I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 250
ตอนที่ 250 สองเรื่อง
“คุณชไลเดอร์ แค่พวกเราไม่เทหิมะลงบนหญ้าพวกนี้ก็พอแล้วใช่ไหม ?”
หลังจากที่ชไลเดอร์มองเห็นเอริคที่ดูเหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างออกมาพร้อมกับใบหน้าที่มั่นใจ หล่อนก็เกิดความลังเลขึ้นมา ทว่าเพียงครู่เดียวหล่อนก็ตอบกลับมาว่า “ใช่ พวกคุณสามารถเทหิมะลงบนถนนได้แต่ห้ามเทลงบนหญ้าเด็ดขาด อีกอย่างถ้าพวกคุณจะเทหิมะเทียมลงบนถนน ถ่ายจบพวกคุณจะต้องทําความสะอาดด้วย”
เอริคได้ยินเช่นนั้นก็ต้องมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าเขาก่อนที่เขาจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับสิ่งที่เขาเดาไว้ก่อนหน้านี้ หากหญิงสาวตรงหน้าทําไปเพราะต้องการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงสิ่งที่เขาเสนอออกมาก็ดูเหมือนว่าจะเพียงพอแล้ว และหญิงสาวก็คงจะไม่ทําท่าทางลังเลเช่นนี้
แม้ว่าภายในใจของเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างเป็นอย่างดี ทว่าเอริคก็ยังคงพูดกับหญิงสาวตรงหน้าต่อว่า “โอเค งั้นถ้าพวกเรานําพลาสติกขนาดใหญ่มาคลุมหญ้าไว้แล้วค่อยเทหิมะลงไปก็คงจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม
ชไลเดอร์ชะงักไปชั่วขณะก่อนที่จะพยักหน้าเบาๆพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่ว่า “ฉันคิดว่า…น่าจะ…น่าจะได้”
“ถ้างั้นก็ตกลงตามนี้นะ ” เอริคพูดจบก็ไม่ได้สนใจหญิงสาวอีก ก่อนที่จะหันไปหาเจฟฟ์พร้อมกับเดินออกมาจากหญิงสาวคนนั้นก่อนที่เอริคจะพูดกับเจฟฟี่ว่า “เจฟฟ์ หยุดการถ่ายฉากของเซ็นทรัลพาร์คไปก่อน ให้คนไปเตรียมฉากต่อไป ฉากต่อไปน่าจะเป็นฉากของเควินที่ออกมาจากโรงแรมพลาซ่า ซึ่งเป็นฉากที่ถูกโจรสองคนจับ พอดี ให้คนไปเตรียมฉากตรงนั้นเถอะเพราะยังไงเราก็ไม่สามารถหยุดถ่ายในช่วงบ่ายได้”
เจฟฟ์ที่เห็นท่าทางแปลกๆของชไลเดอร์ก่อนหน้านี้ก็อดไม่ได้ที่จะพูดกับเอริคว่า “นี่เอริค สํานักงานใหญ่ของ New Crop อยู่ในนิวยอร์กหนิ แล้วพวกเขามีคอนเนคชั่นที่เหนียวแน่นภายในพื้นที่ด้วยฉันว่าเราลองติดต่อมอร์ล็อคดูดีไหม ? “
“ถ้ามีปัญหาแค่เล็กน้อยแล้ววิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเขา เขาจะมองเรายังไง? อีกอย่างมอร์ล็อคก็ไม่ใช่คนใจบุญขนาดนั้น” เอริคส่ายหน้าปฏิเสธก่อนที่จะพูดต่อว่า ” (Home alone2} มีส่วนร่วมในผลประโยชน์ของ Fox Films ถ้าสุดท้ายแล้วพวกเราไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้ยังไงซะ Fox ก็ต้องออกตัวมาช่วยเราอยู่ดีโดยที่เร ไม่ต้องยื่นหน้าไปขอความช่วยเหลือจากเขาด้วยซ้ํา “
เจฟฟี่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มก่อนที่จะพูดว่า “ถือว่านายคิดไว้อย่างรอบคอบแล้ว งั้นฉันให้คนไปซื้อแผ่นพลาสติกมาก่อนก็แล้วกัน ฉันคิดว่าใช้เวลาไม่นานจริงๆแล้วเราไม่จําเป็นต้องเปลี่ยนสถานที่ด้วยซ้ํา “
เอริคชี้ไปยังร่างของหนุ่มสาวที่ยังนอนอยู่ตรงพื้นก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “วันนี้มีคนพวกนั้นอยู่ไม่มีทางที่พวกเราจะถ่ายทําได้อย่างราบรื่นหรอก เพราะฉันเกรงว่าพวกเขาจะต้องมีเจตนาก่อกวนพวกเราอย่างแน่นอน ก็เหมือนกับตอนที่ฉันยังไม่มานั่นแหละ ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมาคงจะวุ่นวายกันไปหมด ฉันว่าเราเปลี่ยนฉากไปถ่ายฉากอื่นกันก่อนน่ะดีแล้ว อ่อจริงสิ เมื่อกี้มีสื่อมาทําข่าวหรือถ่ายรูปไหม ?”
เจฟฟี่ไม่คิดว่าเอริคจะถามขึ้นมาเช่นนี้ เขาจึงหยุดคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับไปว่า “ดูเหมือนว่าจะมีนะ แต่พวกเขาถ่ายรูปจากระยะไกลหน่ะแล้วก็ถูกคนของเราจับไว้ได้ทัน เขาก็เลยยอมออกไปแต่โดยดี “
“ดูเหมือนว่าเรื่องยุ่งยากจะเพิ่งเริ่มต้นขึ้นนะ” เอริคกล่าวออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า “นายจัดเตรียมไว้ก่อนแล้วกัน แล้วก็กลับไปโรงแรมพร้อมกับฉัน ฉันคิดว่าช่วงบ่ายนายมีเรื่องสําคัญกว่านั้นที่ต้องทําแล้วล่ะ”
“โอเค “เจฟฟี่พยักหน้าก่อนที่จะรีบไปทําเรื่องที่ค้างคาไว้ให้เสร็จตามที่เอริคบอก
หลังจากที่เจฟฟี่เดินออกไปแล้ว เอริคก็เดินไปหาคนในกองก่อนที่จะขอกล้องมาหนึ่งตัวพร้อมกับถ่ายภาพของคนที่นอนอยู่ตรงหญ้าที่ยังไม่ขยับไปไหนก่อนที่จะให้เอเลนนําภาพเหล่านี้ไปล้างออกมา
ผ่านไปราวๆหนึ่งชั่วโมง เจฟฟี่ก็กลับมาที่โรงแรมและเอริคก็ส่งรูปถ่ายให้กับเขา
“นี่คืออะไร ?” เจฟฟี่ดูภาพด้วยสีหน้าที่สงสัยก่อนที่จะเงยหน้าถามขึ้น
“ป้องกันไว้ก่อน” เอริคตอบ “นายไม่เห็นหรอว่ากลุ่มคนพวกนี้อยู่ๆก็ประท้วงขึ้นมาแบบไร้สาเหตุ ก่อนหน้านี้ เราถ่ายทําบนพื้นหญ้าตั้งหลายครั้งไม่เห็นจะมีคนเหล่านี้เข้ามาป้วนเปี้ยนเลย แต่หลังจากที่เราถ่ายได้หนึ่งอาทิตย์ถึงจะมาเจอคนพวกนี้ “
เจฟฟี่ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาในทันที เพราะเห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ต้องการชะลอการถ่ายทําหนังเรื่อง (Home alone} อีกทั้งยังมาก่อกวนในช่วงเวลาที่สําคัญที่สุดด้วย
เซ็นทรัลพาร์คถือว่าเป็นใจกลางที่สําคัญอย่างมากของนิวยอร์ก ดังนั้นหากการต่อต้านของกองถ่ายของพวกเขาในวันนี้ถูกเปิดเผยออกไป โดยใช้เหตุผลเกี่ยวกับสารเคมีที่เขาใช้ที่สร้างอันตรายให้กับพืชพรรณเหล่านี้โดย เจตนาก็จะเกิดการต่อต้านจากคนจํานวนมากอย่างแน่นอน และแม้แต่รัฐบาลในนครนิวยอร์กก็ยังกังวลเกี่ยวกับการปราบปรามของประชาชน หากเป็นเช่นนั้นก่อนที่พวกเขาจะได้ถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้จบหนังเรื่องนี้ก็คงจะถูกแทรกแซงจนไม่เป็นอันถ่ายทําอย่างแน่นอน
ระยะเวลาถ่ายภาพของ (Home alone2} คํานวณเป็นรายวัน ตอนนี้เป็นช่วงนาทีสุดท้ายแล้ว หากถูกโจมตีจากคนเหล่านั้นพวกเขาก็คงจะต้องชะลอการถ่ายออกไปอีกหลายวันและมันก็จะเชื่อมโยงและเกิดปัญหาออกไปเรื่อยๆ และแผนที่วางไว้ก่อนหน้านี้ก็จะถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ
อีกทั้งแม้ว่าจะเปลี่ยนสคริปในเวลานี้ก็ยังไม่สามารถที่จะนําฉากเซ็นทรัลพาร์คออกไปได้ เนื่องจากการถ่ายภาพก่อนหน้านี้ทั้งหมดมีพล็อตที่เชื่อมต่อกัน แม้จะมีไม่กี่ซีนที่เควินวิ่งออกจากทางออกเซ็นทรัลพาร์ค ทว่าหากมีการแก้ไขการถ่ายทําก่อนหน้านี้ก็ถือว่าสูญเปล่าไปโดยปริยาย และบางที่กําหนดการในการฉายของหนังเรื่องนี้ก็อาจจะต้องถูกเลื่อนออกไปช่วงคริสมาสต์
เจฟฟรู้สึกกังวลใจขึ้นมาก่อนที่จะหยิบรูปถ่ายในมือขึ้นก่อนที่จะถามเอริคว่า “นายคิดว่าใครเป็นคนทําเรื่องพวกนี้ ?”
เอริคหยิบสมุดที่มีตารางฉายภาพยนตร์ขึ้นมาก่อนที่จะชี้ไปยังตารางนั้นพร้อมกับพูดว่า ” (Home alone2) จะเข้าฉายในวันที่ 17 พฤศจิกายน หากพวกเราเกิดปัญหาขึ้นจนทําให้ต้องเลื่อนการฉายออกไป ถ้าเป็นเช่นนั้น ภาพยนตร์ที่อยู่ในช่วงเดือนนี้ก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างมาก ดังนั้นในเวลานี้พวกเราจึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างความวุ่นวาย”
เจฟฟี่หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูก่อนที่จะมองไปยังตารางฉายหนังในวันที่ 17 พฤศจิการยนก่อนที่จะเห็นว่าในวันนี้มีหนังฉายประมาณ 7-8 เรื่องซึ่งรวมไปถึง Warner ที่พยายามจะปกปิดเรื่อง ( Running out of Time » จึงเลื่อนหนังเรื่อง (Lethal Weapon2% จากช่วงฤดูร้อนให้กลายเป็นเข้าฉายในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า แทน ซึ่งสําหรับค่าย Paramount Pictures จะมีหนังตลกที่จะเข้าฉายซึ่งก็คือเรื่อง (Harlem Night Club) และ หลังจากนั้นอีกสองวันก็จะมีหนังเรื่อง (Back to the Future Part II)
เอริคคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “เห็นแล้วใช่ไหมว่ามีบริษัทภาพยนตร์รายใหญ่หลายแห่งที่จะมีภาพยนตร์ที่ออกฉายในช่วงนี้ ในช่วงวันขอบคุณพระเจ้าบ็อกซ์ออฟฟิศรายสัปดาห์ทั้งหมดจะอยู่ที่ประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ ดังนั้นถ้า (Home alone} ถูกเลื่อนออกไป ภาพยนตร์อื่นๆ เหล่านี้จะสามารถแบ่งกําไรอย่างน้อย 30 ล้านดอลลาร์ในหุ้นบ็อกซ์ออฟฟิศที่เป็นของ (Home alone2% ตามกฎหมายที่ 28 นายจะเห็นว่าภาพยนตร์ที่สําคัญของบริษัทยักษ์ใหญ่นั้นถูกแบ่งออกมากที่สุด ดังนั้นพวกเขาจึงน่าสงสัยมากที่สุดด้วย แต่เราไม่ได้มีเวลาว่างมากที่จะไปสนใจกับเรื่องพวกนี้ คิดซะว่าถึงเราจะรู้ว่าเป็นใครมันก็ไม่ได้ช่วยให้งานของเราเดินหน้าไปได้ ยังไงซะพวกเราก็ต้องทําอย่างเต็มที่อย่างสุดความสามารถเพื่อที่จะถ่ายทําหนังเรื่องนี้ให้จบตามที่เราวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ “
เจฟฟี่วางหนังสือพิมพ์ลงก่อนที่จะไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะคิดว่าศัตรูของเขาในเวลานี้ดูเหมือนว่าจะ มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Warner หรือไม่ก็อาจจะเป็น Universal Studio เจฟฟีลังเลก่อนที่พูดขึ้นว่า “ถ้างั้น เราจะไม่บอกเรื่องนี้จะ Fox จริงๆหรอ?”
เอริคคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะส่ายหน้า “ตอนนี้ยังไม่ต้อง รอดูว่าพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อไป ฉันมั่นใจเลยว่าบนหน้าหนังสือพิมพ์พรุ่งนี้จะต้องมีรายงานความเสียหายต่อสภาพแวดล้อมของเซ็นทรัลพาร์คที่เกิดจากการใช้หิมะเทียมแน่ๆ “
“งั้นตอนนี้ฉันควรจะทํายังไง ?” เจฟฟ์ถามขึ้นด้วยความกังวลเพราะเขาไม่เคยต้องเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน
“มีสองเรื่อง” เอริคที่คิดเรื่องเหล่านี้ไว้ก่อนหน้านี้แล้วตอบขึ้นก่อนที่จะยกนิ้วขึ้นมา “เรื่องแรกตอนนี้เซ็นทรัลพาร์คอยู่ภายใต้การจัดการของคณะกรรมการอนุรักษ์อุทยานกลางนายจะต้องบริจาคเงินจํานวนหนึ่งให้กับคณะกรรมการในนามของ Firefly …สักห้าแสนก็แล้วกัน ถ้าทําแบบนี้ฝั่งตรงข้ามก็จะยึดตามในสิ่งที่เราพูด”
พูดจบเอริคก็หยิบรูปภาพที่อยู่ในมือของเจฟฟีขึ้นมาก่อนที่จะกล่าวต่อว่า “ส่วนเรื่องที่สองคือนายจะต้องติดต่อไปยังสื่อหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในนิวยอร์กแล้วนําเรื่องที่ถูกคัดค้านในวันนี้ไปเปิดเผยให้พวกเขารู้และให้พวกเขาช่วยลงข่าวให้ โดยมุ่งเน้นเนื้อหาว่าเราจะทําสุดความสามารถเพื่อรักษาสภาพแวดล้อมของเซ็นทรัลพาร์ค และก็ต้องหาคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้สักสองคนเพื่อออกมาอธิบายเกี่ยวกับแมกนีเซียมซัลเฟตอย่างละเอียดว่ามันไม่ได้เป็นอันตรายต่อพืชพรรณเหล่านั้น อีกทั้งยังเป็นปุ๋ยให้กับพวกมันได้อีกด้วย”
“เอริค ห้าแสนมันไม่มากไปหน่อยเหรอ? “เจฟฟี่ถามเสียงอ่อย เพราะเขารู้สึกลังเลที่จะต้องจ่ายเงินจํานวนนี้ไปโดยสูญเปล่า
เอริคพูดด้วยน้ําเสียงที่เคร่งขรึมว่า “เจฟฟี่ นายต้องเข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ด้วยนะว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว ถ้าหนังเรื่อง (Home alone2) ไม่สามารถปิดกองได้ภายในเวลาที่เรากําหนดไว้ได้ เราจะไม่ได้สูญเสียแค่ห้าแสนเหรียญเท่านั้น อีกอย่างงบประมาณการผลิตเริ่มต้นที่ 25 ล้านเหรียญคาดว่ายังมียอดคงเหลืออยู่บ้างฉันคิดว่าเงินห้าแสนก็ยังไม่เกินต้นทุนการผลิต “
เจฟฟี่พยักหน้าก่อนที่ตอบกลับว่า “โอเค ฉันเข้าใจแล้ว แล้วก็เป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงแผนถ่ายภาพชั่วคราวการถ่ายช่วงบ่ายอาจล่าช้ากว่าหนึ่งชั่วโมงและก็ต้องจัดการเกี่ยวกับเส้นทางการเดินทางด้วย “
“ฉันเข้าใจแล้ว เดี๋ยวฉันจะไปจัดการหน้างานด้วยตัวเอง ส่วนนายก็ไปจัดการเรื่องที่ฉันบอกให้เรียบร้อย”
เจฟฟี่หยิบรูปภาพที่เอริคถ่ายไว้ก่อนหน้านี้ก่อนที่จะเดินออกไปอย่างรวดเร็ว
และเป็นไปอย่างที่คิด เพราะในช่วงบ่ายที่กําลังถ่ายทํานั้นกลุ่มคนเหล่านั้นได้กลับมาอีกครั้ง แม้ว่าคนเหล่านั้นจะยังคงชี้ไปยังที่หิมะเทียมเหล่านั้นทว่าก็มีการพูดจายั่วยุเป็นครั้งคราวเท่านั้นแต่ก็ไม่ได้นอนลงกลางเซ็นทรัลพาร์คเพื่อขัดขวางการถ่ายทําก่อนหน้านี้
เอริคเตือนทุกคนภายในกองถ่ายเป็นอย่างดีในตอนเที่ยงว่าไม่ว่าจะมีการยั่วยุจากคนเหล่านั้นมากขนาดไหน ก็ห้ามตอบโต้ฝ่ายตรงข้ามเป็นอันขาด เพราะการทําเช่นนั้นถือเป็นการกระโดดเข้าหากับดักของคนเหล่าด้วยตัวเอง