Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 31
“ตุบ!” “ตุบ!” “ตุบ!”
สกายในตอนนี้กำลังชกไปที่กระสอบทรายอย่างรุนแรงและที่มือของเธอก็ถูกพันด้วยผ้าดิบเพื่อป้องกันการบาจเจ็บ
ร่างกายของสกายในตอนนี้เต็มไปด้วยเหงื่อ ทำให้เสื้อกล้ามที่เธอใส่อยู่ตอนนี้เปียกชุ่มไปหมดและโชว์รูปร่างที่เซ็กซี่ของเธอออกมา
“ที่รัก คุณกำลังทำอะไรอยู่งั้นหรอ?“
ซู่เจินเดินเข้ามาและถามสกายขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
สกายต่อยไปที่กระสอบทรายและพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม “กำลังฝึกน่ะ เพราะว่าแฟนของฉันเป็นคนที่เก่งมาก ๆ ดังนั้นฉันจึงต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะให้ฉันสามารถช่วยเหลือคุณได้ในอนาคต!”
ซู่เจินยิ้มออกมาและเดินไปช่วยเธอจับกระสอบทรายเอาไว้และพูดว่า “ถ้าคุณไม่ไหวก็อย่าฝืนล่ะ อ้อ! แล้วทำไมคุณไม่ลองไปถามเหมยดูล่ะ ถ้าให้เธอเป็นคนสอนคุณ คุณน่าจะพัฒนาไปได้เร็วกว่านี้มากเลยล่ะ! “
“ เหมยงั้นหรอ?”
สกายคิดอยู่พักหนึ่งและเธอก็ตัดสินใจได้ว่าถ้าเธอมีเวลาเธอควรที่จะแวะไปคุยกับเหมยสักเล็กน้อย
และในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ก็มีเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้น ทำให้ทุกคนในยานมารวมตัวกันที่ห้องประชุม
ทันทีที่เขาเดินทางมาถึงห้องประชุมเขาก็เห็นฟิลโคลสันเดินเข้ามาในห้องประชุมและพูดว่า “ครึ่งชั่วโมงที่แล้วรถขนส่งของ S.H.I.E.L.D. ถูกโจมตีบนถนนทางหลวงหมายเลข 76 ในเมืองสเตอร์ลิง ภายในรถคันนี้ได้บรรทุกทรัพย์สินที่มีระดับความสำคัญในระดับ สีแดง”
“ ระดับความสำคัญ สีแดง?” สกายถามขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ฟิว โควสันอธิบายต่อว่า “ทรัพย์สินนี้เป็นของนักฟิสิกส์ชาวแคนาดา ดร. แฟรงคลิน ฮอลล์ และทรัพย์สินชิ้นนี้ก็คือ งานวิจัยของเขา” ขณะที่ฟิว โควสันพูดเขาก็หยิบแท็บเล็ตออกมาและแสดงข้อมูลของดร. แฟรงคลิน ฮอลล์ ให้ทุกคนดู
“ อะไรนะ! ศาสตราจารย์ ฮอลล์ งั้นหรอเป็นไปได้ยังไง!”
เจมมาและฟิทซ์พูดขึ้นมาพร้อมกันด้วยความประหลาดใจ
“เขาเป็นครูสอนพิเศษด้านจลนพลศาสตร์เคมีของพวกเราในมหาวิทยาลัยตอนปีสอง” ฟิทซ์พูดขึ้นมา
“ใช่ เขาเป็นคนที่หลงใหลในวิทยาศาสตร์และฉันก็เคารพนับถือเขามาก เราจะไปช่วยเขาใช่ไหม?” เจมมามองโคลสัน
โคลสันกล่าวขึ้นมาและมองไปที่เจมมาด้วยสายตาจริงจัง “เขาเป็นคนของเรา ฉันจะพยายามให้ดีที่สุด”
“ แล้วรู้หรือยังว่าใครเป็นคนร้าย?”
ซู่เจินถามแทรกขึ้นมา
“มนุษย์ล่องหน!”
โคลสันพูดขึ้นและหันตัวไปทางซ้าย
ไม่นานยานบินก็ลงจอดตรงสถานที่เกิดเหตุและพวกเขาก็เดินลงมาจากยาน
“ดร.ฮอล เขาคือทรัพย์สินงั้นหรอ?” สกายถามขึ้นมาอย่างงงๆ เพราะเธอยังไม่ค่อยชินกับคำเรียกของพวก S.H.I.E.L.D. ซะเท่าไหร่
“ เขาเป็นหนึ่งในนักวิทยาศาสตร์เพียงไม่กี่คนที่ S.H.I.E.L.D. ให้ความสำคัญ เพราะนักวิทยาศาสตร์เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญต่อแผนการในอนาคต ทำให้พวกเราต้องค่อยปกป้องและรักษาความปลอดภัยให้กับพวกเขาอย่างดีที่สุด” โคลสันอธิบาย
“ พวกเรารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เขามาคอยให้คำปรึกษากับพวกเรา” เจมมาพูดออกมา
“ แต่ตอนนี้เขาถูกลักพาตัวไปแล้ว”
“แล้วระดับความสำคัญสีแดงนี่หมายถึงอะไร” สกายถามขึ้นมาอีกครั้ง
“ ระดับการรักษาความปลอดภัยสูงสุด … ” ก่อนที่โคลสันจะพูดจบเขาก็เห็นรถที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ข้างๆกับจุดที่เขายืนอยู่
“โอ้ มาย ก๊อด!”
เมื่อมองไปที่รถที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ ทุกคนถึงกับพูดไม่ออกและแสดงสีหน้าตกใจออกมา
สิ่งนี้สินะที่เรียกว่า ความแข็งแกร่ง …
เมื่อพวกเขาเดินไปถึงจุดเกิดเหตุ โคลสันก็เดินไปถามสถานการณ์คร่าว ๆ จากเพื่อนร่วมงานของ S.H.I.E.L.D. ที่กำลังนั่งพักฟื้นรักษาอาการบาดเจ็บกันอยู่
พวกเขาเล่าว่าอยู่ดี ๆ รถก็ถูกยกขึ้นและผลักกระเด็นไปอยู่บนต้นไม้ เมื่อพวกเขามองไปรอบ ๆ ก็ไม่เจอใครและดร. ฮอลยังถูกลักพาตัวไปอีก พวกเขาสงสัยว่าน่าจะมีหนอนบ่อนไส้อยู่ใน S.H.I.E.L.D. อย่างแน่นอนไม่งั้นคนร้ายจะรู้เส้นทางและระยะเวลาที่พวกเขาใช้เดินทางกันได้ยังไง ?
ซู่เจิน,สกาย และคนอื่น ๆ มองดูไปรอบ ๆ ในสถานที่เกิดเหตุและพวกเขาก็พบเข้ากับอะไรบางอย่าง
เจมมาหยิบแว่นตาขึ้นมาใส่และถือเครื่องสแกนขึ้นมาและสแกนไปรอบๆ สักพักก็ได้ยินเสียงร้องดังขึ้นมาจากเครื่องสแกน ราวกับว่าตรวจเจออะไรบางอย่าง เธอหันไปเรียกผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ให้เข้ามาช่วยเธอตรวจสอบ และเจมมาก็หยิบดินขึ้นมากำไว้ในมือแต่สิ่งแปลกประหลาดก็เกิดขึ้น เธอพบว่าดินที่เธอหยิบขึ้นมามันกลายเป็นพายุหมุนขนาดเล็กที่ไม่มีแรงลมและกำลังทำอะไรบางอย่างกับเครื่องสแกนของเธอ
“เกิดอะไรขึ้นงั้นหรอ?” สกายถามขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
“ฉันคิดว่าเครื่องสแกนเหมือนจะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น … อะไรบางอย่าง?” เจมมาพูดขึ้นมาอย่างไม่แน่ใจ เพราะเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น
ทันทีที่เธอพูดจบเครื่องก็สั่นขึ้นมาอย่างรุนแรงและมีลมพัดอย่างรุนแรงรอบ ๆ เครื่องสแกน ซุ่เจินเมื่อเห็นอย่างนั้นก็รีบปล่อยพลังจิตของเขาออกมาและสร้างเกราะป้องกันพลังจิตห่อหุ้มร่างกายของทุกคนเอาไว้
“ ปิดเครื่องมันได้ไหม!” โคลสันตะโกนถามขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง
เจมมาพยายามที่จะปิดมัน แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างที่เธอขึ้นเพราะเครื่องมันเริ่มสั่นแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องสแกนเริ่มค่อย ๆ หลุดออกมาที่ละชิ้น
ซู่เจินมองไปที่เจมมาและคิดว่าเธอไม่สามารถปิดเครื่องมันได้แน่ ๆ เขาจึงพุ่งเข้าไปคว้าเครื่องสแกนมาไว้ในมือ และบีบไปที่มันอย่างแรง
“ตูม!” เครื่องสแกนแตกละเอียดกลายเศษเหล็กอยู่ในมือของซู่เจิน
ในขณะเดียวกันลมที่พัดอยู่รอบ ๆ ก็หยุดลงอย่างกระทันหัน
สถานการณ์ก็ค่อย ๆ กลับสู่ความสงบ
“นั่นคืออะไร?”
เจมมาพบอะไรบางอย่างตกอยู่ที่พื้น เธอก้มตัวลงและหยิบมันขึ้นมาด้วยแหนบปากแหลม เมื่อเธอมองดูใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นแหวน ซึ่งมันมีขนาดเล็กมากและดูเหมือนว่าจะมีลูกเหล็กขนาดเล็กมาก ๆ ติดอยู่บริเวณข้างในแหวน
“สิ่งนี้มันคืออะไร?” สกายถามขึ้นมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
โคลสันหยิบมันขึ้นมาดูและพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “นี่มันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ซะแล้วสิ”
ซู่เจินอดไม่ได้ที่จะกลอกตามองบนและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณช่วยพูดให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งที่คุณต้องการจะสื่อหน่อยได้ไหม หรือไม่ก็อธิบายให้พวกเราเขาใจด้วยไม่ใช่เข้าใจอยู่คนเดียว เพราะพวกเราทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แค่ดูจากสถานการณ์ตรงหน้าใคร ๆ ก็ดูออก!”