสี่เห็นแบบนั้น ทุกคนต่างก็ใช้พลังอวตารอีกครั้ง
เคนพุ่งเข้าหาซวนจิงหยวนอย่างรวดเร็ว
ตู้ม!
ซวนจิงหยวนได้ซัดฮั่วจงหยางจนกระเด็นไปโดยใช้แค่พลังฝ่ามือเดียว ซวนจิงหยวนได้เหลือบมองฮั่วจงหยางอย่างเย็นชา “พวกเจ้านะประเมินตัวเองสูงเกินไป”