Martial God Space - ตอนที่ 269
Martial god space ตอนที่ 269 สถาบันยอดยุทธ
” ข้าได้รู้ว่า กฎข้อบังคับใหม่ที่เพิ่งถูกนำมาใช้ของเขา ได้สร้างปัญหาให้กับเจ้า และข้าต้องบอกว่า เขาทำไม่ถูกต้องในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ จิ้น ซวน ไม่ได้กล่าวโทษเขา ” ฉี เฟ่ยฝาน กล่าว ” ข้ารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วที่จะเปิดเผยบางสิ่งที่สำคัญให้กับศิษย์แท้จริงทุกคนต้องรู้ “
“โอ้? ข้าต้องรบกวนศิษย์พี่แล้ว ” เย่ ซีหวิน ตอบอย่างนอบน้อม เขาพึ่งเป็นศิษย์แท้จริงเมื่อไม่นานมานี้ และส่วนใหญ่ใช้เวลาไปกับการยกระดับการเพาะบ่ม จึงไม่สามารถเรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมายที่เกี่ยวกับศิษย์แท้จริง
อันที่จริงแล้ว เย่ ซีหวิน วางแผนที่จะสอนบทเรียนให้กับ ฉู จิ้งฉาย ถ้ามันยังสร้างปัญหาให้กับเขา ถึงแม้ว่า ฉู จิ้งฉาย จะเป็นผู้ชิงตำแหน่งที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมากที่สุดในกลุ่มของศิษย์แท้จริง สำหรับตำแหน่งผู้นำของนิกายหลังจากก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับตำนาน ความสำเร็จของ เย่ ซีหวิน ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ในช่วงเวลาสั้นๆ ครึ่งปีที่ผ่านมา เขายกระดับขอบเขตจนถึงจุดที่เขาสามารถฆ่าซอมบี้ระดับตำนานครึ่งก้าวได้ด้วยตัวคนเดียว ความสามารถในการต่อสู้ของเขาไม่อาจซ่อนจากทุกคนได้
เย่ ซีหวิน ไม่ได้ถูกคุกคามโดย ฉู จิ้งฉาย และมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเขาได้ไม่ช้าก็เร็ว
อย่างไรก็ตาม หลังจากฟังสิ่ง ฉี เฟ่ยฝาน พูด ดูเหมือนมีบางอย่างเข้าใจผิดกัน
“ในความเป็นจริง แม้ว่าจะมีการแข่งขันระหว่างศิษย์แท้จริง พวกเขามักจะให้ความร่วมมือมากกว่าแย่งชิงกัน การต่อสู้กันระหว่างเจ้า และ ลั่ว ยี่ฟาน, ฉู จิ้งฉาย ก็ทราบถึงเรื่องนี้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เข้าไปแทรกแซง เจ้ารู้ไหมว่าทำไม? ” ฉี เฟ่ยฝาน กล่าว
” ทำไมกัน? ” เย่ ซีหวิน ถาม และเมื่อคิดย้อนกลับไปมันก็เป็นความจริง ฉู จิ้งฉาย ไม่เคยเข้ามาแทรกแซง ตั้งแต่ตอนที่มีการต่อสู้กันระหว่างเขา และ ลั่ว ยี่ฟาน บางที ฉู จิ้งฉาย อาจยืมมือของ ลั่ว ยี่ฟาน อยู่เบื้องหลัง แต่ไม่เคยทำอย่างเปิดเผย
ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นเรื่องผิดปกติอย่างมากเพราะ ฉู จิ้งฉาย สามารถแทรกแซงได้อย่างง่ายดายในฐานะศิษย์แท้จริง เพื่อช่วย ลั่ว ยี่ฟาน เขาสามารถอ้างเหตุผลเพื่อโจมตี เย่ ซีหวิน แต่ทำไมเขาไม่ทำเช่นนั้น?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ เย่ ซีหวิน กลายเป็นศิษย์แท้จริงแล้ว นั่นคือสงครามเย็นที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับ ฉู จิ้งฉาย แต่ถึงอย่างนั้น ฉู จิ้งฉาย ก็ไม่เคยใช้วิธีการที่รุนแรงกับเขา
” ความจริงก็คือ คนภายนอกคิดว่าเราเป็นศิษย์แท้จริงแล้ว พวกเราต้องสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งชิงตำแหน่งผู้นำ ” ฉี เฟ่ยฝาน กล่าว
” มันเป็นความจริงเหรอ? ” เย่ ซีหวิน ถามด้วยความแปลกใจ เพราะเขาเคยเห็นการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่าง ฉู จิ้งฉาย กับ หวง ลั่วเฉิน ไม่เพียงแค่นั้นเขายังเคยเห็นการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างสาวกของสองศิษย์แท้จริง
” ถ้าให้พูดตามตรง ไม่เคยมีการต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายในกลุ่มของพวกเรา ฉี เฟ่ยฝาน กล่าว ” และในความเป็นจริง การต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายนี้จะอยู่ในส่วนของผู้อาวุโส และสาวกของพวกเขา ศิษย์แท้จริงอย่างพวกเราไม่เคยต่อสู้แบบเอาเป็นเอาตายมาก่อนเลย
” เนื่องจากผลประโยชน์ของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับเรา ดังนั้นพวกเขาจึงมีความกังวลมากกว่าพวกเรา และพูดในสิ่งที่ตรงข้ามจนเกินความจริงก็เพื่อจะสนองความต้องการของพวกเขาเอง ” ฉี เฟ่ยฝาน อธิบาย
เย่ ซีหวิน เข้าใจสิ่งที่ ฉี เฟ่ยฝาน กำลังพยายามจะพูด บางครั้งคนอื่นก็กังวลมากกว่าเรา และแอบอ้างในนามของเรา โดยไม่ได้รับอนุญาตทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อน
” ข้าอยากบอกให้เจ้ารู้บางสิ่ง ในความเป็นจริงแล้ว ข้าไม่เคยต้องการตำแหน่งผู้นำนิกายเลย ” ฉี เฟ่ยฝาน กล่าว สีใบหน้าของ เย่ ซีหวิน ปรากฏความประหลาดใจขึ้นในทันที ฉี เฟ่ยฝาน สังเกตเห็น เขายิ้มและกล่าวว่า ” สำหรับคนมากมายการได้รับตำแหน่งผู้นำคือเป้าหมายตลอดชีวิตของพวกเขา และพวกเขาพยายามแข่งขันมาตลอดทั้งชีวิตของพวกเขา แต่สำหรับข้า มันไม่เคยเป็นเป้าหมาย ถ้าหากข้าต้องการแล้วมันง่ายแค่เพียงปลายนิ้ว “
” สำหรับข้าแล้ว มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถทำได้นอกเขตแดนเล็กๆ ของสำนักยี่หยวน โลกใบนี้กว้างใหญ่มาก และมีอะไรมากมายให้ออกไปสำรวจ ” ฉี เฟ่ยฝาน กล่าว ” ศิษย์น้อง เย่ เจ้าเคยได้ยินเรื่อง สถาบันยอดยุทธ หรือไม่? “
เย่ ซีหวิน ส่ายหน้า เขาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับ สถาบันยอดยุทธ มาก่อน
” งั้นเหรอ แต่ก็ช่วยไม่ได้ ดูเหมือนศิษย์น้องจะทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับฝึกฝน และยกระดับการเพาะบ่มในระยะเวลาสั้น ดังนั้นจึงขาดความรู้ความเข้าใจทั่วไป ” ฉี เฟ่ยฝาน ชี้ให้เห็นจุดด้อย และ เย่ ซีหวิน ก็เข้าใจในคำพูดทันที เขามันแต่มุ่งเน้นไปกับการฝึกฝนเพื่อยกระดับการเพาะบ่มอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาขาดความรู้ทั่วไปเหล่านี้โดยที่เราไม่รู้ตัว
” ทางตอนใต้ของโลกแห่งวรยุทธ มีสถาบันอันมีชื่อเสียงที่ชื่อว่า สถาบันยอดยุทธ ซึ่งทุกคนสามารถไปศึกษาต่อได้ อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์มากมายหลายชั่วอายุคนต่างมารวมตัวกันเพื่อเข้าศึกษาใน สถาบันยอดยุทธ เพื่อแสวงหาโอกาสในอนาคตที่สดใสขึ้น ” ฉี เฟ่ยฝาน กล่าว
” ข้าไม่เคยรู้ว่ามีสถานที่แห่งนี้มาก่อนเลย ” เย่ ซีหวิน ไม่รู้เลยจริงๆ แม้ว่าเขาจะอ่านหนังสือมากมาย เมื่อครั้งที่เขาเคยอยู่ในขอบเขตลมปราณต้นกำเนิด แต่เมื่อระดับการเพาะบ่มของเขาก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มให้ความสำคัญกับการฝึกศิลปะการต่อสู้และตำนานโบราณ เพื่อหาคำแนะนำเพิ่มเติมในการฝึกฝนต่อไป
เย่ ซีหวิน ก็รู้สึกว่าเขาไม่ได้รู้อะไรอีกมากมาย จะกล่าวคือ ความรู้เกี่ยวกับเรื่องในปัจจุบันของเขายังถือว่าน้อย และเขาต้องเข้าไปที่ หอคัมภีร์ยุทธ ของสำนักยี่หยวนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ของเขา มิฉะนั้นการขาดความรู้ทั่วไปอาจทำให้เขาอับอาย
แน่นอนว่าตอนนี้การอ่านหนังสือง่ายขึ้นมากสำหรับเขา เพราะเขาสามารถใช้ทักษะการค้นหาจิตวิญญาณของเขาในการอ่านหนังสือ เพื่อการเรียงลำดับข้อมูล และความเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
หากไม่มีทักษะการค้นหาจิตวิญญาณ มันเป็นอะไรที่บ้ามาก ที่จะต้องอ่านหนังสือจำนวนมากที่เก็บไว้ใน หอคัมภีร์ยุทธ
” อืม จริงๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าเมื่อ สถาบันยอดยุทธ ก่อตั้งขึ้นมาช่วงไหน บางทีอาจเป็นช่วงสงครามปีศาจ หรือบางทีอาจก่อนหน้านี้ ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อไหร่ แต่ก็มีมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว สำหรับผู้เชี่ยวชาญทุกคนที่มีความอยากรู้อยากเห็น และมีความทะเยอทะยาน เพื่อทำตามความปรารถนาของตัวเอง ” ฉี เฟ่ยฝาน กล่าว ” ผู้มีพรสวรรค์มากมายจากทางตอนใต้ปรารถนาที่จะเข้าสถาบันแห่งนี้ และไม่เพียงแค่นั้น สัตว์ประหลาดที่เป็นอัจฉริยะจากต่างอาณาจักรก็เข้าไปศึกษาใน สถาบันยอดยุทธ เป็นเรื่องยากที่จะบอกได้ว่ามีคนจำนวนมากมายเพียงใด ที่ศึกษาในสถาบันแห่งนี้ และรายชื่อนี้จะต้องยาวมากๆ “
( NT : สัตว์ประหลาด หมายถึงผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งเหนือมนุษย์ แข็งแกร่งเกินมาตราฐานของผู้เชี่ยวชาญทั่วไป )
” นั่นคือสนามรบของข้า! ” ฉี เฟ่ยฝาน ลุกขึ้นยืน ความปรารถนาอันแรงกล้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ” ไม่ใช่แค่ข้า ฉู จิ้งฉาย, หวง ลั่วเฉิน และศิษย์แท้จริงคนอื่น ๆ ก็ยังปรารถนาที่จะเข้าไปที่ สถาบันยอดยุทธ เราทุกคนอยากทดสอบความสามารถตัวเอง ท่ามกลางสัตว์ประหลาดที่นับไม่ถ้วนเหล่านั้น “
ฉี เฟ่ยฝาน กล่าวด้วยความมั่นใจ แม้ว่าเขาจะพูดถึงอัจฉริยะนับไม่ถ้วนจากดินแดนต่างอาณาจักร ก็ไม่มีทางสั่นคลอนความมั่นใจของเขาได้เลย
ฉี เฟ่ยฝาน นับว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นๆ ของผู้เชี่ยวชาญในปัจจุบันของภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ แต่หากเขาเข้าสู่ สถาบันยอดยุทธ ก็มีโอกาสมากที่เขาจะตกไปอยู่ในกลุ่มของสาวกธรรมดา!
หลังจากนั้น มันคือการแข่งขันอย่างแท้จริงระหว่างอัจฉริยะที่ไร้เทียมทาน! การแข่งขันระหว่างศิษย์แท้จริงไม่มีความหมายสำหรับเขา
” เจ้าอาจจะเห็นว่าข้าเป็นศิษย์แท้จริงที่อยู่ในขอบเขตระดับตำนานครึ่งก้าวมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เจ้ารู้หรือเปล่าว่า ข้าตั้งใจที่จะทำเช่นนั้น? ” ฉี เฟ่ยฝาน กล่าว
เย่ ซีหวิน ได้แต่ส่ายหัว และเกิดคำถามขึ้นในใจของเขาว่าทำไม แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญที่มีชื่อเสียงเช่น ฉี เฟ่ยฝาน ที่สามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับตำนานได้อย่างง่ายดาย แต่กับติดอยู่ในขอบเขตระดับตำนานครึ่งก้าว เขารู้สึกมึนงงกับเรื่องนี้ และดูเหมือนมันจะเหตุผลบางอย่างอยู่เบื้องหลัง
เย่ ซีหวิน รู้ว่าศิษย์แท้จริงเหล่านี้ อาจติดอยู่ในขอบเขตระดับตำนานครึ่งก้าวนี้นานนับสิบปี ในความเป็นจริง ฉี เฟ่ยฝาน ติดอยู่ในขอบเขตนี้มานานถึง 40 ปีที่ผ่านมา
เป็นไปได้ไหมว่า อัจฉริยะที่มีพรสวรรค์เหล่านี้ผู้ซึ่งถูกเรียกว่า ศิษย์แท้จริง ไม่เคยมีใครสามารถก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับตำนาน?
แน่นอนว่า ไม่! เย่ ซีหวิน ไม่อยากจะเชื่อว่าพวกเขาจะไม่สามารถออกจากขอบเขตระดับตำนานครึ่งก้าวไปสู่ขอบเขตระดับตำนาน และอาจจะใช้เวลาหลายทศวรรษในการทำเช่นนั้น มันอาจจะเป็นจริงสำหรับผู้เชี่ยวชาญทั่วไป แต่ไม่ใช่สำหรับศิษย์แท้จริง
” สำหรับผู้เชี่ยวชาญที่ต้องการเข้าร่วม สถาบันยอดยุทธ แห่งนี้จะเปิดรับเพียงครั้งเดียว ทุกๆ หนึ่งร้อยปี”
ระยะเวลาหนึ่งร้อยปีก็เท่ากับอายุขัยปกติของคนธรรมดา แต่สำหรับผู้ฝึกวรยุทธที่ประสบความสำเร็จแล้วก็ไม่มีความหมาย ไม่ต้องพูดถึง สถาบันยอดยุทธ ให้เวลาเพียงพอสำหรับผู้เชี่ยวชาญในการฝึกฝน และยกระดับขึ้นสำหรับเข้าร่วมบททดสอบต่อไป ระยะเวลา 100 ปี ยังไม่เพียงพอสำหรับผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เพื่อจะเตรียมตัวสำหรับการทดสอบเบื้องต้น
100 ปีที่ผ่านมา ฉู จิ้งฉาย และศิษย์แท้จริงคนอื่นๆ เคยมีประสบการณ์กับการเปิดตัว สถาบันยอดยุทธ สำหรับผู้สมัครใหม่ แต่พวกเขาไม่ได้ไป เพราะทุกคนไม่ใช่กรณีพิเศษ เช่น เย่ ซีหวิน ที่เพิ่งจะอายุ 20 ปี ตอนนี้ ในความเป็นจริงแล้วคุณสมบัติของพวกเขายังห่างไกล อย่างไรก็ตามตามระดับปัจจุบันและศักยภาพของทั้งสอง เย่ ซีหวิน และ ฮัว หมิงฮัน พวกเขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วม สถาบันยอดยุทธ ในอีก 100 ปีต่อมา
” สถาบันยอดยุทธ แบ่งสาวกออกเป็นหลายระดับ เช่น นักการภารโรง, ศิษย์ทั่วไป, ศิษย์ชั้นนอก, ศิษย์ชั้นใน, ศิษย์หลัก, ศิษย์เอก, ศิษย์แท้จริง และอื่นๆ “
” นั่นมันคล้ายกับระบบการจัดตำแหน่งของเรา ” เย่ ซีหวิน กล่าว
” ในความเป็นจริงแล้ว อาจกล่าวได้ว่า สำนักยี่หยวน และนิกายสำคัญอื่นๆ ของอาณาจักรหุบเขาเมฆา และรวมไปถึงทั้งภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ได้เลียนแบบระบบการศึกษา และระบบบริหารของ สถาบันยอดยุทธ ” ฉี เฟ่ยฝาน อธิบาย
” สถาบันยอดยุทธ เป็นสถานที่มีอำนาจมากที่สุดของทางตอนใต้ทั้งหมด ลองคิดดูว่าถ้าศิษย์เอกจากนิกายของเราได้มาศึกษาต่อที่สถาบันแห่งนี้ พวกเขาคงเป็นได้แค่นักการภารโรง ก็ถือว่าดีมากแล้ว ในทำนองเดียวกัน สาวกที่อยู่ในระดับตำนานครึ่งก้าว คงเป็นได้แค่ศิษย์ทั่วไป และสาวกที่อยู่ในระดับตำนานก็จะเป็นศิษย์ชั้นนอก เงื่อนไขสำหรับศิษย์ชั้นในก็จะยิ่งต้องการระดับที่สูงขึ้นเช่นกัน “
(NT: เหล่านักการภารโรงที่อยู่ในสำนักยี่หยวน พวกเขาเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญลมปราณต้นกำเนิด ซึ่งถูกจ้างให้เป็นผู้ทำความสะอาดโดยผู้อาวุโส และหัวหน้าผู้อาวุโส จะไม่ใช้ศิษย์ทั่วไปที่พึ่งเข้ามาในสำนักยี่หยวน
ลำดับชั้น : . . . .
นักการภารโรง < ศิษย์ทั่วไป < ศิษย์ชั้นนอก < ศิษย์ชั้นใน < ศิษย์เอก < ศิษย์แท้จริง < ศิษย์ระดับตำนาน < ศิษย์ระดับนักปราชญ์
เย่ ซีหวิน รู้สึกทึ่งในคำพูดของ ฉี เฟ่ยฝาน ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้ว แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับตำนาน ก็ไม่คู่ควรเป็นอะไรไปมากกว่าแค่ศิษย์ชั้นนอกของ สถาบันยอดยุทธ นอกจากนี้แล้ว สาวกระดับศิษย์เอกก็ไม่ต่างอะไรกับนักการภารโรงเมื่ออยู่ที่นั่น
พลังอำนาจอันยิ่งใหญ่และอิทธิพลของ สถาบันยอดยุทธ สามารถจินตนาการได้ง่ายๆ จากความจริงที่ว่า เพียงศิษย์ชั้นนอกของสถาบันก็เพียงพอที่จะสร้างความหายนะให้กับภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ได้ เป็นเรื่องยากที่จะจินตนาการถึงระดับของศิษย์หลัก และศิษย์แท้จริงของ สถาบันยอดยุทธ เย่ ซีหวิน ถึงกับตกใจทันทีเมื่อได้รู้ว่า ฉี เฟ่ยฝาน และศิษย์แท้จริงคนอื่นๆ ไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นศิษย์ชั้นนอกของ สถาบันยอดยุทธ
“แน่นอนว่า สิ่งเหล่านี้อาจไม่เป็นความจริงทั้งหมด เพราะนอกเหนือจากความแข็งแกร่ง และระดับการเพาะบ่ม สถาบันยอดยุทธ ยังให้สำคัญมากกับผู้ที่มีพรสวรรค์ และศักยภาพที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต ” ฉี เฟ่ยฝาน กล่าวว่า ” การประเมินของพวกเขาแบ่งออกเป็น ลมปราณมหาเทพ, ระดับตำนานครึ่งก้าว, ระดับตำนาน และขอบเขตระดับนักปราชญ์ เฉพาะผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นที่สุดเท่านั้น ถึงจะสามารถสร้างชื่อเสียงได้ที่นั่น “
ถ้าพูดถึงเราในฐานะศิษย์แท้จริง ระดับการเพาะบ่มของพวกเรายังคงต่ำเกินไป และถ้าเราก้าวเข้าสู่ขอบเขตระดับตำนาน เช่น ฉู จิ้งฉาย ความแข็งแกร่งของพวกเรายังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่งของเรา บางทีเราอาจถูกลดระดับจากศิษย์ทั่วไป ไปเป็นแค่นักการภารโรง “