Mechanical God Emperor - ตอนที่ 267
267 – หอคอยสีขาว
หอคอยสีขาวตั้งอยู่ในทิศตะวันตกของพระราชวังแห่งชัยชนะ หอคอยสูงนับร้อยเมตร ถูกสร้างขึ้นจากหินคอรันดัมเวทมนตร์สีขาว มันเป็นหอคอยเวทมนตร์เพียงหนึ่งเดียวของเมืองโฮลี่
หอคอยสีขาวเป็นศูนย์รวมเหล่าจอมเวทย์มากมายเข้าด้วยกัน ภายในหอคอยสีขาว มีจอมเวทย์ระดับสูงมากมายได้เข้าร่วมกับพระราชวังของจักรวรรดิมอร์ริส มีแม้กระทั่งจอมเวทย์ระดับตำนาน
รถม้าหรูหราขับมาจากถนนอย่างช้าๆและหยุดด้านหน้าหอคอยสีขาว
หยางเฟยสวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์ของพระราชวัง เดินลงมาจากรถม้าอย่างช้าๆและเหลือบตาไปมองหอคอยสูง
ขุนนางชั้นสูงของจักรวรรดิมอร์ริสส่วนใหญ่มักจะอยู่ในดินแดนของตนเองเช่นเดียวกับจักรพรรดิ โดยทั่วไปพวกเขาจะมีการเคลื่อนไหวในพระราชวังน้อยมาก
นับตั้งแต่ที่หยางเฟยได้รับตำแหน่งเอิร์ลและได้เข้าร่วมกับตำหนักจอมเวทย์ หยางเฟยมีความดีความชอบมากมาย รวมถึงเหตุผลเพียงพอที่เขาจะอยู่ในเมืองโฮลี่ต่อ
ในสายตาของใครหลายๆคน แม้ว่าจักรวรรดิมอร์ริสที่ 2867 จะเป็นคนโหดร้าย แต่ในหลายๆเรื่อง เขากลับไม่เด็ดขาด
หยางเฟยก้าวเข้าไปในหอคอยสีขาวช้าๆ
ทันทีที่เขาเข้าไปในหอคอยสีขาว เขาเห็นจอมเวทย์ฝึกหัดและจอมเวทย์เดินขวักไขว่ไปมา ทุกอย่างภายในนนี้ดูวุ่นวายและสับสน
จอมเวทย์ฝึกหัดทุกคนถูกเคารพอย่างมากในโลกภายนอก แต่ภายในนี้พวกเขาเป็นเพียงแค่ขี้ข้า สำหรับจอมเวทย์ที่แท้จริง กลับพบเห็นได้ยากมากในโลกภายนอก แต่ที่นี่กลับพบได้มากมาย
จอมเวทย์ระดับตำนานที่น่าสะพรึงกลัวกลับพบได้เป็นระยะๆ และกระจายตัวอยู่ชั้นบนของหอคอยสีขาว เห็นได้ชัดว่าจอมเวทย์ระดับตำนานกำลังทดลองเวทมนตร์หลากหลายประเภทในหอคอยสีขาว
สุนับสีขาวตัวโตพูดขึ้น “ชื่อของข้าคือโอลา ตำหนักจอมเวทย์ระดับ 1 โปรดมากับข้า!”
หยางเฟยเดินตามหลังสุนับสีขาวตัวใหญ่เข้าไปในหอคอยสีขาว
หยางเฟยถามขึ้นด้วยความสงสัย “ทำไมเจ้าถึงกลายเป็นสุนัขไปได้ล่ะ?”
โอลายิ้มอย่างขมขื่น “ข้าทำการทดลองขนาดใหญ่ผิดพลาดในฐานะผู้ช่วยของตำหนักแอสเซนโฮ เมื่อการทดลองผิดพลาด ผลที่ได้คือข้าถูกจอมเวทย์จากตำหนักแอสเซนโฮเปลี่ยนให้กลายเป็นสุนัขและต้องอยู่แบบนี้เป็นเวลา 1 เดือน”
แม้ว่าจะมีข่ายเวทมนตร์อยู่ แต่ยังคงเป็นเรื่องยากที่จอมเวทย์ในดินแดนเฟย์สือได้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด อย่างไรก็ตาม จอมเวทย์มีวิธีการมากมาย รวมถึงเวทย์แปลกๆที่เกิดขึ้นมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด พวกเขาสามารถใช้เทคนิคเวทย์เปลี่ยนผู้คนให้กลายเป็นสุนัขได้โดยใช้เวทย์ระดับ 3
ก่อนที่โอลาจะพาเข้ามาในห้องโถง มันชี้ขาสุนัขของมันและพูดขึ้น “นี่คือห้องของเจ้า ผู้ติดตาทั้งหมดของเจ้าอยู่ข้างใน”
หยางเฟยมองเห็นห้องโถง ที่มุมขวาบนเขียนไว้ว่า กองทัพมนตราที่ 13 จากวันนี้ไป เขาจะได้เป็นผู้บัญชาการของกองทัพมนตราที่ 13 จอมเวทย์ทั้งหมดในกองทัพมนตราที่ 13 คือผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา
หยางเฟยผลักประตูและเดินเข้าไป
ภายในห้องโถง มีที่นั่งอยู่ 59 ที่นั่ง แต่ละคนหยิบหนังสือเวทมนตร์และกำลังศึกษารายละเอียดในหนังสือ เมื่อหยางเฟยเข้าไป พวกเขาเพียงยกสายตาขึ้นและมองไปที่หยางเฟย จากนั้นก็ก้มลงไปอ่านหนังสือเวทมนตร์ในมือของพวกเขาต่ออย่างไม่แยแส
ภายในห้องโถง มีบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป
ภายในห้องโถงนั้น มีจอมเวทย์ชั้นสูง 8 คนและจอมเวทย์ทั่วไปอีกมากมาย ไม่มีใครคิดว่าหยางเฟยมีคุณสมบัติพอที่จะมาเป็นหัวหน้าของพวกเขา
หยางเฟยพูดเบาๆ “ข้าเอียน นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าคือหัวหน้าของพวกเจ้า”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ จอมเวทย์มากมายภาคภูมิใจกับกลุ่มของตนเอง แม้ว่าจอมเวทย์เหล่านั้นจะเข้าร่วมกับพระราชวังมอร์ริสและกลายเป็นสุนับรับใช้จักรวรรดิ แต่พวกเขาก็ยังคงภาคภูมิใจในตนเอง
ถ้าหยางเฟยเป็นจอมเวทย์ระดับตำนาน จอมเวทย์เหล่านี้ยินดีปฏิบัติคำสั่งของหยางเฟย ถ้าหยางเฟยเป็นจอมเวทย์วังหลวงและเป็นจอมเวทย์ พวกเขาก็ยังคงภาคภูมิใจที่ได้รับใช้
แต่อย่างไรก็ตาม หยางเฟยเป็นจอมเวทย์จากภายนอก แม้ว่าเขาจะเป็นขุนนางที่แท้จริง สำหรับจอมเวทย์เหล่านั้น เป็นเรื่องยากที่จะทำตามคำสั่งเขาด้วยความยินดี
หยางเฟยยิ้มเล็กน้อย การตอบสนองของจอมเวทย์เหล่านั้นเป็นไปตามที่เขาคิด
หยางเฟยพูดช้าๆ “ข้าได้รับอนุญาตจากฝ่าบาท ให้ข้าก่อตั้งสถาบันเวทมนตร์ในเมืองโฮลี่แห่งนี้ สถาบันเวทมนตร์ที่สามารถจอมเวทย์ระดับตำนานได้ ข้ายังขาดแคลนอาจารย์ เวลานี้ข้ามาที่นี่เพื่อต้องการคัดเลือกอาจารย์ผู้สอน ขอคนที่เต็มใจที่จะเข้าร่วมกับสถาบันเวทมนตร์แห่งแรกของจักรวรรดิมอร์ริส มีใครสนใจหรือไม่?”
ข้อความนี้ถูกพูดขึ้นและเงียบหายไปภายในห้องโถง
จอมเวทย์วังหลวงที่มีชื่อเสียงเงยหน้าขึ้นมามองหยางเฟยด้วยสายตาเหน็บแนม
จอมเวทย์ระดับตำนานเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในดินแดนเฟย์สือ แม้แต่ปรมาจารย์ดาบหักดาราที่สามารถสังหารครึ่งเทพได้ หากอยู่ไกลจากจอมเวทย์ระดับตำนาน 100 เมตร ก็มีโอกาสชนะไม่ถึง 20% ปรมาจารย์ดาบระดัยตำนานอย่าง แคสเซียส หากถูกโจมตีโดยจอมเวทย์ระดับตำนานในระยะ 100 เมตรอาจจะต้องจบชีวิตในการโจมตีเพียงครั้งเดียว
จอมเวทย์ระดับตำนานทรงพลังและมีจำนวนน้อยมาก ในพระราชวังมอร์ริส มีจอมเวทย์ระดับตำนานไม่ถึง 10 คนในหมู่จอมเวทย์ทั้งหมด
สำหรับหนังสือเวทมนตร์ที่ใช้ในการเลื่อนขึ้นไปเป็นจอมเวทย์ระดับตำนาน แม้ว่ามันจะล้ำค่า ยากที่คนทั่วไปจะพบได้ จอมเวทย์เหล่านี้จะเป็นต้องมีความดีความชอบหรือไม่ก็พรสวรรค์ เพื่อให้ได้รับหนังสือเวทมนตร์ในการขึ้นเป็นจอมเวทย์ระดับตำนาน
ผมสีขาว สวมเสื้อคลุมจอมเวทย์สีดำ จอมเวทย์วัยหลางคนที่มีตราสัญลักษณ์ตำหนักจอมเวทย์ระดับ 3 ที่หน้าอก มองไปที่หยางเฟย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “ท่านจอมเวทย์เอียน ข้าคือจอมเวทย์วังหลวงระดับ 3 บารอส ถ้าหากท่านไม่สามารถเอาชนะข้าได้ คำพูดของท่านก็เป็นได้เพียงลมตด”
บารอสได้รับตำแหน่งจอมเวทย์วังหลวงระดับ 3 มาเป็นเวลา 10 ปี เขาได้ใช้เวลากว่า 5 ปีเพื่อที่จะได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพ แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือ เมื่อหยางเฟยมาถึง เขากลับคว้าตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพไป จิตใจของเขาจึงเปี่ยมไปด้วยความโกรธ อิจฉา แม้ว่าหยางเฟยจะเป็นขุนนางที่แท้จริง เขาก็ไม่สามารถระงับความโกรธไว้ในจิตใจได้
หยางเฟยพูดขึ้น “งั้นตราบเท่าที่ข้าเอาชนะเจ้าได้ ข้าจะได้เป็นหัวหน้าของพวกเจ้าจริงๆใช่หรือไม่?”
บารอสพูดเยาะเย้ย “ใช่! ภารกิจเดียวของจอมเวทย์วังหลวงคือปกป้ององค์จักรพรรดิและปกป้องเมืองโฮลี่ สิ่งที่จอมเวทย์อย่างพวกเราต้องการคือพลังและความแข็งแกร่ง ตราบเท่าที่ท่านสามารถเอาชนะข้าได้ ตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพมนตราที่ 13 จะตกเป็นของท่าน”
หยางเฟยมองจอมเวทย์รอบๆอย่างช้าๆ “ถ้าข้าเอาชนะบารอสได้ พวกเจ้าจะรับฟังคำสั่งของข้าหรือไม่?”
จอมเวทย์ชั้นสูงลุกขึ้นอย่างไม่กลัวเกรงและมองไปที่หยางเฟย “ถ้าท่านเอาชนะหัวหน้าบารอสได้ ข้ายินดีรับใช้ท่าน”
จอมเวทย์ชั้นสูงอีกคนลุกขึ้นเช่นกันและพูดขึ้น “ได้ ท่านเอียน ถ้าท่านเอาชนะบารอสได้ ข้า เบสซ่ายินดีรับใช้ท่าน”
จอมเวทย์ชั้นสูงทุกคนลุกขึ้นและมองหยางเฟยด้วยสายตาชิงชัง
เหล่าจอมเวทย์ชั้นสูงต้องการท้าทายจอมเวทย์ผู้มาใหม่ เขากำลังมองหาความตายของตนเอง จอมเวทย์วังหลวงของจักรวรรดิมอร์ริสทุกคนมีพลังเฉพาะด้าน ความสามารถในการต่อสู้ของพวกเขาแข็งแกร่งเกินกว่าจอมเวทย์ทั่วไป บารอสสามารถสังหารจอมเวทย์ได้ถึง 2 คน ในบรรดาจอมเวทย์เหล่านั้น เขาถือได้ว่าโหดเหี้ยมและทรงพลังมากที่สุด
หยางเฟยเผยรอยยิ้ม “แค่ข้าเอาชนะเจ้าได้ใช่หรือไม่? มันง่ายมาก!”
“ง่าย!!”
บารอสได้ยิน พลันประกายความโกรธเกรี้ยวปรากฎขึ้นในดวงตา ตั้งแต่เขากลายมาเป็นจอมเวทย์ ไม่เคยมีใครสบประมาทเขา บรรดาคนที่ดูถูกเขาต่างมีจุดจบอยู่ที่ความตาย ตอนนี้เขาพบอีกคนที่ได้สบประมาทเขา และตอนนี้เขาเป็นจอมเวทย์ที่มีชื่อเสียง
สถานะของจอมเวทย์ในดินแดนเฟย์สือสูงส่งกว่านักรบ และยังถูกส่งกว่าปรมาจารย์ดาบ เนื่องจากมีหลายสิ่งหลายอย่างที่พลังเวทย์สามารถทำได้ แต่พลังปราณของปรมาจารย์ดาบไม่สามารถทำได้ และถ้าจอมเวทย์ได้เตรียมตัว เขาสามารถสังหารได้แม้กระทั่งปรมาจารย์ดาบ
หยางเฟยพูดขึ้นอีกครั้ง “บารอส เรามาพูดเรื่องนี้กันเถอะ!”
บารอสยิ้มอย่างเย็นชา “ได้! ท่านเอิร์ลเอียน ถ้าท่านเอาชนะข้าได้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ข้าจะเป็นผู้ติดตามที่จงรักภักดีต่อท่าน แต่ถ้าหากท่านพ่ายแพ้ ได้โปรดลงนามและลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพด้วย!”
เมื่อหยางเฟยได้ลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพ บารอสมีความหวังที่จะได้รับตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพ เขาจะได้รับทรัพยากรเพิ่ม รวมถึงอำนาจสั่งการที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีหนังสือเวทมนตร์ที่สามารถอ่านเพิ่มเติมจากเดิมได้
ลำดับขั้นของเหล่าจอมเวทย์วังหลวง การที่จะมีสถานะสูงขึ้น ได้รับทรัพยากรมากขึ้น ระบบนี้จะช่วยให้พวกเขาพัฒนาตัวเอง พวกเขาต้องพยายามอย่างถึงที่สุด เพื่อให้ได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ
หยางเฟยตอบกลับอย่างมั่นใจ “ได้ ถ้าข้าแพ้ ข้าจะลงนามลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการกองทัพ!”
บารอสพูดต่อเบาๆ “’งั้นพวกเราไปที่ลานประลองเวทมนตร์กัน!”
หยางเฟยตอบ “ดี!”
หลังจากที่หยางเฟยสัญญา ลำแสงส่องสว่างขึ้นไปบนห้องโถง เหล่าจอมเวทย์วังหลวงภายในห้องโถงได้แพร่กระจายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไปทั่วทั้งหอคอยสีขาวอย่างรวดเร็ว พวกเขาต้องการให้จอมเวทย์คนอื่นๆมาช่วยเป็นพยานของการเดิมพันในครั้งนี้ เป็นผลให้เมื่อหยางเฟยพ่ายแพ้และยินยอมทำตามสัญญา แม้ว่าเขาจะเป็นขุนนางที่แท้จริง หอคอยสีขาวก็จะไม่มีที่ให้เขายืนอีกต่อไป
หยางเฟยมองไปยังแสงเวทมนตร์ที่ส่องสว่างออกไป มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและเผยรอยยิ้มออกมา “ดูเหมือนว่าข้าจะยังไม่เป็นที่รู้จักสินะ!”