Martial God Space - ตอนที่ 258
Martial god space ตอนที่ 258 บินโดยไม่หยุดพัก
ชายสามคนและหมาป่ารีบวิ่งไปตลอดทางด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ และในที่สุดก็ถึงเทือกเขาอันชั่วร้าย แม้ว่าเทือกเขาแห่งนี้สามารถมองเห็นได้จากส่วนใดส่วนหนึ่งของเกาะปิศาจ แต่ในความเป็นจริงตั้งอยู่ห่างไกลมากมันอยู่ในส่วนลึกของเกาะ ตอนนี้หลังจากเดินทางเข้ามาใกล้เทือกเขา สิ่งที่พวกเขาเห็นคือฝูงสัตว์ปีศาจจำนวนมากกำลังวิ่งเข้ามาที่เทือกเขาอย่างต่อเนื่อง
แม้แต่แม่น้ำสีเหลืองก็เปลี่ยนเส้นทางการไหลของมัน และไหลมาทางเทือกเขาอันชั่วร้าย ทหารซอมบี้กำลังเคลื่อนกองกำลังมาตามน้ำสีเหลืองอันยิ่งใหญ่ และเดินทางไปยังเทือกเขาอันชั่วร้าย นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่ากลัวมาก
กลุ่มชนเผ่าต่างๆ นับไม่ถ้วนที่ประกอบด้วยสายพันธุ์ต่างๆ ของสัตว์ปีศาจ ซึ่งมักจะหลบซ่อนตัวก็โผล่มาเป็นส่วนหนึ่งของส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่นี้ ไม่ต้องพูดถึงเหล่าทหารม้าปีศาจ ของทหารปีศาจก็เป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่นี้ ทำให้สถานการณ์ทั้งหมดค่อนข้างน่ากลัวสำหรับผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์
เย่ ซีหวิน ไม่สามารถบรรยายเป็นคำพูดได้ เมื่อเขามองไปที่กองกำลังของสัตว์ปีศาจและทหารปีศาจ กองทัพที่ยิ่งใหญ่และมีกำลังมากพอที่จะสร้างเกิดความวุ่นวายให้กับโลกแห่งวรยุทธ จำนวนนักรบระดับตำนานในกองทัพนี้อยู่เหนือจินตนาการ
ไม่ต้องพูดถึงความแข็งแกร่งของพวกมัน หลังจากอิทธิพลของพวกมันเสื่อมลงในช่วงหลายพันปี เย่ ซีหวิน ก็ไม่สามารถนึกภาพความแข็งแกร่งเดิมในยุคที่อิทธิพลของพวกมันอยู่ที่จุดสูงสุด
เสียงโหยหวนอันน่ากลัวของสัตว์ปีศาจซอมบี้ อาจได้ยินจากที่ไกล ๆ เย่ ซีหวิน ควบแน่นปราณหยวนไว้ในดวงตาของเขา และมันดูเหมือนราวกับว่าเขาเปิดดวงตาเทพ ตอนนี้เขาสามารถมองเห็นได้จากระยะไกลที่ไม่สามารถจินตนาการได้
จากระยะไกลเขาได้เห็นปีศาจโครงกระดูกถูกห่อหุ้มด้วยปราณมรณะ สิ่งเดียวที่จะอธิบายลักษณะของปีศาจโครงกระดูกเหล่านี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสะพรึงกลัว! มันเป็นเรื่องง่ายที่จะคาดเดาว่าพวกมันเป็นกลุ่มอิทธิพลโบราณ และในเวลานี้กองทัพของทหารปีศาจโครงกระดูกกำลังวิ่งลงภูเขา เสียงที่น่าสยองขวัญเกิดจากเสียงของกระดูกเสียดสีกัน และกระแทกกันดังก้องไปทั่วท้องฟ้า และทำให้บรรยากาศน่ากลัวมากยิ่งขึ้น
เย่ ซีหวิน ได้เห็นกองทัพของทหารปีศาจโครงกระดูกปะทะกับกองทัพสัตว์ปีศาจ และสิ่งมีชีวิตที่โหดเหี้ยมของทั้งสองฝ่ายได้เริ่มต้นการต่อสู้กัน สร้างน่าหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ในช่วงเวลานี้ทั้งสองฝ่ายต่างบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการสู้รบเลย
” แกว๊กกก! ” ในเวลานี้นกอินทรีปีกสีทองได้บินมาถึงราวกับเครื่องบินไอพ่น มันกระพือปีกอย่างรุนแรง และยิงลำแสงออกไปหลายลูก กองทัพทหารปีศาจโครงกระดูกถูกกวาดล้างออกไปเป็นพื้นที่บริเวณกว้าง
อย่างไรก็ตามนกอินทรีสีทองไม่ได้หยุดเพียงเท่านั้น มันมุ่งหน้าไปยังภูเขาแห่งความตาย ด้านหลังของกองทัพทหารปีศาจโครงกระดูก มีกองทัพขนาดใหญ่ของทหารปีศาจโครงกระดูกและซอมบี้ ผู้เชี่ยวชาญของซอมบี้หลายคนมีความแข็งแกร่งและระดับการเพาะบ่มที่น่าทึ่ง ผู้บัญชาการซอมบี้ได้ปลดปล่อยออร่าอันไร้เทียมทานของมัน กวาดเอาปราณมรณะพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าจนกลายเป็นเสาออร่าแห่งแสง เสาออร่าแห่งแสงอันชั่วร้ายนี้ได้พุ่งสูงขึ้นไปสู่ท้องฟ้า มันระเบิดและกระจายเมฆสีดำออกไปทั่วทุกทิศทาง
ดวงตาของ เย่ ซีหวิน เบิกกว้างขณะที่เขามองเห็นฉากนี้ เขาแทบลืมหายใจและไม่อยากเชื่อสายตาของเขา หากทหารปีศาจโครงกระดูกน่ากลัวแล้ว ผู้เชี่ยวชาญของซอมบี้นั้นน่ากลัวมากยิ่งกว่า แล้วยังมีวิญญาณชั่วร้ายที่กำลังรอสร้างความหายนะให้กับโลกใบนี้
วู เฉาฉิน สบถออกมาดัง ๆ และกล่าวว่า ” ให้ตายเถอะ! ข้าเพียงแค่หวังว่าค่ายกลอาณาเขตนี้ จะยังคงสะกดพลังของกองทัพซอมบี้เหล่านี้เอาไว้ ไม่งั้นพวกเราต้องแย่แน่ “
เสียงคำรามของสัตว์ปีศาจ เสียงคำรามของซอมบี้ เสียงเสียดสีกันของกระดูก เมื่อผสานเข้าด้วยกัน เสียงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวอย่างมาก มากพอที่จะทำให้ท้องฟ้าและแผ่นดินสั่นสะเทือนได้
จำนวนของสัตว์ปีศาจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีสัตว์ปีศาจอีกจำนวนมากที่เข้าร่วมการสู้รบ เพื่อหยุดการอาละวาดของกองทัพซอมบี้
ทั้งสองฝ่ายต่างตกอยู่ในภาวะวิกฤติขั้นร้ายแรง ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะต้องยับยั้งกองทัพซอมบี้จากการทำลายล้างเกาะทั้งหมด
มันเหมือนวันสิ้นโลก ทั้งเกาะกำลังสั่นสะเทือน ดูเหมือนโลกทั้งโลกกำลังจะพังทลายลง อันเป็นผลมาจากการสู้รบครั้งนี้
ในไม่ช้าแม่น้ำสีเหลืองก็ไหลมาถึงจุดหมายปลายทาง และทหารปีศาจก็เข้าร่วมการสู้รบ ทหารม้าปีศาจก็พุ่งเฉียงเข้ามาจากด้านข้าง และตัดแบ่งกองกำลังระหว่างทหารปีศาจโครงกระดูกและซอมบี้ แม้ว่าทหารปีศาจโครงกระดูกและซอมบี้อาจเป็นผู้ทรงอำนาจพิเศษเมื่อครั้งพวกมันยังมีชีวิตอยู่ แต่เมื่อเผชิญกับแม่น้ำสีเหลืองพวกมันก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของวิญญาณชั่วร้ายที่คอยดักซุ่มโจมตีอยู่ในแม่น้ำสีเหลือง และลดความเข้มแข็งทางวิญญาณของพวกมันลงอย่างมาก บางตัวไม่สามารถรักษาพลังชีวิตเอาไว้ได้ พวกมันกรีดร้องเสียงดัง และละลายไปในที่สุด
มันเป็นสงครามที่น่ากลัว พอที่จะสร้างความหวาดกลัวให้กับทุกคน ท้องฟ้าสีดำกำลังสร้างความเสียหายบนเกาะในรูปแบบของฝนมรณะที่มีความสามารถในการกัดกร่อนได้ทันที
เย่ ซีหวิน สูดหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวออกมา ” ไปกันเถอะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะต้องวิ่งผ่าสนามรบนี้ไป! ” มีเพียงแค่ทางเลือกเดียวเท่านั้นไม่เพียงมันจะช่วยชีวิตของเขาเท่านั้น แต่มันยังช่วยรักษาความปลอดภัยของคนทั้งโลกอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ผู้ดูแลสุสาน ได้บอกก่อนหน้านี้ว่า พวกเขาไม่สามารถออกจากเกาะนี้ได้ และถ้ากองทัพซอมบี้นี้สามารถหลุดรอดออกไปภายนอกก็ไม่มีประโยชน์ที่จะกลับออกไป เพราะทั้งโลกแห่งวรยุทธจะต้องเผชิญหน้ากับการถูกทำลายล้าง
มนุษยชาติทั้งหมดจะเผชิญการถูกทำลายล้าง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องหาทางออกของปัญหานี้
” เฟี้ยวว! ” การบินด้วยความเร็วสูงสุดของ เย่ ซีหวิน ขณะที่ตัดผ่านอากาศทำให้เกิดเสียงที่แหลมคล้ายกับเสียงร้องของปีศาจ
เย่ ซีหวิน และคนอื่นๆ รีบบินกันไปตลอดทาง และในไม่ช้าก็ถึงจุดตัดกันระหว่างกองทัพทั้งสองฝ่าย ทหารปีศาจดูเหมือนจะเข้าใจว่า เย่ ซีหวิน และคนอื่น ๆ มาที่นี่เพื่อช่วยพวกมัน ไม่ต้องพูดถึงพวกมันเต็มใจสละชีวิตในศึกครั้งนี้ และก็ไม่มีเวลาไปร่วมกลุ่มของ เย่ ซีหวิน
อย่างไรก็ตามทหารปีศาจโครงกระดูกสังเกตเห็นพวกเขา และทันใดนั้นผู้บังคับบัญชาทหารปีศาจโครงกระดูกที่น่าสะพรึงกลัวได้สั่งให้ทหารทหารปีศาจโครงกระดูกโจมตี พวกมันทำตามคำสั่งทันทีโดยการยิงลูกธนูกระดูกไปยัง เย่ ซีหวิน และกลุ่มของเขา
นอกจากนี้ ยังเต็มไปด้วยทหารทหารปีศาจโครงกระดูกระดับตำนานในระหว่างการโจมตี
” หลบไปให้พ้นทางข้า! ” เย่ ซีหวิน คำราม พร้อมกับร่างกายของเขาถูกปกคลุมด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์สีทอง อำนาจพลังศักดิ์สิทธิ์สีทอง กำลังลุกไหม้ไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้ปราณมรณะรอบๆ ตัวของเขาถูกชำระล้าง ลดความรุนแรงของเสียงโหยหวนของวิญญาณนับไม่ถ้วนที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต
เขาสะบัดใบมีดยาวในมือของเขา และปลดปล่อยลำแสงจากใบมีดเปลี่ยนเป็นม่านพลังทันที และสะกัดการโจมตีจากลูกธนูกระดูกที่พุ่งตรงเข้ามา และบดขยี้พวกมันจนแทบจะกลายเป็นผุยผงในทันที
มู่ หลิง และ วู เฉาฉิน ใช้เคล็ดวิชาลับของพวกเขา เพื่อป้องกันการโจมตีของลูกธนูกระดูก
จากนั้นก็มีเสียงร้องโหยหวนดังขึ้น และทหารปีศาจโครงกระดูกที่น่าเกรงขาม ก็เล็งลูกธนูมาที่ เย่ ซีหวิน และยิง
ลูกธนูเจาะผ่านช่องว่างมิติ และเกือบจะทันทีที่มาถึงหน้า เย่ ซีหวิน
เกือบจะในทันที ลำแสงอันน่าสยดสยองก็สว่างวาบขึ้นบนท้องฟ้า และลูกธนูกระดูกก็สลายตัวไปทันทีภายใต้พลังมหาศาลของมัน แล้วลำแสงสีทองอีกลูกก็พุ่งชนเข้ากับทหารปีศาจโครงกระดูกและบดขยี้พวกมันทันที
เย่ ซีหวิน เงยหน้าขึ้น และเห็นนกอินทรีปีกสีทองขนาดยักษ์จากระยะไกล มันไม่ได้หยุดเพียงแค่นั้น และมันโจมตีอย่างต่อเนื่องเพื่อฆ่าทหารซอมบี้
เห็นได้ชัดว่ามันทำเพื่อปกป้อง เย่ ซีหวิน และเพื่อนของเขา
ทั้งสามคนและลูกหมาป่ายังคงเดินทางต่อไป แต่พวกเขาระมัดระวังมากขึ้น คราวนี้พวกเขาโชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากนกอินทรีปีกสีทอง มิฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะยุ่งยาก
พวกเขายังคงมุ่งหน้าเดินทางต่อไป และพบผู้เชี่ยวชาญหลายคนตลอดทาง พวกเขาใช้ประโยชน์จากความสับสนวุ่นวายนี้ และมาถึงที่นี่เพื่อเข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกชักชวนโดย ผู้ดูแลสุสาน ในระยะเวลาอันสั้นพวกเขารู้ว่า ถ้าพวกเขาทั้งหมดไม่ออกมาช่วยตอนนี้แล้ว มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภัยพิบัติครั้งยิ่งใหญ่ซึ่งจะนำพาความตายมาให้กับทุกคน ดังนั้นพวกเขาตัดสินใจที่จะต่อสู้เพื่อความอยู่รอดแทนที่จะรอความตาย
กลุ่มของ เย่ ซีหวิน เข้าร่วมกับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ
นำกลุ่มโดยจักรพรรดิ เฉิน ตอนนี้เขานั่งอยู่บนหลังสิงโตสีทอง เขาดูสง่างามเหมือนจักรพรรดิที่แท้จริงของโลกใบนี้
ออร่าอันน่าเกรงขามของ จักรพรรดิ เฉิน กวาดออกไปทั่วทุกทิศทาง เขาหันไปมองดู เย่ ซีหวิน ที่กำลังบินเข้ามาร่วมกลุ่มของเขา เขาเค้นเสียงขึ้นจมูก แต่ไม่ใช้โอกาสนี้โจมตี เย่ ซีหวิน เพราะเขาตระหนักดีถึงความรุนแรงของสถานการณ์ เขาจึงทำเป็นไม่สนใจต่อการปรากฏตัวของ เย่ ซีหวิน และบังคับให้สิงโตสีทองบินมุ่งไปด้านหน้า
สามารถมองเห็น ฉิง ซู ซึ่งเขาได้ติดตาม จักรพรรดิเฉิน และออร่าของเขาไม่ด้อยไปกว่า จักรพรรดิเฉิน ด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว ลำแสงสีฟ้าจู่ๆ ก็ปรากฏออกมา และกวาดเอาทหารปีศาจโครงกระดูกออกไปจากเส้นทางของเขา
ฉิง ซู นั่งอยู่บนนกกระเรียนสีเหลืองที่สวยงาม และปรากฏตัวขึ้นราวกับเทพเจ้าผู้เป็นอมตะ มีหลายใบหน้าที่คุ้นเคยในกลุ่มนี้ เช่น จี่ โม่อิ้น สามารถมองเห็นเธอยืนอยู่บนไทแรนโนซอรัสปีกผีเสื้อของเธอ เหยี่ยวสงคราม ก็ขี่นกอินทรีปีกสีทองของเขา และ หวัง จื่อเวย ก็อยู่ด้วย เหล่าผู้เชี่ยวชาญทั้งสี่คนนี้ ได้เตรียมพร้อมรับมือเฝ้าระวังทั้งสี่ด้าน พร้อมกับผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์คนอื่น ๆ ที่ร่วมอยู่ในขบวนนี้
แม้แต่ มู่ โย่วหลัน และ เจี้ยน วู่เฉิน ก็เข้ามามีส่วนร่วมในครั้งนี้ด้วย นอกจากนี้ผู้เชี่ยวชาญคนอื่น ๆ อีกหลายอาณาจักรในสิบอาณาจักรในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ก็มาเข้าร่วมด้วย บางส่วนอยู่ในลมปราณมหาเทพขั้นที่ 7 หรือ 8 ในขณะที่บางส่วนอยู่ในลมปราณมหาเทพขั้นที่ 4 หรือ 5 เท่านั้น
ผู้เชี่ยวชาญของมนุษย์ที่ดีที่สุดของเกาะได้เข้าร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ เพื่อความอยู่รอดของพวกเขา
แต่ในเวลานี้กลิ่นคาวเลือดได้แผ่กระจายไปทั่ว ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแดง และเลือดเริ่มไหลนองไปทั่วทุกหนแห่ง ราวกับว่าสวรรค์กำลังร้องไห้เป็นสายเลือด
” ฝนเลือดอันชั่วร้ายมันน่ากลัวมาก! ” ผู้เชี่ยวชาญคนหนึ่งกล่าวว่า ตอนที่เขาโดนน้ำฝนเลือด ร่างกายของเขารู้สึกว่ามันหนักขึ้นจนไม่สามารถก้าวไปข้างหน้าได้
“กระจกเทียนหยวน!” เย่ ซีหวิน ตะโกนและ กระจกเทียนหยวน ก็บินออกไปในท้องฟ้า และปลดปล่อยม่านพลังสีแดงเข้มออกมาทันทีมันทำหน้าที่เป็นม่านกำบังป้องกันฝนเลือดที่ตกลงมา อย่างไรก็ตามเมื่อฝนเลือดตกลงที่ม่านกำบังสีแดงเข้ม มันกลายเป็นแหล่งพลังงานสำหรับกระจกเทียนหยวน
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” เยโม่ ส่งเสียงหัวเราะออกมาโดยปราศจากความกังวล เพราะฝนเลือดที่ตกลงมาก็เหมือนกับการอาบน้ำสำหรับมัน และกระจกเทียนหยวน การอาบฝนเลือดที่เกิดขึ้นจากการระเหยเลือดและแกนพลังของทหารสัตว์ปีศาจที่ถูกสังหารโดยทหารซอมบี้ สำหรับคนส่วนใหญ่ฝนเลือดนี้เป็นเหมือนคำสาป และยากที่จะรับมือกับมัน ในความเป็นจริงมันสามารถฆ่าผู้เชี่ยวชาญที่น่าเกรงขามได้ หากไม่สามารถใช้วิธีป้องกันที่เหมาะสมได้ แต่กระจกเทียนหยวนสามารถลบคำสาปและดูดซึมเลือด และแกนพลังออกจากมันได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไม กระจกเทียนหยวน ถึงสว่างมากขึ้น เนื่องจากมันดูดซับเลือดและแกนพลังของสัตว์ปีศาจที่ถูกฆ่าตายอย่างต่อเนื่อง แสงสีแดงเข้มที่ปล่อยออกมาจากกระจกเกือบคลุมทั่วท้องฟ้าโดยรอบ
ในเวลานี้ กระจกเทียนหยวน ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า ขนาดของมันใหญ่ขึ้นและครอบคลุมพื้นที่เป็นบริเวณกว้างมาก และฝนเลือดก็ถูกดูดกลืนโดยกระจกสีแดงเข้ม
ผู้เชี่ยวชาญต่างเอามือประสานกัน เพื่อแสดงความขอบคุณต่อ เย่ ซีหวิน ถ้า เย่ ซีหวิน ไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยในช่วงเวลาที่วิกฤติเช่นนี้ พวกเขาคงต้องเผชิญกับความยากลำบากในการจัดการกับฝนเลือด
พวกเขารู้สึกเหมือนอยากอาเจียน เนื่องจากกลิ่นเหม็นจากฝนเลือดที่โปรยปรายออกมาเป็นสายเลือด
นี่เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนต้องสามัคคีและความร่วมมือกัน เย่ ซีหวิน ไม่ได้ใจแคบและยื่นมือเข้ามาช่วยพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงนอกจากนี้เขายังได้เปิดใช้ กระจกเทียนหยวน ซึ่งเป็นการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ที่ดี ไม่ว่าในกรณีใด เย่ ซีหวิน ก็ตัดสินใจถูกต้อง
เฉพาะ จักรพรรดิเฉิน เท่านั้นที่มองด้วยสายตาเย็นชามาที่ เย่ ซีหวิน เขาไม่ได้ชื่นชมกับความแข็งแกร่งของ เย่ ซีหวิน หรือความเมตตาที่เขาทำ แน่นอนเขาไม่กลัวฝนเลือด และยังคงคุ้มแนวหน้า