I’m in Hollywood – ย้อนเวลามาเป็นเจ้าพ่อฮอลลีวูด - ตอนที่ 249
ตอนที่ 249 วัตถุประสงค์ที่ไม่บริสุทธิ์
“เอริค …” โดนัลเรียกเอริคด้วยน้ําเสียงเบาๆพร้อมกับกอดลูกสาวของเขาไว้ในอ้อมกอด
เป็นเพราะเมื่อครูที่อีแวนกาถ่ายทําไม่สําเร็จจึงทําให้หล่อนรู้สึกเจ็บใจเป็นอย่างมาก โดนัลผู้เป็นพ่อแม้ว่าจะสนับสนุนลูกสาวของตนเองก่อนหน้านี้ แต่เมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้ไม่พอใจเขาจึงต้องทั้งปลอบใจและตําหนิลูกสาวของเขาในเวลาเดียวกัน การสละเวลาปลอบลูกสาวของเขาดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล เขาจึงทําได้เพียงหันไปหาเอริคเพื่อขอความช่วยเหลือ
แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องเล็กๆ ทว่าหากเอริคไม่ตอบตกลงไปก่อนหน้านี้ก็คงจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เมื่อเขาคิดได้เช่นนั้นเขาก็ทําอะไรไม่ได้นอกจากจึงเก้าอี้มานั่งข้างๆอีแวนก้า
เด็กสาวมองไปที่เอริคก่อนที่จะหันกลับไปมองพ่อของตนเอง
“อีแวนก้า นี่เป็นการแสดงครั้งแรกของเธอใช่ไหม ? ” เอริคคิดคําพูดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกล่าวออกไปด้วยน้ําเสียงที่นุ่มนวล
ผ่านไปครู่หนึ่งอีแวนก้าก็พยักหน้าเบาๆเป็นการตอบรับ
“ฉันจําได้ว่าตอนฉันเข้าเรียนวิชาแรกที่เริ่มเรียนคือวิชาดนตรี ตอนนั้นคุณครูให้ตัวแทนของห้องขึ้นไปร้องเพลงบนเวที ปรากฏว่าเด็กคนนั้นตื่นเต้นมาก จนทําให้เขาร้องออกไปได้เพียงไม่กี่คําสุดท้ายเขาก็เป็นลมกลางเวทีไปเลย และนั่นเป็นการแสดงครั้งแรกของเขา การแสดงของเธอเมื่อกี้ถือว่าโดดเด่นมากแล้วเพราะเธอสามารถเดินมาได้ครึ่งทางแล้วด้วย “
เอริคพูดปลอบใจพร้อมกับยกสถานการณ์มาเปรียบเทียบให้เด็กสาวฟังเพื่อให้เด็กสาวรู้สึกดีขึ้น หลังจากที่เด็กสาวได้ยินสิ่งที่เอริคพูด หล่อนก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาในทันทีทว่าหล่อนก็ยังคงพูดขึ้นมาด้วยน้ําเสียงเบาว่า ” แต่ว่าตอนที่ฉันอยู่ในโรงเรียนฉันก็เคยร้องเพลงให้ทุกคนฟัง แต่ไม่เห็นว่า….ไม่เห็นว่ามันจะเป็นแบบที่นายเล่าเลยนี่นา “
” นั่นเป็นเพราะเธอขึ้นเวทีบ่อยใช่ไหมล่ะ ? “
“อื้อ ” อีแวนกาพยักหน้ารับ
” เห็นไหม นี่แหละคือปัญหาที่เกิดขึ้น การแสดงกับการร้องเพลงก็เหมือนกัน ครั้งแรกใครๆก็ต้องตื่นเต้นกันทั้งนั้นแหละ แต่พอได้ลองหลายๆครั้งก็จะค่อยๆคุ้นชินไปเอง”
“งั้น….. “อีแวนก้าเงยหน้าขึ้นพร้อมกับส่งสายตาที่เปล่งประกายไปยังคนข้างๆก่อนจะถามขึ้นว่า ” คุณวิลเลี่ยม และทําไมเมื่อกี้ฉันต้องตื่นเต้นด้วยหล่ะในเมื่อฉันเป็นคนพูดเองว่ามันเป็นเรื่องง่ายมาก “
” นั่นมันเป็นเพราะ….” เอริคลังเลอยู่ครู่หนึ่งเพราะเขาคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป หากจะพูดตามความจริงแล้วการแสดงสําหรับเด็กอายุ 8 ขวบนั้นจะต้องเป็นบทที่ง่าย เพราะจะต้องถ่ายออกมาให้เป็นธรรมชาติมากที่สุดโดยเฉพาะการนําสภาวะทางจิตใจของผู้ใหญ่ที่ไร้ความกังวลและความเขินอายนํามาใส่ไว้ในตัวละครเด็ก
ทว่าทุกอย่างก็ไม่ได้มีความแน่นอนไปซะทีเดียว เช่นเดียวกับเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาในเวลานี้ที่สูญเสียความมั่นใจจุดนี้ไป ทว่าสําหรับสติวแล้วเด็กชายคนนั้นไม่ได้มีความรู้สึกกังวลและความเขินอายที่แสดงให้เห็น จึงทําให้เขาสามารถแสดงออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติ ดังนั้นเขาจึงสามารถแสดงตามที่เอริคบอกได้อย่างง่ายดายซึ่งแตกต่างจากอีแวนก้าที่ยังมีความประหม่าและตื่นตระหนกอยู่มาก
“อีแวนก้า ปัญหานี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมากดังนั้นในเวลานี้ฉันจึงไม่สามารถที่จะอธิบายให้เธอฟังได้ เพราะถึงฉันจะอธิบายออกไปเธอก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ฉันพูดอยู่ดี “
อีแวนก้าเปล่งเสียงออ ออกมาจากลําคอโดยไม่ได้ถามอะไรต่อจากนั้น ทว่าท่าทางของหล่อนก็ไม่ได้แสดงถึงความผิดหวังเหมือนก่อนหน้านี้
“คุณโดนัลครับถึงเวลาเข้าฉากแล้วครับ ” คนในกองถ่ายคนหนึ่งเดินเข้ามาทางพวกเขาก่อนที่จะกล่าวขึ้น
โดนัลพยักหน้าก่อนที่จะกอดลูกสาวของเขา ” เดี๋ยวพ่อรีบกลับมานะ นั่งเงียบๆรอพ่ออยู่ตรงนี้ก่อนนะลูก”
“อื้อ ” เด็กสาวพยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
การถ่ายทําได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ในครั้งนี้เด็กสาวนั่งอยู่ข้างๆเอริคโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว ทว่าหล่อนยังคงมองเอริคที่กําลังใช้วิทยุสื่อสารเพื่อสื่อสารกับคนในกองด้วยสายตาอยากรู้อยากเห็นพร้อมกับสายตาที่เปล่งประกาย
หลังจากที่ฉากทางเดินถูกเอริคแบ่งออกเป็นสองซีนก็ทําให้การถ่ายทําราบรื่นมากยิ่งขึ้น มีเพียงการสั่งคัทเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น จึงทําให้การถ่ายทําให้ครั้งนี้ใช้เวลาไปเพียงแค่ 20 นาทีก็สามารถจบการถ่ายทําได้อย่างราบรื่น
หลังจากถ่ายจบแล้วโดนัลก็เตรียมตัวที่จะพาลูกสาวของเขากลับ เป็นเพราะก่อนหน้านี้เอริคยุ่งมากจนไม่มีเวลาทักทายพวกเขาจนทําให้เขาไม่รู้ว่าโดนัลพาลูกสาวของตัวเองมาที่กองถ่ายด้วย จึงทําให้ในเวลาที่พวกเขากําลังจะกลับเอริคจึงไม่สามารถที่จะปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามกลับไปโดยไม่กล่าวลาได้ การที่โดนัลที่เป็นนักอสังหาริมทรัพย์เข้ามาขอเป็นตัวประกอบในการถ่ายหนังของเขาโดยไม่คิดเงินแม้แต่เหรียญเดียวจะทําให้เอริคอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องอื่นที่แฝงอยู่ในนั้นทว่าเขาเองก็ควรที่จะไว้หน้าฝ่ายตรงข้ามอยู่ดี
“คุณเทพูแลนขอบคุณมากที่มาเป็นส่วนหนึ่งในหนังของผมนะครับ ” เอริคยื่นมือจับกับโดนัลตรงหน้าประตูทางออกก่อนที่จะกล่าวขอบคุณ
“เป็นเกียรติอย่างมากเลยครับ ” โดนัลกล่าวพร้อมกับยิ้มออกมาก่อนที่จะใช้มือจับไปที่บ่าของลูกสาว “อีแวนก้าบอกลาเอริคซิลูก”
เด็กสาวยื่นมือออกมาด้านหน้าก่อนจะพูดขึ้นว่า “ลาก่อนค่ะคุณวิลเลี่ยม “
“ลาก่อน คุณหนูเทพูแลน ” เอริคยื่นมือออกมาจับมือน้อยๆของเด็กสาวก่อนที่จะเขย่าเบาๆ
หลังจากที่อีแวนก้าดึงมือกลับมาแล้วหล่อนก็จ้องมองเอริคด้วยสายตาเปล่งประกายก่อนที่จะถามขึ้นว่า ” คุณวิลเลี่ยม ตอนนี้พวกเราเป็นเพื่อนกันหรือยังคะ ? “
เอริคมองเด็กสาวก่อนที่จะยิ้มและพยักหน้าตอบ ” แน่นอน”
“ถ้างั้น คุณเรียกฉันว่าอีแวนกําได้แล้วค่ะหรือจะเรียกว่าเอนตามที่คุณพ่อกับพี่ชายเรียกก็ได้ และฉันจะเรียกคุณว่าเอริค โอเคไหมคะ? “
” ได้สิ ไม่มีปัญหา ” เอริคพยักหน้าตอบอีกครั้ง
“เอริค บางที….เอ่อ…. “อีแวนก้าหยุดพูดไปครู่หนึ่งก่อนที่จะหันไปหาพ่อของหล่อน ” คุณพ่อคะ หนูชวนเอริคมาที่บ้านเราได้ไหมคะ ? “
โดนัลได้ยินลูกสาวถามเช่นนั้นก็อยากจะกอดลูกสาวของเขาให้แน่นๆทันที เพราะ เที่อีแวนก้าถามขึ้นเป็นสิ่งที่ถูกใจเขาเป็นอย่างมาก จริงๆแล้วก่อนหน้านี้เขาก็อยากจะชวนเอริคไปที่บ้านเพื่อพูดคุยเป็นการส่วนตัวทว่า เขายังไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปากชวนยังไง เขาเลยคิดว่าจะจัดงานปาร์ตี้ขึ้นมาเพื่อถือโอกาสนี้ชวนเอริคไปที่บ้านของ เขา ทว่าเขาไม่คิดว่าลูกสาวของเขาจะถามคําถามนี้ขึ้นมาได้ตรงใจเขาเช่นนี้
ถึงแม้ว่าภายในใจของเขาจะดีใจเป็นอย่างมากทว่าใบหน้าของโดนัลในเวลานี้ยังคงรักษาภาพลักษณ์เดิมไว้ก่อนที่จะพูดกับลูก
“ถ้างั้น…..เอริคถ้าคุณมีเวลาก็มาที่บ้านฉันนะ ” เด็กสาวมองไปที่เอริคก่อนที่จะเอ่ยปากชวน
“แน่นอน ” เอริคตอบกลับไปอย่างเป็นมารยาทโดยไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะเขาคิดว่าคําพูดของเด็กเป็นเรื่องที่ไม่ได้จริงจังอะไร ผ่านไป 2-3 วันอีแวนก้าก็คงจะลืม
หลังจากที่สองพ่อลูกกลับไปแล้ว เอริคก็เดินกลับไปยังกองถ่ายในทันที
“คุณวิลเลี่ยม กลุ่มคนเขียนบทหนังเรื่อง The X-File ส่งฉบับร่างห้าตอนแรกมาให้ค่ะ แล้วก็ Fox ติดต่อมาว่าต้องการตัวอย่างหนังเรื่อง Home Alone2 ส่งไปให้พวกเขาให้เร็วที่สุด พวกเขาคิดว่าจะเริ่มปล่อยตัวอย่างหนังในวันที่ 17 ตุลาคมค่ะ ยังมีอีกเรื่องวันนี้ตอนค่ําคุณโรเบิร์ตเซียร์จะส่งเอกสารมาให้……”
อริคพลิกฉบับร่างของหนังเรื่อง The X- File ในมือของเขาไปพลางพร้อมกับฟังรายงานของเอลเนไปพลาง
ผ่านไปครู่หนึ่งเอเลนก็ปิดสมุดจดของหล่อนลง ” วันนี้มีประมาณนี้ค่ะ อ้อแล้วก็เมื่อครู่รอยซ์โทรมาค่ะบอกว่ากองถ่ายที่เซ็นทรัลพาร์คฝั่งนุ่นที่กําลังเตรียมสถานที่อยู่เจอปัญหาด้วยค่ะ “
เอริคเงยหน้าขึ้นทันทีหลังจากที่ได้ยินว่ามีปัญหาเพราะสําหรับเขาในเวลานี้หนังเรื่อง Home Alone2 ถือเป็นเรื่องที่เขาให้ความสําคัญเป็นอย่างมาก ” เกิดอะไรขึ้น ? “
“คือองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมในนิวยอร์กไม่อนุญาตให้เราใช้หิมะเทียมขนาดใหญ่ค่ะแล้วก็มีการจัดระเบียบด้วยการส่งคนมาดูความเรียบร้อยด้วย รอยซ์บอกว่าเมื่อกี้คนเหล่านั้นเพิ่งจะมีการขัดแย้งกับทีมงานของเราด้วย”
เอริคได้ยินเช่นนั้นก็เกิดความงุนงงขึ้นมาในทันทีว่าการสร้างหิมะเทียมเกี่ยวข้องกับองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างไรกัน?
“คุณรู้ไหมว่าเรื่องนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไง ? “เอริคถามขึ้น แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่ผู้ผลิตจะต้องเป็นคนจัดการทว่าสําหรับเอริคที่เป็นผู้กํากับเขาก็รู้สึกว่าเขาเองก็คือหนึ่งในผู้ผลิตหนังด้วย อีกทั้งเขาเองก็มีสิทธิ์ในการออกความเห็นและลงมือในกองถ่ายมากที่สุด ดังนั้นเมื่อเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นสุดท้ายแล้วคนที่ต้องเป็นคนออกหน้าก็คือเขาอยู่ดี
ถ้าเกิดความขัดแย้งขึ้นขนาดนั้นดูเหมือนว่าปัญหาจะไม่ได้เล็กอย่างที่เขาคิดแล้ว หลังจากที่เขาถามเอเลนแล้ว เอริคก็ลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะเดินไปหยิบเสื้อโค้ทของเขาเพื่อไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง
เอเลนลุกขึ้นยืนก่อนที่จะพูดขึ้นว่า “เอริค นี่เป็นเวลาพักแล้วฉันคิดว่าคุณแฮนเซนจะต้องจัดการกับปัญหานี้ได้อย่างแน่นอนค่ะ คุณน่าจะไปพักก่อนนะคะ “
” ไม่เป็นไร ผมอยากไปเห็นกับตาตัวเอง ไม่งั้นผมคงไม่สบายใจ ” เอริคส่ายหน้าปฏิเสธ
เอเลนได้ยินเช่นนั้นก็ทําอะไรไม่ได้นอกจากจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับขึ้นรถเซ็นทรัลพาร์คพร้อมกับเอริค
ระหว่างทางเอเลนก็หันมาอธิบายกับเอริคว่า ” หิมะเทียมที่สร้างมีทั้งหมดสองชนิด ชนิดแรกทําจากเครื่องทําหิมะเพื่อสร้างเกล็ดหิมะซึ่งนั่นทําให้ต้นทุนในการสร้างสูงมากอีกอย่างความต้องการด้านสภาพแวดล้อมก็มีอย่างจํากัดด้วยคือมันต้องอยู่ในอุณภูมิที่ต่ํากว่าศูนย์องศาแต่ในเวลานี้เราไม่สามารถที่จะสร้างอุณหภูมิที่ต่ําขนาดนั้นได้ จึงทําให้พวกเราต้องใช้วิธีการสร้างหิมะเทียมขึ้นมาอีกวิธีหนึ่งแทนนั่นคือการแกะสลักด้วยวัสดุให้มีรูปร่างออกมาเหมือนกับหิมะซึ่งส่วนประกอบทางเคมีของหิมะเทียมนี้คือแมกนีเซียมซัลเฟตเฮปตาไรด์ สําหรับแมกนีเซียมซัลเฟตนั้นไม่ได้เป็นอันตรายอีกทั้งยังสามารถทําเป็นปุ๋ยสําหรับพืชหลายชนิดได้ แต่ว่าองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมไม่ฟังคําอธิบายของเราแล้วก็ไม่เชื่อในการรับประกันของเราว่าเราจะทําความสะอาดในภายหลัง พวกเขาเอาแต่พูดซ้ําๆว่าไม่สามารถให้พวกเราใช้ของเหล่านี้ได้ และที่ฉันบอกว่าเมื่อกี้ที่คนเหล่านั้นขัดแย้งกับคนในกองของเราก็เป็นเพราะเรื่องนี้แหละค่ะ เพราะฝ่ายจัดสถานที่รู้สึกว่าคนพวกนี้จี้จุกจิกมากจนเกินไป เป็นเพราะอารมณ์ร้อนเลยทําให้เกิดการลงไม้ลงมือก่อนหน้านี้แล้วด้วย”
เอริคนั่งฟังสิ่งที่เอเลนอธิบายอยู่ด้านหลังรถด้วยสายตาที่เป็นประกายก่อนที่จะถามขึ้นว่า ” ไม่ได้ทะเลาะอะไรกันหนักใช่ไหม ?”
“ไม่ค่ะ พอสองคนนั้นเริ่มจะลงมือก็ถูกคนอื่นๆลากออกไปซะก่อน “เอเลนอธิบายต่อ
เอริคถอนหายใจออกมาก่อนที่จะถามอีกว่า ” แล้วสื่อหล่ะ?”
“อะไรหรอคะ? “
เอริคพูดทวนอีกครั้ง “ฉันหมายถึงว่ามีสื่อมาทําข่าวหรือจับภาพอะไรไหม ? “
เอเลนได้ยินน้ําเสียงที่จริงจังของเอริคก็เข้าใจความหมายของชายหนุ่มทันที ” เรื่องนั้นฉันก็ไม่มั่นใจเหมือนกันค่ะ ฉันคิดว่า นี่เป็นเรื่อง….เรื่องเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม ดังนั้นกองถ่ายหลายๆเรื่องก็คงจะต้องเจอกับปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว “
เอริคสูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะพูดกับคนขับว่า ” บรูท ขับเร็วหน่อย”
เมื่อมาถึงเซ็นทรัลพาร์คพร้อมกับผ่านเส้นที่ปิดล้อมไว้สําหรับถ่ายทํา เอริคก็มองเห็นชายหญิง7-8คนนอนอยู่บนพื้นพร้อมกับมีหน้ากากอนามัยปิดอยู่พร้อมกับคําขวัญด้านสิ่งแวดล้อมทุกชนิดที่ถูกทาสีบนผิวเปลือยด้วยสีเขียว เอริคมองไปที่กองถ่ายของเขาที่ยืนอออยู่รอบนอก ก่อนที่จะมองไปยังเจฟฟรี่ย์ที่กําลังถกเถียงกับหญิงสาวคนหนึ่งที่มีอายุราวๆ 30 ปีซึ่งแต่งตัวเช่นเดียวกันกับหนุ่มสาวที่นอนอยู่ตรงที่พื้น
“คุณชไนเดอร์ ผมบอกไปหลายครั้งแล้วว่าสถานที่นี้จะต้องมีหิมะปลอมเพราะฉากนี้เป็นฉากที่สําคัญมากไม่สามารถที่จะไม่ใช่หิมะได้ แล้วเราก็พูดประณีประนอมกันมาเยอะแล้วด้วย พวกคุณยังต้องการอะไรอีกเหรอครับ ? “
” ยังไงก็ไม่ได้ คุณแฮนซัน วัสดุทางเคมีเหล่านั้นถ้าวางโดยตรงบนพืชเหล่านี้จะสร้างความเสียหายให้กับพวกมันได้”
” ผมรับปากกับคุณไปแล้วไงว่าหลังจากที่ถ่ายทําจบแล้วพวกเราจะทําความสะอาดบริเวณนี้ให้อย่างดีเลย แล้วผมก็ซื้อเครื่องดูดฝุ่นอย่างดีเพื่อการนี้โดยเฉพาะเลยด้วย มันยังไม่เพียงพออีกหรอครับ? “
หญิงสาวผู้นั้นส่ายหน้าก่อนจะตอบด้วยน้ําเสียงที่เด็ดเดี่ยวว่า ” ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ได้ เซ็นทรัลพาร์คเปรียบเสมือนปอดของแมนฮัตตัน ถ้าปอดของคุณเน่าไปชิ้นหนึ่งคุณจะรู้สึกยังไง”
” ผมต้องทํายังไงพวกคุณถึงจะยอม “
” พวกเราไม่มีทางยอมให้คุณทําเด็ดขาด จะต้องไม่มีหิมะปลอมบนสนามหญ้านี้ ” หญิงสาวผู้นั้นพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่เด็ดเดี่ยวและเด็ดขาดเป็นอย่างมาก
การถกเถียงของทั้งสองยังคงต่อเนื่องจนทําให้เอริคต้องเดินเข้ามา
เจฟฟรี่ย์มองไปที่เอริคที่เพิ่งจะก้าวเท้าเข้ามา ทันทีที่หญิงสาวตรงหน้ามองเห็นเอริคหล่อนก็หันไปหาเอริคพร้อมกับพูดด้วยน้ําเสียงจริงจังว่า “คุณวิลเลี่ยมใช่ไหมคะ ฉันคือเชอร์ลี่ ชไนเดอร์จากองค์การสีเขียวแห่งนิวยอร์ก ฉันประท้วงอย่างรุนแรงกับทีมงานของคุณบนสนามหญ้าแห่งนี้ และคุณจะต้องจัดการกับปัญหาเหล่านี้
เจฟฟรี่ย์เดินมาด้านข้างเอริคก่อนที่จะมองไปที่หญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาเบื่อหน่ายก่อนที่จะพูดกับเอริคว่า ” โทษทีนะเอริค ดูเหมือนว่าการถ่ายรอบบ่ายของเราอาจจะต้องเลื่อนออกไปก่อน”
” ไม่เป็นไร ” เอริคตบบ่าของเจฟฟรี่ย์ก่อนที่จะหันไปพูดกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ” คุณชไนเดอร์ใช่ไหมครับ ? เมื่อครู่ผมได้ยินเรื่องที่พวกคุณกําลังถกเถียงกันบ้างแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นผมขอถามคุณหน่อยได้ไหมครับว่าคุณรู้ส่วนผสมของหิมะเทียมที่เราใช้หรือเปล่าครับ? “
ชไนเดอร์ยิ้มออกมาก่อนที่จะตอบกลับมาว่า “รู้สิคะ พวกคุณใช้แมกนีเซียมซัลเฟตเฮปตาไรด์ “
” แล้วมีอีกไหมครับ ? ” เอริคถามต่อ
หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้นว่า ” ยังมีอะไรอีกคะ ? “
เอริคพูดต่อว่า ” คุณอาจจะไม่รู้ว่าแมกนีเซียมซัลเฟตเฮปตาไรด์ไม่ได้เป็นอันตรายต่อพืช อีกอย่างคุณก็คงจะไม่รู้ว่านอกจากที่มันจะไม่เป็นอันตรายแล้วมันยังมีประโยชน์ต่อพืชเหล่านี้ด้วย”
ชไลเดอร์มองดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับมาอย่างรวดเร็วว่า ” ที่คุณพูดมาฉันยังไม่เข้าใจซึ่งฉันจะต้องกลับไปศึกษาข้อมูลเหล่านี้เพิ่มเติม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นปุ๋ยแต่ชั้นหิมะที่คุณทํามันก็มีความหนาอย่างมากถ้าเป็นเช่นนั้นมันก็ยังมากเกินไปอยู่ดี อะไรที่มันมากเกินไปจะต้องให้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามอย่างแน่นอน”
” ผมพูดไปก่อนหน้านี้แล้วครับว่าหลังจากถ่ายทําจบพวกเราจะทําความสะอาดให้เป็นอย่างดี ” เจฟฟรี่ย์พูดแทรกขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันไม่เชื่อหรอก พวกคุณคือพวกนายทุน ใครจะไปรู้ว่าสิ่งที่คุณพูดจะเชื่อถือได้มากน้อยขนาดไหน ดังนั้นถ้าคุณจะเทหิมะเทียมพวกนี้…” ชไนเดอร์พูดก่อนที่จะชี้ไปยังหนุ่มสาวที่นอนอยู่ที่พื้นพร้อมกับกล่าวว่า ” นี่พวกคุณก็เทมันลงบนตัวพวกเราทั้งหมดนี่แหละ!”
เอริคหันไปมองตรงสนามหญ้าอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้