Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 219
เทพกระบี่ไร้สรรพสิ่ง บทที่ 219
ภาค:จอมราชันท์กระบี่ปีศาจ
แปลไทยโดย: SwordGod
LSG บทที่ :219 ราชากระบี่ราชัน
ในวันที่สอง.
สนามฝึกฝนสารานุศิษย์ ลัทธิกระบี่มาร
ซูหยุนร่ายรำกระบี่ ขณะที่ตั้งใจฟังอาจารย์ที่อยู่ห่างออกไป100เมตร มีสาวกมารวิ่งมาหาเขาเป็นระยะเพื่อชี้แนะความผิดพลาดของเขา
ซูหยุนใส่เครื่องช่วยฟังไว้ที่หู มันคือสมบัติที่สร้างขึ้นจากอาคมเรียบง่าย แม้แต่ผูที่เริ่มเรียนรู้การบ่มเพาะวิญญาณ ทวีปนภายุทธ ก็สามารถทำได้
ซูหยุนได้ยินทุกสิ่งที่อาจารย์พูด
จุดบกพร่องทุกอย่างได้รับการชี้แจงโดยผู้รู้ ผิดกับการลองผิดลองถูก ที่คำถามที่ค้างคาใจซูหยุนถูกแก้ไขทั้งหมด ไม่เพียงแค่นั้นหลังจากคำแนะนำจากอาจารย์ผู้สอน หลายสิ่งหลายอย่างที่ซูหยุนคิดมันผิดทั้งหมด
ซูหยุนตั้งใจฟังไม่กล้าวอกแวก กระบี่ในมือร่ายรำไปด้วย
เพลงกระบี่นี่มันอะไร? พิศดารยิ่งนัก “
“เจ้าหมอนั่นไม่ได้กินข้าวหรือไง? ทำไมมันดูเก้ๆกังๆอย่างนั้น? “
“ตอนที่เขาสู้กับศิษย์พี่ใหญ่ เขาไม่ได้แบบนั้นน่ะ ข้าว่าคงจะตื่นตระหนกกับ เพลงกระบี่มาร และพี่น้องเรา?”
” อิอิ ใครจะรู้”
บรรดาสาวกต่างพูดถึงเขาเบาๆ ซูหยุนไม่ได้ยินสิ่งที่พวกสาวกพูดได้ทั้งหมด จนถึงเย็นสาวกเริ่มทยอยออกไปจาก สนามฝึกฝน ซูหยุน ทบทวนทั้งหมดที่เรียนรู้และรีบกลับไปที่กระท่อม บันทึกทุกอย่างที่เรียบมาซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้ง
“การใช้วิญญาณมาร” หมายความว่ายังไงน้า? หรือจะเป็นแบบที่ ตู่ไป๋ลี่ กับ จี้หยานหยง ใช้? “
กระบี่ที่ปล่อยวิญญาณมาร คือกงเล็บที่เต้นรอบๆหรือเปล่าน่ะ?
ซูหยุน พึมพำ
เขาคิดตรึกตรองอยู่นาน แล้วหยิบดาบของเขาขึ้นไปที่แดนแห้งแล้งและเริ่มรำกระบี่โดยทำตามคำอธิบายในใจ
ดาบสลักมังกรวารีเป็นเหมือนมังกรตัวจริงๆคลื่นเย็น ๆ โบกสบัด แต่ตามการเคลื่อนไหวของ ซูหยุน อัตราการปล่อยตัวแก่นแท้วิญญาณเร็วขึ้น ในร่างกายของเขาปลดปล่อยลมปราณหนาแน่นขึ้นอย่างช้าๆลมปราณประเภทเปลวเพลิงมาร ปรากฏบนใบมีด
มีการเคลื่อนไหวหลายแบบในเพลงกระบี่มาร การกระบวนท่าแรกคือการกระตุ้นลมปราณอยู่บนดาบและเมื่อทำสำเร็จแล้วเขาก็สามารถใช้ เล็บกระบี่มารแบบ ตู่ไป๋ลี่ ก่อนปลดปล่อยไปกว้างใหญ่กว่า 1000 เมตรและความแข็งแกร่งปราณกระบี่มารและใช้ปราณจากจุดศูนย์กลาง ส่งออกไปกว่า10,000กิโลบดขยี้ก้อนหินเป็นผุยผง
ซูหยุนเก็บปราณมารไว้แล้วเคลื่อนไหวกระบวนท่าตามความคิดในหัวของเขาเหวี่ยงดาบ ปราณดาบของเขาเริ่มรุนแรงขึ้น ปราณมารบนตัวดาบกลายเป็นเปลวไฟมาร
ร้อนมาก!
เขามองไปที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่อยู่ใกล้ ๆ และเหวี่ยงดาบ
ชิ้ง!
ปราณดาบมารก้อนโตถูกเหวี่ยงออกไปด้วยความรวดเร็วมาก เมื่อเข้าไกล้ก้อนหินใหญ่ ปราณกระบี่กลายเป็นวิญญาณมารกระโจนใส่ก้อนหิน
ตูม!
ก้อนหินแตกออกเป็นเสี่ยงๆ แต่ไม่แค่แค่นั้น ยังปรากฏเสียง ชี่ ชี่ เริ่มกัดกร่อนเศษหิน
ผ่านไปสามลมหายใจก้อนหินขนาดใหญ่ถูกกัดกร่อนจนเกลี้ยง
“ช่างเป็นเพลงกระบี่ที่น่ากลัวอะไรอย่างนี้!”
เสียงหญิงสาวล่องลอยมาจากฝักกระบี่
“ฉิงหยู!”
“ข้าเพิ่งเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วปิดด่านบำเพ็ญเพียร แค่ไม่กี่วันข้าไม่คิดว่าเจ้าจะใช้วิชากระบี่ปีศาจแบบนี้ได้ มันคือวิชาอะไร? มันต้องใช้สมบัติหรือเปล่า? “
หลิงฉิงหยูถามนางไม่เคยเห็นวิชาที่น่าสะพรึงกลัวแบบนี้มาก่อน
“นี่คือวิชาเพลงกระบี่มาร ของ ลัทธิกระบี่มาร ข้าเพิ่งเรียนรู้มันากการแอบดู ข้าเพิ่งเข้าใจมันได้แค่บางส่วนเท่านั้น”
“แค่บางส่วน ก็สามารถปลดปล่อยพลังได้ขนาดนี้เชียว? สายตาเจ้านับว่าดี ที่เลือกวิชาแบบนี้ “
แสงสีขาวบินออกมาจากฝักกระบี่ลอยตรงหน้า ซูหยุน ซูหยุน จ้องมองดูราวกับเสื้อคลุมขาว สายตาของมันมองออกไปที่ริมฝีปากที่เรียวสวยของหลิงฉิงหยู
นางมายืนที่ก้อนหินด้วยเท้าเปลือยเปล่า สายตาจับจ้อง ซูฆยุน
“เจ้ามาที่ ลัทธิกระบี่มาร เพื่อมาหา ประตูช่องว่างมิใช่รึ? ทำไมเจ้าถึงได้มาเรียนวิชาของพวกเขา? “
“ประตูช่องว่างเสียหาย ข้าต้องรอสักพัก”
“เจ้านี่ช่างโชคร้ายซ่ะจริงน่ะ ข้าเป็นผู้ฝึกกระบี่ แม้ว่าเจ้าจะเรียนวิชากระบี่หนัก แต่ข้าก็มีความชำนาญกว่าเจ้า และกระบวนท่าของเจ้าก็มีปัญหาใหญ่”
ซูหยุน ตกใจ “ปัญหาอะไร?”
“นั่นคือการใช้เคล็ลมปราณของเจ้า ข้าไม่รู้หรอกว่าลมปราณเพลงกระบี่มารใช้แบบไหน แต่การใช้แบบเจ้า ใครเขาใช้ซ่ะเต็มกระบี่ปลดปล่อยปราณแบบนั้น มันไม่ถูกต้อง การปล่อยปราณกระบี่ที่แท้จริงไม่ใช่แค่อัดปราณลงกระบี่ แต่ต้องใส่เจตจำนงลงไปด้วย “
“เจตจำนงกระบี่?”
“ถูกแล้ว เจตจำนงกระบี่ ไม่ใช่แค่ ปรับเปลี่ยนลมปราณ และขัดเกลาลมปราณเท่านั้น แต่มันยังช่วยขยายอำนาจวิชาของเจ้าด้วย แล้วเจ้าคิดว่า เจตจำนงกระบี่ใช้ทำอันใด? เพื่อทำให้คนตกใจ? มันสามารถช่วยให้กระบี่ของเจ้ามีพลังเพิ่มขึ้น และเลื่อนชั้นความคิดและอำนาจของเจ้าได้ “
หลิงฉิงหยู นั่งลงบนก้อนหิน เหยียดขาเรียวยาวลาดไปตามก้อนหินเอาแขนพิงไว้จ้องมองซูหยุน
ซูหยุนรับฟังคำพูดของ ห,ิงฉิงหยูแล้วคิดครู่หนึ่งก่อนยกดาบขึ้นมาสะสมลมปราณและใส่เจตจำนงลงไป
ใบมีดเริ่มมีลำธารสีดำรอบตัวล้อมรอบห่อใบมีดทำให้ดาบสั่นและปล่อยเสียง
หลิงฉิงหยูดวงตาสว่างจ้า “ดีมาก!”
ซู่ๆๆ!
ซูหยุนปล่อยดาบ
คราวนี้ปราณกระบี่มาร เล็กกว่าครั้งแรกแต่เมื่อมันไปถึงก้อนหินมันก็เปลี่ยนรูปเป็นปากยักษ์กลืนกินก้อนหินทั้งหมดกัดกร่อน มันน่าจะขยายตัวได้มากกว่าสองเท่ากว่าครั้งแรก
“ทรงพลัง?” หลิงฉิงหยูพยักหน้า “ความเข้าใจเกี่ยวกับพลังและความสามารถของร่างกายของเจ้ามีมากเกินกว่าที่ข้าคิดไว้ซ่ะอีกน่ะ”
“ผลของศิลานิรันดร์”
ซูหยุนตอบและฝึกต่อ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลังจากซูฆยุนเสร็จจากการเรียนรู้ที่สนามฝึกฝนเขาก็กลับไปฝึกอย่างขยัน ขณะที่หลิงฉิงหยูไม่มีอะไรทำก็ตามเขาไปฟังบรรยายด้วยแม้ว่านางจะไม่ได้ทำตามหรือฝึก แต่นางก็เป็นผู้เชี่ยวชาญกระบี่ที่แข็งแกร่งนางมีความเข้าใจในเพลงกระบี่มารมากกว่าซูหยุนและคอยให้คำชี้แนะแก่เขาในจุดที่ไม่เข้าใจ
เขาต้องยอมรับด้วยความช่วยเหลือของ หลิงฉิงหยู การฝึกฝนเพลงกระบี่มารของซูหยุน กลายเป็นเรื่องที่ผ่อนคลายมากขึ้น
เวลานั้นมีจำกัด และประตูช่องว่างนั้นไกลเสร็จแล้วมันเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ
ในวันนั้นซูหยุนไม่ได้สนามฝึกซ้อม เขารอหันซานอยู่ที่กระท่อม
ไม่นานมีคนเคาะประตูเดินเข้ามา หันซาน
“สหายซู”
“หันซาน ประตูช่องว่างมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง?” ซูหยุนถาม
“เอ่อ”
ซูหยุนเข้าใจทันที “ข้าต้องรอนานแค่ไหน?”
“ปัญหามันไม่ได้อยู่ว่านานแค่ไหน แต่มันอยู่ที่การที่จะซ่อมมันไม่ใช่เรื่องง่าย” หันซานถูมือด้วยสีหน้าลำบาก
“แก้ไขยาก แบบไหน?”
“ถูกต้อง มันแก้ไขยาก” หันซาน ถอนหายใจ: “พี่น้องของพวกเรานับ10คนภายใต้การนำของผู้เชี่ยวชาญระดับสูงได้แก้ไขอาคมประตูช่องว่าง แต่เกิดเรื่องน่าแปลกใจขึ้นที่รอยร้าว ที่เกื้อหนุนประตูช่องว่างปิดตัวลง ทางเราไม่สามารถใช้เครื่องมือพิเศษเพื่อเปิดรอยร้าวได้อีก ดังนั้นแม้ว่าอาคมจะถูกซ่อมแซมแล้ว ก็ไม่สามารถใช้ประตูได้อยู่ดี”
เมื่อได้ยินว่าซูหยุนตกใจ “ท่านต้องใช้เครื่องมืออะไรเป็นพิเศษ?”
“ตอนนี้เรารู้แค่ว่า มีสมบัติวิเศษอย่างหนึ่งที่สามารถเปิดช่องว่างได้ นั่นคือ ราชากระบี่ราชัน ที่อยู่ในวังลับในส่วนลึกของลัทธิเรา มีแค่มันเท่านั้นที่จะสามารถ เปิดประตูช่องว่างได้ “
“รีบส่งคนของลัทธิท่านไปเอามันมาสิ!”
“มันไร้ประโยชน์มันเป็นไปไม่ได้เลย” “วังลับถูกสร้างขึ้นโดย บรรพบุรุษลัทธิของพวกเรามันมีเพียงหนึ่งห้องขนาดใหญ่มากและสมบัติทั้งหมด มีวังวิญญาณมารพิทักษ์สมบัติไว้โดยบรรพบุรุษของพวกเรา จึงไม่มีใครรู้เลยว่า ราชากระบี่ราชัน เป็นเช่นไรและไม่มีใครกล้าย่ำกรายเข้าไปด้วย วังลับ ได้รับการคุ้มกันอย่างแน่นหนาและใครก็ตามที่กล้าเอาชีวิตไปเสี่ยง ลัทธิของเราจะไม่รับผิดชอบ! ดังนั้นจึงไม่มีใครยินดีกล้าที่จะเอาชีวิตไปเสี่ยง เพื่อ ราชากระบี่ราชัน เพียงแค่จะมาซ่อมประตูช่องว่าง และไม่รู้จะซ่อมได้จริงหรือเปล่า? ใช้มันแค่ซ่อมประตูช่องว่าง? อำาจบางอย่างบางคนไม่เข้าใจ แต่สิ่งที่แน่นนอนคือการเสี่ยงชีวิตไม่คุ้มค่า ผู้เชี่ยวชาญของลัทธิเราคิดว่า หากใครต้องการไปอณาจักรอื่นอก็แค่สร้างช่องว่างส่วนตัวขึ้นมาและเลิกคิดที่จะซ่อมประตูช่องว่าง การซ่อมประตูช่องว่างไม่ได้ส่งผลต่อลัทธิของเรามากนัก “
สุดท้ายแล้วพวกเจาก็เลิกซ่อม
ซูหยุนถอนหายใจ ใบหน้าของเขาแสดงถึงความหมดหวัง
หันซานเปลี่ยนมาจริงจังแล้วประสานมือ ” สหายคราวนี้ข้าไม่อาจช่วยท่านได้ ต้องขออภัยด้วย”
เสร็จแล้ว หันซษนเดินจากไป
“ช้าก่อน.”
“สหายไม่ทราบว่ามีอันใด”
“ข้าอยากจะรู้ว่า ข้าเข้าไปในวังลับเพื่อค้นหา ราชากระบี่ราชัน ได้หรือไม่?”
“ท่าน?”
หันซาน ตกใจมาก แต่เขาพยักหน้า ” ได้ซิ แต่ว่ามันอันตรายมาก มีวิญญาณที่แข็งแกร่งมากมายและเราไม่รู้ว่าเท่าไหร่ มีผู้คนมากมายต้องเอาชีวิตไปทิ้งไว้ที่นั่น ท่านกลับไปที่คฤหาสน์เสียเถอะแล้วรายงานเจ้านายท่านว่า ประตูช่องว่างของเราใช้การไม่ได้ ข้าคิดว่าท่านคงจะเข้าใจไม่ถือโทษท่านหรอก “
“ข้าต้องใช้ประตูช่องว่าง” โทนเสียงของซูหยุนเปลี่ยนไป
“มันไม่สามารถทำได้เว้นแต่ท่านต้องหาความช่วยเหลือจากนอกลัทธิของเราแล้วล่ะ”
“เหตุใด? ท่านไม่ได้พูดหรือว่าข้าสามารถไปที่วังลับได้? หรือว่าข้าไม่สามารถซ่อมมันเองได้? “
“หากท่านไปนำกระบี่มา ราชากระบี่ราชัน จะเป็นของท่าน แต่ภายในบริเวณต้องห้ามส่วนใหญ่วิญญาณมารใช้เพลงกระบี่มาร และมันถูกกำหนดให้ทดสอบความรู้ซึ้งของเพลงกระบี่มารของลัทธิของเรา ดังนั้นการที่ท่านไม่รู้เพลงกระบี่มารเขินท่านเข้าไปจะเป็นการเอาชีวิตไปทิ้งเปล่าๆ ! “
ซูหยุนเงียบ
“หากว่าท่านอยากจะไปจริงๆ ก็รออีกสองเดือน อีกสองเดือนข้างหน้า ศิษย์พี่ลี่กวงต้องการพาพวกสาวกเข้าไปวังลับเพื่อไปหาสมบัติ ตอนนั้นท่านสามารถไปกับพวกเขาได้ แต่เมื่อท่านหาที่ตั้ง ราชากระบี่ราชัน พบท่านไม่ส่งมอบศิษย์พี่ลี่กวง และให้เขาพูดถึงเรื่องอนุญาติให้พวกเขานำกระบี่มาซ่อมแซมประตุช่องว่าง ข้าคิดว่าพวกเขาต้องเห็นด้วย “
“สองเดือนต่อจากนี้?”
ซูหยุนสบถ