Mechanical God Emperor - ตอนที่ 270
270 – บลันก้า
บลันก้ายิ้มและพูดขึ้น “นั่งลงเถอะ!”
หยางเฟยลังเลอยู่ครู่หนึ่งและนั่งลงบนโซฟาตัวเดิมอีกครั้ง
บลันก้ามองหยางเฟย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม “มหัศจรรย์มาก! พลังมหาศาลขนาดไหนกันที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาของเจ้า!!”
เหล่านั้นอยู่บนดวงดาว ผู้ศรัทธานับไม่ถ้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา ตราบใดที่ผู้ติดตามของพวกเขาสวดมนต์และอธิษฐาน เมื่อเหล่าเทพมองไปยังผู้ศรัทธา พวกเขาสามารถรู้ได้ทุกอย่างเกี่ยวกับผู้ศรัทธา
การซ่อนความจริงจากเหล่าเทพ หลอกลวงการรับรู้ของเทพ ถือเป็นการต่อต้านสวรรค์ ยกเว้นจะเป็นเทพแห่งการโกหก ซึ่งนั่นเป็นไปไม่ได้
หยางเฟยแสดงสีหน้าอย่างใจเย็น “ข้าเป็นผู้ศรัทธาที่ซื่อสัตย์ต่อเทพธิดามนตรามาก”
บลันก้าครุ่นคิดและหัว้ราะเล็กน้อย “ใช่ เจ้าเป็นผู้ศรัทธาของเทพธิดามนตรา”
บลันก้าร่ายเวทย์ออกจากนิ้ว แสงสีเหลืองส่องสว่างปกคุลมห่องทั้งหมด
ภายใต้แสงสีเหลือง ทั้งห้องดูเหมือนถูกตัดออกจากโลกทั้งโลก ออกมาอยู่ที่อื่น
จิตใจของหยางเฟยสั่นระรัวและคิดในใจ “นี่มันบ้ามาก! นี่คือเวทย์มิติ! ข่าวลือที่ว่าความแข็งแกร่งของเขาเป็นของจริงสินะ ถ้าเขาสามารถฝึกฝนเคล็ดวิชาของวอร์ล็อคได้ ข้ากลัวว่าในอนาคตเขาจะแข็งแกร่งเกินขีดจำกัด”
บลันก้ายิ้มเล็กน้อย “ตอนนี้ ห้องนี้ได้ถูกตัดขาดออกมาจากดินแดนเฟย์สือ ถ้าเหล่าเทพไม่เดินทางมาด้วยตัวเอง พวกเขาไม่มีทางได้ยินบทสนทนาที่เราคุยกันแน่นอน ตอนนี้ พวกเรามีคุยกันอย่างตรงไปตรงมาเถอะ”
แววตาของบลันก้ามีสีสันสดใส “ข้าต้องการเวทมนตร์ในมือเจ้า หรือไม่ก็ความรู้เวทมนตร์ที่แท้จริง”
หยางเฟยพูดอย่างใจเย็น “ท่านสามารถให้สิ่งใดข้าได้บ้าง?”
บลันก้ายิ้มเล็กน้อยและถอนหายใจ ด้วยความแข็งแกร่งของจอมเวทย์ระดับตำนาน มีเพียงการจับตัวของตระกูลสายเลือดเทพเท่านั้นที่เขาไม่สามารถทำได้
อย่างไรก็ตาม ตระกูลสายเลือดเทพโดยตรงนั้นมีเลือดของเทพไหลเวียนอยู่ในร่าง พวกเขาได้รับพรจากเหล่าเทพตั้งแต่เกิดและมีความสามารถรอบด้าน เป็นเรื่องยากที่จะควบคุมพวกเขา หากประมาณเพียงน้อยนิด เขาจะไม่สามารถควบคุมได้
ตระกูลสายเลือดเทพเป็นตระกูลที่ก่อตั้งมานานกว่า 1,000 ปี ไม่มีใครรู้ว่ามีผู้เชี่ยวชาญซ่อนอยู่มากมายเพียงใด บลันก้าไม่เคยอยู่ในตระกูลสายเลือดเทพ เขาหวั่นเกรงต่อขุมกำลังที่แข็งแกร่งของตระกูลสายเลือดเทพมาก
บลันก้ายื่นอย่างรื่นรม “ข้าสามารถยอมรับเจ้าเป็นศิษย์ได้ คอยให้คำแนะนำเจ้าและสามารถทำให้เจ้ากลายเป็นจอมเวทย์ระดับตำนาน ข้ามีหนังสือเวทมนตร์ชั้นสูง 36 เล่ม ข้าจะมอบมันให้เจ้า”
บลันก้าเป็นหนึ่งในจอมเวทย์ระดับตำนานที่ทรงพลังที่สุดในหอคอยสีขาวและเป็นหนึ่งในจอมเวทย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองโฮลี่ จอมเวทย์นับไม่ถ้วน แม้แต่จอมเวทย์ที่แท้จริงยังต้องการเป็นศิษย์ของเขา เพื่อรับคำแนะนำจากเขา
หยางเฟยพูดขึ้น “ข้าต้องเป็นจอมเวทย์ระดับตำนานอยู่แล้ว เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา”
ด้วยสายเลือดมังกรดำโบราณ ประกอบกับทรัพยากรมหาศาลที่เก็บรวบรวมมาจากทวีปทูรันโด หยางเฟยสามารถเลื่อนขึ้นไปเป็นวอร์ล็อคชั้นสูงได้ แต่ปัญหาคือเวลา นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาถึงกล้าเดินทางมายังดินแดนเฟย์สือคนเดียวและยอมรับภารกิจสังหารครึ่งเทพ ระดับตำนานไม่ใช่เป้าหมายของเขา
บลันก้าทำหน้าตาเบื่อหน่ายทันที เขาเงยหน้ามองหยางเฟยอย่างรอบคอบ และเงียบก่อนจะฉีกยิ้มออกมา ดวงตาของเขาร้อนผ่าว “ดูเหมือนว่าข้าจะประมาทเจ้าเกินไปสินะ! บอกมา เจ้าต้องการอะไร?”
หยางเฟยพูดขึ้น “ข้าต้องการให้ท่านมาเป็นลูกน้องข้า ด้วยวิธีนี้ ข้าสามารถถ่ายทอดความหมายที่แท้จริงของเวทมนตร์ได้”
บลันก้าได้ยิน เขาย่นคิ้วในทันทีและจมอยู่กับคำพูดเหล่านั้น เขาเป็นจอมเวทย์ระดับตำนาน เขาภาคภูมิใจในตัวเองอย่างมาก มีแต่จอมเวทย์ต้องการให้เขาเป็นหัวหน้า เขารู้สึกขัดแย้งในใจ
หยางเฟยยิ้มและพูดขึ้น “ตราบเท่าที่ท่านได้บ่มเพาะความหมายที่แท้จริงของเวทมนตร์ ช่วงชีวิตของท่านจะทะลวงขีดจำกัดของมนุษย์และสามารถมีชวิตอยู่ได้ถึง 1,000 ปี และข้าต้องการให้ท่านรับใช้ข้าเพียง 200 ปี หลังจากนั้น ท่านจะเป็นอิสระ!”
บลันก้าพูดเสียงเรียบ “ข้าสามารถดูความหมายที่แท้จริงของเวทมนตร์ที่เจ้าครอบครองอยู่ได้หรือไม่? ข้าจำเป็นต้องเห็นพวกมันก่อน ข้าจะได้รู้ว่าคุ้มค่าหรือไม่ที่ข้าจะเสียเวลา 200 ปีไปกับมัน?”
หยางเฟยยิ้มเล็กน้อย เขาสะบัดมือ แบบจำลองเวทมนตร์ต่างๆปรากฎขึ้นต่อหน้าเขา
บลันก้าหยิบแบบจำลองเวทย์บอลไฟขึ้นมาและดูอย่างละเอียด ทันใดนั้นใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง เขาร้องเสียงหลงออกมา “มันไปได้อย่างไรกัน! นี่คือแบบจำลองเวทย์บอลไฟ? ไม่!! มันไม่ถูกต้อง แบบจำลองนี่มันอะไรกัน!!”
“ครึ่งหนึ่ง ไม่สิ! หนึ่งในห้า ไม่ใช่ หนึ่งใน…..หนึ่งในยี่สิบ แบบจำลองเวทย์แบบดั้งเดิมที่แท้จริงมหาศาลมาก”
“รูปแบบของเวทมนตร์ที่ซับซ้อนขนาดนี้สามารถปลดปล่อยเวทมนตร์ออกมาได้อย่างไรกัน?”
“เมล็ดพันธุ์วิญญาณและทะเลวิญญาณ ในร่างกายมนุษย์สามารถบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ไว้ในทะเลวิญญาณได้”
“…..”
บลันก้ามองหนังสือเหล่านั้น สมาธิของบลันก้าทรงพลังที่สุดในดินแดนเฟย์สือ การทำสมาธิเป็นเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมาทำให้พลังวิญญาณของเขาใกล้เคียงกับพลังวิญญาณของวอร์ล็อคดวงดาว
ด้วยพลังวิญญาณมหาศาล อีกทั้งบลันก้ายังมีความจำดี ไม่ว่าแบบจำลองเวทย์บทไหน เขาก็สามารถจดจำได้เพียงได้ผ่านตา ด้วยวิธีนี้เขาจึงสามารถจดจำแบบจำลองเวทย์ที่น่าเบื่อได้ทุกวันและยังมีเวลาคิดค้นเวทมนตร์ชนิดอื่นๆ
ในดินแดนเฟย์สือ จอมเวทย์ระดับตำนานเป็นสิ่งที่หาได้ยากมาก จอมเวทย์ระดับตำนานทุกคนถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ถ้าเขาได้เดินทางไปทวีปหลักในดินแดนคังฉี และได้รับเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังที่เหมาะสมและทรัพยากร พวกเขาสามารถกลายเป็นวอร์ล็อคดวงดาวได้อย่างแน่นอน
บลันก้ามองหยางเฟยอย่างเจ็บปวดและพูดขึ้น “นี่คือแก่นแท้ของเวทมนตร์!! น่าเสียดาย ข้ามารู้ช้าเกินไป ไม่มีพลังชีวิตเพียงพอในการหลอมรวมเมล็ดพันธุ์วิญญาณ”
พลังอำนาจของบลันก้าแข็งแกร่งเทียบเท่ากับวอร์ล็อคชั้นสูงที่อยู่ในจุดสูงสุด แต่การหลอมรวมเมล็ดพันธุ์วิญญาณต้องใช้พลังชีวิตที่แข็งแกร่ง ด้วยร่างกายที่อ่อนแอของเขาในตอนนี้ยากที่จะหลอมรวมเมล็ดพันธุ์วิญญาณและก้าวเข้าสู่เส้นทางของวอร์ล็อคได้
วอร์ล็อคฝึกหัดแต่ละคนมีร่างกายแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอัศวินชั้นสูง เมื่อเมล็ดพันธุ์วิญญาณถูกหลอมรวม มันต้องใช้พลังชีวิตและกลั่นออกมาเป็นเมล็ดพันธุ์วิญญาณ
เหล่าจอมเวทย์ในดินแดนเฟย์สือทรงพลังมาก แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะหลอมรวมเมล็ดพันธุ์วิญญาณ
ในสายตาของบลันก้า แบบจำลองเวทย์เหล่านี้เป็นทั้งของจริงและของปลอมในเวลาเดียวกัน เขาไม่สามารถนำพวกมันไปเก็บไว้ในทะเลวิญญาณได้ เนื่องจากว่าเขาไม่ได้ใช้ทะเลวิญญาณเป็นศูนย์กลางในการร่ายเวทย์ แต่เขาใช้ข่ายมนตราเป็นตัวสนับสนุน
ข่ายมนตราในดินแดนเฟย์สือมีเวทมนตร์มากมาย จอมเวทย์สามารถจดจำได้เพียงส่วนเล็กๆของแบบจำลองเวทย์ หลังจากนั้นพวกเขาก็อาศัยเวทมนตร์ในการสื่อสารกับพลังเวทย์บริสุทธิ์และใช้จิตใจสั่งการมัน
วอร์ล็อคสร้างจิตวิญญาณขึ้นในมาทะเลวิญญาณซึ่งสามารถเก็บแบบจำลองเวทย์ไว้ได้หลายรูปแบบ วอร์ล็อคทั่วไปสามารถเรียนเวทมนตร์ได้มากกว่าจอมเวทย์และในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถร่ายเวทย์ได้เร็วกว่าจอมเวทย์ที่ใช้ข่ายมนตรา
อย่างไรก็ตาม ในสายตาของจอมเวทย์ระดับตำนานอย่างบลันก้า เวทย์เหล่านี้ไม่ได้พึ่งพาข่ายมนตรา ถือได้ว่าเป็นเวทมนตร์ที่แท้จริง ซึ่งเป็นพลังที่แท้จริงที่เขาสามารถควบคุมมันได้
ตอนนี้พลังที่แท้จริงอยู่ตรงหน้า แต่กลับไม่สามารถบ่มเพาะมันได้ เป็นเรื่องที่บลันก้าเจ็บปวดใจอย่างมาก
มุมปากของหยางเฟยยกขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มออกมา “ข้ามีวิธีทำให้ร่างกายของท่านแข็งแกร่งขึ้น และสามารถหลอมรวมเมล็ดพันธุ์วิญญาณ และใช้เวทมนตร์ที่แท้จริงได้”
ภายในดวงตาของบลันก้าเปล่งประกายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาตื่นเต้นอย่างมาก “จริงหรือ!! ถ้าเป็นอย่างนั้น ข้ายินดีรับใช้เจ้าเป็นเวลา 200 ปี!!”
ในดินแดนเฟย์สือ จอมเวทย์มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกล่อลวงโดยปีศาจและมารได้ง่ายที่สุด เมื่อพวกเขาอยากรู้ความหมายที่แท้จริงของเวทมนตร์ พวกเขาจะละเลยต่อข่ายมนตราของเทพธิดามนตรา เมื่อพวกเขาตกหลุมพราง และทำการค้ากับปีศาจ เพื่อรับรู้ความหมายที่แท้จริงของเวทมนตร์
หยางเฟยฉีกยิ้มออกมา
เมื่อจอมเวทย์ระดับตำนานอย่างบลันก้ากลายมาเป็นผู้ติดตามของหยางเฟย จอมเวทย์ทั้ง 59 คนภายใต้อำนาจของบลันก้าจะกลายเป็นของหยางเฟยโดยปริยาย หยางเฟยมีขุมกำลังที่แข็งแกร่งแล้ว
กองทัพจอมเวทย์ที่นำโดยจอมเวทย์ระดับตำนานสามารถสังหารปรมาจารย์ดาบทั้ง 20 คนได้ นี่เป็นพลังอำนาจของเวทมนตร์และเป็นเหตุผลที่มีจอมเวทย์มากมายได้รับการเคารพ
ผ่านไปเป็นเวลานาน หยางเฟยเดินออกมาจากหอคอยสีขาวและขึ้นรถม้าที่หรูราที่ปรากฎขึ้นตรงหน้าเขา เขาพูดขึ้น “ไปที่คฤหาสน์เจ้าชายลำดับที่ 6”
ภายในคฤหาสน์ของเจ้าชายลำดับที่ 6
การ์ซ่ารู้สึกประหลาดใจมากที่หยางเฟยมาหาเขา เขาเอ่ยถามอย่างสงสัย “ท่านเอิร์ลเอียน มาหาข้า มีอะไรหรือ?”
หยางเฟยเผยรอยยิ้ม “ข้าต้องกาประมูลยาในเมืองโฮลี่แห่งนี้!”
การ์ซ่าเบิกตากว้าง “เป็นความคิดที่ดี!! ดีมาก!!”
หยางเฟยได้เสนอโพชั่นมังกรให้กับจักรพรรดิมอร์ริสที่ 2867 เหล่าคนใหญ่าคนโตภายในเมืองโฮลี่รู้ดีว่าหยางเฟยเป็นจอมเวทย์และนักปรุงยาที่เก่งกาจ แม้แต่นักปรุงตาของพระราชวังยังไม่สามารถเทียบเคียงกับหยางเฟยได้
ข่าวการประมูลยาของจอมเวทย์แพร่กระจายไปทั่ว เหล่าบรรดาขุนนางนับไม่ถ้วนต่างเร่งรีบกันเข้ามา
หยางเฟยพูดขึ้น “ข้าต้องการความช่วยเหลือของท่าน เริ่มการประมูลให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้”