Martial God Space - ตอนที่ 281
Martial god space ตอนที่ 281 อดีตผู้นำนิกาย
อสูรปีศาจสงครามที่น่าสะพรึงกลัว กำลังย่างก้าวไปข้างหน้า แต่ละก้าวของมันทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน และอาคาร บ้านเรือนที่อยู่บริเวณรอบๆ ก็พังทลายลง ร่างของ อสูรปีศาจสงคราม สูงราวกับภูเขาขนาดใหญ่ มาพร้อมกับพลังทำลายล้างอันยิ่งใหญ่ของมัน
” เปรี้ยงง! ” อสูรปีศาจสงครามปะทะเข้ากับป้อมปราการสงคราม สุดยอดเครื่องจักรสงครามอันน่าสะพรึงกลัวของทั้งสองฝ่ายได้ปะทะกันอย่างไร้ความปราณี
” วิ้งงงงงง! ” ปราณดาบ แผ่กระจายออกไปหลายสิบไมล์ ทำให้ทหารม้าปีศาจนับไม่ถ้วนถูกทำลายลงในทันที
ในเวลานี้ ร่างของชายคนหนึ่งที่ผอมเพรียวปรากฏตัวขึ้นจากส่วนลึกของสำนักยี่หยวน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย และเหี่ยวย่น
ลักษณะใบหน้าของของชายคนนี้บ่งบอกว่าเขาชรามากแล้ว ตัวตนของชายชราคนนี้ สร้างความสงสัยให้กับสาวกทั้งหมดที่มองไปยังเขา มีกระซิบพูดคุยกันท่ามกลางพวกเขา กล่าวกันว่า เขาอาจจะเป็นผู้อาวุโสที่หลบซ่อนตัวมาเป็นเวลานาน
” นั่นมัน ท่านอดีตผู้นำนิกายของเราที่เคยรับตำแหน่งเมื่อ 1,000 ปีที่แล้วไม่ใช่หรือ? ” สาวกคนหนึ่งที่มีสายตาอันแหลมคม เขาสามารถจำจดใบหน้าของชายชราคนนั้นได้ในทันที
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทำเอาเหล่าสาวกต่างพากันน้ำตาไหลออกมาด้วยความปลื้มปิติ ไม่มีใครในสำนักยี่หยวนที่ไม่รู้จัก และเคารพต่อท่านอดีตผู้นำนิกายผู้ทรงพลังนี้
อดีตผู้นำนิกายสองสมัยของสำนักยี่หยวน และเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในบรรดาผู้นำนิกายทั้งหมด อย่างไรก็ตาม เมื่อครั้ง 1,000 ปีที่แล้ว สำนักยี่หยวนตกอยู่ในวิกฤติครั้งใหญ่ ในครั้งนั้นมีการค้นพบขุมทรัพย์โบราณ และมีผู้เชี่ยวชาญของสำนักยี่หยวนจำนวนมากร่วมอยู่ในเหตุการณ์ แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุขึ้น และทำให้พวกเขาไม่สามารถกลับออกมาได้
ในช่วงเวลาที่สำนักยี่หยวนกำลังระส่ำระสาย ทรัพยากรบุคคลที่ได้รับการสืบทอดมรดกมาในช่วงหนึ่งหมื่นปีได้สูญหายไปในในชั่วพริบตา แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ อดีตผู้นำนิกายได้ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ และออกเดินทางไปเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน ในที่สุดเขาก็สามารถรักษาสำนักยี่หยวนเอาไว้ได้ และฟื้นฟูความแข็งแกร่งของนิกาย และก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของ 5 กองกำลังหลัก
อย่างไรก็ตาม มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานหลายร้อยปีพลังชีวิตของเขาถูกใช้ไปจนหมด และเขาใช้ช่วงเวลาสุดท้ายของเขาในการนั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรภาวนา ทุกคนคิดว่าเขาคงเสียชีวิตอย่างสงบในท่านั่ง นับแต่นั้นเป็นต้นมาอดีตผู้นำนิกายก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และทุกคนต่างคิดว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วจริงๆ ในท่านั่ง
(NT: การตายในท่านั่ง ในทางปฏิบัติของพุทธศาสนา ถือว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มันเป็นวิธีเดียวที่จะหยุดตัวเองไม่ให้กลายเป็น ซอมบี้ หลังจากความตาย)
โดยไม่คาดคิดในช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ อดีตผู้นำนิกาย จะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อช่วยสำนักยี่หยวน
เขาเป็นบุคคลที่น่านับถือตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา และเป็นผู้กอบกู้ชื่อเสียงของสำนักยี่หยวน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทุกคนต่างให้ความเคารพเขาเป็นอย่างมาก
ร่างผอมสูงของ อดีตผู้นำนิกาย โค้งค่อมเล็กน้อย และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยจุดด่างดำของคนสูงอายุ เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าพลังชีวิตในร่างของเขากำลังจะหมดลงได้ทุกขณะ เห็นได้ชัดว่าการดำรงอยู่ของเขาได้รับการสนับสนุนจากอำนาจจิต และแรงใจของเขา เพื่อให้บรรลุขอบเขตระดับนักปราชญ์ การปรากฏตัวของเขาในครั้งนี้ ทำให้ร่างกายของเขาตกอยู่ในอันตราย หลังจากเขาหลบซ่อนตัวมาอย่างยาวนาน และตอนนี้เขาก็รู้สึกได้ว่าจุดสิ้นสุดของชีวิตของเขากำลังใกล้เข้ามา
การมาถึงของ อดีตผู้นำนิกาย ก่อให้เกิดคลื่นแห่งความหวังขึ้นท่ามกลางเหล่าสาวกของสำนักยี่หยวน
แม้แต่ร่างเงาปีศาจก็ไม่กล้าดูถูก อดีตผู้นำนิกาย และมองเขาอย่างเคร่งขรึมด้วยความเคารพนับถือ ราวกับว่าไม่อาจประมาทความแข็งแกร่งของชายชรานี้
การปรากฏตัวของ อดีตผู้นำนิกาย แม้ว่าจะช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้กับสาวกของสำนักยี่หยวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ตามสงครามครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุด ทหารปีศาจอีกจำนวนมากมายยังคงเดินทัพมุ่งหน้าเข้ามาอย่างไม่หยุดหย่อน และสาวกของสำนักยี่หยวนกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ นี่ไม่ต่างกับการถูกรุมกินโต๊ะสังหารหมู่อย่างน่าสยดสยอง
ถ้าหากนี่เป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวแล้ว เหล่าสาวกของสำนักยี่หยวนไม่มีทางตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ตอนนี้ผู้คนนับแสนกำลังทำสงคราม
ท่ามกลางแม่น้ำสายเลือด หนึ่งนิกายของสำนักยี่หยวน กำลังตกอยู่ในขั้นวิกฤต ถึงขั้นถูกกวาดล้างทั้งนิกาย
ทุกคนพยายามต่อสู้อย่างสุดความสามารถ โดยไม่มีทางเลือกอื่น
” ผู้เฒ่า เห็นได้ชัดว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ถ้าเจ้ายืดอายุขัยของเจ้า ด้วยทักษะลมหายใจของเต่าสมุทร เจ้าอาจมีชีวิตรอดได้อีก 100 ปี แต่ตอนนี้ดูเหมือนเจ้ากำลังรนหาที่ตาย? ” ร่างเงาปีศาจ มองอย่างเย็นชามาที่ อดีตผู้นำนิกาย และกล่าวว่า เขาก็เป็นผู้มีพลังลมปราณอยู่ในขอบเขตระดับนักปราชญ์ เช่นเดียวกันกับ อดีตผู้นำนิกาย แต่อาการบาดเจ็บของ อดีตผู้นำนิกาย ที่เขาเคยประสบมาก่อนนั้นร้ายแรงมาก และจำกัดความสามารถในการต่อสู้ของเขา พลังชีวิตที่เหลือแค่ประคองชีวิตเอาไว้ได้เท่านั้น ถ้าเขายังฝืนเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ เขาจะต้องตายอย่างแน่นอน
” ถึงเจ้าจะนำทหารปีศาจมามากมายนับร้อยนับพัน เจ้าก็ไม่สามารถเอาชนะสำนักยี่หยวนของข้าได้ แค่ก. . แค่ก! ” อดีตผู้นำนิกาย ไออยู่หลายครั้ง พร้อมกับมีเลือดปนออกมา
” ท่านอดีตผู้นำนิกาย!” สาวกของสำนักยี่หยวน ตะโกนออกมาด้วยความเป็นห่วง และกังวลเกี่ยวกับอาการของเขา
” ข้าต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามมามากมายนับไม่ถ้วน เพียงสิ่งเดียวที่ยังขาดหายไป คือ การต่อสู้กับทหารม้าปีศาจ! แค่ก. . แค่ก! ” ชายชรา ไออีกครั้ง ในขณะที่พูด
” ฮึ! ดูเหมือนว่าความปรารถนาครั้งสุดท้ายของเจ้า คือ การตาย ข้ายินดีจะมอบมันให้แก่เจ้า! ” ร่างเงาปีศาจ กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา เขาไม่ได้สนใจชายชราที่กำลังใกล้ตายเลยแม้แต่น้อย เขานำกองกำลังทหารปีศาจจำนวนมากมายมาครั้งนี้ เพื่อทำลายล้างสำนักยี่หยวน และแน่นอนว่า เขาจะไม่ยอมให้ใครมาขวางทางของเขา
ใครก็ตามที่พยายามขวางทางของเขา มันจะต้องตาย
ร่างเงาปีศาจ ยิงลำแสงสีดำออกมาจากหอก กลายเป็นมังกรอเวจี พลังของมันสามารถตัดโลกออกเป็นสองส่วนพุ่งตรงไปทาง อดีตผู้นำนิกาย
ร่างผอมสูงของ อดีตผู้นำนิกาย ดูราวกับเรือลำน้อยที่ลอยอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำป่าที่บ้าคลั่ง ทันใดนั้นเขาดึงดาบออกมาทันที และปลดปล่อย ปราณดาบ โจมตีออกไป
” เปรี้ยงง! ” ความน่าสะพรึงกลัวของการปะทะกัน ทำให้เกิดรอยแตกของพื้นที่มิติเป็นสีดำดูน่ากลัวมาก
กองกำลังทั้งสองฝ่ายได้รับความสูญเสียอย่างหนักจากการชนกันครั้งแรก
” โฮกกกกกก! ” ดาบยาวในมือของ อดีตผู้นำนิกาย กลายร่างเหมือนมังกรดำ มันคำรามออกมาก่อนปะทะเข้ากับมังกรอเวจี การปะทะกันทำให้เกิดการระเบิดของพลังงานที่ไม่มีที่สิ้นสุดกระจายเต็มไปทั่วท้องฟ้า
การชนระหว่างลำแสงของปราณดาบ และเงาของหอกบดบังทั่วทั้งท้องฟ้า
” แค่กก! ” อดีตผู้นำนิกาย ไอออกมาเป็นเลือด สีหน้าของเขาดูซีดเผือกราวกับคนตาย แต่จิตใจของเขายังคงแน่วแน่ ดูเหมือนการโจมตีครั้งต่อไปเขาคงไม่สามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ แม้ว่าสถานการณ์จะเลวร้าย และกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เขาก็หันกลับไม่ได้
เหล่าสาวกของสำนักยี่หยวนต่างพากันร้องไห้ พวกเขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ต้องแลกมาในการต่อสู้ครั้งนี้ คือ พลังชีวิตของอดีตผู้นำนิกาย
ร่างเงาปีศาจ ในตอนนี้มันได้ปลดปล่อยปราณปีศาจผสานเข้ากับมังกรอเวจี แล้วยิงลำแสงออกมาจากปาก พุ่งตรงไปยัง อดีตผู้นำนิกาย
อดีตผู้นำนิกาย พุ่งไปข้างหน้า และตัดมันด้วย ปราณดาบ ของเขา
ปราณดาบ ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ โดยมังกรอเวจี มันส่งเสียงคำราม และพุ่งเข้าหาร่างของ อดีตผู้นำนิกาย
“ปังงงง!” ร่างของ อดีตผู้นำนิกาย ปลิวออกไปชนเข้ากับยอดภูเขา ทำให้ยอดภูเขาพังทลายทันทีจากกระแทกโดยตรง
” ท่านอดีตผู้นำนิกาย” สาวกของสำนักยี่หยวน ร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนก และเริ่มร้องไห้อย่างขมขื่น
” ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ และผู้อาวุโสระดับสูงของพวกเรา พวกเขาอยู่ที่ไหน? “
สาวกบางคนกำลังตกอยู่ในความสับสน เพราะช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้ พวกเขาไม่รู้ว่าผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักยี่หยวนอยู่ที่ไหน และทำไมพวกเขาไม่ยอมออกมาช่วยเหลือ อดีตผู้นำนิกาย ที่กำลังต่อสู้อยู่ในขณะนี้
“วันนี้ ข้าจะบดขยี้สำนักยี่หยวนแล้วไปเหยียบย่ำกองกำลังหลักอื่นๆ ของอาณาจักรหุบเขาเมฆา เราจะพิชิตดินแดนแห่งนี้ แล้วเปลี่ยนมันให้เป็นดินแดนของปีศาจ ” ร่างเงาปีศาจ กล่าวอย่างเสียงดัง
” ฆ่าไอ้ปีศาจชั่วเหล่านี้ เราไม่ยอมให้ปีศาจก้าวเข้ามาสู่ดินแดนของเราได้”
“ใช่ ฆ่าไอ้ปีศาจชั่วเหล่านี้! “
หนึ่งในสาวกของสำนักยี่หยวนตะโกนออกมา ภยันตรายต่อการถูกขุดรากถอนโค่นอยู่เบื้องหน้าพวกเขา และมันไม่สำคัญว่าความเกลียดชังที่เคยมีในหมู่พวกเขา แต่ในเวลานี้ทุกคนพร้อมใจกันต่อสู้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ในสำนักยี่หยวน มีสาวกมากกว่าแสนคน และพวกเขาทุกคนก็พร้อมที่จะประจันหน้ากับกองทัพปีศาจ
“บรึ่มมมมม!”
ทันใดนั้น เกิดเสียงระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง ตามมาด้วยฉากอันน่าสยดสยอง ทหารปีศาจหลายตัวระเหยกลายเป็นหมอกเลือด ร่างของบุคคลลึกลับคนหนึ่งก็โผล่ออกมา
ร่างของเขาเป็นสีทอง ทุกครั้งที่เขาพุ่งเข้าไปกลางกลุ่มของทหารปีศาจ มันดูเหมือนกับลำแสงสีทอง
ออร่าที่น่าสะพรึงกลัวได้ระเบิดออกมา จากนั้นแสงสีทองก็กลายร่างเป็นมังกรสีทอง และในชั่วพริบตาทหารปีศาจจำนวนมากก็ระเหยกลายเป็นไอ ทหารปีศาจทั้งหมดถูกสังหารด้วยระเบิดเพียงครั้งเดียว
การปรากฏตัวของบุคคลลึกลับ และออร่าสีทองที่สว่างไสวของเขา ราวกับเทพเจ้าสงครามสีทองลงมาจุติบนโลก
” นั่นมัน ศิษย์พี่ เย่! “
” ศิษย์พี่ เย่ อยู่ที่นี่แล้ว ในที่สุดเขามา! “
บรรดาเหล่าสาวกของสำนักยี่หยวน ต่างพากันโห่ร้องด้วยความยินดี และขวัญกำลังใจของพวกเขาก็ลุกโชนขึ้นมาอย่างฉับพลัน แม้ว่าสำนักยี่หยวน จะมีผู้เชี่ยวชาญที่ทรงอำนาจหลายคน บางคนมีอาจจะแข็งแกร่งกว่า เย่ ซีหวิน แต่พวกเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญจากคนรุ่นก่อน ๆ และไม่ใช่รุ่นเดียวกันกับ เย่ ซีหวิน และศิษย์แท้จริงคนอื่น ๆ
ตอนนี้ เย่ ซีหวิน เป็นศิษย์แท้จริงเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ในนิกาย ส่วน ฉู จิ้งฉาย ถูกส่งตัวเข้าไปสืบทอดงานต่างๆ ในส่วนลึกของสำนักยี่หยวน เพื่อฝึกเป็นผู้นำนิกาย
การปรากฏตัวของ เย่ ซีหวิน ในสนามรบตอนนี้ ก็มากพอที่จะเพิ่มความมั่นใจ และขวัญกำลังใจของเหล่าสาวก
” พวกเจ้าทุกคนไม่ต้องกังวล ผู้นำนิกายของพวกเรา และเหล่าผู้อาวุโส กำลังตามมาถึง อีกในไม่ช้า! ” เย่ ซีหวิน คำรามเสียงดังสนั่นกระจายไปทั่วสนามรบ เหล่าสาวกของสำนักยี่หยวนไม่มีความกังวลอีกต่อไป เมื่อได้ยินคำพูดของ เย่ ซีหวิน
เย่ ซีหวิน เรียกตราประทับถล่มภูผาออกมา ขนาดของมันขยายใหญ่ขึ้นบนท้องฟ้า และทันทีที่มันตกกระแทกลงมา ก็สามารถฆ่าทหารปีศาจจำนวนมากได้ในชั่วพริบตา
ร่างของ เย่ ซีหวิน ปกคลุมไปด้วยออร่าสีทองคำ และแผ่รังสีแสงสีทองออกไปทั่วบริเวณโดยรอบ เขาเป็นเหมือนดั่งเทพเจ้าแห่งสงครามสีทอง และมีแววตาของนักล่า
คราวนี้ ความสามารถในการต่อสู้ของ เย่ ซีหวิน ได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก จนบรรลุขอบเขตลมปราณปัจฉิมบท ไปสู่ขอบเขตระดับตำนานครึ่งก้าว หลังจากปิดด่านฝึกตนนานกว่าหนึ่งเดือนแล้ว เย่ ซีหวิน ได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากขั้นที่ 9 ลมปราณมหาเทพ ก็สามารถทะลวงขอบเขตลมปราณปัจฉิมบทได้ในคราวเดียว
(NT : พลังในการต่อสู้ หรือ ความสามารถในการต่อสู้ของ เย่ ซีหวิน เหนือกว่าขอบเขตพลังลมปราณตัวเอง เนื่องจาก เย่ ซีหวิน มีความแข็งแกร่งของร่างกายที่เหนือกว่าผู้มีพลังลมปราณในระดับเดียวกัน)
” เย่ ซีหวินนน! ข้าไม่คาดว่าจะได้พบเจ้าที่นี่ ข้าจำได้ว่าครั้งสุดท้ายเจ้าเป็นคนทำลายแผนการของเรา แต่วันนี้มันจะเป็นวันตายของเจ้า! ” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากอีกด้านหนึ่ง เย่ ซีหวิน มองตามทิศทางของเสียง เขาพบว่า ลู่ หงเหวย ยืนถือดาบในมือของเขา และมองเขาด้วยสายตาเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อของมัน