Mai Kitsune Waifu – ภรรยาของผมเป็นเซียนจิ้งจอก - ตอนที่ 99
ตอนที่ 99 จับตาดูเขาให้ดี
หวังหยู่เจิ้งของห้องวิจัย.
พวกเขาย้ายเธอมาที่ห้องธรรมดาได้อย่างไรกัน.
หลิวอวี้ประหลาดใจเล็กน้อย.
แต่หวังหยู่เจิ้งเพียงก้มศรีษะของเธอลงเท่านั้น โดยไม่ได้พูดอะไรสักคำขณะที่ถือกระเป๋าของเธอ.
เฉินไช่อารมณ์เสียอย่างมาก เขาและหลิวอวี้เคยนั่งใช้โต๊ะร่วมกันมากว่าสองปี แต่ตอนนี้ที่นั่งของเขาถูกมอบให้คนอื่นอย่างนั้นเหรอ?.
อย่างไรก็ตาม เขาจะกล้าท้าทายคำพูดของอาจารย์ที่ปรึกษาได้อย่างไร.
“อาจารย์ครับ..เอ่อ ผมจะนั่งที่ไหนล่ะครับ?”
เฉินไช่ช่วยไม่ได้ที่จะถาม.
“เธอนั่งในแถวแรก ตรงที่นั่งว่างๆนี้ แล้วครูจะได้มองเห็นเธอได้ถนัด”
เฉินไช่ยิ้มขมขื่น “ฉันกลายมาเป็นเป้าหมายสำคัญที่อาจารย์ให้ความสนใจงั้นเหรอเนี่ย?”
“ให้ครูได้พักเถอะ”
หลี่เจียนหัวมองเฉินไช่อย่างเคร่งขรึม “นักเรียนในห้องสี่มารายงานครูว่า เธอไประรานนักเรียนหญิงคนหนึ่งในห้องของพวกเขา. เฉินไช่ หนอ เฉินไช่ ตอนนี้คือช่วงเวลาที่วิกฤติเอามากๆ เธอควรมุ่งเน้นที่การเรียน เธอเข้าใจมั้ย?. มิเช่นนั้น เธอจะต้องขอโทษผู้ปกครองที่ส่งเสียค่าเล่าเรียนสำหรับเธอ”
“ครับ ครับ อาจารย์ ผมเข้าใจแล้วครับ”
เฉินไช่กล่าวคอตก.
“หวังหยู่เจิ้ง เธอใช้โต๊ะร่วมกับหลิวอวี้. ภาษาอังกฤษของเขาดีมาก และทำให้พัฒนาได้รวดเร็ว และพวกเธอควรช่วยเหลือกันและกัน”
ภาษาอังกฤษของหวังหยู่เจิ้งค่อนข้างอ่อน. ดังนั้น หลี่เจียนหัว จึงจัดให้เธอนั่งข้างๆหลิวอวี้ เนื่องเพราะพัฒนาการอย่างรวดเร็วในภาษาอังกฤษของเขามีผลดีกับเธอ.
เรากล่าวได้ว่าหวังหยู่เจิ้งน่าสงสารนิดหน่อย.
สถิติผลการเรียนของเธอยอดเยี่ยม มักจะอยู่ในกลุ่มคะแนนระดับท็อป และทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้เข้าห้องวิจัย.
สุดท้าย เพราะมีเรื่องกับหลินหวาหยาง เธอจึงถูกขับออกจากห้องวิจัยในที่สุด.
“คาบเรียนจะเริ่มแล้ว. หวังหยู่เจิ้ง ไปนั่งที่เถอะ”
“เอ่อ.. ขอบคุณค่ะอาจารย์หลี่”
หวังหยู่เจิ้งกล่าวอย่างอ่อนแรง ถือกระเป๋าขณะที่เธอเดินไปข้างๆหลิวอวี้แล้วนั่งลง.
เธอนั่งลงและพร้อมด้วยปะทุกลิ่นหอมออกมา แล้วเริ่มจัดแจงโต๊ะส่วนของเธอ.
ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบเธอไม่ได้กล่าวกับหลิวอวี้สักคำเลย.
หลิวอวี้รู้สึกแปลกๆเล็กน้อย แม้ว่าการมีสาวสวยนั่งอยู่ด้านข้างเขาเป็นสิ่งที่ดี อย่างไรก็ตาม มีบางอย่างไม่ถูกต้อง.
ดังนั้น เขาจึงเขียนโน๊ตแล้วผลักมันไปข้างหน้าหวังหยู่เจิ้ง.
“ทำไมเธอถึงมาที่ห้องนี้?”
หวังหยู่เจิ้งเห็นโน๊ต นัยน์ตาของเธอพลันขึ้นสีแดง น้ำตาซึมออกมาจากนัยน์ตาของเธอ.
หลิวอวี้ตกใจ.
ชิบหายละ ฉันเพียงแค่ถามบางอย่างกับเธอ แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงร้องไห้ล่ะ.
เธอคงไม่ใช่พี่สาวหลินใช่มั้ย.
หลิวอวี้ตกใจเล็กน้อย. เมื่อเขานิ่งอึ้งว่าจะพูดหรือปลอบโยนหวังหยู่เจิ้งที่นอนร้องไห้เงียบๆอยู่บนโต๊ะอย่างไรดี โทรศัพท์มือถือของเขาพลันสั่น.
เขาได้รับข้อความ. เมื่อเขามองดู มันกลับเป็นข้อความจากเฉินไช่.
เฉินไช่คนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะนั่งแถวหน้า เขาก็ยังไม่สำนึก.
“ลูกพี่ นายรู้มั้ยว่าทำไมหวังหยู่เจิ้งถึงได้ย้ายมาที่ห้องของเรา?”
เฉินไช่ ไอ้สหายคนนี้ ทำไมถึงได้ยินข่าวไวจริงๆเลย?.
รู้เรื่องคนอื่นไปทั่ว.
หลิวอวี้ตอบกลับทันที “ทำไม”
“เมื่อเช้านี้ หลินหวาหยางได้ไปขอให้หวังหยู่เจิ้งเป็นแฟนของเขาอีกครั้ง และได้คุกคามเธอ ถ้าเธอปฏิเสธเขา เขาทำให้หวังหยู่เจิ้งออกจากห้องวิจัย ดังนั้น.. ลูกพี่ นายก็รู้”
หลิวอวี้อ่านข้อความนี้ พลางกำโทรศัพท์มือถือไว้เเน่น.
หลินหวาหยางคนนี้ ชักจะมากไปแล้ว.
อาจจะเป็นได้ว่า เขาคิดว่าเขาสามารถทำตามอำเภอใจในโรงเรียนนี้ได้น่ะ.
หลิวอวี้เขียนโน๊ตแล้วรุนเบาๆไปที่หวังหยู่เจิ้งที่นอนจมน้ำตาอยู่ข้างๆเขา และวางโน๊ตบนโต๊ะของเธอ.
หวังหยู่เจิ้งเช็ดน้ำตาของเธอและมองไปที่โน๊ต. และอ่าน.
“ต้องการให้ฉันช่วยเธอจัดการกับหลินหวาหยางมั้ย?”
หวังหยู่เจิ้งหยิบปากกาขึ้นมาด้วยนัยน์ตาแดงๆและเขียนสองสามคำแล้วส่งมันให้หลิวอวี้.
หลิวอวี้มองดู และพระเจ้าช่วย ลายมือของเธอน่ารักชะมัด.
“ไม่ ได้โปรด คนอย่างนายอย่าได้มารบกวนชีวิตของฉันเลย”
ความไม่พอใจของผู้หญิงคนนี้มองเห็นได้ลึกซึ้งนัก.
หลิวอวี้ไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปอย่างไรดี จึงแกล้งทำเป็นฟังบทเรียน.
หลินถงที่นอนบนโต๊ะของหลิวอวี้ มองอย่างพึงพอใจหลังจากที่อ่านโน๊ต.
“ฮี่ ฮี่ ฮี่ เป็นอย่างไรบ้างที่ถูกผู้หญิงโกรธน่ะ รู้สึกดีใช่มั้ย?”
“พี่สาวเซียนจิ้งจอก ผมถูกเกลียดจริงๆใช่มั้ย?”
หลิวอวี้ช่วยไม่ได้ที่จะถาม.
“ใช่ ใช่ เจ้ามันคนปัญญาอ่อน”
หลินถงกะพริบตาของเธอใส่หลิวอวี้.
“จริงเหรอ?”
“แต่บางครั้งมันก็น่ารักมาก”
หลินถงรู้สึกว่ามันง่ายมากที่จะผลักหลิวอวี้ลงสู่ความหดหู่ ดังนั้น เธอจึงยกยอเขาด้วย.
“ผู้ชายจะเรียกว่าน่ารักได้อย่างไร”
หลิวอวี้ยังคงอารมณ์เสีย “ลืมไปเถอะ ฉันมองหาภารกิจเพื่อปลดปล่อยมันออกไปดีกว่า”
พร้อมกันนั้น เขามองไปที่โทรศัพท์มือถือของเขา เปิดแอป และเริ่มค้นหาสำหรับข้อความภารกิจเมื่อเร็วๆนี้ในเมืองเป่ยหลง.
อย่างไรก็ตาม มันไม่มีภารกิจเกี่ยวกับฆาตกรโรคจิตนั่นเลย. กลับกัน มันมีภารกิจระดับ E เพื่อล่าสังหารปีศาจหมาป่า.
เนื้อหาภารกิจ : อากาศนอกเมืองทางทิศตะวันออกของเมืองเป่ยหลงเต็มไปด้วยปราณฉีปีศาจเมื่อเร็วๆนี้. ตามการสอบสวน พื้นที่อาจถูกรบกวนด้วยปีศาจหมาป่า จึงต้องการใครสักคนเข้าไปจัดการในทันที เพื่อไม่ให้เป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัยโดยรอบ.
“ปีศาจหมาป่า?”
หัวใจของหลิวอวี้เต้นรัว “ฉันสามารถจัดการได้มั้ยนะ?”
“เมื่อภารกิจนี้เป็นระดับ E มันคงจะเป็นปีศาจตัวน้อย”
หลินถงกล่าว “พวกปีศาจระดับต่ำไม่มีสติปัญญา แต่จะมีความเกลียดชังต่อมนุษย์อย่างลึกซึ้ง. ถ้าหากไม่ได้จัดการในเวลาที่เหมาะสม มันอาจจะไปก่อปัญหาใหญ่ได้”
“เยี่ยมเลย ผมจะทำมันเอง”
หลิวอวี้กังวลว่าปีศาจหมาป่าจะสร้างปัญหา ดังนั้น เขาจึงตอบรับภารกิจ.
แต่ใจของเขายังคงอยากรู้ และช่วยไม่ได้ที่จะถาม “แต่ผมรู้สึกแปลกๆ ใครเป็นคนออกภารกิจพวกนี้”
“บางอย่างถูกออกโดยผู้ฝึกตน แต่บางอย่างถูกออกโดยองค์กรที่ตั้งขึ้นมาโดยผู้ฝึกตนเรียกว่า เนตรแห่งนภา”
“เนตรแห่งนภา?”
“ถูกต้อง เนตรแห่งนภานี้เป็นองค์กรใหญ่”
หลินถงอธิบาย “พวกเขาส่งวัตถุสิ่งประดิษฐ์จำนวนมากแนบไปกับดาวเทียม. ดังนั้น ถ้ามีสัญญาณของปัญหาบางอย่าง ดังเช่นเมื่ออากาศเต็มไปด้วยปราณฉีปีศาจ พวกเขาก็สามารถสังเกตการณ์ได้โดยง่าย. ไม่มีวิธีการใดที่จะปกปิดตัวเองจากการสังเกตการณ์ของพวกเขาได้หรอก. ข้าเกรงว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย”
“บร๊ะ แม่ง”
หลิวอวี้ลอบตื่นตระหนก. ผู้ฝึกตนอมตะมีองค์กรอย่างนี้อยู่จริงๆ.
หลินถงมองใบหน้าที่ตกตะลึงของหลิวอวี้.
โชคดีที่เมื่อหลิวอวี้อีกคนปรากฏตัว เขาจะเก็บซ่อนปราณฉีปีศาจของเขาไว้เบื้องหลังเสมอ. มิเช่นนั้น หลังจากระยะเวลาหนึ่ง เขาต้องถูกค้นพบโดยเนตรแห่งนภาแน่.
ในเวลานั้น ข้าเกรงว่าเขาจะกลายเป็นหัวข้อของภารกิจ.
ข้าไม่รู้ว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร ถ้าหลิวอวี้เห็นหมายประกาศของตัวเองจากภารกิจ.
หลินถงอยากรู้ขึ้นมาทันที.
ในขณะเดียวกัน ในคฤหาสน์ของตระกูลมู่หรง มู่หรงเตี๋ยก็เกรี้ยวกราด.
“ฉันกำลังโกรธ”
เธอหยิบตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ขึ้นมาและทุบตีใบหน้าของมันอย่างโหดร้าย.
ดูเหมือนว่าเธอจะจินตนาการว่าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่คือหลิวอวี้.
“พี่สาวเสี่ยวเตี๋ย ฉันรู้สึกว่าพี่ชายหลิวอวี้ไม่ทราบถึงความตั้งใจของเธอนะ”
หวังเล่อเล่อที่นั่งอยู่ข้างๆเธอกล่าวอย่างอ่อนแรง.
“ความตั้งใจอะไร ทำไมคุณหนูใหญ่คนนี้ต้องมีความตั้งใจอย่างนี้ให้เขาด้วย”
มู่หรงเตี๋ยกล่าวด้วยความโกรธ “คุณหนูใหญ่คนนี้เพียงแค่อยากบีบคอเขาเท่านั้น”
“นั่น ไม่ใช่ว่าพี่สาวเสี่ยวเตี๋ยควรแกล้งชอบเขาไม่ใช่เหรอ?”
หวังเล่อเล่อกล่าวอย่างรวดเร็ว.
ในเวลานี้ หวังเล่อเล่อและมู่หรงเตี๋ยใส่เสื้อผ้าหลวมๆ มู่หรงเตี๋ยสวมชุดราตรีลายปักสีดำที่ดูมีระดับ แถมยังน่ารัก. ผิวสีขาวอ่อนนุ่มของเธอและผ้าลายปักสีดำเป็นความงดงามที่แตกต่าง.
แต่หวังเล่อเล่อสวมชุดสีน้ำเงินคอวีหน้ากว้างซึ่งเผยให้เห็นหน้าอกขนาดมหึมาของเธออย่างชัดเจน. ส่วนหน้าของชุดแสดงให้เห็นจุดเล็กๆที่นูนออกมาสองจุดอย่างชัดเจน. ถ้าหลิวอวี้อยู่ที่นี่ในเวลานี้ เขาต้องเลือดกำเดาพุ่งออกมาแน่.
ทั้งสองคนนั่งอยู่บนเตียง ขณะที่หวังเล่อเล่อพยายามแนะนำเธอ.
“ฉันคิดว่า พวกเราควรใช้วิธีถัดไปนะ. ข้อเสนอแนะในก่อนหน้าแน่นอนว่าไม่แข็งพอ”
“ยังไม่พอเหรอ? ยังมีวิธีอื่นอีกเหรอ?”
มู่หรงเตี๋ยกล่าวอย่างไม่พอใจ “เป็นไปได้มั้ยว่า เธอต้องการให้คุณหนูใหญ่คนนี้คุกเข่าต่อหน้าหลิวอวี้ ถือดอกไม้ และร้องตะโกนว่า ‘หลิวอวี้ ฉันขอร้องนาย ได้โปรดมาเป็นแฟนของคุณหนูใหญ่คนนี้เถอะนะ’ เหรอ? คุณหนูใหญ่จะไม่ทำอย่างนั้นแน่”
“เอ๋ วิธีนี้เวิร์คจริงๆนะ ทำไมพวกเราไม่ลองดูล่ะ?”
“ไปลงนรกซะ เธอเป็นสาวน้อยสกปรก ถ้าเธออยากลองก็ไปลองเองสิ”
มู่หรงเตี๋ยคว้าตุ๊กตาหุ่นกบ Kermit และเขวี้ยงไปที่หวังเล่อเล่อ “เธอมีหน้าอกใหญ่ ฉันคาดว่าเขาต้องชอบมัน”
“อ๊ายย พี่ชายหลิวอวี้ไม่ใช่คนที่ชอบหน้าอกเพียงอย่างเดียวนะ”
หวังเล่อเล่อหยิบตุ๊กตาหุ่นกบ Kermit ข้างหน้าหน้าอกของเธอ แล้วยิ้มและกล่าว “พี่ชายหลิวอวี้สมองทึ่มเล็กน้อย แต่เพื่อว่าให้พี่สาวเสี่ยวเตี๋ยได้เขามา เธอต้องอดทนกับเขาสักเล็กน้อยนะ”
“ใครต้องการได้เขากัน”
มู่หรงเตี๋ยกลอกตาของเธอ “คุณหนูใหญ่คนนี้เพียงแค่ต้องการหลอกเอาความรู้สึกของเขาเท่านั้น ฮึ่ม และก็ต้องแก้แค้นเขาอย่างโหดเหี้ยมด้วย”
“ใช่ ใช่ ใช่ แต่เธอต้องโอบเขาด้วยมือเธอก่อน”
หวังเล่อเล่อหยิบ iPad ที่อยู่ใกล้ๆขึ้นมาและกล่าว “พี่สาวเสี่ยวเตี๋ย เปลี่ยนวิธีของพวกเราเถอะ”
“วิธีอะไร ยังมีวิธีอื่นอีกงั้นเหรอ?”
“มันกล่าวไว้ตรงนี้ นี่คือวิธีการ. มันเรียกว่าวิธีการสื่อสารทางอ้อม”
“เธอหมายความว่ายังไง?”
“มันคือวิธีการบอกกับเพื่อนเพื่อสื่อความรู้สึกของเธอไปยังพี่ชายหลิวอวี้แทนเธอยังไงล่ะ”
หวังเล่อเล่ออธิบาย “พวกเราทุกคนรู้ว่าพี่ชายหลิวอวี้สมองทึ่มที่สุดในโลก. จริงๆแล้ว เขาคืนทุกอย่างกลับมาให้พี่สาวเสี่ยวเตี๋ย เพราะว่าเขาอาจคิดว่า พี่สาวเสี่ยวเตี๋ยเห็นว่าเขาเป็นเหมือนสัตว์เลี้ยง หรือเป็นขอทาน. พวกเราควรทำให้พี่ชายหลิวอวี้รู้ว่าพี่สาวเสี่ยวเตี๋ยชอบเขาจริงๆ เมื่อนั้นเขาจึงจะเข้าใจว่าพี่สาวเสี่ยวเตี๋ยมีความตั้งใจจริงๆ ถูกมั้ย?”
“ข้อสังเกตคือ ฉันไม่ได้ชอบผู้ชายคนนี้”
มู่หรงเตี๋ยลูบหัวตุ๊กตาหมีขณะที่เธอกล่าว “นั่นเป็นวิธีหนึ่งเพื่อบรรลุสิ่งนี้. ผู้ชายคนนี้มีความถือมั่นและความโง่เง่าของเขา. ถ้าพวกเราไม่บอกเขา บางทีเขาอาจเข้าใจผิดจริงๆ”
“อืม งั้นพวกเราไปใช้วิธีนี้ มันควรไม่มีปัญหา”
“ดีมาก เล่อเล่อ ภารกิจท้าทายชิ้นนี้ควรมอบให้เธอ”
มู่หรงเตี๋ยผงกศรีษะของเธอ แล้วตบไหล่ของหวังเล่อเล่อและกล่าว “องค์กรขึ้นอยู่กับเธอแล้ว”
“หืม? ฉันเหรอ?”
หวังเล่อเล่อโง่งม.
“ถูกต้อง มอบให้เธอ เยี่ยม มันถูกตัดสินอย่างชอบธรรมแล้ว คุณหนูใหญ่หิวขึ้นมาทันทีเลย”
“เธอไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันนิ”
ใบหน้าของหวังเล่อเล่อขมขื่น “ฉันจะลงไปข้างล่างหาบางอย่างมาให้เธอกิน คุณหนูใหญ่มู่หรง”
“นายท่าน”
หวังอันมองไปที่มู่หรงหงที่ลงมาจากชั้นบน และถาม “คุณหนูเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“หลิวอวี้ สหายคนนี้ จริงๆแล้วกล้าที่จะเป็นต้นเหตุให้เสี่ยวเตี๋ยขัดข้องใจ. หวังอัน ฉันอยากให้นายเตรียมการ. เย็นนี้ ฉันต้องการให้จับตาดูหลิวอวี้คนนั้นดีๆ”