Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 344
ตอนที่ 344 จุดรวมตัวกันของสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ขนาดใหญ่!
“อาวุธวิญญาณระดับ 9 มีค่าอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณขั้นสมบูรณ์ แบบบางคนก็ยังไม่มีอาวุธวิญญาณระดับ 9 เช่นนี้เป็นอาวุธคู่มือเลย ฮิๆๆ!” เปียนเหยาฉวนพูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ การที่เขามีอาวุธวิญญาณระดับ 9 ที่อยู่ในระดับครึ่งขั้นก่อกําเนิดจิตวิญญาณ ที่แม้แต่ผู้ฝึกตนที่มีความแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างเช่นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณก็ยังไม่มี!
“แค่ใช้อาวุธของข้าก็น่าจะสังหารสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ตัวนี้ได้อย่างง่ายดายแล้วล่ะ!” เขามองการต่อสู้ที่กําลังดําเนินอยู่ด้วยรอยยิ้มที่หยิ่งผยอง เหมือนกับว่าเขานั้นเป็นผู้ที่กําลังต่อสู้อยู่กับคางคกยักษ์กลายพันธุ์ตัวนั้น ด้วยตัวเอง
“มันกําลังจะหนีไปแล้วผู้อาวุโสตู้ พวกเราจะช่วยปิดทางหนีของมันไว้ให้ หลังจากนั้นท่านก็ใช้อาวุธวิญญาณระดับ 9 ในมือของท่านฆ่ามันให้ได้!” นายทหารวัยกลางคนตะโกนออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าคางคกยักษ์กลายพันธุ์กําลังจะหนีออกจากกรงขังได้
“พวกท่านช่วยถ่วงเวลามันไว้ให้ข้าเพียงครู่เดียว ข้าน่าจะสามารถสังหารมันได้ภายใน 10 กระบวนท่า!”
ชายชราที่มีแผลเป็นบนใบหน้าถือดาบวิญญาณเมฆครามในมือไว้แน่นและพูดออกมาอย่างมั่นใจ
“ดร.ซุนระวัง! คางคกยักษ์มันพุ่งตรงไปทางคุณแล้ว!” นายทหารวัยกลางคนตะโกนออกมาเสียงดังลั่น
ในขณะเดียวกันคางคกยักษ์กลายพันธุ์ก็กระโดดพุ่งตรงเข้าไปหาซุนหลิงซิ่วอย่างรวดเร็ว
ซุนหลิงซิ่วรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ตั้งสติได้ในทันที และพร้อมกันนั้นเธอก็สร้างโล่แสงขึ้นมาปิดกั้นรอบๆตัวเธออย่างรวดเร็ว
เสี้ยววว!
แต่ไม่ทันที่เธอจะสร้างโล่แสงขึ้นมาได้สําเร็จดี ประกายแสงของดาบสีทองก็ตรงเข้าไปโจมตีคางคกยักษ์กลายพันธุ์ในขณะที่มันกําลังกระโดดลอยตัวอยู่กลางอากาศ!
เพียงแค่ประกายแสงความคมของธาตุโลหะของดาบเล่มนั้น ก็แสดงถึงความแข็งแกร่งและอํานาจอันทรงพลังของมันได้เป็นอย่างดี
เหล่าผู้เชี่ยวชาญก่อกําเนิดลมปราณ ทั้งหมดที่อยู่ในที่นี้ ต่างตัวสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว พวกเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวของพวกเขากําลังจะถูกคมดาบเล่มนี้เฉือนออกเป็นชิ้นๆ เพียงแค่ได้ยินเสียงพุ่งแหวกอากาศของมันเพียงเท่านั้น!
ฟับบ! )
ในทันใดนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงอันแผ่วเบาดังออกมาจากคางคกยักษ์กลายพันธุ์ที่กําลังกระโดดลอยตัวอยู่ ตรงหน้าของซุนหลิงซิ่ว!
หลังจากนั้นหัวของคางคกยักษ์กลายพันธุ์ก็หลุดออกมาจากตัวมัน พร้อมกับเลือดสีแดงสดๆที่พุ่งกระฉุดออกมาราวกับน้ําพุ
ตูมมม! แผละ! –
ลําตัวและส่วนหัวของคางคกยักษ์กลายพันธ์ ตกลงบนพื้นจนเสียงดังสนั่น เลือดสดๆยังคงไหลทะลักออกมาจากส่วนตัวและหัวของมันจนกลิ่นคาวคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ!
“อะ!..อะไรกันนี่? มันเกิดอะไรขึ้น”
“นี่มัน!?…. มันยังไงกันแน่?”
ผู้เชี่ยวชาญโดยรอบที่เตรียมพร้อมกําลังจะเข้าไปโจมตีคางคกยักษ์ ต่างรู้สึกสับสนและยังคงตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า?
ดาบยาวสีทองอันแข็งแกร่งพร้อมกับออร่าของธาตุโลหะที่ทรงพลัง สามารถสังหารคางคกยักษ์กลายพันธุ์ได้อย่างง่ายดายโดยที่พวกเขามองไม่ทันเสียด้วยซ้ํา!
สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทําให้พวกเขาทั้งหมดต่างรู้สึกไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง!
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณกว่า 20 คน ล้อมโจมตีมันอย่างสุดแรงนานกว่าหลายนาที แต่พวกเขาทั้งหมดก็ไม่ได้สร้างความเสียหายหรือบาดเจ็บมากมายใดๆให้แก่คางคกยักษ์กลายพันธุ์ตัวนั้นเลย
แต่ดาบยาวที่มาพร้อมกับประกายสีทองของธาตุโลหะ เพียงแค่พุ่งผ่านไปที่ตัวคางคกยักษ์อย่างง่ายๆเพียงเท่านั้น…
“ฮิๆๆ! ไม่เลวเลย! ความคมของดาบเล่มนี้สุดยอดมากเลยจริงๆ!” ในขณะนั้นเองเสียงหัวเราะเบาๆก็ดังขึ้นทําลายความเงียบสงบลงไปในทันที
กลุ่มคนทั้งหมดต่างหันไปมองทางต้นเสียงอย่างรวดเร็ว!
หวังเสียน ยิ้มออกมาบางๆขณะที่เขายกฝักดาบซานลู่ออกมาอย่างช้าๆ
เสี้ยวววว! คลิ้กก!
ดาบซานลู่ บินวนกลับมาเข้าฝักดาบในมือของหวังเสียน ภายในพริบตา!
หวังเสียน ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี หลังจากที่เขาสังเกตเห็นว่าไม่มีรอยเลือดติดอยู่บนคมดาบแม้แต่หยดเดียว
สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความเป็นเลิศของดาบซานลู่เล่มนี้ได้เป็นอย่างดี
อีก!
“นะ…นั่น! ดาบในมือเขานั่นน่าจะเป็นอาวุธระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณใช่หรือไม่?”
เมื่อกลุ่มผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณทั้งหมดเห็นดาบยาวเล่มที่พึ่งสังหารคางคกยักษ์บินกลับมาเข้าฝักดาบที่อยู่ในมือของหวังเสียนด้วยตัวของมันเอง พวกเขาก็จ้องมองไปยังดาบในมือของหวังเสียน ด้วยความตกตะลึง
“อาวุธวิญญาณระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณ! มันจะต้องเป็นอาวุธวิญญาณระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณอย่างแน่นอน!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณบางคนตะโกนออกมาอย่างลืมตัว
กลุ่มคนทั้งหมดที่อยู่ในที่นี้รู้สึกตกใจกันเป็นอย่างมาก ในเวลานี้พวกเขาไม่สามารถจะพูดอะไรออกมากันได้แม้แต่คําเดียว!
อาวุธวิญญาณระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณส่วนมากนั้นมักจะปรากฏอยู่ในตํานานเพียงเท่านั้น แม้แต่ระดับผู้อาวุโสบางคนที่มีอายุมากกว่า 2-3 ชั่วอายุคน ก็ยังไม่เคยมีใครได้เคยเห็นอาวุธวิญญาณในระดับนี้ พวกเขาเคยได้ยินแต่คําบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่บางคนและอ่านเอาจากหนังสือประวัติศาสตร์อาวุธวิญญาณเพียงเท่านั้น!
ปรมาจารย์นักหลอมสร้างในโลกยุทธภพยุคปัจจุบันนี้ สามารถสร้างอาวุธวิญญาณอย่างดีที่สุดก็เพียงแค่ระดับ 7 ได้เท่านั้น
และไม่ใช่จะสร้างออกมาได้อย่างมากมาย เพราะวัตถุดิบและแร่หลักที่ต้องนํามาใช้ในการสร้างอาวุธวิญญาณนั้นหาได้อย่างยากยิ่งในยุคสมัยนี้!
แต่ถึงแม้ว่าปรมาจารย์นักหลอมสร้างในยุคปัจจุบันจะสามารถสร้างอาวุธวิญญาณระดับ 7 ได้ก็ตาม แต่หากให้เทียบกับอาวุธวิญญาณในยุคเฟื่องฟูจิตวิญญาณทางธรรมชาติแล้วนั้น ระดับคงต่ํากว่าในยุคก่อน 1-2 ระดับเลยทีเดียว
เพราะการหลอมสร้างอาวุธวิญญาณตั้งแต่ระดับ 9 ขึ้นไป ปรมาจารย์นักหลอมสร้างต้องลงอักขระสร้างเป็นเส้นเลือดและเส้นลมปราณลงในอาวุธวิญญาณด้วย เพื่อให้มันสามารถดูดซับพลังงานทางจิตวิญญาณของผู้ใช้ และพลังงานจิตวิญญาณทางธรรมชาติได้ในระหว่างการต่อสู้
หากพูดกันตามตรงแล้ว อาวุธวิญญาณระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณนั้น ก็มีความสามารถที่แข็งแกร่งและทรงพลังเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณขั้นสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
และในบางตํานานยังเคยกล่าวไว้อีกว่าอาวุธวิญญาณระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณบางชิ้นเมื่อสะสมพลังงานจิตวิญญาณทางธรรมชาติมากพอ มันสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งของมันให้เติบโตขึ้นได้อีกด้วย จึงมีบันทึกเอาไว้ว่าอาวุธวิญญาณระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณบางชิ้นนั้นทรงพลังมากพอๆกับผู้ฝึกตนในระดับขอบเขตเม็ด ยาเซียนเลยที่เดียว
ฉะนั้นผู้ที่มีอาวุธวิญญาณระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณอยู่ในครอบครอง ก็เปรียบเสมือนมีผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณขั้นสมบูรณ์คอยเป็นผู้พิทักษ์อยู่ข้างกาย
และหากผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งขั้นก่อกําเนิดลมปราณ ใช้อาวุธวิญญาณระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณคนผู้นั้น สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณขั้นสูงได้อย่างไม่ยากเย็น (หากไม่พลาดถูกศัตรูสังหารเสียก่อนที่จะชักอาวุธออกมา]
ในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในที่นี้ทั้งหมดส่วนมากมีอาวุธวิญญาณระดับ 6 หรือระดับ 7 เพียงเท่านั้น มีไม่กี่คนเท่านั้นที่มีอาวุธวิญญาณระดับ 8 และมีเพียงเปี่ยนเหยาฉวนแค่คนเดียวเท่านั้นที่มีดาบวิญญาณเมฆคราม ซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณระดับ 9
เฉพาะเพียงแค่อาวุธวิญญาณระดับ 9 ก็ทําให้กลุ่มคนทั้งหมดในที่นี้ตกตะลึงกันไปเป็นเวลานาน แล้วนับประสาอะไรกับอาวุธระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณในมือของหวังเสียนตอนนี้
“นี่คือดาบซานลู่!”
หวังเสียน พูดทําลายความเงียบลงอีกครั้ง เมื่อเขาเห็นทุกคนให้ความสนใจดาบยาวในมือของเขา เขาก็ชู ดาบในมือขึ้นสูงพร้อมกับบอกชื่อของดาบเล่มนี้ให้ทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน
“ดาบซานลู่ที่เป็นอันดับที่ 5 ของดาบโบราณทั้ง 10 อย่างนั้นเหรอ? และในตํานานของอาวุธวิญญาณถือได้ว่าความแข็งแกร่งของมันนั้นอยู่ใน 3 อันดับแรกเลยทีเดียว!”
“อาวุธระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณดาบแห่งความยุติธรรม ดาบซานลู่ นี่คือดาบในตํานานอย่างแท้จริง! การโจมตีเต็มกําลังของพวกเราสร้างความเสียหายให้กับคางคกกลายพันธุ์ตัวนั้นได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ดาบซานลู่ในมือของหมอเทวะหวังสามารถฆ่ามันได้อย่างง่ายดาย!”
“ความแข็งแกร่งของอาวุธก่อกําเนิดจิตวิญญาณ ต่างกับอาวุธวิญญาณที่พวกเราใช้เป็นอย่างมากแม้แต่ดาบ วิญญาณระดับ 9 ของเปี่ยนเหยาฉวนก็ไม่สามารถเทียบได้เลยแม้แต่น้อย!”
ผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณโดยรอบต่างรู้สึกตกใจกันเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าดาบในมือของหวังเสียนั้นคือดาบซานลู่ในตํานาน
พวกเขาจ้องมองไปที่ดาบซานลู่และหันไปมองยังซากของคางคกกลายพันธุ์ที่นอนตายอยู่ตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
กลุ่มเยาวชนรุ่นเยาว์ที่อยู่ทางด้านหลังต่างจ้องมองไปยังดาบซานลู่ด้วยสายตาที่เร่าร้อน
“อาวุธวิญญาณระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณ ในมือของหมอเทวะหวังคือดาบซานลู่ในตํานาน!”
“โอ้วว! ในตอนแรกข้าคิดว่าคุณชายเบี้ยนนั้นน่าทึ่งมากอยู่แล้วที่มีอาวุธวิญญาณระดับ 9! แต่ใครจะคาดคิดกับเราว่าดาบที่หมอเทวะหวังหิวติดตัวไปมานั้นจะเป็นอาวุธระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณ!”
“เขาเพียงแค่ส่งดาบในมือของเขาออกไป แล้วดาบซานลู่ในมือของเขาก็สังหารคางคกยักษ์กลายพันธุ์ตัวนั้นได้เอง ความแข็งแกร่งของอาวุธก่อกําเนิดจิตวิญญาณนั้น ช่างคมกล้าและน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง!”
“ในตอนแรกข้ายังคิดว่าดาบที่เขาถืออยู่ในมือนั้นเป็นแค่ดาบสวยงามธรรมดาทั่วๆไปที่เขาพกเอาไว้ทําให้ตัวเองดีขึ้นมา แต่ใครจะคาดคิดกันละว่า…”
“หยุดๆๆ! เมื่อตอนที่แล้วเจ้าก็พูดเช่นนี้กับเบี้ยนเหยาฉวนไปแล้วไม่ใช่รี?”
“ดูเหมือนว่าหมอเทวะหวัง จะซ่อนเอาไว้ลึกพอตัวเลยทีเดียว อายุเพียงแค่ 20 ปี มีทักษะทางการแพทย์ที่ทรงพลังจนอยู่ในอันดับที่ 9 ของการจัดอันดับหมอเทวะศักดิ์สิทธิ์แห่งโลกยุทธภพ มีทักษะการปรุงยาระดับสูงที่น่าจะมีความสามารถพอๆกับนักปรุงยาระดับ 5 หรือระดับ 6 และตอนนี้อาวุธคู่มือของเขายังเป็นถึงอาวุธวิญญาณ ระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณอีกด้วย!”
“ใช่! หลังจากที่เห็นความสามารถของเขาในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ข้าไม่ค่อยอยากจะเชื่อข่าวลือสักเท่าไหร่เลยว่าหมอเทวะหวังแห่งเมืองเจียงเฉิง จะไม่มีกองกําลังที่แข็งแกร่งสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลัง เพราะความสามารถในระดับนี้สามารถเป็นทายาทศักดิ์สิทธิ์ ว่าที่เจ้าสํานักของสํานักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างสบายเลยทีเดียว!”
“ข้าก็คิดว่านี่มันจะน่าเหลือเชื่อมากเกินไป หมอเทวะที่มีทักษะการปรุงยาระดับสูงเช่นนี้จะไม่มีกองกําลังระดับสูงคอยหนุนหลังอยู่ได้อย่างไร! ต่อให้เขาได้รับโชควาสนามาก็ตาม แต่ทักษะการปรุงยาของเขาก็ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนานและยังต้องใช้ทรัพยากรมหาศาล ไม่เช่นนั้นเขาคงจะไม่สามารถมีทักษะที่สูงมากขนาดนี้ได้อย่างแน่นอน ข้าว่าบางทีหมอเทวะหวังผู้นี้อาจจะเป็นลูกหลานของตระกูลโบราณที่ซ่อนเร้นและปกปิกตัวตนเอาไว้ก็ได้!”
ความแข็งแกร่งและความสามารถของหวังเสียน ที่แสดงออกมาในช่วงสองสามวันมานี้ ทําให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญและกลุ่มหมอเทวะที่อยู่ใกล้ชิดกับเขารู้สึกตกตะลึงมากเกินไปจริงๆ
บางคนเชื่ออย่างสนิทใจว่าหวังเสียนนั้นต้องเป็นทายาทของตระกูลผู้ฝึกตนโบราณที่ซ่อนเร้นอยู่ในภูเขาลึก และส่งลูกหลานออกมาหาประสบการณ์ เพราะการที่จะเป็นนักปรุงยามืออาชีพได้นั้นต้องใช้เวลาในการฝึกฝนค่อนข้างที่จะยาวนานและต้องใช้ทรัพยากรในการฝึกฝนอย่างมากมายมหาศาลอีกด้วย
และทุกสิ่งที่เขาแสดงออกมานี้แม้แต่ศิษย์หลักหรือทายาทศักดิ์สิทธิ์ของสํานักระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปีก็ไม่สามารถเทียบกับเขาได้
ปากของเปี่ยนเหยาฉวน ยังคงอ้าค้างและไม่ได้หุบลงเลยตั้งแต่คางคกยักษ์กลายพันธุ์ถูกสังหารลงไป ใบหน้าของเขานั้นมีดมนลงเป็นอย่างมาก ในขณะที่จ้องมองไปยังหวังเสียนด้วยความขมขื่นใจ
เขากําหมัดแน่นและรู้สึกโกรธแค้นหวังเสียนเป็นอย่างยิ่ง ความรู้สึกของเปี่ยนเหยาฉวนในตอนนี้ก็คือหวังเสียน นั้นตั้งใจทําไม่ว่าเขาจะแสดงอะไรออกมาก็ตาม หวังเสียนก็จะทําให้เหนือกว่าเขาเสมอเพื่อหักหน้าเขา
เจ้าคนผู้นี้มันตั้งใจที่จะหาเรื่องข้าจริงๆ!
ข้าเคยไปสร้างความขุ่นเคืองไว้ให้กับมันอย่างนั้นเหรอ?
“ในเมื่อเจ้าเห็นข้าเป็นศัตรูก่อน! นับแต่นี้ไปข้ากับเจ้าจะเป็นศัตรูกันตลอดชีวิต!! เจตนาฆ่าฉายชัดอยู่ในดวงตาของเบี้ยนเหยาฉวน ในขณะที่เขาจ้องมองไปยังหวังเสียน
หวังเสียน ไม่ได้ล่วงรู้ความคิดของเปี่ยนเหยาฉวนเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงเขาจะรู้เขาก็ไม่ได้สนใจคนสมองที่อ ไร้สาระ ที่ถูกพ่อแม่ตามใจมาตั้งแต่เด็กเช่นเปี่ยนเหยาฉวนคนนี้
หลังจากนั้นไม่นานทุกคนในกลุ่มก็ตั้งสติกันได้ พวกเขาหันไปมองสํารวจยังซากศพของคางคกยักษ์กลายพันธุ์
“ข้าขอตรวจดูศพคางคกยักษ์ตัวนี้หน่อย! ว่าทําไมมันถึงมีพลังป้องกันที่มากมายถึงขนาดนี้!”
กลุ่มหมอเทวะหลายคนเดินไปที่ซากศพของคางคกกลายพันธุ์และเริ่มตรวจสอบมาในทันที
“ระวังตัวด้วยนะทุกคน ในเวลานี้ให้ใส่ใจกับความปลอดภัยของตัวเองด้วย ถึงแม่ในตอนนี้เราจะสามารถกําจัดคางคกยักษ์กลายพันธุ์ตัวนี้ได้ แต่ก็อาจจะมีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่มีความแข็งแกร่งเท่ากับระดับครึ่งขั้นขอบเขตเม็ดยาเซียนอย่างเช่นคางคกยักษ์กลายพันธุ์ตัวนี้อยู่อีกก็เป็นได้!”
นายทหารวัยกลางคนพูดเตือนทุกคนออกมาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึมและจริงจัง เขาค่อนข้างที่จะเป็นกังวลว่าอาจจะมีสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่แข็งแกร่งมากกว่านี้
หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ภารกิจการสํารวจในครั้งนี้คงจะต้องถูกยกเลิก และพวกเขาคงต้องกลับไปเตรียมตัวกันใหม่อีกครั้ง
และในครั้งหน้าก็คงจะต้องขอความร่วมมือจากกองกําลังระดับชั้นศักดิ์สิทธิ์เพื่อเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งขั้น ขอบเขตเม็ดยาเซียน หรือระดับขอบเขตเม็ดยาเซียนของกองกําลังเหล่านั้นมาเพื่อขจัดปัญหาในพื้นที่แห่งนี้ และเมื่อถึงเวลานั้นทางรัฐบาลของประเทศอาจจะต้องสูญเสียค่าใช้จ่ายอย่างมหาศาลเลยทีเดียว
นายทหารวัยกลางคนถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนที่จะสั่งให้นายทหารหนุ่มบางคนจัดการกับศพของผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณที่เสียชีวิตไป จากนั้นเขาก็หันไปมองที่แม่น้ําฮวงโหด้วยสายตาที่ซับซ้อน
ในตอนนี้หวังเสียนสามารถรับรู้ได้ถึงสายตาของคนบางกลุ่มที่จ้องมองมายังดาบซานลู่ในมือของเขา แต่เขาก็ไม่ได้เป็นกังวลอะไรมากนัก
ถ้าคางคกยักษ์กลายพันธุ์ไม่ได้พุ่งเข้าไปโจมตีซุนหลิงซิ่ว เขาก็คงไม่คิดจะจัดการกับมัน
ในตอนนั้นทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่ดาบระดับก่อกําเนิดจิตวิญญาณในมือของหวังเสียน และไม่มีใครสังเกตระดับความแข็งแกร่งของเขา บางทีคนพวกนี้อาจจะตื่นเต้นกับการที่ได้พบดาบซานลู่ในตํานานจนลืมสังเกตความผิดปกติในข้อนี้ไป
หลังจากนั้นหวังเสียนก็จ้องมองไปที่ศพของคางคกยักษ์กลายพันธุ์ ก่อนที่เขาจะหันไปจ้องมองลงไปในส่วนลึกของแม่น้ําฮวงโห
อาณาเขตกว้างกว่า 1,000 เมตรอยู่ภายใต้การรับรู้ทางจิตวิญญาณของหวังเสียน และพร้อมกันนั้นเขาก็ใช้พิวส์ซึ่งอายเพื่อสังเกตบริเวณโดยรอบอย่างถี่ถ้วนอีกด้วย
เขาแยกตัวออกมาจากกลุ่มคนก่อนที่จะเดินไปยังริมฝั่งของแม่น้ําฮวงโหและมองลึกลงไปทางด้านขวามือของเขา
ซุนหลิงซิ่วก็เดินตามเขามาติดๆ ส่วนหมอโลหิตก็เดินตามมาด้วย แต่ทิ้งระยะห่างพอสมควรเหมือนกับองครักษ์คอยดูแลความปลอดภัยให้กับพวกเขา
“หมอเทวะหวังได้โปรดระวังตัวด้วยนะครับ!”
เมื่อเห็นว่าหวังเสียนเดินแยกตัวออกไปจากกลุ่ม นายทหารวัยกลางคนก็กล่าวเตือนเขาออกมาอย่างสุภาพ
หวังเสียน หันมาพยักหน้าและยิ้มให้กับเขา ก่อนที่จะหันกลับไปมองยังแม่น้ําฮวงโห แสงสีฟ้าและสีแดงสว่างวาบในดวงตาของเขาอยู่ตลอดเวลา
“หืมม?” หลังจากเขาเดินตามริมฝั่งแม่น้ําไปประมาณ 1,000 เมตร เขาก็หยุดอยู่บนเนินเล็กๆแห่งหนึ่งสายตาของเขาจ้องเขม็งมองไปข้างหน้าด้วยความตกใจ
“นั่นคืออะไร?! “
หวังเสียนจ้องมองลึกลงไปยังกลางแม่น้ําด้วยสายตาที่จริงจัง
มีกลุ่มสิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์มากมายหลากหลายชนิดมารวมตัวกันอยู่ที่ตรงนั้น ไม่ว่าจะเป็นยุงกลายพันธ์, ปลิงกลายพันธุ์, มดกลายพันธุ์และยังมีแมลงชนิดอื่นๆอีกหลายชนิด ที่มีขนาดไม่ต่ํากว่าครึ่งเมตร
นอกจากนี้ยังมีคางคกยักษ์กลายพันธุ์ที่ตัวใหญ่กว่า 2 เมตรอยู่ด้วย
สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์ที่น่ากลัวเหล่านี้นั้นมีทั้งหมดประมาณ 30 ตัว พวกมันนอนรวมกลุ่มกันอยู่ที่ตรงกึ่งกลาง ของแม่น้ําและดูเหมือนว่าพวกมันกําลังปกป้องบางสิ่งบางอย่างอยู่!
จบบท