Invincible Divine Dragon’s Cultivation System ระบบฝึกฝนมังกรอมตะ - ตอนที่ 339
ตอนที่ 339 คงไม่มีใครกล้าเรียกตัวเองว่าที่หนึ่งได้เมื่ออยู่ต่อหน้าข้า!
“ประเดี๋ยวก่อนหมอเทวะหวัง! เจ้าต้องบอกข้ามาก่อนว่าจะสามารถแก้ไขแขนที่พิการของฟางฮัวซื้อ ได้อย่างไรแล้วพวกเราจะลืมทุกอย่างในอดีตระหว่างเราจะได้ไม่ต้องมีเรื่องบาดหมางกันอีกต่อไป!”
ในขณะที่หวังเสียนกําลังจะศึกษาสัตว์กลายพันธุ์ทั้งสี่ตัวเขาก็ได้ยินเสียงคนตะโกนพูดกับเขา
หวังเสียนนั้นรู้ว่าเป็นผู้อาวุโสจากสํานักเพิ่งเหมินถูเพราะตั้งแต่เขาก้าวเข้ามาในเต็นท์คนกลุ่มนี้ก็จ้องมองมาที่เขาโดยตลอด
“แขนที่พิการของเขานั้นเกิดมาจากการแพ้พนันของตัวเขาเองเขาก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา!แต่สิ่งที่พวกเจ้ากระทํากันในตอนนี้นั้นเป็นเรื่องปกติของคนสํานักเซึ่งเหมินถอย่างนั้นเหรอ? แพ้เดิมพันแล้วไม่ยอมรับจนต้องให้ผู้อาวุโสในสํานักมาที่นี่เพื่อแก้แค้นแทนอย่างนั้นรึ?”
(จากตอนที่ 127-130]
หวังเสียน หันกลับไปมองยังผู้อาวุโสของสํานักเพิ่งเหมินถูด้วยรอยยิ้ม
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง! ว่าเจ้านั้นจะยอมแก้ไขแขนที่พิการของฟางฮัวซื่อกลับคืนดังเดิมหรือไม่?” ชายชราคนหนึ่งจากสํานักเพิ่งเหมินถูพูดออกมาเสียงดังในขณะที่เขานั้นเริ่มจะควบคุมความโกรธของตัวเองไม่ได้
“หินวิญญาณ 500 ก้อน แล้วข้าจะรักษาแขนลูกศิษย์ของเจ้าให้ถ้าไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องมาพูดกันอีก!”
หวังเสียนยังคงจ้องมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นด้วยรอยยิ้ม
“ก็ดี! ข้าหวังว่าเจ้านั้นจะยังคงแสดงความอวดดีและหยิ่งยโสเช่นนี้ได้ตลอดไป!”ชายชราจากสํานักเซึ่งเหมินถู แสยะยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว
หวังเสียนหันกลับและไม่ได้สนใจกลุ่มคนจากสํานักเพิ่งเหมินกูอีกต่อไป เขามุ่งความสนใจไปที่สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านั้นอีกครั้ง
หวังเสียนเอื้อมมือไปจับตัวมดกลายพันธุ์เพื่อนํามาตรวจดูเส้นเลือดและโครงสร้างภายในของมัน หลังจากนั้นเขาก็จมดิ่งอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง
จากการวิเคราะห์และคาดเดาของเขา การกลายพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้นั้นไม่ได้เกิดจากเชื้อไวรัสใดๆแต่มันน่าจะเกิดจากรูปแบบของสายเลือดที่ทรงพลังที่ปะปนอยู่ในร่างกายของพวกมัน
สิ่งมีชีวิตกลายพันธุ์เหล่านี้สามารถมีวิวัฒนาการได้ จากมดธรรมดากลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับสัตว์อสูรในระดับ 7 หรือระดับ 8
เมื่อเขาวิเคราะห์ออกมาได้เช่นนั้นมันทําให้เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก หากเลือดหนึ่งหยดสามารถทําให้มดและสิ่งมีชีวิตที่กลายพันธุ์เหล่านี้วิวัฒนาการได้อย่างก้าวกระโดด สายเลือดระดับนี้นั้นมันจะน่ากลัวมากขนาดไหนกัน?
นี่คือการดํารงอยู่ของสิ่งมีชีวิตประเภทไหนกันแน่?
อย่างน้อยมันก็ต้องแข็งแกร่งกว่าตัวเขามากอย่างแน่นอน
เพราะด้วยความสามารถและความแข็งแกร่งของหวังเสียนในตอนนี้ เขาคงจะไม่สามารถใช้เลือดหนึ่งหยดของเขาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมดจนมันสามารถวิวัฒนาการเข้าสู่ระดับความแข็งแกร่งเดียวกันกับนักรบระดับขั้นที่ 7 ได้อย่างแน่นอน
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็คงจะต้องระวังตัวเอาไว้ให้มากๆเสียแล้วล่ะ!”
หวังเสียน เคร่งขรึมลงไปเล็กน้อย ในตอนนี้เขารู้สึกค่อนข้างตึงเครียด หากว่าเลือดหนึ่งหยดของสิ่งมีชีวิตตัวนั้นยังแข็งแกร่งได้มากถึงขนาดนี้ เมื่อต้องเจอกับตัวตนอันแท้จริงของมันเขาก็คงจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันอย่างแน่นอน
“คุณชายเบี้ยน สิ่งที่คุณต้องการนั้นได้มาครบหมดแล้วครับ!”
หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง นายทหารวัยกลางคนก็เดินเข้ามาพูดกับ เบี้ยนเหยาฉวน
“โอ้ว! ช่างรวดเร็วดีจริงๆ! ท่านนําต้นยาจิตวิญญาณมากี่ต้นอย่างนั้นหรือ? เพราะเม็ดยาจิตวิญญาณระดับ 3 นั้นต้องใช้พืชสมุนไพรที่ต่างกันถึง 9 ชนิด!”
เบี้ยนเหยาฉวน ยืนขึ้นและถามนายทหารวัยกลางคนด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราได้นําต้นยาจิตวิญญาณมา 100 ตันต่อ 1 ชนิด ผมขอถามคุณชายสักหน่อยได้ไหมว่าคุณชายสามารถปรับแต่งยาชนิดนี้ได้กี่เม็ด!” นายทหารวัยกลางคนถามออกมาด้วยความคาดหวัง
“100 ต้นต่อ 1 ชนิดงั้น!?”
เบี้ยนเหยาฉวนรู้สึกค่อนข้างที่จะประหลาดใจกับทรัพยากรอันมั่งคั่งของทางฝ่ายการทหารเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในทันใดนั้นเขาก็ตอบออกมาอย่างมั่นใจว่า “ข้านั้นเป็นนักปรุงยาระดับ 3 และอัตราความสําเร็จของข้าในการปรับแต่งและปรุงยาอยู่ที่ประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ข้าสามารถปรับแต่งเม็ดยาล้างเลือดได้ประมาณ 2-3 เม็ดต่อ 1 รอบในการปรุงยาและด้วยส่วนผสมที่สามารถปรุงยาได้ 100 รอบข้าคาดเดาว่าอย่างน้อยๆข้าก็คงจะปรุงยาออกมาได้ 40-50 เม็ดเลยทีเดียว!”
“สามารถสร้างเม็ดยาได้ 40-50 เม็ดเลยทีเดียวอย่างนั้นเลยรี?”
นายทหารวัยกลางคนรู้สึกตกตะลึงและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เม็ดยาจิตวิญญาณระดับ 3 ที่มีมากถึง 40-50 เม็ด เทียบเท่ากับต้นยาจิตวิญญาณระดับ 4 ในปริมาณ 40-50 ต้นเลยที่เดียว
นั่นก็หมายความว่ามูลค่าของต้นยาจิตวิญญาณระดับ 3 จํานวน 900 ต้นที่นํามาเป็นวัสดุในการปรุงยาสามารถเพิ่มมูลค่าให้มันได้มากกว่าสิบเท่า
มันเป็นจริงอย่างที่มีคนพูดเอาไว้ว่าความสามารถของอาชีพนักปรุงยานั้น สามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างมากมายมหาศาล!
“ช่างน่าตกใจจริงๆ การที่ใช้ต้นยาจิตวิญญาณระดับ 3 แต่สามารถเพิ่มมูลค่าได้เทียบเท่ากับต้นยาจิตวิญญาณระดับ 4 ได้มากถึง 40-50 ต้น นี่ก็เท่ากับว่าเขานั้นสามารถเพิ่มมูลค่าให้มันได้มากถึงสิบเท่าเลยทีเดียว!”
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่สํานักสวนศาลาสมุนไพรนั้นจะไม่ค่อยสนใจทักษะทางการแพทย์มากนักพวกเขาเพียงต้องการให้เหล่าสาวกของพวกเขานั้นมุ่งเน้นไปทางด้านทักษะการปรุงยาเพียงอย่างเดียวเพราะอาชีพนักปรุงยานั้นสามารถสร้างความมั่งคั่งได้อย่างมากมายมหาศาลเช่นนี้นี่เอง!”
“อาชีพนักปรุงยานั้นไม่เพียงแต่จะสร้างความร่ํารวยและมั่งคั่งให้แก่ตัวเองได้เท่านั้น แต่นักปรุงยาระดับสูงก็ยังมีศักดิ์ศรีและฐานะที่สูงมากอีกด้วย เพราะไม่ว่าจะด้วยเหตุใดหากได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ฝึกตนแล้วก็สมควรจะต้องแสวงหาเม็ดยาจิตวิญญาณมาเพื่อพัฒนาและเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานั้นเราก็จะต้องพึ่งพาอาศัยนักปรุงยาเหล่านี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!”
ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างก็พูดกันออกมาด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนและตกตะลึง
พลังและความสามารถของอาชีพนักปรุงยานั้นมีอิทธิพลต่อเหล่าชาวยุทธในโลกยุคปัจจุบันอย่างแท้จริง
เม็ดยาระดับ 3 มีประโยชน์เป็นอย่างมากสําหรับนักรบระดับขั้นที่ 9 หากนักปรุงยามีต้นยาจิตวิญญาณที่เพียงพอเขาสามารถปรับแต่งยาและยกระดับนักรบระดับขั้นที่ 9 ให้ก้าวเข้าสู่ระดับครึ่งขั้นก่อกําเนิดลมปราณได้อย่างไม่ยากเย็น
และสาเหตุที่สํานักสวนศาลาสมุนไพรนั้นมีเหล่าสาวกและกลุ่มผู้อาวุโสที่มีความแข็งแกร่งกว่าสํานักอื่นๆก็เพราะว่าพวกเขานั้นสามารถปรุงยาเพื่อยกระดับความแข็งแกร่งของสาวกในสํานักได้นั่นเอง
“ทักษะการปรุงยาของสํานักสวนศาลาสมุนไพรนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใดพวกเจ้าคงจะสามารถจินตนาการกันได้แล้วสินะ!”
ชายชราที่มีแผลเป็นบนใบหน้าพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่เย่อหยิ่ง ในขณะที่เขากวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนทั้งหมด
“คุณชายเปี่ยน ท่านสามารถช่วยพวกเราปรับแต่งเม็ดยาได้หรือไม่? พวกเราจะเตรียมต้นยาจิตวิญญาณและสิ่งของที่ท่านต้องการใช้ในการปรุงยาให้เพียงพอและพร้อมกันนั้นพวกเราก็ยินดีจะจ่ายเงินให้กับคุณชายอย่างเหมาะสมอีกด้วย!”
ผู้ฝึกตนหลายคนไม่สามารถยับยั้งชั่งใจของตัวเองได้อีกต่อไป พวกเขารีบเข้าไปพูดคุยและขอร้องเบี้ยนเหยาฉวนด้วยท่าทางที่สภาพ
ในตอนแรกพวกเขาทั้งหมดคิดว่าเปี่ยนเหยาฉวนเป็นเพียงสาวกที่ติดตามชายชราทั้งสองคนออกมาหาประสบการณ์ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าชายหนุ่มคนนี้นั้นจะเป็นนักปรุงยาที่มีความสามารถสูงเช่นนี้
พวกเขารู้สึกตกใจกันอย่างแท้จริง!
“เอาไว้ค่อยคุยกันหลังจากนี้เถอะ!”
เมื่อเห็นเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในระดับก่อกําเนิดลมปราณหลายคนแสดงความเคารพและพูดจาสุภาพต่อเขาเปี่ยนเหยาฉวน ก็มีรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจปรากฏออกมา แต่เขาก็ยังรักษาท่าทางที่สงบนิ่งและพูดออกมาด้วยน้ําเสียงที่เป็นปกติ
“แน่นอน! แน่นอน! งานหลักในครั้งนี้ย่อมสําคัญที่สุด หลังจากนี้พวกเราคงจะต้องรบกวนเข้าไปพูดคุยรายละเอียดกับคุณชายเปี่ยนอีกครั้งหนึ่ง ถ้าเช่นนั้นในตอนนี้พวกเราจะไม่รบกวนการปรับแต่งยาของคุณชายอีกต่อไป!”
“คุณชายเปี่ยน ท่านช่วยแสดงทักษะการปรุงยาของท่านให้พวกเราได้ชมเป็นขวัญตาหน่อยจะได้หรือไม่?”
ในทันใดนั้นผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณหลายคนที่อยู่รอบๆตัวของเขาก็จ้องมองไปที่ เปี่ยนเหยาฉวน อย่างคาดหวัง แม้แต่บรรดาหมอเทวะก็อยากจะเห็นทักษะการปรุงยาของเขาเช่นเดียวกัน
ถึงแม้ว่าหลายคนในที่นี้จะมีอายุเลยวัยกลางคนไปแล้วก็ตาม แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยเห็นการปรับแต่งและปรุงยามาก่อนในชีวิต พวกเขาต้องการรู้ว่าการปรุงยานั้นจะน่ามหัศจรรย์มากเพียงใด
“ข้าจะอนุญาตให้พวกท่านทุกคนสามารถดูการปรับแต่งยาของข้าก็ได้ แต่พวกท่านทุกคนจะต้องเงียบเสียงลงและจะต้องไม่รบกวนการปรุงยาของข้า!” เปี่ยนเหยาฉวนตอบออกมาอย่างภาคภูมิใจ
“มันเป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้วพวกเราจะไม่ส่งเสียงดังรบกวนคุณชายเลยแม้แต่น้อย พวกเราเพียงแค่หวังว่าจะสามารถได้ชมทักษะการปรุงยาระดับสูงของคุณชายเพื่อเปิดโลกทัศน์ของพวกเราให้กว้างขึ้นก็เท่านั้น!”หมอเทวะหลายคนพูดออกมาคล้ายๆกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
เปี่ยนเหยาฉวน เอามือไขว้หลังพร้อมกับพยักหน้าอย่างช้าๆ คล้ายกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ หลังจากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังต้นยาจิตวิญญาณที่อยู่ตรงหน้า”จงสังเกตดูให้ดี แต่อย่าได้รบกวนสมาธิของข้าโดยเด็ดขาด!”
เปี่ยนเหยาฉวน ไม่ได้ปกปิดความลับการปรับแต่งยาชนิดนี้เลยแม้แต่น้อย
การกลั่นและปรุงยาเป็นเรื่องยากกว่าการศึกษาทักษะทางการแพทย์โบราณหลายเท่าตัว
ยิ่งไปกว่านั้นเม็ดยาทุกชนิดมีสูตรและปริมาณส่วนผสมที่ค่อนข้างจะละเอียด หากไม่ทราบสูตรอย่างชัดเจนพวกเขาก็จะไม่สามารถปรับแต่งและปรุงยาชนิดนั้นๆออกมาได้
เบี้ยนเหยาฉวน โบกมือขวาของเขาพร้อมกับคว้าต้นยาจิตวิญญาณออกมา แล้วเขาก็กางมือซ้ายของเขาออกมาเปลวไฟสีเขียวก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาในทันที
เปลวไฟแห่งสวรรค์นี้นั้นเหมาะกับการกลั่นต้นยาจิตวิญญาณให้กลายเป็นน้ํายาจิตวิญญาณเป็นอย่างมาก
การใช้เปลวไฟแห่งสวรรค์เพื่อปรับแต่งเม็ดยาสามารถเพิ่มความสําเร็จในการปรุงยาออกมาได้ถึง 10 เปอร์เซ็นต์
เปี่ยนเหยาฉวน ยังคงวางมาดเหมือนกับปรมาจารย์นักปรุงยาผู้ยิ่งใหญ่
และตามล่าดับขั้นตอน เขาโยนต้นยาจิตวิญญาณทั้ง 9 ชนิดไปที่เปลวไฟสวรรค์ หลังจากนั้นต้นยาจิตวิญญาณเหล่านั้นก็เริ่มถูกหลอมละลายอย่างช้าๆ
ต้นยาจิตวิญญาณทั้งหมดละลายกลายเป็นของเหลวซึ่งเป็นน้ํายาจิตวิญญาณหลังจากผ่านไปได้ประมาณ 30 วินาที
ในขณะนี้ท่าทางของเบี้ยนเหยาฉวนดูเคร่งขรึมและจริงจังเป็นอย่างมาก
เมื่อฝูงชนเห็นเบี้ยนเหยาฉวนกําลังปรับแต่งเม็ดยาอย่างมีสมาธิ พวกเขาก็เฝ้าดูอยู่ด้วยท่าทางที่ลุ้นระทึกพร้อมกับพยายามหายใจให้เบามากที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธิของเบี้ยนเหยาฉวน
หลอมรวม!
หลังจากผ่านไปประมาณ 5 นาที เปี่ยนเหยาฉวนก็คํารามออกมาด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม ในขณะเดียวกันของเหลวบนฝ่ามือของเขาก็ค่อยๆหลอมรวมกันเป็นกลุ่มของเหลว 3 กลุ่ม
ขึ้นรูป!
เขาตะโกนออกมาพร้อมกับมีหยดเหงื่อไหลหยดอยู่จนเต็มหน้าผากของเขา
สร้างเม็ดยา!
เขาตะโกนขึ้นมาอีกครั้งเปลวไฟที่อยู่บนฝ่ามือของเขาก็ลุกโชนขึ้นมาในทันที
เปลวไฟสีเขียวเปล่งประกายออกมาจากรอบๆตัวของเขา ทําให้เขานั้นดูเหมือนกับปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่
ตูม!
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังและเปลวไฟสีเขียวก็ระเบิดไปในทิศทางที่ต่างกัน
ชายชราทั้งสองคนจากสํานักสวนศาลาสมุนไพร ได้เตรียมพร้อมกันไว้ก่อนอยู่แล้ว พวกเขาทั้งสองคนโบกมือขึ้นมาพร้อมกันและสามารถสกัดกั้นเปลวไฟไม่ให้กระจายตัวออกไปยังรอบๆบริเวณได้อย่างง่ายดาย
“สําเร็จแล้ว!” ใบหน้าของเปี่ยนเหยาฉวนแดงแสดงออกถึงความตื่นเต้นและดีใจอย่างที่สุด
“ฮ่าๆๆ! สําหรับการปรุงยาชนิดนี้เป็นครั้งแรก ข้าก็สามารถสร้างเม็ดยาออกมาได้ถึงสองเม็ดเลยทีเดียวไม่เลวเลยจริงๆ ฮ่าๆๆ!”
เมื่อยาสองเม็ดปรากฏขึ้นต่อหน้าของเปี่ยนเหยาฉวน เขาก็ดูภาคภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก
เขาสามารถประสบความสําเร็จได้ในครั้งแรก หลังจากที่ทดลองการปรุงยาล้างเลือด พรสวรรค์ของเขานั้นนับได้ว่าเป็นระดับอัจฉริยะเลยทีเดียว
“สุดยอดมากๆ!”
“นี่ขนาดเป็นการปรับแต่งเม็ดยาที่ไม่เคยทํามาก่อนเขายังสามารถสร้างมันออกมาได้ถึงสองเม็ดภายใน 10 นาทีช่างน่าทึ่งมากจริงๆ!”
“ความสามารถของคุณชายเบี้ยนนั้น นับได้ว่าเป็นพรสวรรค์ที่หาได้ยากยิ่งในยุคสมัยนี้ ด้วยทักษะการหลอมกลั่นและปรุงยาของเขา เยาวชนในรุ่นนี้คงจะไม่มีใครสามารถเทียบเขาได้อย่างแน่นอน!”
“รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นในโลกยุทธภพยุคนี้ นั้นต้องมีชื่อคุณชายเปี่ยนเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน!”
เหล่าผู้เชี่ยวชาญระดับก่อกําเนิดลมปราณและบรรดาหมอเทวะที่อยู่ในที่นี่ ต่างยกย่องชมเชยเบี้ยนเหยาฉวนกันไม่ขาดปาก
“ฮ่าๆๆ!” เปียนเหยาฉวนหัวเราะออกมาเสียงดังอย่างภาคภูมิใจ “ถ้าพูดถึงทักษะทางด้านการปรุงยาแล้วล่ะก็ข้าเปี่ยนเหยาฉวนกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเลยว่า หากความสามารถของข้านั้นนับเป็นที่สองในหมู่คนรุ่นเยาว์ในยุคนี้คงจะไม่มีใครสามารถกล้าอ้างว่าตัวเองนั้นเป็นที่หนึ่งได้อย่างเด็ดขาด!”
“นอกจากนี้เมื่อความสามารถทางด้านทักษะการปรุงยาของข้านั้นก้าวขึ้นสู่ระดับสูงขึ้นไปอีกข้าก็สามารถใช้เม็ดยาจิตวิญญาณแก้ไขอาการบาดเจ็บของผู้ป่วยได้ดีมากกว่าทักษะทางด้านการแพทย์เสียอีก!”
เปี่ยนเหยาฉวน แสดงให้เห็นถึงความมั่นใจอันยิ่งใหญ่ของเขา ถึงกลับกล้าประกาศออกมาว่ารุ่นเยาว์แห่งโลกยุทธภพในยุคนี้ คงจะไม่มีใครกล้าประกาศตัวเองว่าเป็นที่หนึ่งทางด้านการปรุงยาได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา
ฮิๆๆ !
ในขณะนั้นเองหวังเสียนก็ไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะของเขาได้อีกต่อไป!
จบบท