I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 256
ตอนที่ 256 เพราะอยากรู้
แต่เรื่องทั้งหมดยังไม่ได้จบแค่นั้น สัปดาห์ที่สองหลังจากฉายหนังออกไป ตามสถิติของบ็อกออฟฟิสรายได้ จากหนังเรื่องThe Others ในบ็อกออฟฟิสยังไม่มีแนวโน้มว่าจะตกลงมาเลยสักนิด แม้ว่าในสองสามวันแรกรายได้บ็อกออฟฟิสจะเพิ่มจํานวนขึ้นเล็กน้อยก็ตาม
“ฉันอยากรู้! ” ณ งานเลี้ยงที่จัดขึ้นในโรงแรม Sunset Tower เอริคได้ยินสิ่งที่โจนาธาน เดมีถามขึ้นอย่างสนใจ เขาจึงตอบกลับไปว่า: “หนังเรื่อง The Others ฉันก็อยากรู้พอๆกับคุณ อย่างเช่นฉากหมอกในบ้านของเกรซ หรือแม้แต่ฉากเปิดเรื่องที่เกรซฝันร้ายผมเองก็อยากรู้นอกจากนี้ก็ยังมีบทสนทนาที่แฝงไปด้วยปริศนา มากมายเหล่านั้นอีกที่สําคัญที่สุดตอนจบที่คาดไม่ถึงที่ผีร้ายย้อนกลับมาเรื่องราวเหล่านี้ต่างดึงดูดแฟนคลับให้ กลับเข้ามาในโรงหนังเพื่อสืบเสาะหาความจริงกันซ้ําแล้วซ้ําเล่า เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็นมากที่สุด ฉันจึงเสนอความคิดให้บริษัท Disney นําหนังเรื่องนี้ไปออกรายการโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์ มันจะยิ่งเพิ่มความอยากรู้อยากเห็นให้กับแฟนหนังมากขึ้น เหมือนกับสถาการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้ยังไงละ”
“หากมีการวิเคราะห์เนื้อเรื่องของหนังลงหนังสือพิมพ์ ก็ค่อยๆเปิดเผยเรื่องราวที่ทุกคนอยากรู้ออกมา อยากรู้เหมือนกันว่าจะทําให้รายได้ของบ็อกออฟฟิสนั้นสิ้นสุดลงแค่นี้หรือเปล่า? ” โจนาธาน เดมีถามขึ้น
เอริคส่ายหน้า แล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ออกมา ” บนบทวิจารณ์ ต้องปรากฏบทความวิเคราะห์นี้อยู่แล้ว มันเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็วางใจเถอะ เพราะคุณบอกว่ามันจะไม่เกิดขึ้นในสถานการณ์นี้ เพราะสุดท้ายแล้ว ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นมักจะมีการโต้เถียงกันเสมอ เช่นเดียวกับเรื่องที่เกรซฆ่าลูกสาวทั้งสองของหล่อนในหนัง ต่อให้ต้ องใช้การตัดต่อถึงสามชั่วโมงเพื่อเข้าร่วมนิทรรศการหนังเวนิส ก็ไม่สามารถได้คําตอบที่แน่ชัด มีเพียงคําใบ้จากบทพูดของตัวละครเท่านั้น เพราะคําใบ้เหล่านี้บางคนเดาว่าอาจเป็นเพราะทหารนาซีของเยอรมันที่เข้ามายึดเกาะ และเพื่อหลบหลีกการจับกุมของศัตรูเกรซพยายามที่จะปิดปากไม่ให้ลูกสาวทั้งสองคนส่งเสียง แต่ดันเกิด พลาดจนฆ่าลูกสาวทั้งสองคนตายหรืออาจจะเดาได้อีกว่าที่เกรซฆ่าลูกสาวของหล่อนเป็นเพราะสงคราม หล่อน ฆ่าลูกเพราะความบ้าคลั่งของตัวเองไม่ก็อาจจะมีเหตุผลอื่น โดยสรุปแล้วเรื่องนี้เป็นไปได้ยากมาที่จะมีคําตอบที่ตรงกัน และเพื่อหาพยานหลักฐานไปแย้งอีกฝ่ายผู้คนจึงเลือกที่จะกลับมาดูหนังเรื่องนี้อีกครั้ง”
โจนาธาน เดมีดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้ เขาจึงพยักหน้า แต่ก็ไม่วายที่จะถามขึ้นอีกครั้งว่า ” เอริค ตอนที่ถ่ายทําหนังเรื่องนี้ คุณเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการเขียนบทหนังเรื่องนี้นี่ แต่ผมแน่ใจว่าผมไม่พบสาเหตุที่เกรซต้องฆ่าลูกสาวของหล่อน ซึ่งคุณต้องรู้แน่นอนตกลงเรื่องมันเป็นอย่างไงเหรอ? “
” เรื่องนี้ผมก็ไม่รู้ครับ”
โจนาธาน เดมมองเอริคด้วยสายตาที่แสดงออกมาว่าไม่เชื่อ ก่อนที่เขาจะถามกลับไปด้วยเสียงสูงว่า “คุณก็..คุณก็ไม่รู้อย่างนั้นเหรอ? “
“ครับ เพราะผมเองก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน ตอนแรกผมก็ไม่รู้ว่าทําไมเกรซต้องฆ่าลูกสาวของตัวเอง ผมเขียนเรื่องราวแค่ว่าหลังจากที่เกรซฆ่าลูกสาวแล้วหล่อนกก็ได้ทุกอย่างในคฤหาสน์ “
ฮ่า ฮ่า โจนาธาน เดมีหัวเราะขึ้นมา เมื่อเขาเข้าใจจึงพูดว่า ” แปลกใจจังทําไมคุณดูไม่กังวลอะไรเลย ผมคิดว่าทุกความสงสัยในหนังเรื่องนี้คุณเองก็หาคําตอบที่แน่ชัดไม่ได้เหมือนกันใช่ไหม? “
” บิงโก !” เอริคยิ้มออกมาพร้อมกับดีดนิ้ว
ทั้งสองคนต่างพากันหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่โจนาธาน เดมี่จะพูดขึ้นต่อว่า ” จริงสิ เอริค คุณเมอร์ด็อกติดต่อฉันเกี่ยวกับบทหนังเรื่อง The Silence of the Lambs มาแล้ว ฉันได้ยินมาว่าคุณได้อ่านมันแล้ว “
เอริคชะงักไปชั่วขณะ เขาคิดว่าโจนาธาน เดมจะไม่พูดถึงเรื่องนี้แน่นอนถ้าไม่มีเหตุผล ก่อนถามกลับไปว่า ” มีปัญหาอะไรหรือเปล่าครับ?”
“ใช่ครับ ” โจนาธาน เดมี่พยักหน้า ” คืออย่างนี้ครับ คุณเมอร์ด็อกบอกว่าคุณแนะนําโจดี ฟอสเตอร์ให้รับบทนางเอก แต่หลังจากที่ผมอ่านบทหนังมาหลายรอบแล้ว ผมรู้สึกว่ามิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์น่าจะเหมาะสมกว่า “
เอริคครุ่นคิดอยู่สักพัก ในที่สุดก็คิดลักษณะท่าทางของหญิงสาวคนนี้ออก
ถึงแม้ว่าทักษะการแสดงของมิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ค่อนข้างดีก็ตาม ซึ่งในชีวิตที่แล้วของเอริคหล่อนยังได้รับรางวัลออสก้าหลายรางวัลอีกด้วย แต่กลับไม่มีผลงานชิ้นเอกไหนที่โดดเด่นเลยสักชิ้น อีกทั้งนิสัยส่วนตัวของสาวผมทองคนนี้ก็ไม่เหมือนกับโจดี ฟอสเตอร์ที่รับบทเป็นบลิ้งค์ในหนังเรื่อง The Silence of the Lambs เลยสักนิด
ถึงแม้ว่าในใจลึกๆเอริคจะอยากให้ โจดี ฟอสเตอร์มารับบทนางเอกก็ตาม แต่ถ้าโจนาธาน เดมี่ยังยืนยันคําเดิมละก็เขาก็ไม่สามารถแทรกแซงได้ ถึงอย่างไรก็ตามหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเอริคอยู่แล้ว เพราะขนาดดูรว์ยังพยายามปกปิดเรื่องนี้กับเอริคเลย แต่แล้วเอริคดันสังเกตเห็นสลิปบัตรเครดิตของเด็กสาวว่าหล่อนใช้เงินจํานวนมากในการซื้อสิทธิ์ในการดัดแปลงหนังเรื่องนี้ เขากลับคิดไม่ถึงว่าหล่อนจะใช้เงินของตัวเองกว่า 3 ล้านดอลล่าห์เพื่อสิ่งนี้ เมื่อเอริครู้เรื่องนี้เขาก็ทําได้แค่เพียงตีกันของหญิงสาวเท่านั้น ซึ่งสุดท้ายเอริคก็ยังไม่รู้ว่าดูรว์นั้นเป็นหุ้นส่วน 30% ของบริษัทหนัง TG อยู่ด้วย
” ทําไมคุณถึงคิดว่ามิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์เหมาะสมละ ?” ในเมื่อเอริคคิดไม่ออกเขาจึงเลือกที่จะหันไปถามโจนาธาน เดมี่แทน
ผมเคยเห็นมิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ในหนังหลายเรื่อง ที่พิเศษกว่านั้นคือหล่อนได้รับรางวัลออสกําจากหนังเรื่อง Dangerous Liaisons เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้หล่อนยังได้ร่วมแสดงกับนักแสดงอย่างแจ็ก นิโคลสัน และซูเซิน
ซาแรนดอนในหนังเรื่อง The Witches of Eastwick อีกด้วย ทักษะการแสดงของมิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์ดีกมากที่เดียว อีกทั้งนิสัยส่วนตัวกับบทบาทที่หล่อนได้รับก็เหมือนกันแทบทุกอย่างหล่อนเป็นนักแสดงที่แข็งแกร่งมากผมจึงคิดว่าหล่อนจะสามารถแสดงบทบาทของบลิ้งค์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แน่นอน “
เอริคพยักหน้าเพราะเห็นด้วย หนังเรื่อง The Others สําเร็จมาได้ก็มาจากความสามารถในการกํากับการแสดงของโจนาธาน เดมีคนนี้ ถึงแม้ว่าเอริคจะรู้ว่าตัวเองสามารถพูดโน้มน้าวกับคนที่ชอบให้โอกาสอย่างโจนาธาน เดมี่ ได้ก็ตาม แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่ผู้อํานวยการสร้างหนังแล้วการเข้าไปแทรกแซงเรื่องนี้จะยิ่งทําให้คนหลายคน ไม่พอใจเสียเปล่าๆ
ถ้านักแสดงนําหญิงของหนังเรื่อง The Silence of the Lambs ถูกเปลี่ยนเป็น มิเชลล์ ไฟฟ์เฟอร์จริง ผลการแสดงก็คงจะเหมือนกัน ก็อาจจะทําให้เรื่องนี้ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อยนี่ว่าไหม?
ตามสไตล์ของโจนาธาน เดมี่แล้ว โครงเรื่องของหนังเรื่องนี้ก็คงไม่ต่างจากชีวิตที่แล้วของเอริคมากนักแล้ว ถ้าเปลี่ยนนักแสดงนําหญิงด้วยละก็ต้องรอพิสูจน์กันสักหน่อย ว่าสรุปแล้วที่หนังเรื่องนี้สําเร็จได้เป็นเพราะบทบาทหรือนักแสดงกันแน่
” งั้นก็ยึดตามวิธีการของตัวเองเถอะ ผมรู้ว่าคุณจะถ่ายทําเรื่องนี้ออกมได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด แค่คุณบอกลิซด้วยว่าใครจะมาเป็นนางเอกเรื่องก็มีไม่มีปัญหาอะไรแล้ว “
โจนาธาน เดมพยักหน้าเห็นด้วยพวกเราทั้งสองยังคงพูดคุยกันอีกสักพักก่อนจะแยกย้ายไป
เอริคเดินไปพูดคุยกับแขกในงานเลี้ยง ขณะที่เดินผ่านโต๊ะหนึ่ง เขาก็ได้ยินเสียงพูดถึงหนังเรื่อง The Others โดยไม่ได้ตั้งใจเขาจึงหยุดเพื่อฟังอย่างสนใจ