Limitless Sword God – ฝืนลิขิตฟ้ากระบี่ไร้สรรพสิ่ง - ตอนที่ 220
แปลไทยโดย: SwordGod
LSG บทที่ :220 ตำหนักกระบี่คู่
แล้ววันนัดประลองของตู่ไป๋ลี่กับซูหยุนก็มาถึง ตู่ไป่ลี่รู้ว่าการต่อสู้นี้เป็นเพียงการเรียนรู้เพลงกระบี่ของซูหยุนเท่านัน เขาเป็นคนใจกว้างและไม่ได้ปิดบังอะไรเลยในขณะที่กำลังต่อสู้เขาจะแสดงกระบวนท่าของเพลงกระบี่มารไม่ยอมถอย
เมื่อเทียบ ตู่ไป๋ลี่ กับชาวมารที่ฝึกอยู่ในสานาใฝึกฝนแล้ว พวกนั้นเพียงแค่มองผ่านๆ ในการต่อสู้ ซูหยุนไม่คิดที่เอาชนะ เขาต้องการเรียนรู้ทุกอย่างของตู่ไป๋ลี่ เพราะความรู้ซึ้งของเขาไม่ต่างจากครูผู้สอน
และที่สำคัญตอนนี้ ตู่ไป๋ลี่ กำลังทำเพื่อตัวเขา ซูหยุน จึงทราบซึ้งใจ
หลังจากต่อสู้ ซูหยุน กลับไปที่กระท่อมของเขาและพักอยู่ภายในสามวัน
หันซานไปหาหัวหน้าของตัวเองเพื่อแจ้งจุดประสงค์ของซูหยุนที่จะเข้าไปยังวังลับเพื่อค้นหา ราชากระบี่ราชัน เพื่อซ๋อมแซมประตูช่องว่างออกนอกอณาจักรมาร ครุผุ้สอนไม่ได้คัดค้านตำนานอย่าง ราชากระบี่ราชันของลัทธิมารที่มีแต่ในบรรทึกโบรารเท่นั้น แต่ถ้าซูหยุนอยากจะลองวัดดวงกับสิ่งที่มีแต่เรื่องเล่าขานเขาก็ไม่ขัดศรัทธรา
ไม่มีใครรู้ว่า ราชากระบี่ราชันมีพลังมากแค่ไหน มีแต่คำร่ำลือว่ามันสามารถตัดได้ทุกอย่าง และนั่นทำให้หันซานคิดว่า มันสามารถตัดมิติทำให้เป็นประตูช่องว่างได้
หลังจากที่ซูหยุน ประลองกับ ตู่ไป๋ลี่แล้ว เขาก้ไม่ไปที่สนามฝึกฝนอีกเลย เพราะว่ามันไม่มีประโยชน์ต่อเขาอีกแล้ว จากี้เขาต้องพึ่งพาตัวเอง
ด้วยศิลานิรันดร์และการเกื้อหนุนพรสวรรค์ของหูเชี่ยนเหม่ย ทำให้ความก้าวหน้าของซูฆยุนเป็นเรื่องอัจศจรรย์ยิ่งนักและยิ่งได้รับของขวัญจาก จักรพรรดิมารซินอู่ยิ่งดีขึ้นเป็นทวี ด้วยคำชี้แนะของ หลิงฉิงหยู ทำให้เขาได้เดินทางมาถูกต้อง ไม่กี่เดือนเขาสามารถบรรลุเพลงกระบี่มารขั้นสามได้
ซูหยุนไม่ได้คาดหวังว่าจะมาถึงจุดนี้ นี่เป็นเรื่องอัจศจรรย์มากๆ
เหตุเกิดที่ทำให้ประตูช่องว่างเสียหาย ไม่ได้ทำให้ซูหยุนยอมแพ้ แม้ว่าหลิงฉิงหยูจะเปิดประตูช่องว่างชั่วคราวได้แต่มันไม่ปลอดภัยการรวบรวมวัสดุที่ยากและใช้เวลานานไม่ปลอดภัย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเขาจะไม่ลองไปค้นหา ราชากระบี่ราชัน ดูก่อนล่ะ
ด้วยเพลงกระบี่มารขั้นที่สาม จะสามารถจัดการ วิญญาณมารในวังลับได้มั้ย?
ซูหยุนคิด
ทางตอนเหนืองของ ทวีปนภายุทธ
บนยอดภูเขาที่เต็มไปด้วยหิมะมีหญิงสาวผิวขาวงดงามนางหนึ่ง นั่งเหม่อมองหิมะขาวพร้อมกับสายลมเอ่ยๆดวงดวงตาดั่งอัญมณี
ลมหนาวพัดผ่านผมสีดำและเสื้อคลุมสีขาวมองเหมือนเทพธิดาที่หลุดมาจากภาพวาด
นางเปิดดวงตาช้าๆมองออกไปไกล
มองออกไปที่ห่างไกลเป็นที่ลุ่มว่างเปล่า มีรูปั้นนกหงเพลิงน้ำแข็งขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นตรงกลางล้อมรอบไปด้วยชั้นอักขระน้ำแข็ง มองเห็นได้จากยอดเขามันเป็นมุมมองรูปปั้นกว้างใหญ่ที่งดงามเป็นพิเศษ
หญิงสาวกำหมัดเล็ก ๆ ของนางโดยไม่ให้เกิดเสียง
“มันเกือบสองปีแล้ว?”
ตอนนั้นเองมีหยิงวัยกลางคนเดินมาทางด้านหลัง
หญิงสาวหันหน้าไปมองเห้นหญิงวัยกลางคนสวมชุดคลุมสีม่วง
นางมีเส้นผมสีขาว หน้าผากมีริ้วรอยบ้าง ถึงกระนั้น นางก็ยังดูสง่ารูปลักษณ์ของนางยังบ่งบอกถึงความอ่อนเยาว์และถือได้ว่างดงามยิ่งนัก
“นี่ก้สองปีมาแล้ว เจ้ายังทอดสายตามองออกไปจากที่นี่ทุกวัน มีอันใดหรือเปล่า? เจ้ายังไม่คิดจะยอมแพ้หรือ? คนผู้นั้นมีความสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ? มันคุ้มมากพอที่เจ้าจะรอคอยและตกอยู่ในอันตราย? “
หญิงวัยกลางคนเอ่ย น้ำเสียงของนางดูไร้กำลัง
“ท่านอาจารย์!”
หญิงสาวรีบวิ่งไปหานางและคำนับและเรียกออกมาอย่างนุ่มนวล
หญิงวัยกลางคนพยักหน้าหน้า “ที่สุสานบรรพบุรุษ วังหยกเหมันต์ของเรานั้น มีวิญญาณสัตว์อสูรพิทักษ์อยู่ สิ่งแรกที่เจ้าต้องทำคือเอาชนะจิตใจของเจ้าก่อน แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ใช่คู่ต่องสู้ของวิญญาณสัตว์อสูร เจ้ารออีกสักหน่อยดีกว่า “
“ศิษย์จะฝึกให้หนักขึ้น”
“เจ้า … ” หญิงวัยกลางคนพึมพำส่ายหน้า: “เจ้าอย่าได้หักโหม ถึงเจ้าเจ้าฝึกอย่างหนักแต่การรีบร้อนผลจะมีแค่ครึ่งเดียว”
“ศิษย์ทราบค่ะ”
“อ้อใช่แล้ว หมิงเอ๋อ เจ้าได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน100รายชื่อต้นน้ำ การแข่งขันจะมีขึ้นในอีกครึ่งปีต่อจากนี้ เจ้าจะเป็นตัวแทนของนิกายของเราที่จะเข้าร่วม นิกายของเราอาจไม่ใช่นิกายใหญ่ แต่เพื่อสามารถสร้างอัจฉริยะที่อยู่ในรายชื่อต้นน้ำได้นับว่าเป็นเกียรติของนิกายเรา นิกายของเราไม่เคยมีรายชื่อติดมาก่อน อาจารย์หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้นิกายของเราต้องผิดหวัง อาจารย์ฝากเจ้าด้วยล่ะ “
เด็กสาวพยักหน้า “โปรดวางใจท่านอาจารย์ บุญคุณท่านอาจารย์สำหรับหมิงเอ๋อหนักเท่าขุนเขาศิษย์จะใช้ความสามารถทั้งหมด หมิงเอ๋อจะตอบแทนท่านอาจารย์และบรรลุในรายชื่อต้นน้ำ”
“ดี! หญิงวัยกลางคนพยักหน้า “งั้ข้าก้เบาใจ หมิงเอ๋อ อย่างหักโหม กลับไปก่อนเช้ามืดด้วยล่ะ
เสร็จแล้วนางก้จากไป
หญิงสาวเฝ้ามองอย่างเงียบ ๆ เมื่ออาจารย์นางกลับไปแล้ว นางก้หันกลับมามองรูปปั้นน้ำแข็งอีก
“นายน้อย รอข้าก่อนน่ะ ข้าจะตามหาท่าน” นางกัดฟันกำหมัดแน่น
สองเดือนต่อมา
สาวกรุ่นน้องที่ผ่านการฝึกฝนมาสองปีแล้ว สามารถเข้ารับการคัดเลือกเป็นสาวกอาวุโสได้
ลำดับชั้นของ ลัทะิกระบี่มาร มีความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือสาวกทั่วไป อัจแริยะ สาวกอาวุโส เหล่าผู้อาวุโส เจ้าลัทะิ
ลี่กวงกับลี่ซินเป้นสาวกลัทธิมานานกว่า30ปีและเป็นผู้เชี่ยวชาญเพลงกระบี่มาร รวมทั้งตู่ไป๋ลี่และจี้หยานหยงกับอีกสองสามคน หากจะพูดถึง ลี่กวงกับลี่ซิน อญู่ในลัทธิมานานกว่า ตู่ไป๋ลี่ และคนอื่นๆ พวกเขาใช้เวลามากกว่าสองปีในการเลื่อนขั้น เมื่อเทียบกับตู่ไป๋ลี่
หากพวกเขาได้เลื่อขั้นเป็นสาวกอาวุโส พวกเขาจะสามรถเรียนเพลงกระบี่มารได้ลึกยิ่งกว่านี้
เนื่องจากหันซานและตู่ไป๋ลี่สนับสนุน และไม่มีใครรู้ว่าเขาได้เรียนเพลงกระบี่มารจึงไม่มีสาวกมารคนใดคิดว่าเขาจะเป็นภัยในการเข้าไปยังวังลับ หรือแม้แต่ ราชากระบี่ราชัน? ส่วสาวกมารส่วนใหญ่คิดว่า ม่มีใครที่จะไปที่วังลับได้ เพราะที่นั่นเปิดมานานแล้ว แต่ไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ แล้วซูหยุนจะทำได้หรือ?
หลายต่อหลายคนคิดว่านี่เป็นการสิ้นหวัง แต่ซูหยุนไม่ได้คิดอย่างนั้น
เขาอยากลองดุก่อน
และห้าวันก่อนการขัดเกลา หลิงฉิงหยู ได้นำข่าวที่น่าตกใจมาบอก จากในฝักกระบี่
ซูหยุน ไม่กล้านิ่งดุ
ในกระท่อมเล็ก ๆ เขารีบทำข่ายป้องกันไว้และรีบเข้าไปในฝักกระบี่
ฟิ้ว!
แสงกระพริบผ่านเขาพื้นที่โดยรอบโคจรรอบตัวเขาและในวินาทีถัดไปมันก็เหมือนกับว่าเขาได้เข้ามาในสวรรค์
ในพื้นที่สีเขียวดั่งหยก
ซูหยุนรู้ว่า เขาไม่ได้เข้ามาที่ๆเคยมาก่อน
ด้านหน้าคือ หลิงฉิงหยู ที่มองทอดยาวไปไกล
“ฉิงหยู ที่เจ้าบอกข้า มันจริงหรือ?”
“ข้าจะหลอกเจ้าทำไม?” หลิงฉิงหยูชี้นิ้วไป
ตำหนักกระบี่ที่ใหญ่โตไม่รู้ว่าขนาดเท่าไหร่ เด่นสง่า ด้วยรูปแบบล้อมรอบดั่งใยแมงมุม โดยมีตำหนักกระบี่เป็นศูนย์กลาง รายล้อมด้วยเส้นทางขนาดใหญ่ที่คร่าคร่ำไปด้วยกระบี่มากมายตามทางส่องแสงเฉิดฉายงดงามยิ่งนัก
“ข้าคือวิญญาณกระบี่ สามารถเดินไปทั่วทั่งฝักกระบี่นี้ได้ แต่เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้ ข้าบังอิญได้พบกับที่นี่ และได้เห็นกระบี่คู่วิเศษ “
“กระบี่คู่วิเศษ? มันจะมีอะไรแปลกกว่ามันเป็นแค่กระบี่คู่? “
“โอ้วววมีแน่นอน” หลิงฉิงหยูจริงจัง” เจ้าคงยังไม่รุ้สินะว่า ฝักกระบี่นี่มันมีความพิศดารยังไง มันไม่ใช่แค่ทีๆ ท่านเจ้ากระบี่พนึกกระบี่ไว้ที่นี่แค่ผู้เดียว ไพูดไปเจ้าก้ไม่เข้าใจ เอาเป็นว่า วันนี้ที่ข้าเรียกเจ้ามาในนี้เพื่อถามเจ้าบางอย่าง “
อะไร?”
“เจ้าอยากได้กระบี่คู่นั่นมั้ย?”
“กระบี่คู่?” ซูหยุนกรอกตาด้วยความลังเลเจื่อนๆ ” ทำไมจะไม่ต้องการ? แล้วทำไมเจ้าอยากให้ข้าได้ครองมันกัน?
กระบี่คู่สามารถควบคุมกระบี่ได้เป็นร้อย สะเทือนฟ้าสะเทือนดิน แม้เพลงกระบี่มารจะน่ากลัว แล้วอย่างนี้ มีหรือที่ซูหยุนจะไม่ต้องการ?
แต่ว่าตอนนี้ เขายังไม่แข็งแกร่งพอที่จะได้กระบี่คู่หรือเปล่า? มันเหมือนกับการฆ่าตัวตายถ้าไปเอามา!
“เจ้าต้องการมันมั้ย? ถึงมันจะยาก แต่ถ้ามีโอกาส เจ้าได้ครอบครองมันแน่! “
หลิงฉิงหยูชี้ไปที่ตำหนักกระบี่ “คุณเห็นพระราชวังดาบที่? ข้าไม่รู้สึกถึงปราณของมัน แสดงว่ามันไม่ได้อยู่ในตำหนักแน่ๆ “
“หมายความว่าไง?”
“เจ้าโง่” หลิงฉิงหยูกลอกตาทำม่าน่าเบื่อ “นั่นหมายความว่า กระบี่คู่ได้ออกมาจากตำหนักอยู่รอบๆแถวนี้น่ะสิ”
เมื่อรู้ว่ากระบี่คู่ได้อยู่ข้างนอก ซูหยุนเริ่มสูดลมหายใจี่ขึ้นอย่างหนัก ความหมายของหลิงฉิงหยู คืออะไร ” เจ้าต้องการให้ข้า ค้นหากระบี่คู่แล้วให้ข้ากำราบมันอย่างนั้นหรือ?”
“ถูกต้อง!
“มันไม่ใช่ง่ายๆนา! ถึงแม้มันจะไม่อยู่ในตำหนัก แต่มันก้เป็นกระบี่คู่ ข้าทำไม่ได้หรอก? แล้วข้าก็ไม่รู้จะหามันที่ไหนด้วย “
“หากเป็นคนอื่นอาจจะไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเจ้าแค่หามันเจออาจจะไม่แน่!”
“ทำไม?
“เพราะเจ้ามีกระบี่วิเศษ!” หลิงชิงหยูเอ่ย
ซูหยุนตกตะลึกก่อนพูดว่า “กระบี่มรณะ?”
“เพลงกระบี่มารเป็นวิชาเดียวที่เจ้าจะใช้ต่อกรกับกระบี่คู่!” หลิงฉิงหยู ทำท่าทางจริงจัง “ซูหยุน ข้าคิดว่าการที่ กระบี่คู่ออกมาจากตำหนัก อาจจะเป็นไปได้ว่า กระบี่คู่เปลี่ยนเป็น กระบี่ปฐมบท มันถึงได้ออกจากตำหนัก นี่คือโอกาส หนึ่งในร้อยปีเลยก็ว่าได้ที่จะปรากฏออกมา นี่คือโอกาสของเจ้า “
“ข้าเข้าใจแล้ว!”
ซูหยุนพยักหน้า”ข้าจะลองดู”
“แต่ว่าเจ้าต้องระวังน่ะ กระบี่มรณะคือกระบี่มาร ตราบใดที่มันเข้าสู่ฝักกระบี่ เจ้าต้องควบคุมมันให้ได้! ไม่เช่นนั้นแล้วมันจะเกิดเรื่องใหญ่ “ หลิงฉิงหยู พูดด้วยสีหน้าเป็นกังวล
แต่ซูหยุนส่ายหน้าพร้อมกับหัวเราะ “ออย่าห่วงเลย กระบี่มรณะ ไม่เหมือนดังก่อนแล้ว”