I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 257
ตอนที่ 257 ทํายังไงดี
“คุณเจฟฟรี่ย์ หนังประเภทแนวสยองขวัญอย่างเรื่อง The Others ก็ได้ประสบความสําเร็จแล้ว ฉันคิดว่าหนังรักและวิญญาณก็น่าจะไปได้ไกล….”
ชายวัยกลางคนอายุราวๆ 40 ปีสวมแว่นตาคนหนึ่งยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยค ก็ถูกคนที่เรียกเขาว่าคุณเจฟฟรี่ย์พูดขัดขึ้น ” โอเค บรูซ ฉันรู้ว่าคุณพยายามส่งเสริมบทหนังเรื่องนั้นของคุณมาตลอด แต่ฉันขอพูดตามความจริงนะว่าฉันไม่ได้สนใจบทหนังเรื่องนั้นเลยเพราะฉันกําลังเตรียมการหนังอีกเรื่องหนึ่งอยู่”
คนอื่นที่ยืนอยู่รอบโต๊ะนั้นก็พูดขึ้นว่า ” บรูซ ช่างเถอะ ยังไงคุณก็ไม่สนใจอยู่แล้ว หนังรักและวิญญาณมันคงเป็นเรื่องน่าขันมากสินะ อีกอย่างหนังเรื่องนี้ก็เป็นโศกนาฏกรรมเรื่องหนึ่งด้วย
” โศกนาฏกรรมเป็นเรื่องราวที่ทําให้คนดูจดจํานะ “บรูซโต้กลับ
” น่าจดจําแล้วยังไงละ ” ชายหนุ่มที่มีผมหยักโศกสีน้ําตาลคนหนึ่งพูดขึ้น “ฉันเคยได้ยินบทหนังเรื่องนั้นแล้ว มันต้องใช้เทคนิคพิเศษไม่ใช้น้อย หนังเรื่องนี้ต้องใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 20 ล้านดอลล่าห์ ซึ่งเป็นเงินทุนที่ค่อนข้างสูงมากเลยทีเดียว มันเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่มากสําหรับผู้สร้างหนังอย่างเรา บรูซ ในเมื่อคุณสนใจเกี่ยวกับพวกภูตผีปีศาจหรือไม่ก็นางฟ้าเทวดาอยู่แล้ว ก็น่าจะเขียนหนังแนวสยองขวัญที่น่ากลัวขึ้นไม่ดีกว่าเหรอ เหมือนเรื่อง The Others นี่ไง ไม่ต้องไปนั่งคิดทําหนังรักและวิญญาณอะไรนี่หรอก”
เอริคพยายามเดินเข้ามาใกล้ จนได้ยินชายหนุ่มผมหยักโศกสีน้ําตาลพูดเรื่องนี้พอดี เขาจึงใจเต้นขึ้นมาทันที เมื่อได้ยินคําว่า
“หนังรักและวิญญาณ ‘บรูซ เพียงแค่สองคํานี้ในใจเอริคก็มั่นใจไปกว่า 70% แล้วว่ามันต้องเป็นหนังเรื่อง Ghost เหมือนในชีวิตที่แล้วของเขาอย่างแน่นอน หนังเรื่องนี้ทําให้ผู้คนต้องหลั่งน้ําตามาแล้วนับไม่ถ้วน ผู้เขียนบทหนังคงจะไม่ใช่บรูซ โจเอล รูบินใช่ไหม อีกทั้งจากที่คํานวณเวลาดูแล้วถ้าตัวเขาไม่ค้นพบหนังเรื่องนี้ก็แสดงว่าหนังเรื่องนี้อาจจะถูกสร้างขึ้นแล้ว
ถึงแม้ผู้กํากับหนังเรื่อง The Others จะเป็นโจนาธาน เดมีก็ตาม ซึ่งเขาต้องเป็นคนสําคัญของงานนี้ แต่กลับเป็นเอริตอนที่คนในงานต่างให้ความสนใจมากที่สุด เพราะเหตุนี้เมื่อเอริคเดินเข้าไปใกล้โต๊ะอาหารบุฟเฟโต๊ะนั้น กลุ่มคนที่กําลังยืนคุยกันอยู่ก่อนหน้านั้นต่างก็เข้ามาล้อมเอริคแล้วก็แนะนําตัวเองอย่างกระตือรือร้น
นามบัตรของคนเหล่านี้ต่างทยอยยื่นมาให้เอริค ขณะที่เอริครับนามบัตรเหล่านั้นมาอย่างสุภาพ เขาจึงแกล้งถามขึ้นอย่างไม่ได้ใส่ใจมากนักว่า “เหมือนผมจะได้ยินคําว่าวิญญาณ ไม่ทราบว่าท่านไหนพูดถึงเรื่องนี้ครับ? “
ผู้คนในนั้นไม่รู้ว่าหัวข้อสนทนานี้มีความสัมพันธ์อะไรกับเอริค เมื่อได้ยินคําถามนั้น ชายวัยกลางคนที่ถูกบรูซ เรียกว่าคุณเจฟฟรี่ย์ก็รีบพูดออกไปทันทีว่า ” เป็นบทหนังเรื่องหนึ่งครับ เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพนักงานธนาคารคนหนึ่งถูกฆาตกรรมแล้วกลายเป็นวิญญาณคอยวนเวียนปกป้องแฟนสาวที่ตนรักไม่ให้คนชั่วร้ายเข้ามาทําร้ายหล่อนครับ”
เอริคจําการแนะนําตัวของชายวัยกลางคนที่ชื่อว่า ชาร์ล เจฟฟี่ คนนี้ได้ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็น 1 ในรองผู้อํานวยการของบริษัท Paramount คิดว่าเขาน่าจะถูกแบร์รี่ ดิลเลอร์โน้มน้าวให้เข้าร่วมแนวคิด high concept ของหนังเช่นกัน เพราะเขาสามารถสรุปประโยคของหนัง เรื่อง Ghost ได้ออกมาแค่เพียงประโยคเดียวเท่านั้น
ในเวลาเดียวกันในใจของเอริคก็สามารถคาดเดาได้ ว่าชายวัยกลางคนสวมแว่นตาอย่างบรูซ โจเอล รูบินที่ถูกบีบออกไปนอกกลุ่มคนนั้นต้องเป็นคนเขียนบทหนังเรื่อง Ghost อย่างแน่นอน
หลังจากที่ได้เข้ามาในฮอลลีวูด เอริคได้หวนนึกถึงหนังที่มีชื่อเสียงหลายปีที่ผ่านมาซ้ําแล้วซ้ําเล่า ทุกครั้งที่คิดออกเขาก็มักจะรีบดําเนินการถ่ายทําทันที แต่หลังจากตรวจสอบหนังเรื่องนั้นๆแล้ว ก็พบกว่ามีหนังหลายเรื่องถูกบริษัทหนังยักษ์ใหญ่ได้จดลิขสิทธิ์ไปแล้ว แต่ก็ยังมีบางเรื่องที่เขาหาไม่พบ
หนังเรื่อง Ghost ก็เป็นอีกเรื่องที่เขาเองก็หาไม่พบเช่นกัน ซึ่งก่อนหน้านั้นบรูซโจเอล รูบิน ไม่เคยมีชื่อเสียงในฮอลลีวูดมาก่อน หลังจากที่เอริคทําการสืบเสาะค้นหาแล้ว ก็ไม่เจอเรื่องราวเกี่ยวกับคนนี้เลยเช่นกัน
สุดท้ายเอริคก็ทําได้เพียงเดินหน้าต่อ หนังเรื่อง Ghost ต้องมีกําหนดฉายในปี 1990 อย่างแน่นอน เมื่อดูจากขั้นตอนการถ่ายทําหนังทั่วๆไปแล้ว หนังเรื่องนี้ต้องถูกดําเนินการถ่ายทําภายในปีนี้ บทหนังเขียนเสร็จเมื่อไหร่ก็จะยิ่งดําเนินการได้เร็วขึ้นเท่านั้น บางทีมันอาจจะเกิดขึ้นก่อนที่เอริคจะข้ามเวลามานี้ก็ได้ เพราะเหตุนี้เอริคไม่มีทางที่จะคัดลอกหนังเรื่องนี้ได้อีกแล้ว
เอริคไม่แสดงความรู้สึกว่าสนใจในหนังเรื่องนี้ออกมาทันที เขาชําเลืองมองไปทางบรูซ โจเอล บูรินอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันไปพูดคุยกับกลุ่มคนรอบตัวเขา
ผู้บริหารระดับสูงหรือผู้อํานวยการที่มีชื่อเสียงของบริษัทยักษ์ใหญ่กําลังแสดงท่าทางกระตือรือร้นกับเอริคอยู่ ดูจากประสบการณ์ในการสร้างหนังฟอร์มใหญ่ของพวกเขาแล้ว ถ้าเอริคแสดงความสนใจในหนังเรื่อง Ghost ออกมา ผู้คนเหล่านี้ต้องรีบยื้อแย่งบทหนังเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เมื่อพูดคุยกันไปสักพัก เอริคก็ขอตัวแยกออกมาจากคนกลุ่มนี้ ตั้งแต่เริ่มพูดคุยกับคนกลุ่มนี้เขายังไม่ได้แลกเปลี่ยนความคิดใดๆกับบรูซ โจเอล บูรินเลย แต่ในเมื่อได้พบกับอีกฝ่ายแล้วการเข้าหาคนนี้อีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
แต่มักจะมีหลายเรื่องที่คาดไม่ถึงเสมอ เอริคเดินแยกตัวออกมาเพียงไม่กี่ก้าว บรูซ โจเอล บูรินก็รีบเดินตามเขามาทันที “คุณวิลเลี่ยม…”
ชายวัยกลางคนผมสีแดงที่อยู่ด้านหลังของเอริคที่เพิ่งจะพูดคุยกับบรูซ โจเอล บูริน เห็นการเคลื่อนไหวแบบนั้นของบรูซ เขาจึงหันไปหัวเราะเยาะกับชาร์ล ก่อนพูดขึ้นว่า ” ดูเหมือนว่าบรูซจะไม่ยอมง่ายๆละมั้ง จึงได้ตามเอริคออกไปแบบนั้น “
ชาร์ล เจฟฟ์ มองไปยังเงาของชายวัยกลางคนที่วิ่งตามเอริคไป ” ไบรอัน คุณคิดว่าวิลเลี่ยมสนใจบทหนังเรื่องนั้นไหม? “
“ใครจะไปรู้ละ แต่ถ้าเอริคสนใจบทหนังนั้น….. ” ชายวัยกลางผมสีแดงที่ถูกเรียกว่าไบรอัน พูดถึงตรงนี้ก็หยุดลงก่อนจะหันไปสบตากับชาร์ล เจฟฟ์ ครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ขอแยกตัวจากไปอย่างเงียบๆ
ทั้งคนต่างพยักหน้าให้กัน ชาร์ล เจฟฟ์เป็นรองผู้อํานวยการของบริษัท Paramount ซึ่งมีความสัมพันธ์กับบริษัท Warner อยู่แล้ว ถ้าเอริคตัดสินใจที่จะแข่งขันด้วยศักยภาพของหนังเรื่องนี้ ทั้งสองฝ่ายจะต้องเป็นคู่แข่งกัน อย่างแน่นอน เมื่อได้ยินบทสนทนาระหว่างชาร์ลและไบรอันผู้คนในบริเวณนั้นต่างก็หันไปมองเอริคทันที
ตอนนี้เอริคปวดหัวหนักมากเมื่อ บรูซ โจเอล บูรินได้พูดถึงบทหนังเรื่อง Ghost แล้ว เขาควรจะทํายังไงดี? หรือแสร้งทําเป็นไม่สนใจดี? หลังจากงานเลี้ยงนั้น บรูซก็เป็นคนไปดักเอริคที่ประตู บรูซ โจเอล บูรินไม่ใช่คนโง่ ถ้าไม่รีบทําอะไรตอนนี้ ถึงตอนนั้นคงต้องลําบากแน่ๆ แล้วถ้าบทหนังเรื่องนั้นถูกวิจารณ์ละ ? โอกาสที่จะได้ร่วมงานกันคงจะไม่มีแล้ว
ทั้งสองวิธีการก่อนหน้าใช้ไม่ได้ถ้าตอนนั้นเขาแสดงอาการสนใจบทหนังเรื่องนี้…
เมื่อเกิดความคิดนี้ขึ้นมา เอริคจึงมองไปรอบๆตัวเอง ผู้คนไม่น้อยต่างหันมาสนใจพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มคนนั้นคือกลุ่มคนที่เพิ่งคุยไปเมื่อสักครู่
คนเหล่านี้ก็เป็นคนฉลาด เขากล้าที่จะเปิดเผยความคิดของตัวเอง ในบรรดาสัตว์ป่าที่มีความโลภมาก บริษัท Firefly นั้นเป็นสัตว์ที่อ่อนโยนที่สุดแล้ว