I Am A Prodigy ฉันนี่แหละอัจฉริยะ! - ตอนที่ 17
ด้วยความช่วยเหลือจากความโด่งดังของ Leng Leng และ Love Letter สตรีมเมอร์ที่มีชื่อเสียงในครั้งนี้ ช่องสตรีมของเหย่หลิงเฉินมียอดดูแล้วกว่า 10,000 ครั้ง! นอกเหนือจากสกิลการเล่นเกมที่ยอดเยี่ยมของเขาแล้ว การอธิบายเกมที่เข้าใจง่ายและทริคต่าง ๆ ของเขายังทำให้เขาได้รับเงินสะสมรางวัลมูลค่า 2,500 หยวนจากเหล่าแฟน ๆ ของเขาอีกด้วย!
‘เจ๋ง! ฉันทำเงินได้ 2,500 หยวนผ่านการสตรีมสด 2 ครั้ง และการนวดบำบัด 10,000 หยวนใน 2 ชั่วโมง อยู่ ๆ การทำเงินก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับฉันไปแล้ว!’
เขาขอบคุณรางวัลที่ได้รับจากแฟน ๆ และเตรียมกดคลิกปุ่มถอนเงินรางวัลออกมา
… ฮะ…????
เหย่หลิงเฉินขมวดคิ้วด้วยความงุนงงเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเขาถึงถอนเงินออกมาไม่ได้
เขาจึงส่งข้อความ Wechat หา Leng Leng “Leng Leng ทำไมฉันถอนเงินรางวัลออกมาไม่ได้ล่ะ????”
“นายยังไม่ได้เซ็นสัญญาใช่ไหม? นายจะถอนเงินออกมาได้ก็หลังจากเซ็นสัญญาแล้วเท่านั้น”
“ไม่ยากหรอก ฉันรู้จักคนที่ทำอยู่ฝ่ายบริหารของ iHuyu ฉันช่วยนายสมัครสัญญาแบบสิทธิพิเศษระดับสูงได้นะ” Leng Leng ตื่นเต้น “สัญญาแบบธรรมดาจะแบ่งให้นายได้ 40% และ 60% เป็นของแพลตฟอร์ม แต่ถ้าฉันช่วยนายสมัครสัญญาแบบพิเศษ นายจะได้รับส่วนแบ่ง 60% และถูกผูกมัดด้วยเงื่อนไขน้อยลง”
เหย่หลิงเฉินถูกล่อลวง เพราะเขาจะได้เงินอีก 20%
“แล้ว ฉันจะสมัครได้ยังไงล่ะ”
“ไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลเลย ฉันจะช่วยนายติดต่อพวกเขาเอง แต่ว่าเงื่อนไข 1 ข้อที่ฉันขอนายไปตั้งแต่แรก ก็คืออันนี้ล่ะนะ” Leng Leng แสดงจุดประสงค์ของเธอออกมาในที่สุด
“แน่นอน ไม่มีปัญหา” เหย่หลิงเฉินยิ้ม เขาไม่ทันได้คาดคิดหรือหวาดระแวงอะไร เพราะเขานึกถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับอยู่
ในขณะเดียวกัน Leng Leng ก็ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอกผ่านช่องถ่ายทอดสดของเธอ
สกิลและประสิทธิภาพในการเล่นเกมของเหย่หลิงเฉินจะเข้าตา iHuyu ไม่ช้าก็เร็ว นี่มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่เขาจะได้รับสัญญาแบบระดับสูง สิ่งที่ Leng Leng ต้องทำไม่ได้มีอะไรมากเลย เพียงแค่เธอส่งข้อความบอกกับเจ้าหน้าที่เท่านั้น เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นสุดยอดพนักงานขายเพียงเพราะเรื่องแค่นี้..
‘นี่ทุกคนเห็นไหมว่า Cold กำลังยิ้มอยู่คนเดียว’
‘บ้าน่า ดูก็รู้เลยว่านี่มันรอยยิ้มและอาการของคนที่กำลังตกหลุมรัก!’
‘ฉันคิดว่านี่มันยังเป็นแค่รักข้างเดียวอยู่ล่ะนะ น่ากลัว น่ากลัวจริงจริ๊ง’
นี่ก็เริ่มเย็นมากแล้วเหย่หลิงเฉินจึงออกจากร้านเกม เขาเจอร้านก๋วยเตี๋ยวอยู่ใกล้ ๆ นี้จึงรับประทานก่อนที่จะเดินทางกลับไปที่บ้าน
ในเวลาต่อมา เหย่หลิงเฉินรู้สึกมีความสุขกับช่วงเวลาพักผ่อนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนนี้ เขาจะทำการฝึกฝนหมัดอรหันต์หนึ่งรอบทุกเช้าหลังจากตื่นนอน จากนั้นก็จะมุ่งหน้าไปที่ห้องสมุดใกล้ ๆ อ่านหนังสือที่เขาสนใจเพื่อเพิ่มระดับความสามารถของเขา เขาใช้เวลาช่วงบ่ายในการสตรีมสดกับ Leng Leng และทำการนวดบำบัดให้เสี่ยวเฟยเฟยเป็นครั้งคราว
กังฟูเป็นศิลปะการต่อสู้ที่เน้นการสร้างภายนอก จากเดิมกล้ามเนื้อหย่อนยานของเหย่หลิงเฉินมาตอนนี้เริ่มเต่งตึงและมีกล้ามที่ใหญ่ขึ้น เขารู้สึกอย่างชัดเจนเลยว่าร่างกายแข็งแกร่งมากขึ้น เมื่อก่อนเขาสามารถฝึกหมัดอรหันต์ได้เพียงรอบเดียวหลังจากตื่นนอน แต่ตอนนี้เขาสามารถฝึกได้สองรอบแล้ว
เวลาล่วงเลยไปจนใกล้ถึงวันประกาศผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย ผู้ปกครองต่างวิตกกังวลมากขึ้นว่าลูกของตนจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่ ในขณะที่นักเรียนที่เรียนไม่ค่อยดีก็เริ่มรู้สึกกังวลเช่นกัน
“พ่อ แม่ ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอกครับ คะแนนที่จะออกมาของผมต้องดีแน่!” เหย่หลิงเฉินพยายามพูดเพื่อให้พ่อแม่ของเขาคลายความรู้สึกวิตกกังวลลง
“แค่ไหนของแกถึงเรียกว่าดีล่ะ จะได้มหาวิทยาลัยชั้นสองหรือชั้นสามกัน?” เหย่จินมองไปที่เหย่หลิงเฉิน จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่
ซู่เจินลูบหัวลูกชายของเขาอย่างเอ็นดู “หือฉีที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันกับเราเขารู้ผลสอบของตัวเองล่วงหน้า ครอบครัวเขาได้จัดเตรียมงานเลี้ยงฉลองอย่างใหญ่โตให้คนในหมู่บ้านไปร่วมด้วยนะ”
“แต่กำหนดการประกาศผลสอบจะออกพรุ่งนี้หนิครับ..” เหย่หลิงเฉินถามด้วยความประหลาดใจ เขาจำได้ว่าหือฉีสอบห้องเดียวกันกับเขา
“ครอบครัวเขาขอความช่วยเหลือจากคนในกระทรวงศึกษาธิการให้ดูคะแนนให้ก่อน เขาได้ 616 คะแนนเลยนะ คะแนนสูงแบบนี้ได้เข้ามหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งแน่นอนเลยล่ะ” ซู่เจินกล่าว
เหย่หลิงเฉินพยักหน้า เขาเข้าใจโดยทันทีว่าสาเหตุที่พ่อแม่ของเขาอารมณ์ไม่ดีมาจากเรื่องนี้นี่เอง.. ลูกของคนอื่นได้คะแนนดีเยี่ยมแบบนี้
เขาไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม แต่เขากำลังรอผลการประกาศในวันพรุ่งนี้เพื่อที่จะได้เซอร์ไพรส์พ่อกับแม่ของเขา
“ปะ เก็บของกัน เรากำลังจะไปแล้ว” ซู่เจินกล่าว
“เธอไปกับลูกเธอ ฉันไม่ไป” เมื่อพูดจบ เหย่จินก็สวมเสื้อคลุมยาวของเขาและเดินออกไปทันที ภาพเงาจากการจากไปของเขาแปดเปื้อนไปด้วยความขมขื่นและความเงียบงัน
หมู่บ้านนี้ไม่ใหญ่โตมากนัก ซู่เจินและเหย่หลิงเฉินเดินมาถึงบ้านของหือฉีภายใน 10 นาที
เต็นท์หลังคาสีแดงขนาดใหญ่ได้ถูกเตรียมขึ้นที่หน้าบ้านของหือฉีแล้ว มีโต๊ะจีนวางอยู่เป็นจำนวนมาก สมาชิกในครอบครัวของเขาดูตื่นเต้นคึกคักด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง บางคนกำลังเตรียมอาหารอยู่ ในขณะที่บางคนกำลังยุ่งอยู่กับการจัดวางข้าวของเครื่องใช้ ชาวบ้านในหมู่บ้านค่อย ๆ เดินเข้าไปแสดงความยินดีเป็นระยะ ๆ
แม่ของหือฉี เสี่ยวเหม่ยยิ้มกว้างขณะที่เธอต้อนรับแขก หือฉียืนตรงอย่างสง่าราวกับแม่ทัพผู้ที่เพิ่งได้รับชัยชนะมาข้างแม่ของเขา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสุขและความภาคภูมิใจ
ซู่เจินดึงเหย่หลิงเฉินเพื่อเดินไปหาพวกเขา
“ยินดีด้วยจ้ะเสี่ยวเหม่ย หือฉีทำคะแนนได้ดีมากในการสอบครั้งนี้ ดีใจด้วยนะจ๊ะ” ซู่เจินกล่าวแสดงความยินดี
“โฮ๊ะ ๆๆๆ ข้อสอบมันง่ายน่ะ ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่ามหาวิทยาลัยไหนจะรับเขาเข้าเรียนเลยจ้ะ” เสี่ยวเหม่ยกล่าวด้วยความนอบน้อม
มีคนจากด้านข้างเข้ามาทันทีและพูดเสริมว่า “แหม เสี่ยวเหม่ยก็ถ่อมตัวเกินไป ใคร ๆ ก็รู้ว่าข้อสอบปีนี้ยากกว่าปีก่อน ๆ มาก หือฉีจะได้รับการตอบรับให้เข้าเรียนจากมหาวิทยาลัยชั้นนำแน่นอน!”
“ลูกชายของเธอรู้คะแนนก่อนได้ยังไงกัน เธอช่วยดูคะแนนให้ลูกของฉันด้วยได้ไหม”
“ของฉันด้วย! ลูกชายฉันเอ่อร์กูได้พรีเทส 600 คะแนนเมื่อรอบก่อน ฉันอยากรู้ว่ารอบนี้เขาจะได้เท่านี้จริงไหม”
เหล่าพ่อแม่หลายคนใจร้อนอยากรู้ผลสอบของบุตรหลาน ซู่เจินจึงดึงเหย่หลิงเฉินถอยกลับไปนั่งอย่างเงียบ ๆ ที่โต๊ะ
ในระหว่างนั้นเหย่หลิงเฉินก็ได้เห็นภาพเงาที่แสนสวยงามมาจากระยะไกล นั่นก็คือจางหยุนซี วันนี้เธอแต่งตัวด้วยเสื้อกีฬาลำลองและกางเกงยีนส์สีฟ้าอ่อน เธอไม่ได้แต่งตัวอย่างพิถีพิถันแต่ความงามของเธอก็ยังคงเปล่งประกายตามธรรมชาติอย่างน่าตกใจ
“หยุนซี! ทางนี้!” โต๊ะสองตัวที่อยู่ตรงมุมนั้นถูกจัดวางจนเต็มหมดแล้วด้วยเหล่านักเรียน
จางหยุนซีหยุดชั่วขณะ เธอกวาดสายตามองไปรอบ ๆ และพบเหย่หลิงเฉิน เธอโบกมือและยิ้มให้เขาก่อนที่จะรีบก้าวไปนั่งข้างเขา
“เหย่หลิงเฉิน นี่เธอไปอยู่ไหนมา ฉันไปหาอยู่สองสามครั้งก็ไม่เจอเลย” จางหยุนซีกล่าวผ่านริมฝีปากมุ่ยราวกับว่าเธอกำลังบ่นเขาอยู่
“ฉันมีหลายอย่างต้องทำน่ะ” เหย่หลิงเฉินยิ้ม แน่ล่ะตารางในแต่ละวันของเขาแน่นเอี๊ยด ทั้งไปห้องสมุด ไปร้านเกม และบ้านของเสี่ยวเฟยเฟย จนแทบจะไม่มีเวลาอยู่ที่บ้านเลยทุกวัน
“ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเธอเลยนะสำหรับเหตุการณ์เมื่อวันก่อน” จางหยุนซีกล่าว
“ไม่ต้องหรอกน่า เธอก็เลี้ยงข้าวฉันแล้วนี่นา” เหย่หลิงเฉินกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“มันไม่เหมือนกันนี่ นั่นมันเลี้ยงขอบคุณที่เธอช่วยไว้ครั้งแรก แต่นี่เธอช่วยฉันสองรอบแล้วนะ” จางหยุนซีกล่าวด้วยความลำบากใจ
“เพื่อนที่โรงเรียนเธอมางานนี้ด้วยไหม” เหย่หลิงเฉินกล่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาสัมผัสได้ถึงสายตาพิฆาตที่จ้องมารอบตัวเพราะจางหยุนซีมานั่งข้างเขา
“อื้อ ใช่แล้วล่ะ! หือฉีเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันเอง เขาชวนเพื่อนทุกคนในชั้นมางานนี้ด้วย” จางหยุนซีอธิบาย
จางหยุนซีค่อย ๆ สำรวจมองดูเหย่หลิงเฉิน เธอพบว่ารูปลักษณ์ของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่ดวงตาของเขาช่างดูสดใสและมุ่งมั่นมากกว่าครั้งก่อน ๆ เธอรู้สึกแปลก ๆ และใจเต้นแรง
ขณะเดียวกันก็มีสายตานับสิบคู่กำลังจ้องมองไปที่จางหยุนซีอยู่ สายตาของพวกเขาเริ่มมืดมนหลังจากที่เห็นจางหยุนซีสนุกอยู่กับการพูดคุยกับเหย่หลิงเฉิน
“เฮ้ย ไอ้ผู้ชายคนนั้นมันใครกัน ทำไมมันถึงนั่งอยู่กับนางฟ้าของห้องเราล่ะ!”
“หรือพวกเขาจะเป็นเพื่อนกันตอนเด็ก ๆ นะ? แต่ไอ้หนุ่มนั่นดูไม่น่าสนใจเลยสักนิด!”
“หือฉีมานี่หน่อยสิ นั่นใครน่ะ”
หือฉีมองไปที่เหย่หลิงเฉิน เขาแสยะยิ้มออกมาอย่างดูหมิ่น “อ๋อ นั่นอะเหรอ เป็นพวกนักเรียนขี้เกียจหลังห้องในหมู่บ้านของเราน่ะ ฉันได้ยินมาว่าเขาได้ที่โหล่ตลอด”
“เขามาจากโรงเรียนไหน” เด็กหนุ่มรูปหล่อตัวสูงใหญ่กล่าวพร้อมขมวดคิ้ว
“โรงเรียนมัธยมรูเกาหมายเลข 3 โรงเรียนนั้นอะมีแต่พวกนักเรียนจอมขี้เกียจ ไม่เหมือนกับโรงเรียนหมายเลข 1 ของพวกเราหรอก” หือฉีกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
“ฉันได้ยินมาว่าจำนวนนักเรียนทั้งหมดที่เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชั้นหนึ่งจากโรงเรียนนี้น้อยกว่าคนที่สอบเข้าได้ทั้งชั้นของเราอีก ฮ่า ๆๆๆๆๆ”
“พวกขี้เกียจแบบนี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับพวกเราหรอก น้ำหน้าอย่างมันไม่มีทางได้หยุนซีไปหรอก!” เด็กชายรูปหล่อตัวสูงใหญ่กล่าว จากนั้นเขาก็เดินตรงไปหาจางหยุนซี
นักเรียนที่เหลือต่างจ้องตากันก่อนที่พวกเขาจะเดินตามไปด้วยความเร่งรีบ
ชูห่าวเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในโรงเรียนมัธยมรูเกาหมายเลข 1 ด้วยความหน้าตาดีและฐานะที่ร่ำรวยของครอบครัวเขาที่เป็นเจ้าของโรงงานเล็ก ๆ แล้วนั้น เขากับจางหยุนซียังถือว่าเป็นเดือนและดาวของโรงเรียนอีกด้วย เขาชอบจางหยุนซีและตามจีบมานานแล้ว และทุกคนต่างก็รับรู้โดยทั่วกัน…