I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 258
ตอนที่ 258 ไม่มีใครโง่หรอกนะ
“คาร์ลถูกเศษกระจกที่แตกแทงทะลุถึงหัวใจจนตายในที่สุด วิญญาณของเขาถูกพยายมดึงออกมาจากร่างหลังจากที่แซมได้กล่าวลามอลลี่และออดเดอร์แล้ว ความปรารถนาสุดท้ายของเขาก็จบสิ้นลง เขาจึงค่อยๆเดินเข้าไปในประตูสวรรค์ คุณวิลเลี่ยม คุณคิดว่าเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง? “
บรูซ โจเอล บูรินสังเกตเห็นเอริคที่นั่งใจลอยอยู่ เพราะเหตุนี้เขาจึงเล่าเรื่องคร่าวๆเพียง 1 รอบเท่านั้น เพราะในใจก็ยังคิดอะไรสร้างสรรค์ไม่ออกเช่นกัน จนในที่สุดขาก็ถามคําถามนี้ออกไป เขาทําได้เพียงรอคําตอบจากเอริคถ้าเขาตอบปฏิเสธออกมา การเดินจากไปเป็นสิ่งที่เขาจะทํา
เมื่อบรูซ โจเอล บูรินพูดจบ เอริคจึงรีบร้อนตอบกลับไปทันทีว่า คุณบูรินครับ เมื่อสักครู่ชาร์ลเขาก็ไม่ได้เห็นด้วยกับหนังเรื่องนี้นี่ครับ? “
เมื่อบรูซได้ยินที่เอริคพูด ก็คิดว่าเอริคก็เหมือนกับคนอื่นๆที่ปฏิเสธตัวเขา ก่อนจะพูดออกไปด้วยสีหน้าผิดหวังว่า “งั้นฉันต้องขอโทษด้วยที่รบกวนครับ คุณวิลเลี่ยม “
เมื่อพูดจบบรูซทําท่าจะเดินจากไป เอริคจึงรีบเรียกเขาไว้ก่อน ” คุณบูรินครับ จริงๆแล้วผมคิดว่าเนื้อหาเรื่องนี้ก็ไม่เลวนะครับ “
บรูซหยุดก้าวทันทีเหมือนได้ยินสิ่งที่เอริคพูด เขาหมุนตัวกลับไปพูดเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่า ” คุณวิลเลี่ยม ฉันไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม? “
” ไม่แน่นอนครับ ” เอริคยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า ” ผมคิดว่าเนื้อหาเรื่องนี้ก็ไม่เลวครับ เพียงแต่ว่าที่ผมฟังคุณเล่าเรื่องเมื่อสักครู่ผมกลับหาเมนหลักของเรื่องนี้ไม่เจอเท่านั้นครับ คุณพอจะมีบทหนังเต็มๆไหมครับ ?”
” มีแน่นอน คุณวิลเลี่ยม ฉัน …..” บรูซ โจเอล บูรินถมือไปมาอย่างร้อนรน ด้วยเหตุเพราะว่าเขาเร่งรีบมางานเลี้ยงนี้จึงไม่ได้พกบทหนังอะไรพวกนี้มาด้วย สําหรับตัวบรูซแล้วการที่เขาจะได้พบคนที่สนใจหนังเรื่องเดียวกับเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายก็เป็นถึงผู้กํากับหนุ่มผู้หยิ่งยโสที่สุดในฮอลลีวูดอีกด้วย บรูซจึงต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้อย่างรวดเร็ว “คุณวิลเลี่ยมครับ จะเป็นไรไหมถ้าฉันจะกลับไปเอาบทหนังเรื่องนั้นมาให้คุณ ? “
เอริคส่ายหน้า ” ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นก็ได้ครับ ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ” เมื่อพูดจบเขาก็ล่วงไปหยิบนามบัตรในกระเป๋าออกมายื่นให้อีกฝ่ายก่อนพูดขึ้นว่า ” พรุ่งนี้ 9 โมงเช้า คุณนําบทหนังเรื่องนั้นมาให้ผมที่บริษัท Firefly ตอนนั้นเราค่อยมาคุยรายละเอียดกัน “
บรูซ์รีบรับนามบัตรนั้นมาด้วยความดีใจ “ฉันไปตรงเวลาแน่นอนครับ คุณวิลเลี่ยม”
เอริคไม่ได้พูดอะไรอีกนอกจากพยักหน้า หลังจากนั้นก็หันไปสํารวจแขกคนอื่นๆรอบๆตัวเขาก่อนจะเดินแยกจากไปอย่างเงียบๆ
” เอริค คุณกําลังคิดอะไรอยู่เหรอคะ? ” ณ ฟลอร์เต้นรํา เวอร์จิเนียที่ยืนอยู่ด้านหน้าเอริคเงยหน้ามามองเขาแล้วถามขึ้น
เอริคหันไปมองบรูซ โจเอล บูรินที่กําลังคุยกับแขกคนอื่นๆในงานบ่อยครั้ง ก่อนพูดขึ้นว่า “ฉันสนใจบทหนังเรื่องหนึ่ง และคิดว่าน่าจะมีอีกหลายคนคิดจะแย่งมัน “
เวอร์จิเนียมองตามเอริคก่อนพูดขึ้นว่า “ใช่คนนั้นไหม ฉันเห็นว่าคุณกําลังคุยกับเขาอยู่เมื่อสักครู่ ก็ในเมื่อคุณสนใจแล้วทําไมไม่รีบซื้อมันมาละ? “
“ตอนนี้ กลางคืนเนี่ยอ่ะนะ? ” เอริคโอบเอวหญิงสาวก่อนพูดต่อว่า ” ทุกคนไม่ใช่คนโง่นะ ถ้าฉันรีบร้อนเกินไป เดาได้เลยว่าคนที่ครอบครองบทหนังเรื่องนั้นจะไม่รีบขายให้ง่ายๆอย่างแน่นอน และเพราะแบบนี้จะยิ่งทําให้บริษัทหนังอีกหลายแห่งต้องพยายามแย่งซื้อบทหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน และคนที่อยากได้ก็ต้องยอมจ่ายในราคาที่สูงเพื่อซื้อมัน “
เวอร์จิเนียโอบเอวเอริคไว้แน่นก่อนจะซบหน้าตัวเองลงไปบนแผงอกของเอริค “ฉันไม่เข้าใจ ดูเหมือนฉันเองนี่แหละที่เป็นคนโง่ “
เอริคดีไปที่สะโพกที่อยู่ภายใต้ชุดราตรียาวนั้นเบาๆ ก่อนพูดด้วยน้ําเสียงหยอกล้อว่า ” แต่ฉันชอบผู้หญิงโง่นะ “
เวอร์จิเนียมีปฏิกิริยาต่อต้านเอริคเล็กน้อย หล่อนเงยหน้าขึ้นมาแล้วขยิบตาให้เล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ําสียงอันนุ่มนวนว่า ” เอริคคะ คืนนี้ว่าไง? “
เอริคส่ายหน้าอย่างจนปัญญา ” ไม่ว่าคุณจะขยับไปที่ไหนก็มีปาปารัสซี่ตามคุณไปทุกที ฉันจะกล้าไปกับคุณไหมละ? ” เมื่อเวอร์จิเนียได้ยินแบบนั้นก็ทําให้หล่อนรู้สึกเบื่อหน่ายเช่นกัน
หลังจากออกฉายหนังเรื่อง The Others ไป เวอร์เนียก็ได้รับชื่อเสียงโด่งดังมากมาย จากที่เคยเป็นนักแสดงตัวเล็กๆคนหนึ่งก็ได้กลายเป็นดาราดวงใหม่ที่เฉิดฉายอยู่ในฮอลลีวูด อีกทั้งชีวิตส่วนตัวของหล่อนก็มักจะถูกจับตามองจากนักข่าวตลอดเวลา เอริครู้ว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการแค่ทําข่าวของเวอร์จีเนียเท่านั้น พวกเขาต้องการทําข่าวของเอริคด้วย
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องที่เจรจากับเมอร์ด็อกในคืนนั้น นักข่าวคนหนึ่งจากสํานักพิมพ์ New York Post ของชายคนนั้นได้แอบติดตามเอริคไปทั่วทุกแห่งตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทําให้เอริครู้สึกไม่เป็นอิสระเลย ถ้าจะให้พูดตามความจริง จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้รับการแก้ไขใดๆทั้งสิ้น หลังจากเรื่องนั้นเอริคก็ไปเค้นขอรูปถ่ายนั้นกับเมอร์ด็อกโดยตรง ซึ่งใครบ้างละที่โง่จะไม่เก็บชุดสํารองไว้ เมื่อเป็นอย่างนี้เขาจึงไม่กล้าทําเรื่องอะไรที่เกินความจําเป็นอีกเลย แต่หลังจากเรื่องนี้ยิ่งทําให้เอริคเพิ่มความระมัดระวังตัวเองมากขึ้น
ถึงแม้ว่าว่าเอริคจะไม่แคร์ที่ถูกพวกนักข่าวเปิดเผยเรื่องข่าวฉาวกับหญิงสาวพวกนั้นก็ตาม แต่เขากลับเมินเฉยกับความรู้สึกของอนิสตันไม่ได้ เพราะถ้ามีข่าวฉาวของเขากับหญิงสาวพวกนั้นออกไปครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อหญิงสาวได้ยินข่าวฉาวแบบนี้ทุกวันหล่อนก็ไม่สามารถแสร้งทําตัวเป็นนกกระจอกเทศที่ไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทาได้ สุดท้ายแล้วเมื่อหล่อนโดนกดดันมากๆ ก็น่าจะนํามาซึ่งหนทางที่ต้องเลิกรากันอย่างแน่นอน
ถึงแม้ว่าเอริคจะไม่สามารถไปที่แห่งนั้นกับเวอร์จิเนียได้ก็ตาม แต่ถ้าไปที่อื่นก็คงไม่มีปัญหา บนเตียงในห้องนอน อนิสตันแหมือนปลาที่ขาดน้ํา ปากเล็กๆของหล่อนเผยอออกเล็กน้อยพร้อมกับเสียงหายใจถี่ออกมาหลายครั้ง ตามมาด้วยร่างกายที่ถูกกระแทกเบาๆจนชาไปทั้งตัว เอริคที่กําลังนอนคว่ําอยู่บนหลังอันขาวเนียนของหญิงสาว เขาปัดผมสีบลอนด์ที่ตกลงมาบนใบหน้ารูปไข่ขณะที่เขากําลังจูบ ส่วนที่แข็งแกร่งด้านล่างก็ยังคงขยับเบาๆอย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายก็ค่อยเร่งจังหวะเจาะเข้าไปในโพรงน้อยนั้นอย่างรวดเร็ว
“อาห์… หยุดได้แล้วฉันจะตายแล้ว ” อนิสตันกระดูกสะโพกอันอวบอิ่มนั้นขึ้นเพื่อต่อต้านเอริค แต่ดูเหมือนของสิ่งนั้นของเอริคจะพยายามดันมันเข้ามา ผลสุดท้ายแล้วกลับมีแค่เอริคที่รู้สึกสบายอยู่ฝ่ายเดียว
“ฉันช่วยเธอหายใจมา “เอริคยิ้มพร้อมกับจูบไปที่ริมฝึกปากเล็กๆนั้นของอนิสตัน ก่อนสอดลิ้นของเขาเข้าไปในปากแล้วตวัดไปมากับลิ้นเล็กๆในนั้น
หล่อนขัดขึ้นเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็รอให้เอริคเล่นจนพอใจจึงปล่อยหล่อน อนิสตันจึงได้ตะลึงงันกับสิ่งที่อยู่บนตัวเอริค ก่อนจะหันไปกระซิบข้างหูของเอริคว่า “เอริค ฉันขอไปอาบน้ําหน่อยได้ไหม ไม่งั้นไอของเหลวที่ไหลออกมาจะทําให้เตียงสกปรกนะ “
เอริคหัวเราะออกมาดังลั่น หลังจากนั้นก็หันไปจูบใบหน้ารูปไข่ของหญิงสาว ก่อนที่จะกระซิบข้างหูตอบกลับไปว่า “ไม่เป็นไร ให้ฉันพักสักหน่อย เดี๋ยวฉันช่วยเธออีกรอบ “
เมื่อหญิงสาวได้ยินแบบนั้นหล่อนก็ออกแรงดิ้นออกจากเอริคทันที พร้อมกับพูดพึมพําออกมาว่า ” ไม่เอาแล้ว ไม่เอาแล้ว ถ้าขึ้นจัดอีกรอบฉันได้ตายจริงๆแน่”
น่าเสียดายที่หญิงสาวไม่เห็นว่าการกระทําแบบนั้นของหล่อนกลับกระตุ้นความปรารถนาของเขา เดิมทีที่สัตว์ร้ายตัวนั้นยุติการโจมตีแล้วหล่อนกลับทําให้มันผงาดขึ้นมาอีกครั้ง
เอริคจึงรีบลุกขึ้นไปคว้าตัวอนิสตันที่ทําท่าจะหนีนั้นกลับมา เขาจับต้นขาสวยๆของหญิงสาวกดลงไปอีกครั้ง
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เอริคลืมตาตื่นขึ้นมาตรงเวลา เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวหญิงสาวที่กําลังอยู่ในห้วงนิทราก่อนที่เขาจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาพาดบ่าแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ํา
เมื่อเขาเปิดประตูห้องนอนเพื่อไปยังห้องรับแขก แต่แล้วจู่ๆเขาก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมาจากในห้องครัว
“อรุณสวัสดิ์ ” นิโคลที่กําลังทําอาหารเช้ได้ยินเสียงการมาของเอริค หล่อนหันมาทักทายเอริคทันที
“อรุณสวัสดิ์ ” เอริคพยักหน้า ก่อนสูดกลิ่นหอมของอาหารที่อบอวนไปทั่วห้อง ” มีของฉันไหม? “
นิโคลมองไปที่เอริค ” คุณว่าไงนะ? “
“มันต้องมีอยู่แล้วเนอะ “เอริคพูดพร้อมกับเดินตรงไปทางนิโคล ก่อนที่โอบเอวของหญิงสาวแล้วมองไปยังน้ําซุปที่อยู่ในหม้อใบนั้น
นิโคลยิ่งกับการกระทําแบบนั้นของเอริค แต่แล้วก็รู้สึกผ่อนคลายลงอย่างรวดเร็วเมื่อสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่แข็งแรงและดุดันกําลังดันอยู่ตรงสะโพกของหล่อน หลังจากนั้นก็พูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ว่า ” เมื่อวานก็ได้กลิ้งไปมาบนเตียงแล้วนี้ ยังไม่พออีกเหรอ?”
“คุณแอบฟังอีกแล้วไปไหม? “เอริคเป่าลมที่ข้างหูของหญิงสาวหลายครั้งก่อนที่จะถามขึ้น
นิโคลหน้าแดงขึ้นมาทันใด หล่อนรีบปฏิเสธทันทีว่า ” ฉันต้องแอบฟังอย่างนั้นเหรอ เสียงดังขนาดนั้นอ่ะ ถ้าบ้านไม่กันเสียงนะป่านี้ข้างบ้านคงเรียกตํารวจไปแล้ว “
” แล้วเธอละ? “เอริคถามด้วยน้ําเสียงเจ้าเล่ห์ พร้อมกลับใช้มือข้างหนึ่งล่วงลงไปตรงเอวของหญิงสาว
“เอริค คุณนี่มันน่ารังเกียจจริงๆ ไม่กลัวว่าอนิสตันมาเห็นหรือไง? ” นิโคลหมุนตัวกลับมาช้าๆ โดยที่เอริคไม่รู้ว่าหล่อนจะขัดขืนหรือเอาใจกันแน่
” หล่อนน่าจะต้องพักให้หายเหนื่อยก่อนจึงจะตื่นขึ้นมา ” ขณะที่เอริคกําลังพูดเขาก็ดึงมือที่เปียกชุ่มช้ําออกมาแล้วเลื่อนขึ้นไปริมฝึกปากของหญิงสาว
นิโคลค้อนใส่เอริคอย่างจนปัญญา หล่อนจะอ้าปากอย่างว่าง่าย ก่อนที่นิ้วมือนั้นจะสอดเข้าไปในปากของหล่อน
ผ่านไปสักพักเอริคดึงนิ้วชี้กลับ แล้วตีไปที่กันงอนๆขอหญิงสาว ” โอเค ฉันไปปลุกเจนนี่ก่อน คุณก็รีบๆทําอาหารเช้าเถอะ “
” ไอ้คนบ้า ” หลังจากที่ถูกเอริคปล่อยตัว ร่างกายของนิโคลแทบจะอ่อนระทวยลงทันใด ก่อนที่หล่อนจะกุลีกุจอยื่นมือไปเกาะเคาน์เตอร์ แล้วจึงหันไปด่าเอริคที่เดินพ้นประตูห้องครัวไปแล้ว
หลังจากที่กินมื้อเช้าเสร็จแล้วเอริคก็ขอแยกตัวออกมาจากนิโคลและอนิสตัน แล้วตรงไปยังบริษัททันที แต่เมื่อมาถึงเอริคยังไม่ทันเดินเข้าไปในบริษัท เขาก็เห็นบรูซ โจเอล บูรินที่รออยู่ข้างนอกก่อนแล้ว
“คุณบูริน เรานัดกัน 9 โมงไม่ใช่เหรอครับ? “เอริคมองไปที่นาฬิกาข้อมือ
บรูซพูดขึ้นว่า ” คืออย่างนี้ครับคุณวิลเลี่ยม ฉันกลัวว่ารถจะติด จึงรีบมาถึงก่อนครับ”
“ครับ เราเข้าไปคยกันในห้องทํางานกันดีกว่าครับ ” เมื่อเอริคพดจบเขาก็พาบรซเข้าไปในบริษัท Fireflyทันที
ตึกของสํานักงานแห่งนี้เป็นตึกที่โรเบิร์ต เชียร์แนะนําเมื่อหลายเดือนก่อน ซึ่งตึกนี้มีเป็นสินทรัพย์ส่วนหนึ่งของบริษัท Firefly และเมื่อตอนต้นเดือนพนักงานบริษัท Firefly และบริษัท New Line Cinema ก็ได้เข้ามาอยู่ในตึกเดียวกัน
เอริคเคยมีแพลนที่จะให้บริษัท UTA ย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกัน แต่แล้วก็ได้รับการคัดค้านจากเจฟฟรี่ย์และโรเบิร์ต รวมถึงคาร์พลูก็ไม่เห็นด้วยกับความคิดนี้ หลังจากช่วยกันอธิบายกันยกใหญ่ เอริคจึงได้เข้าใจทันทีว่านี่เป็นความคิดที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะถึงอย่างไรแล้วบริษัทสร้างหนังไม่สามารถให้บริษัทนายหน้ามาอยู่ด้วยกันได้ ถ้าข่าวเรื่องบริษัท Firefly กับบริษัท UTA มาอยู่ที่เดียวกัน ตอนนั้นก็คงเกิดเรื่องวุ่นวายอย่างแน่นอน
เมื่อทั้งสองคนเข้ามานั่งอยู่ในห้องทํางานของเอริคแล้ว เขาบอกให้คนด้านนอกนํากาแฟมาให้สองแก้ว เอริคที่นั่งอยู่ตรงข้ามบรูซ โจเอล พูดขึ้นว่า ” คุณบูริน ได้นําบทหนังเรื่องนั้นมาด้วยไหมครับ? “
” แน่นอน ” บรูซล่วงไปหยิบบทหนังออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เอริคทันที
เอริครับบทหนังมาโดยไม่พูดอะไรก่อนจะอ่านมันทันที