I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 18
“หยุนซี” ชูห่าวเดินไปนั่งข้างจางหยุนซี ขณะที่นักเรียนที่เหลือที่นั่งอยู่ที่โต๊ะสองคนก็เข้าร่วมวงเช่นเดียวกัน
“ชูห่าว ทำไมมานั่งตรงนี้ล่ะ” จางหยุนซีถาม
“เราเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันไม่ใช่เหรอ ในเมื่อตอนนี้เธอมีเพื่อนนั่งอยู่ด้วย แนะนำให้ฉันรู้จักหน่อยสิ” ชูห่าวหัวเราะเบา ๆ แล้วมองไปที่เหย่หลิงเฉินและถามต่อว่า “นี่คือ…?”
“เขาชื่อเหย่หลิงเฉิน และเขาเป็นเพื่อนของฉัน” จางหยุนซีแนะนำ
“ดูไม่คุ้นหน้าเลยแฮะ เพื่อนเธอไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนมัธยมอันดับ 1 เหมือนเราใช่ไหม” ชูห่าวถามต่อ
“ฉันมาจากโรงเรียนมัธยมเขต 3” เหย่หลิงเฉินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
“อ๋ออ นายได้คะแนนสูงอันดับท็อป ๆ ของโรงเรียนเขต 3 สินะ โทษทีที่จำไม่ได้ หึ” ชูห่าวเน้นคำว่า ผู้ทำคะแนนสูง เป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า “ฉันได้ยินมาว่าโรงเรียนเขต 3 ค่อนข้างที่จะวุ่นวายกับนักเรียนในทุกประเภท ฉันไม่เคยไปที่นั่นเลยทั้ง ๆ ที่อยู่เมืองรูเกานี่มาหลายปีแล้ว แย่จัง”
“มันเป็นสถานที่ที่ค่อนข้างจะ… อืม ไม่พูดดีกว่า ฉันได้ยินมาว่านักเรียนกว่าครึ่งของที่นั่นเป็นพวก.. อันธพาล!” จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาร่วมวงด้วย
เหย่หลิงเฉินเม้มริมฝีปากของเขา แต่เขาก็ไม่ได้โต้ตอบหรือพูดคุยอะไรด้วย ดูเหมือนว่าคนพวกนี้ไม่ได้มาด้วยท่าทีที่เป็นมิตรสักเท่าไหร่
ถ้าจะให้พูดอย่างตรงไปตรงมาแล้วล่ะก็ โรงเรียนมัธยมเขต 3 นี้ส่วนมากจะรับแต่นักเรียนขี้เกียจที่มีผลการเรียนที่ไม่ค่อยดี กล่าวได้ว่าโรงเรียนนี้มีแต่นักเรียนเกเร ทอดทิ้งการเรียนวิชาการ พวกเขาเรียนที่นี่ก็เพื่อแค่ให้มีวุฒิการศึกษาจบไปก็เท่านั้น
“หยุนซีกับฉันกำลังจะสมัครเข้ามหาวิทยาลัยหนานกิง แล้วนายล่ะ จะเข้าที่ไหนเหรอ” ชูห่าวถามเหย่หลิงเฉิน
“ฉันจะดูอีกทีว่ามหาวิทยาลัยไหนที่เหมาะกับฉัน.. เมื่อถึงเวลา” เหย่หลิงเฉินกล่าวอย่างใจเย็น
“หึหึ ดูเหมือนว่านายจะมั่นใจในผลคะแนนของนายมาก” ชูห่าวรู้สึกสนุกสนานกับความมั่นใจในตัวเองของเหย่หลิงเฉินเพราะเขาคิดว่าเขาสามารถเลือกสมัครเข้ามหาวิทยาลัยที่เขาต้องการได้ ชูห่าวไม่สามารถห้ามตัวเองเยาะเย้ยต่อได้อีกว่า “นายต้องทำได้ดีในเรื่องเรียนแน่ ๆ เลย เพราะนายมั่นใจมาก”
“แหม ๆ เขาถือว่าเป็นนักเรียนที่ค่อนข้างดังเลยในโรงเรียนเขต 3 ล่ะนะ เขาสอบได้ที่โหล่ตลอด” หือฉีเดินเข้ามาและพูดต่อว่า “แถมวันที่สอบคัดเลือก ฉันสอบห้องเดียวกันกับเขา เขาใช้เวลาไม่เกินหนึ่งชั่วโมงในการทำข้อสอบทุกวิชา แบบนี้จะได้คะแนนดีได้ยังไงกัน หึหึ”
โว้ว…
ทุกคนมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความชิงชังและตระหนักว่าเขาไม่แม้แต่ที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ด้วยซ้ำ
ไม่ว่าเขาจะรู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไร เขาควรจะรอจนกว่าผลคะแนนจะออก อย่างน้อยที่สุดจะได้เห็นว่าเหย่หลิงเฉินขาดความรับผิดชอบและยอมแพ้กับตัวเองไปแล้ว!
เนื่องจากสถานการณ์กลายเป็นเช่นนี้ เหย่หลิงเฉินก็ยังสามารถควบคุมสติอารมณ์ตัวเองอยู่ เขาไม่รู้สึกอะไรใด ๆ
“55555555 น่าประทับใจจจจ๊ น่าประทับใจ!! ฉันคงทนไม่ได้แล้วแหละนะแบบนั้น เอาเถอะน่า ถึงคะแนนไม่ดี ความสามารถมียังไงก็หางานได้ ระดับพี่เหย่ของเราคงเป็นคนที่มีความสามารถล่ะนะ” ชูห่าวหัวเราะดัง ๆ เขากล่าวอย่างใจกว้างต่อว่า “การทำข้อสอบได้คะแนนดีมันก็เท่านั้นน่า นายยังหางานได้ถึงแม้ว่าจะสอบเข้ามหาลัยไม่ได้ก็เถอะ ลุงของฉันน่ะเป็นจ้าของอู่ซ่อมรถนะ ฉันแนะนำนายไปทำงานกับเขาได้น้า เป็นเด็กฝึกงานก็น่าจะทำรายได้สักประมาณ 5,000 หยวนต่อเดือนหลังผ่านโปรล่ะนะ!”
ทุกคนที่นั่นตกใจ พวกเขาเปลี่ยนวิธีมองชูห่าวในทันที พวกเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกอยากจะเอาใจช่วยและผูกมิตรกับเขา มีเพียงไม่กี่คนในหมู่บ้านนี้ที่สามารถสร้างรายได้ 5,000RMB ต่อเดือนในหมู่บ้านนี้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังคงต้องทำงานที่อื่นตลอดทั้งปีเพื่อที่จะได้รับเงินจำนวนนั้นมาก ข้อเสนอของ Chu Hao น่าดึงดูดพอ ๆ กับอาหารกลางวันฟรีที่ตกลงมาจากสวรรค์เลยทีเดียว
อะไรคือสาเหตุที่อยู่เบื้องหลังแรงจูงใจของผู้ปกครองในการส่งบุตรหลานเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย หากไม่ใช่เพื่อให้บุตรหลานมีโอกาสในการทำงานที่ดีขึ้น
การแสดงออกของเหย่หลิงเฉินยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะได้รับข้อเสนอที่ร่ำรวยเช่นนี้ก็ตาม เขาพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่เป็นไร”
“พี่เหย่ฉันเข้าใจว่านายเป็นคนหยิ่งผยอง อะ นี่คือนามบัตรของคุณลุงของฉัน นายสามารถโทรหาเขาได้ตลอดที่ต้องการ” ชูห่าวยื่นนามบัตรให้เขา “โรงรถของคุณลุงของฉันใหญ่มาก เป็นไปได้ไหมว่าข้อเสนอของเขาไม่น่าสนใจเพียงพอสำหรับคุณ? นักศึกษาระดับปริญญาตรีของมหาวิทยาลัยหลายคนก็อยากทำงานกับเขาหลังจากเรียนจบนะ!”
เหย่หลิงเฉินไม่ได้ยื่นมือไปรับนามบัตร
อย่างไรก็ตามมือคู่หนึ่งยื่นออกมาจากใครบางคนที่อยู่ข้างหลังเขาและเข้ามาเสนอตัวอย่างรวดเร็ว เป็นผู้หญิงที่นำเด็กผู้ชายที่ดูกำยำเข้ามา เธอยิ้มแย้มแจ่มใสหลังจากได้รับนามบัตร “เจ้านายคะ นี่คือต้าหนิวลูกชายของฉัน เขามาจากโรงเรียนมัธยมเขต 3 และเขาเป็นคนที่ขยันขันแข็ง โปรดพิจารณาด้วยค่ะว่าจะให้เขาเข้าทำงานที่นั่นได้ไหม”
ชูห่าวโผเข้าสู่เหย่หลิงเฉินด้วยความภาคภูมิใจ “เนื่องจากมีคนปฏิเสธข้อเสนอของผม ดังนั้นผมคิดว่าผมน่าจะพาลูกชายของคุณไปได้แหละนะ พวกคุณทุกคนเป็นเพื่อนบ้านของหยุนซี ดังนั้นเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันเช่นเดียวกัน ฉันจะพยายามช่วยอย่างสุดความสามารถ!”
“ขอบคุณค่ะเจ้านาย ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยิ้มสดใสราวกับดอกไม้ จากนั้นเธอก็พูดกับซู่เจินว่า “พี่เจิน ขอบคุณที่ลูกชายของพี่เต็มใจที่จะปฏิเสธข้อเสนออันดีงามแบบนี้นะ ลูกชายฉันเลยได้รับมัน”
ซู่เจินยิ้มอย่างขมขื่น
ในช่วงเวลาของงานเลี้ยง ห็นได้ชัดว่าชูห่าวกลายเป็นหัวข้อสำคัญของการสนทนา ทุกคนพูดคุยเกี่ยวกับเขาเป็นการส่วนตัว เพราะพวกเขาต้องการให้ลูก ๆ เป็นเพื่อนกับเขา
“ต้าหนิว ไปสิ ไปปิ้งขนมปังให้เจ้านายซะ” หญิงสาวบอกกับลูกชายว่า “จากนี้ไปทำงานให้ดีล่ะ เข้าใจไหม”
“เราทุกคนเป็นเพื่อนกัน ยินดีต้อนรับครับ” ชูห่าวกล่าวในขณะที่หัวเราะ
แม่ของจางหยุนซีดึงแขนเสื้อของเธอและพูดเบา ๆ ว่า “หยุนซี จากนี้ไปอยู่ให้ห่างจากเหย่หลิงเฉินซะ จิ๊กโก๋จากโรงเรียนเขต 3 จะทำอะไรได้บ้างในชีวิต? แม่ว่าชูห่าวเขาค่อนข้างน่าประทับใจเลยนะ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีเป็นที่พึ่งพาได้มาก เขาประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย!”
“ แม่! หลิงเฉินไม่ใช่จิ๊กโก๋ เขาช่วยหนูมาหลายครั้งแล้ว” จางหยุนซีอดไม่ได้ที่จะพูด
“นี่ เด็กสาวอย่างเธอรู้อะไรบ้าง? เขาช่างไร้ยางอาย เขาไม่สามารถเป็นคนดีได้แม้ว่าเขาจะไม่ใช่จิ๊กโก๋ก็ตาม ควรรักษาระยะห่างเอาไว้จะดีที่สุด!”
…
เหย่หลิงเฉินสังเกตเห็นว่าซู่เจินดูเหมือนจะไม่อยากอาหาร เขาหยิบอาหารด้วยตะเกียบให้เธอ “แม่ กินบ้างสิ”
“ลูกกินเถอะ แม่ไม่หิว” เห็นได้ชัดว่าซู่เจินไม่มีความอยากอาหาร เธอแทบไม่ได้หยิบตะเกียบเลย เธอดูราวกับว่าเธอกำลังวางแผนที่จะออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด
“แม่ ผมจะทำคะแนนสอบเข้าวิทยาลัยได้ดีมาก ไม่ต้องกังวลไป” เหย่หลิงเฉินให้ความมั่นใจกับแม่ของเขา อย่างไรก็ตามเห็นได้ชัดว่าซู่เจินดูเหมือนจะไม่เชื่อเขา เธอตระหนักถึงผลการเรียนของเหย่หลิงเฉินมากกว่าใคร ๆ
“แม่ ดูนี่สิ” เมื่อสังเกตเห็นว่าความมั่นใจของเขาที่แสดงให้แม่ไม่ได้ผล เหย่หลิงเฉินจึงหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและเปิดแอป Wechat ของเขา เขาชี้ไปที่ยอดคงเหลือ 30,000 หยวน บนหน้าจอของเขา “นี่คือเงินที่ผมได้รับเมื่อเร็ว ๆ นี้”
เงินที่ได้รับจากการนวดให้เสี่ยวเฟยเฟย แม้ว่าเขาจะเลือดกำเดาไหลจากความเซ็กซี่ของเธอ แต่เหย่หลิงเฉินก็มีหน้าที่ในฐานะมืออาชีพที่พยายามรักษาคนไข้ของเขา!
“นี่ลูกไปเอาเงินมากขนาดนี้มาจากไหน” ซู่เจินกล่าวอย่างประหม่าพร้อมกับการแสดงออกที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“ผมก็ทำงานมาน่ะสิ แน่นอนว่าได้รับมาอย่างสุจริต แม่ไม่ต้องกังวลหรอก ลูกชายแม่โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว! ตั้งแต่นี้ไปผมสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้” เหย่หลิงเฉินกล่าวกับซู่เจินด้วยรอยยิ้ม
“อื้มม! นี่แหละลูกชายที่น่ารัก เด็กดีของแม่” ซู่เจินมองไปที่เหย่หลิงเฉินด้วยความรักของแม่อย่างอ่อนโยน “เอ้า อย่าเอาแต่ตักให้แม่สิ เราก็กินด้วย”
“กริ๊งงงง กริ๊งงงงงงงง”
ในขณะเดียวกันโทรศัพท์ของชูห่าวก็ดังขึ้น
“ครับคุณพ่อ!”
“ลูกพ่อ พ่อให้คนของเราตรวจคะแนนของลูกแล้วนะ จดเร็วเข้า!”
“ได้ครับพ่อ!”
“ภาษาจีน 120 คะแนน คณิตศาสตร์ 140 คะแนน ภาษาอังกฤษ 125 คะแนน ความสามารถที่ครอบคลุมด้านวิทยาศาสตร์ 275 คะแนน คะแนนรวมของลูกทั้งหมดคือ 660 คะแนน”
“อืม ครับ ตอนนี้ผมกำลังทานอาหารเย็นกับเพื่อน ๆ ผมวางสายก่อนนะครับพ่อ”
“ โอ้โห! ชูห่าว นายเยี่ยมมาก นายได้ตั้ง 660 คะแนน นายจะไม่มีปัญหาในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหนานกิงอย่างแน่นอน!” ทุกคนมองเขาอย่างอิจฉา
“แย่จะตาย ฉันทำได้ไม่ดีในวิชาภาษาอังกฤษ ฉันทำผิดแม้แต่คำถามปรนัยไวยากรณ์พื้นฐานที่สุด ไม่อย่างนั้นฉันก็คงจะได้คะแนนเยอะมากกว่านี้” ชูห่าวกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“โอ๊ยย เลิกอวดดีน่า ปกติแล้วมหาวิทยาลัยหนานกิงเขาตัดคะแนนที่ 650 เท่านั้น การสอบปีนี้มันยากขึ้นจริง ๆ แน่นอนว่านายได้คะแนนดีขนาดนี้คงไม่พลาดที่จะได้เข้าเรียนที่นั่น!”
“นี่ ชูห่าว นายช่วยให้พ่อของนายตรวจสอบคะแนนฉันด้วยได้ไหม” มีใครบางคนถามอย่างจดจ่อ
“เรื่องเล็กน้อยน่า เอาเลขผู้สมัครมาสิ เดี๋ยวฉันโทรบอกพ่อให้เลย” ชูห่าวกล่าวอย่างสบาย ๆ
“พ่อนายนี่สุดยอด! เลขผู้สมครของฉันคือ 1****”
“ฉันด้วย!”
“เช็คให้ฉันด้วยสิ!”
นอกจากเพื่อนร่วมชั้นแล้วยังมีบางคนจากหมู่บ้านมารวมตัวกันรอบ ๆ ตัวเขาเช่นเดียวกัน
“หวังห่าว คะแนนรวมของนายคือ 620 คะแนน ไม่เลวเลยนะเนี่ย! ทำได้ดีมาก!!”
“ฮันหยู คะแนนรวมของเธอคือ 600 คะแนน คุณอาจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งได้นะ!”
…
ผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือจากชูห่าวให้ดูคะแนนให้ต่างมีความมั่นใจกันมากขึ้นด้วยคะแนนที่สูงของพวกเขา กลายเป็นว่าบรรยากาศตอนนี้มีแต่ความร่าเริงขึ้น
“หยุนซี เธออยากให้ฉันช่วยเช็คคะแนนให้ไหม?” ชูห่าวมองไปที่จางหยุนซี
“เอ่อ.. ฉันคิดว่าไม่จำเป็นหรอก” จางหยุนซีลังเลเล็กน้อย “เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็รู้แล้วแหละ”
“ทำไมล่ะ! ยิ่งรู้เร็วก็ยิ่งดีสิ!” แม่ของจางหยุนซีรีบพูดต่อ “เลขผู้สมัครของเธอคือ 1****”
“ภาษาจีน 130 คะแนน คณิตศาสตร์ 125 คะแนน ภาษาอังกฤษ 130 คะแนน ความสามารถที่ครอบคลุมด้านวิทยาศาสตร์ 269 คะแนน คะแนนรวมอยู่ที่… 659 คะแนน!!!!”
“หยุนซี! เธอจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยหนานกิงได้อย่างแน่นอน!! เราจะกลับมาเป็นเพื่อนร่วมชั้นอีกครั้ง!!!” ชูห่าวกล่าวด้วยความดีใจ
“เธอเป็นผู้หญิงนะ เธอทำได้ไม่ดีในความสามารถรอบด้านคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์” แม่ของจางหยุนซีพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ข้อสอบวิชาคณิตศาสตร์ออกโดยอาจารย์จากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ทำให้มันหินมาก มันน่าประทับใจมากจริง ๆ ที่เธอได้ถึง 125 คะแนน” ชูห่าวยังคงพูดต่อไป “พ่อฉันบอกว่ามีคนน้อยกว่า 200 คนที่ได้คะแนน 130 คะแนนขึ้นไปในวิชาคณิตศาสตร์สำหรับทั้งเขต!”
“ว้าว ชูห่าว นายได้คะแนน 140 คะแนนสำหรับวิชาคณิตศาสตร์ ไม่น่าเชื่อเลย สุดยอด!”
“ใช่! ฉันพนันได้เลยว่านายได้คะแนนสูงสุดอันดับหนึ่งของในเขตทั้งหมด นี่นายทำได้ไง”
ชูห่าวยิ้ม “ความจริงแล้วคณิตศาสตร์คือการเปลี่ยนแปลงซึ่งกันและกันของโจทย์ต่าง ๆ นายจะต้องฝึกฝนเพิ่มเติมในทุก ๆ วันและทำความคุ้นเคยกับโจทย์และสูตรต่าง ๆ เพื่อให้สามารถใช้ความรู้ได้อย่างเหมาะสม ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำคะแนนให้ได้ 140 คะแนนด้วยวิธีนี้”
เขารู้สึกไม่พอใจเมื่อรู้ว่าเหย่หลิงเฉินไม่มั่นใจ เขาพูดต่อไปว่า “เมื่อเทียบกับคะแนนของฉัน ฉันพบว่าคะแนนของพี่เหย่นั้นน่าประทับใจกว่าด้วยซ้ำ ฉันได้ยินมาว่าเขาได้คะแนน 0 คะแนนสำหรับการสอบภาษาอังกฤษของเขา มันเป็นความสำเร็จของปรมาจารย์ที่แท้จริงที่ไม่สามารถให้คะแนนคำตอบที่ถูกต้องแม้แต่ 1 ข้อในคำถามปรนัยนับร้อยข้อ!”
“พี่เหย่ทำไมฉันไม่สอนวิธีการให้นายล่ะ ครั้งต่อไปให้วางกระดาษคำตอบลงที่พื้นแล้วใช้เท้ากระทืบสองครั้ง กรอกคำตอบตามรูปร่างของรอยเท้าของคุณ บางทีคุณอาจจะทำคะแนนได้สูงกว่านี้มาก”
การดูถูกไม่ได้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใด ๆ กับการแสดงออกของเหย่หลิงเฉินเลย เหย่หลิงเฉินตอบอย่างไร้กังวลว่า “มันน่าประทับใจมากไหมที่ได้คะแนน 140 คะแนน? นายสามารถทำได้โดยปล่อยให้คำตอบของคำถามสุดท้ายว่างไว้ใช่ไหม”
น้ำเสียงที่สงบของเขาฟังดูระคายหูของผู้คนในขณะนี้เป็นพิเศษ ทุกคนตกตะลึงด้วยความประหลาดใจจากนั้นพวกเขาก็หันไปจ้องมองไปที่เหย่หลิงเฉินที่ยังคงเพลิดเพลินกับงานเลี้ยง
“นี่นายเป็นคนพูดคำพวกนั้นก่อนหน้านี้หรือเปล่า” ชูห่าวถามราวกับว่าเขาไม่เชื่อหูตัวเอง
“ใช่ ฉันเอง’
“เฮ้ ฉันแค่คิดกับตัวเองว่าใครจะพูดคำพูดที่ไร้เหตุผลแบบนี้ออกไปได้ ฉันไม่แปลกใจเลยที่มันมาจากคนอย่างนาย” ชูห่าวเย้ยหยันอย่างเหยียดหยาม “มีแต่คนไม่รู้เท่านั้นที่จะคิดว่ามันเป็นเรื่องง่าย ๆ”
“ชูห่าว นายจะไปเถียงกับคนแบบนี้ทำไมกัน ฉันคิดว่าเขาไม่เคยทำคะแนนสอบวิชาคณิตศาสตร์ได้ 50 คะแนนมาก่อน” หือฉีเยาะเย้ย
แม่ของจางหยุนซีดึงจางหยุนซีจากด้านข้าง “หยุนซีลูกก็เห็นไม่ใช่เหรอ เหย่หลิงเฉินเป็นเพียงเด็กผู้ชายที่ปากไว พูดไม่คิด ชูห่าวพยายามช่วยให้เขาได้งานแต่เขาก็ไม่สน แถมยังเอาแต่ทะเลาะกับชูห่าวอยู่ตลอดเวลา เขามันอันธพาล! ทางที่ดีลูกต้องเลิกติดต่อเขานับจากนี้ไป โอเคไหม!”
ในอีกด้านหนึ่งมีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งข้าง ๆ ซู่เจินเช่นกัน เธอส่ายหัวและพูดว่า “นี่ พี่เจิน ลูกพี่เป็นคนอวดดีเกินไป เป็นเรื่องดีที่เขาทำได้ไม่ดีในด้านวิชาการ บุคคลจะต้องมีความฉลาดทางอารมณ์ที่ดีเมื่อเข้าสู่สังคม ขุนนางที่จะให้ความช่วยเหลือมาอยู่ตรงหน้าเขาแท้ ๆ แต่เขามีความกล้าที่จะทำให้ขุนนางขุ่นเคือง ฉันกังวลเกี่ยวกับอนาคตของเขาจริง ๆ!”
ชาวบ้านส่ายหน้าไม่เห็นด้วย น่าเสียดายที่เหย่จินเป็นหมอที่ช่วยชีวิตผู้คนได้และเขาถือว่าเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากในทั้งหมู่บ้าน เสียด๊าย เสียดายที่ลูกชายไม่ได้เขามาแม้แต่เสี้ยวเดียว เขาเลี้ยงลูกชายแบบนี้ได้อย่างไรกัน ไม่แน่นะลูกชายของเขาอาจจะทำให้ครอบครัวอับอายมากขึ้นในอนาคต!
“นี่ชูห่าว บางทีเหย่หลิงเฉินจะทำข้อสอบได้คะแนนที่ดีมากจริง ๆ เนื่องจากเขามีความกล้าที่จะพูดออกมา ทำไมนายไม่ช่วยเช็คคะแนนของเขาสักหน่อยล่ะเพื่อน” หือฉีแนะนำ
“ความคิดดีนี่! ชูห่าวพยักหน้า “นี่เหย่หลิงเฉิน บอกหมายเลขผู้สมัครของนายมาสิ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องไปรบกวนคนอย่างนายหรอก พรุ่งนี้ก็รู้แล้ว” เหย่หลิงเฉินส่ายหัวและเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก “แม่ กลับบ้านกันเถอะ”
ปฏิกิริยาของเขาทำให้เขาดูเหมือนว่าเขากำลังหนีอย่างบ้าคลั่งในสายตาชาวบ้าน
“ ทำไมเขาถึงรีบออกไปนะ เราแค่จะช่วยเช็คคะแนนให้แค่นั้นเอง” หือฉีหัวเราะเบา ๆ “ฉันถ่ายรูปหมายเลขผู้สมัครของเหย่หลิงเฉินในห้องสอบได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ ถ้าเขาไม่ยอมบอก เดี๋ยวฉันจะบอกให้เอง!”