Mai Kitsune Waifu – ภรรยาของผมเป็นเซียนจิ้งจอก - ตอนที่ 100
ตอนที่ 100 ไปที่ประตู
ตลอดทั้งวัน หวังหยู่เจิ้งไม่ได้พูดคุยกับเขาสักคำ แม้ว่าเธอจะนั่งร่วมโต๊ะเดียวกับหลิวอวี้ก็ตาม.
ผู้หญิงคนนี้ขีดเส้นบนโต๊ะแบ่งเขตแดนของคนทั้งสอง.
หลิวอวี้ทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย. เขาไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะถูกจำกัดด้วยเส้นบนโต๊ะ.
เพราะที่ผ่านมา เมื่อเฉินไช่ยังใช้โต๊ะร่วมกับเขา เฉินไช่ สหายคนนี้ไม่สนใจสักนิดและไม่เป็นเดือดเป็นร้อนกับสิ่งนี้เลย.
หวังหยู่เจิ้งอาจจะต้องการเว้นระยะห่างตัวเธอให้ไกลจากเขาก็เป็นได้.
หลิวอวี้ต้องการจะอธิบายสิ่งนี้กับหวังหยู่เจิ้ง แต่เขาไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไร.
ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้ที่ตั้งใจเรียนเอามากๆ ไม่เหมือนกับตัวเขาที่มักจะแกล้งทำเป็นนอนหลับตา แต่จริงๆแล้วกำลังฝึกฝนอยู่ในเขตแดนจิตวิญญาณ.
โต๊ะข้างหลังเขาก็ว่างอยู่เช่นกัน ซึ่งหมายความว่ามู่หรงเตี๋ยและหวังเล่อเล่อไม่ได้กลับเข้ามา.
วันนี้ ตลอดทั้งวัน หลิวอวี้รู้สึกอึดอัดใจจริงๆ.
“ดูเหมือนชีวิตของฉันมันแขวนอยู่บนเส้นด้าย”
หลิวอวี้ขณะที่แบกกระเป๋าออกจากโรงเรียน บ่นพึมพำ.
“มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหาผู้หญิงที่สามารถชอบฉันน่ะ”
หลินถงที่นอนอยู่บนไหล่ของหลิวอวี้เงียบลงหลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา.
ทำไมถึงได้มีไอ้ผู้ชายสมองทึ่มอย่างนี้อยู่ในโลกนะ?.
เขาเป็นคนแรกเลยภายใต้แสงอาทิตย์นี้.
“เจ้าต้องการกลับบ้านหรือว่าไปทำภารกิจก่อน?”
หลินถงคิดว่าเธอไม่มีความสามารถที่จะอธิบายปัญหากับหลิวอวี้ได้อย่างชัดเจน แต่เธอสามารถถามหัวข้อดีๆถัดไปได้ตรงๆ.
“แน่นอน ผมจะกลับบ้านก่อน”
หลิวอวี้กล่าว “ผมต้องเอากระเป๋ากลับบ้าน อืม และทำการบ้าน แล้วจึงทำภารกิจ”
ก่อนโรงเรียนเลิก อาจารย์ได้มอบหมายการบ้านไว้หลายหน้า ทำให้หลิวอวี้ปวดศรีษะหนักมาก.
เหล่านักเรียนช่างน่าอนาถจริงเชียว. มารปีศาจไม่ใช่ศัตรูตัวฉกาจของเขา แต่มันคือหน้ากระดาษการบ้าน.
“นี่.. เจ้ามองไม่เห็นปัญหาจากมุมมองของผู้ฝึกตนอมตะจริงๆเหรอ?”
“ผมเป็นผู้ฝึกตนอมตะ”
หลิวอวี้ผงกศรีษะของเขา “นอกจากนี้ ผมเป็นผู้ฝึกตนอมตะที่ต้องทำการบ้านของเขา”
“แม่ง”
หลินถงไม่ต้องการที่จะกล่าวอีกต่อไป.
สองประโยคนี้จากหลิวอวี้ ทุกครั้งที่เธอได้ยิน มันทำให้เธอหงุดหงิดแทบตาย.
ดูเหมือนว่าเซียนจิ้งจอกผู้นี้ต้องบ่มเพาะการฝึกฝนจิตวิญญาณของเธอด้วย. มิเช่นนั้น แม้เธอโชคดีหลบหนีจากผู้ฝึกตนอมตะหญิงคนนั้นได้ ไม่นานหรือหลังจากนี้ เธอคงต้องตายในมือของหลิวอวี้แน่.
ใช่ มันเป็นเช่นนั้น.
หลิวอวี้กำลังวิ่ง. ตั้งแต่เขากลายเป็นผู้ฝึกตนอมตะ เขาไม่เคยนั่งรถเมล์อีกเลย.
นอกจากนี้ หลังจากที่หยกดาราของเขาได้ยกระดับขึ้น ความเร็วของเขายังเร็วขึ้นอีกด้วย.
ก่อนหน้านี้ เมื่อเขาวิ่งจากโรงเรียนไปถึงบ้านใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ใช้เวลาน้อยกว่ายี่สิบนาที.
ไม่นาน เขาได้มาถึงละแวกบ้านของเขา.
แต่ก่อนที่เขาจะเข้าไปในอาคารอพาร์ทเมนต์ของเขา รถคันสีดำสองสามคันพลันมาจอดด้านข้าง ทำเป็นแถวอยู่เบื้องหน้าเขาและจึงหยุด ขวางทางของเขา.
หลิวอวี้ตกใจทันที ‘อะไรวะเนี่ย’
ขณะที่เขาสับสนเกี่ยวกับเหตุการณ์เบื้องหน้าเขา ประตูรถได้เปิดออก และผู้ชายใส่สูทสีดำที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีหลายคนออกมาจากรถและล้อมรอบหลิวอวี้ไว้.
หลิวอวี้ไม่นานก็หายจากความสับสนเพราะเขาเห็นหวังอันออกมาจากรถและเดินมาหาเขา.
“คุณพยายามจะทำอะไร?”
“คุณหลิวไม่ต้องกังวล เจ้านายของพวกเราอยู่ที่นี่ และเขาเชิญคุณไปคุยกับเขา”
“เหอะ นี่ดูเหมือนการเชื้อเชิญหรอกนะ”
หลิวอวี้ชำเลืองไปรอบๆ “ถ้าผมต้องการไป คุณจะหยุดผมมั้ย?”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกัน”
ใบหน้าของหวังอันกระตุกเล็กน้อย.
“งั้นก็ดี ผมจะออกไป. ลาก่อน”
หลิวอวี้ไม่เต็มใจที่จะคุยกับมู่หรงหง. ‘มีอะไรที่จะต้องคุยกันเหรอ?’
ขณะที่กล่าวว่าจะไป เมื่อคำพูดมาถึงจุดเปรี้ยว บวกกับคำพูดที่ไร้ประโยชน์. ไม่เพียงแต่เขาไม่อยากคุยกับมู่หรงหง หลิวอวี้ไม่แม้แต่จะอยากเห็นเขา.
ทำไมเขาต้องอยากเห็นบุคคลที่ชอบดูถูกคนอื่นล่ะ?
มันไม่ใช่เพียงแค่รอให้ขายหน้างั้นเหรอ?
หลิวอวี้ไม่ได้มีเวลาสำหรับความเจ็บปวดในคนเช่นนี้.
เขายังต้องกลับบ้านและทำการบ้าน.
“ขวางเขาไว้”
ใบหน้าของหวังอันซีดลง. เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กคนนี้จะไม่ไว้หน้าเขาและจากไปทันที.
กลุ่มบอร์ดี้การ์ดพลันเข้ามา พวกเขาจ้องมองหลิวอวี้ เตรียมที่จะขยับร่างเมื่อได้จังหวะ.
“เป็นคำเชื้อเชิญที่น่าสนใจ”
หลิวอวี้ยิ้มเยาะ “วันนี้ผมอยากเห็นว่า ผมอยากกลับบ้าน ใครจะหยุดผมได้”
พร้อมกันนั้น เขาพุ่งออกไปด้านนอกของวงล้อมอย่างรวดเร็ว.
บอร์ดี้การ์ดคนหนึ่งพลันหยุดอยู่ข้างหน้าเขาและจับไหล่ของหลิวอวี้ด้วยมือทั้งสองของเขา. เตรียมที่จะใช้ทักษะการต่อสู้เพื่อกดหลิวอวี้ลง.
“ลงไปซะ”
หลิวอวี้พลันหยุดวิ่ง. ในเวลาเดียวกัน เขาเตะกวาดไปยังศรีษะของของบอร์ดี้การ์ดคนนั้น.
ปัง
บอร์ดี้การ์ดคนนั้นพลันลอยออกไปและกระแทกบนหลังคารถ.
“เด็กคนนี้รู้จักกังฟู อย่าขวางไว้”
หวังอันกล่าว กำหมัดของเขาไว้.
ถ้าเขาไม่จัดการเด็กคนนี้ลงตอนนี้ มันจะเป็นความอัปยศอย่างใหญ่หลวงสำหรับเขา.
หลังจากที่พ่ายแพ้สองครั้งในการต่อสู้กับเด็กคนนี้ หวังอันไม่ต้องการแพ้เป็นครั้งที่สาม.
บอร์ดี้การ์ดกลุ่มนี้ไม่ได้ขัดขวางอีกต่อไป. พวกเขาดึงไม้กระบองของพวกเขาออกมาและพุ่งตรงไปยังหลิวอวี้อีกครั้ง.
“หลิวอวี้ ถ้าเธอไม่ต้องการทรมาน เพียงแค่เข้าไปในรถ”
หวังอันเตือน.
“ทรมาน? ผมอยากรู้ว่าใครจะทรมาน”
หลิวอวี้มองไปที่พวกบอร์ดี้การ์ดที่ดึงไม้กระบองออกมา และโกรธขึ้นมาทันที.
อาศัยเงินจำนวนเล็กน้อย คุณก็เมินเฉยต่อกฎหมายงั้นเหรอ?
ในที่สาธารณะอย่างนี้ คุณยังปิดล้อมนักเรียนที่ไม่มีอาวุธอย่างเปิดเผยเหรอ?
บอร์ดี้การ์ดพุ่งเข้าไปและฟาดไม้กระบองของเขาไปยังใบหน้าของหลิวอวี้.
กำลังของไม้กระบองอย่างดีค่อนข้างทรงพลัง. มันเพียงพอที่จะปะทะกับอิฐได้.
แต่เขาไม่หลบ. เขายืนอยู่กับที่และเหยียดมือซ้ายของเขาออกไปจับข้อมือของผู้ชายคนนั้นแล้วบีบมันอย่างแรง.
ทันใดนั้นข้อมือของบอร์ดี้การ์ดเจ็บปวดอย่างรุนแรง ทำให้เขาคลายมือของเขา. ดังนั้น ไม้กระบองจึงร่วงลงและถูกยึดด้วยมือขวาของหลิวอวี้.
เมื่อหลิวอวี้ควงไม้กระบองไปปะทะกับปีกขวาของเขา. ไม้กระบองทุบตีบอร์ดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามาด้านขวาเบื้องหน้าเขาอย่างโหดร้าย. บอร์ดี้การ์ดคนนั้นร้องครางในลำคอและร่วงลงไป.
บอร์ดี้การ์ดที่พุ่งเข้ามาด้านซ้ายของเขา หลิวอวี้ขยับมือซ้าย จับบอร์ดี้การ์ดเบื้องหน้าเขาราวกับอาวุธแล้วเหวี่ยงไปด้านข้าง. ทันใดนั้นบอร์ดี้การ์ดคนนั้นและบอร์ดี้การ์ดด้านซ้ายชนเข้าด้วยกัน. พวกเขาทั้งสองร้องออกมาและร่วงไปกองบนถนน.
ในชั่วพริบตา หลิวอวี้จัดการบอร์ดี้การ์ดไปแล้วสามคน.
การกระทำของเขาเรียบลื่น และดีกว่าครั้งที่ผ่านมาในคฤหาสน์อย่างแท้จริง.
หัวใจของหวังอันตื่นตระหนกอย่างอธิบายไม่ถูก ‘แท้จริงแล้วมีผู้เชี่ยวชาญแอบแนะนำหลิวอวี้คนนี้งั้นเหรอ?’
ในเมืองเป่ยหลงนี้ ใครคือผู้เชี่ยวชาญที่คอยแนะนำนักเรียนธรรมดาจนพัฒนาไปอย่างไม่น่าเชื่อเช่นนี้?’
ปัง
ไม้กระบองของบอร์ดี้การ์ดปะทะเข้ากับไม้กระบองของหลิวอวี้ที่ยึดไว้ก่อนหน้า ทำให้เกิดเสียงโลหะกระทบกัน.
กล้ามเนื้อแขนของบอร์ดี้การ์ดหนึบชาเล็กน้อย.
หัวใจของเขาอยู่ในความตกตะลึง.
ทำไมเด็กที่สวมชุดนักเรียนถึงแข็งแกร่งอย่างนี้นะ.
เขาไม่ใช่นักเรียนเหรอ.
แต่เมื่อเขายังคงคิดอยู่ หลิวอวี้มาถึงเบื้องหน้าร่างของเขาและกระซิบ.
“คุณติดตามเจ้านายผิดคน และคุณจับคู่ต่อสู้ผิดคนด้วย”
พร้อมกันนั้น หลิวอวี้ส่งฝ่ามือตรงไปยังร่างของบอร์ดี้การ์ดคนนั้น.
ฝ่ามือมหาสุริยันอำไพเผยพลังออกมาเพียงส่วนเดียวเท่านั้น.
แต่ บอร์ดี้การ์ดคนนี้ก็ไม่สามารถจัดการกับส่วนนี้ได้.
บอร์ดี้การ์ดคนนั้นรู้สึกราวกับว่าเขาถูกชนโดยรถที่ไม่มีเบรค. เขาพ่นเลือดออกมาเต็มปากและถูกเหวี่ยงออกไป แล้วชนเข้ากับกลุ่มของบอร์ดี้การ์ดคนอื่นๆ. บอร์ดี้การ์ดคนอื่นๆถูกผลักไปข้างหลังและนั่งลงบนพื้นในที่สุด. เขาก็เหมือนกัน ไอออกมาเป็นเลือดอย่างหนัก ทำให้บอร์ดี้การ์ดคนอื่นๆโดยรอบกลัว.
ทันใดนั้นหลิวอวี้กวาดสายตาของเขาและจ้องมองมู่หรงหงที่นั่งอยู่ข้างในรถ Lincoln.
“มู่หรงหง คุณต้องการคุยกับผมเหรอ? ผมกำลังไป”
หลิวอวี้กล่าวและเดินเข้าไปหามู่หรงหงด้วยย่างก้าวใหญ่ๆ.
“หยุดนะ”
หวังอันตื่นตระหนก ‘นี่มันน่ากลัว’.
เขาพลันขว้างไม้กระบองในมือของเขาพุ่งไปยังหลิวอวี้.
ไม้กระบองนี้ถูกขว้างด้วยแรงที่มากพอจนทำให้เกิดเสียงลมในอากาศ.
แต่หลิวอวี้เพียงเหยียดมือซ้ายออกไปและพร้อมด้วยเสียง ‘หมับ’ คว้าไม้กระบองนั้นอย่างนุ่มนวล.
พร้อมด้วยมืออีกข้างถือไม้กระบอง เขาทุบตีบอร์ดี้การ์ดที่เข้ามาหาเขาทั้งด้านซ้ายและด้านขวา. และภายในความพยายามไม่กี่นาที เขาจัดการบอร์ดี้การ์ดทั้งหมดลง.
แม้แต่หวังอันก็ตื่นตะลึงเนื่องจากเขาไม่คิดว่าหลิวอวี้จะสามารถพัฒนามาถึงจุดนี้ได้จริงๆ.
ถ้าเขารู้ว่าหลิวอวี้ได้รับคำแนะนำจากปีศาจจิ้งจอกน้อยในเขตแดนจิตวิญญาณทุกๆวันละก็ เขาอาจไม่ตื่นตะลึงมากนัก.
นอกจากนั้น เนื่องด้วยหลิวอวี้พัฒนาทักษะการต่อสู้ของเขาโดยไม่รู้ตัว. ดังนั้น พัฒนาการของเขาจึงเร็วขึ้นด้วย.
แม้ว่าพลังของเขาอยู่นิ่งๆ ความสามารถในการต่อสู้ของเขาก็ปรับตัวดีขึ้นอย่างรวดเร็ว.
ในเวลานี้ หลิวอวี้ถือไม้กระบองสองท่อน เดินตรงไปยังรถ Lincoln. แม้มู่หรงหงที่นั่งอยู่ภายในรถก็ไม่สามารถอยู่อย่างสงบได้.
นี่..คือหลิวอวี้ที่ฉันเจอในวันนั้นเหรอ?
“หลิวอวี้ หยุดนะ”
หวังอันพลันดึงปืนออกมาจากเอวของเขาและชี้ปากกระบอกไปที่ศรีษะของหลิวอวี้.
หลิวอวี้หยุดอยู่เบื้องหน้ารถ Lincoln. เขากวาดไม้กระบองเคาะที่กระจกหน้าต่าง.
“หลิวอวี้ เธอคิดก่อนที่จะทำดีกว่านะ”
หวังอันถือปืนให้คำแนะนำ “มีคนบางคนที่เธอไม่ควรไปยั่วยุ”
โชคดีที่ตอนนี้มันอยู่ในช่วงเวลาเย็นแล้ว ดังนั้นในละแวกถนนจึงปลอดผู้คน.
มิเช่นนั้น แม้มีเครื่องเก็บเสียง บางคนต้องเห็นมันและแจ้งตำรวจอย่างแน่นอน.
“ผมไม่ได้ต้องการขัดใจใครบางคน. มันเป็นคุณที่ยั่วยุผม”
หลิวอวี้มองไปที่กระจกหน้าต่างรถ Lincoln ขบฟันของเขาและกล่าว “อย่าคิดว่าคุณเพียงสามารถรังแกคนธรรมดาได้ ผมจะบอกคุณให้ แม้แต่กระต่ายก็จะกัดถ้ามันตกใจกลัว ไม่ต้องกล่าวถึงผมที่เป็นคน”
พร้อมกันนั้น หลิวอวี้พลันขว้างไม้กระบองในมือขวาไปยังหวังอัน.
หวังอันเอียงศรีษะของเขาไปด้านข้างเพื่อหลบเลี่ยงไม้กระบอง.
ในเวลาเดียวกัน หลิวอวี้คลายไม้กระบองในมือซ้ายและส่งฝ่ามือไปยังประตูรถ.
ปัง
รถ Lincoln พลันเคลื่อนไถลไปสองเมตร.
ยางรถทิ้งรอยลึกไว้บนพื้น.
รอยประทับฝ่ามือลึกถูกทิ้งไว้ที่ประตู. กระจกหน้าต่างแตกออก เผยให้เห็นใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกตะลึงของมู่หรงหง.
“หลิวอวี้ เธอขยับออกไปซะ”
หวังอันชี้ปืนของเขาไปที่หลิวอวี้อีกครั้งหนึ่ง “เธออยากตายเหรอ”
“ผมแน่ใจว่าผมจะมีชีวิตยืนยาวกว่าคุณทั้งสองคน”
หลิวอวี้กล่าว.
“หวังอัน ลืมไปเถอะ ให้เขาเข้ามา”
มู่หรงหงเปิดปากของเขาในเวลานี้.
เขาผลักประตูรถออก.
เพียงมองไปที่ประตูที่ส่ายสองครั้งแล้วร่วงลงพื้น.
ใบหน้าของมู่หรงหงกระตุก.
“ลุงมู่หรง ผมคิดว่าพวกเราสองคนไม่มีอะไรต้องคุยกันนะ”
หลิวอวี้กล่าว.
“อย่าได้หลงตัวเองเลย”
มู่หรงหงคือบางคนที่ไม่อาจล้อเล่นด้วยได้. แต่เขาคิดว่าใบหน้าของเขาถูกฉีดขาดเป็นชิ้นๆอย่างสิ้นเชิงแล้วในวันนี้. ถ้าเขาไม่กลับมาเป็นสุภาพ หัวใจของเขาต้องกระสับกระส่ายเป็นแน่.
“หลิวอวี้ อย่าลืมสิว่าเธอยังมีครอบครัว”