Marvel : The King ราชาของโลกมาเวล - ตอนที่ 12
ช่วงเวลาในหนังไม่ได้ระบุไว้อย่างแน่ชัด มีผู้คนเดินหลั่งไหลไปมาเต็มท้องถนนไปหมด ซู่เจินอดสงสัยไม่ได้ว่าตอนนี้เขาจะทำอะไรก่อนดี และเวลาของเขาก็มีอยู่อย่างจำกัด ไม่แน่ว่าพล็อตส่วนใหญ่ได้ผ่านไปแล้วหรือไม่ก็เพิ่งเริ่มเรื่อง
ในพล็อตมีความสามารถที่สำคัญ ๆ อยู่ประมาณสามอย่าง เช่น ความสามารถที่เรียกว่า ‘แวมไพร์‘ เป็นหนึ่งในความสามารถของครอบครัวฝั่งตัวร้าย โดยที่ครอบครัวพวกเขามีกันอยู่ 4 คนความสามารถของพ่อเขาไม่มีใครรู้ ส่วนพี่ชายทั้งสองสามารถโจมตีด้วยเสียงได้ ในขณะที่น้องสาวหลี่เสี่ยวหลู่เป็นนักพยากรณ์สามารถทำนายอนาคตได้
“ ภารกิจหลักคือการได้รับความสามารถมากกว่าสามความสามารถและที่นี่มีความสามารถมากมายดังนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน อย่างไรก็ตามมันมีผู้ที่สามารถทำนายอนาคตได้ เขาไม่รู้ว่าจะทำได้สำเร็จหรือไม่ ถ้าเขาต้องการพลังเขาจะต้องฆ่าผู้พยากรณ์ทั้งสองซะก่อนจะได้ไม่มีปัญหา! “
มีนักพยากรณ์อยู่สองคนในโลกนี้ คนแรกอยู่ฝั่งตัวร้ายชื่อว่า หลี่เสี่ยวหลู่ และอีกคนอยู่ฝั่งพระเอก
“ จะเริ่มที่ใครดีนะ?” ซู่เจินยิ้มชั่วร้ายพลางคิดถึงเรื่องนี้ขณะที่เขาเดิน
จู่ ๆ เขาก็เห็นคน ๆ หนึ่งเดินออกมาจากตรอก!
ชายคนนี้มีใบหน้าที่น่าเกลียดและน่ากลัวเขาเป็นหนึ่งในคนที่มีความสามารถคลื่นเสียง ในเมื่อเขามาอยู่ที่นี่แล้วฝั่งพระเอกก็ควรอยู่ที่นี่ด้วยใช่หรือไม่?
“เมื่อนายเป็นคนมาฉันด้วยตัวเอง งั้นเริ่มที่นายเป็นคนแรกเลยละกัน!”
ซู่เจินยิ้มด้วยความชั่วร้ายและเดินตรงไปหา
“โทษที นายมีไฟแช็คไหม?” ซู่เจินเดินเข้ามาหาแล้วตบไปที่ไหล่แล้วพูดขึ้นมา
มนุษย์คลื่นเสียงขมวดคิ้วและจ้องมาที่ซู่เจิน
“โอ้! ฉันลืมไปฉันว่าฉันมีไฟแช็ค” ซู่เจินยิ้มและหยิบไฟแช็กของจอห์นออกมาแล้วก็จุดไฟขึ้นมา เปลวเพลิงก็พริ้วไหวไปมา
“ในเมื่อพี่สาวนายเป็นนักพยากรณ์เขาจะรู้ไหมว่านายตายได้ยังไง?”
“คุณ……”
มนุษย์คลื่นเสียงถึงกับตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเขาได้สติเขาก็ตอบสนองทันที เขาอ้าปากและกำลังจะโจมตีด้วยคลื่นเสียง
แต่ทันทีที่เขาอ้าปากซู่เจินก็ควบคุมเปลวเพลิงจากไฟแช็คเขาบินเข้าไปในปากของมนุษย์คลื่นเสียง
เปลวเพลิงค่อย ๆ แผดเผาลำคอของ มนุษย์คลื่นเสียง ทำให้เขาไม่สามารถส่งเสียงใด ๆ ออกมาได้ ซู่เจินยกมือขึ้นและบีบไปที่ไหล่แล้วพาตัวมนุษย์คลื่นเสียงเข้าไปในตรอก
“ อย่าขยับ ไม่งั้นตาย! … ”
ซู่เจินขู่ด้วยเสียงทุ้มต่ำและผลักเขาเข้าไปในตรอก
เมื่อเห็นมนุษย์คลื่นเสียงจับไปที่ลำคอด้วยความเจ็บปวด ซู่เจินยืนมองด้วยสายตาเรียบเฉยและพูดอย่างผ่อนคลาย “ฉันจะรอสักพักไม่แน่น้องของนายอาจจะรู้แล้วว่านายตกอยู่ในอันตราย และเธออาจจะมาช่วยนายก็ได้”
หลังจากพูดจบซู่เจินก็ยืนเล่นเล่นไฟแช็ครอ…เวลาผ่านไปประมาณห้านาทีมันชั่งรวดเร็วซะจริง
“น่าเสียดายดูเหมือนเธอจะไม่รู้สึกตัว ดังนั้น … นายก็ตายได้อย่างสบายใจแล้วล่ะ!”
หลังจากพูดจบซู่เจินก็จับไปที่คออย่างรุนแรงและความสามารถในการกลืนก็เริ่มทำงาน
ซู่เจินได้ความสามารถของเขามาแล้วอย่างง่ายดาย
“ แปลก? ดูเหมือนว่าความสามารถในการกลืนกินของฉันจะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเพราะฉันแข็งแกร่งขึ้นหรือเป็นเพราะจิตใจที่ชั่วร้ายของเขา?”
กระบวนการกลืนกินเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ แม้ว่าจะไม่รู้ว่ามันเกิดจากอะไร แต่ความรู้สึกนี้ทำให้ซู่เจินรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
“ ไหนขอลองใช้พลังหน่อยสิ!”
เมื่อเห็นมนุษย์คลื่นเสียงที่นอนไร้เรียวแรงอยู่ซู่เจินก็เปิดปากของเขาและเริ่มโจมตีด้วยคลื่นเสียงทันที
คลื่นเสียงที่ส่งออกมานั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก เพ้ง!เพ้ง!เพ้ง!เพ้ง … กระจกรอบๆ ข้างระเบิดกระจุยกระจายด้วยคลื่นเสียงและมนุษย์คลื่นเสียงที่นอนอยู่บนพื้นเขาเอามือขึ้นมาปิดหูของเขาและดิ้นรนอย่างทรมาณไม่นานเลือดก็ไหลออกมาจากหู ตา และปากของเขา
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็แน่นิ่งไป
“ความสามารถนี้ไม่เลว ถึงแม้ว่ามันจะไม่เจ๋งมาก แต่พลังโดยรวมก็ถือว่าโอเค!”
ซู่เจินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจและหันหลังเดินออกจากตรอก แต่เขาก็ไปไม่ไกลนักเขานั่งลงร้านอาหารข้าง ๆ ซอยสั่งบะหมี่มาหนึ่งชามและนั่งกินเงียบ ๆ คนเดียว !
ใช่เขากำลังรอ! รอให้คนอื่น ๆ มาที่นี่
ถ้ามนุษย์คลื่นเสียงอยู่ที่นี่ คนอื่น ๆ ก็ควรอยู่แถวนี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อกี้เกิดเสียงดังมาก ดังนั้นพวกเขาควรจะรู้ว่าน่าจะเป็นที่นี่
ซู่เจินนั่งรอคอยอย่างใจเย็น รอพวกเขามากันให้หมดแล้วจัดการทีเดียว
หลังจากนั่งรอมาตั้งนานจนกระทั่งเขากินบะหมี่หมดแต่ก็ยังไม่มีใครมาทำให้ซู่เจินขมวดคิ้วเล็กน้อย
เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาไม่ได้แถวนี้ หรือว่าพวกเขารู้อะไรบางอย่างแล้วไม่กล้าเข้ามา?
อาจเป็นไปได้ว่าพี่ชายกับเธอไม่ค่อยลงรอยกันเลยไม่มาช่วย แต่เธอก็น่าจะทำนายอนาคตของมนุษย์คลื่นเสียงได้ เพราะยังไงมนุษย์คลื่นเสียงก็เป็นพี่ชายของเธอและเป็นตัวละครสำคัญในเรื่อง
หรือเพราะว่ามนุษย์คลื่นเสียงตายไปแล้วเธอจึงไม่มา?
“เป็นนักพยากรณ์นี่ลำบากจริงๆ!”
ซู่เจินส่ายหัวและเดินออกจากร้าน ในหนังไม่ได้บอกว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน บอกแต่บ้านของพระเอกตราบใดที่เขาพบพระเอกของเรื่องเขาก็จะพบกับ “ผู้พยากรณ์” มันเป็นแค่เรื่องพื้นฐานง่าย ๆ ที่ทุกคนต้องรู้!
ไม่นานซู่เจินก็เดินมาถึงที่ชั้นล่างของตึกที่พระเอกอาศัยอยู่ ดูเหมือนว่าเขาจะมาทันเวลาเขาเห็นชาวต่างชาติสองคนเดินขึ้นไปข้างบน สองคนนี้เป็นคนของ “องค์กร” เป้าหมายของพวกเขามาเพื่อจับพระเอกและนางเอก เพราะพวกเขามีความสามารถในการติดตามสิ่งต่าง ๆ ได้ ตราบใดที่พวกเขาได้กลิ่นและได้สัมผัส พวกเขาจะรู้ว่าคุณได้ทำอะไรมาบ้างในอดีต
“ฉันจะปล่อยให้คุณมีชีวิตรอดอีกสักพัก แม่สาวน้อยนักทำนาย”
เมื่อเห็นพวกเขาเข้าไปในบ้านของพระเอกเรียบร้อยแล้ว ซู่เจินก็มองไปรอบ ๆ
เพราะหลังจากที่พวกเขาเข้าไปนักพยากร์จะปรากฏตัวขึ้นเพื่อค้นหาอะไรบางอย่าง ดังนั้นในเวลานี้นักพยากรณ์ควรอยู่ใกล้ ๆ นี้ และจะมาถึงในเร็ว ๆ นี้
แน่นอนว่าซู่เจินพบเธอแล้ว เธออยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก
เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่ย้อมผมหลากหลายสีและในมือเธอถือปากกาและสมุดอันใหม่ที่ยังไม่ได้ถูกใช้งาน!
เธอเตรียมสมุดและปากกามาเพื่อพิสูจน์ว่าความสามารถนักพยากรณ์ของเธอให้กับพระเอกรู้ว่าเธอเป็นนักพยากรณ์จริงๆ!
“ขอโทษที… ไม่ต้องห่วงฉันไม่ได้จะทำร้ายเธอ“
ซูวานเดินตรงเข้าไปหาในขณะที่เธอสังเกตไปทางอื่นอยู่ ซู่เจินเดินมาอยู่ตรงหน้าเธอและมองเธอด้วยรอยยิ้ม แต่เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ
“ฉันทางเลือกให้เธอสองทางเลือก ข้อที่ 1.มอบความสามารถของเธอมาให้ฉันและข้อที่ 2. ตาย! เธอสามารถเลือกได้เลย เพราะ … ฉันเห็นว่าเธอยังเป็นเด็กดังนั้น … ฉันจะให้โอกาสเธอเลือก!” ซู่เจินพูดออกมาแบบตรง ๆ ไม่มีอ้อมค้อม
“คุณเป็นใคร” สาวน้อยนักพยากร์ถามขึ้นมาและเตรียมตัวที่จะหันหลังวิ่งหนี
แต่น่าเสียดายที่เขาถูกซู่เจินจับไว้ได้อย่างง่ายดาย “ฉันพูดกับเธอด้วยดี ๆ แล้วนะ ถ้าฉันโหดร้ายก็อย่าว่าละกัน!“
“เดี๋ยวก่อนคุณเป็นใครกันแน่?“
“มันไม่สำคัญ แต่ตอนนี้ความสามารถของเธอต้องเป็นของฉัน!”
เมื่อสิ้นเสียงพูดซู่เจินก็คว้าไปที่ตัวเธอและเริ่มกลืนกินความสามารถของเธอ
มันผ่านไปได้ด้วยดี ภายในเวลาไม่นานเขาก็กลืนกินความสามารถในการทำนายอนาคตของเธอได้สำเร็จ
“มันเป็นเพราะจิตใจที่ชั่วร้ายของฉันจริง ๆ ที่ทำให้ทุกอย่างราบรื่นเช่นนี้ มันมีประโยชน์มาก!” ซู่เจินปล่อยมือจากเด็กผู้หญิงตัวน้อยเขาหัวเราะด้วยความพึงพอใจและก็มีภาพนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในหัวของเขา … มันคือ ภาพของอนาคต!