Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 188
ตอนที่ 188 ยังไม่พอ
“อัญเชิญเทพ…”กวีมองไปบนวงแหวนเวทบนพื้นด้วยท่าทีอึ้งๆเหมือนไม่อยากจะเชื่อ แน่นอนว่าการมีเวทมนตร์แบบนี้อยู่เป็นเรื่องน่าตกใจก็จริง แต่การที่เหล่าจอมเวทของอาณาจักรทริชกําลังเตรียมเวทมนตร์แบบนี้ ต่างหากที่ทําให้กวีตกใจมากที่สุด เพราะมันพอดีกับสิ่งที่กวีอยากจะให้เกิดขึ้นเลย แค่กําลังคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้เท่านั้น
“ใช่แล้ว…..ท่านกวีเดินทางเข้าออกปราสาทในช่วงนี้น่าจะได้เห็นแล้ว ที่หน้าปราสาทมีผู้ศรัทธาของนังเด็กที่อ้างว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์กําลังก่อความวุ่นวายอยู่ พวกเราต้องหาทางจัดการกับปัญหานี้ แต่เธอกลับไม่ยอมสารภาพเสียที่ทั้งๆที่พวกเราลงมือกันเต็มที่แล้ว”ชายคนหนึ่งในกลุ่มตอบพลางถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ การทรมานของนิโคลหนักหนาขึ้นทุกวันเกินกว่าการทรมานที่จะใช้กับเด็ก แถมเพราะมีเวทรักษาผู้คุมก็เลยสามารถลงมือได้เต็มที่ขอแค่ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่ถึงอย่างนั้นนิโคลก็ยังไม่ปริปากแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเหล่าผู้ศรัทธาเริ่มมารวมตัวกันมากขึ้น ทั้งการต่อต้านในเขตต่างๆแม้แต่สมาชิกจอมเวทในสมาคมจอมเวทเองยังมีหลายคนที่ไปอยู่ฝั่งผู้ศรัทธาแล้ว เพราะแบบนั้นสมาคมจอมเวทเลยต้องหาทางรับมือกับผู้ศรัทธาของนิโคลให้ได้
“นังเด็กนั่นอ้างตัวตนของเทพอย่างท่านวิส พวกเราก็เลยจะอัญเชิญท่านวิสลงมาเพื่อยืนยันว่านั่งเด็กนั่นเป็นผู้แอบอ้าง”เช่นเดิม หัวหน้าสมาคมและสมาชิกจอมเวทที่นับถือวิสจากใจจริงต่างก็ไม่เชื่อคําอ้างของนิโคลกันทั้งนั้น เช่นนั้นแล้วการทําให้สมาคมเวทมนตร์ยอมเชื่อก็คือการทําให้พวกเขาได้ยินจากปากของวิสเองเท่านั้น
ซึ่ง…..แต่เดิมกวีก็วางแผนเอาไว้แบบนั้นอยู่แล้ว การตีสนิทองค์ชายแฮโรลด์นั้นมีสิ่งคาดหวังสูงสุดคือการได้ทําความรู้จักกับเดเนฟผู้มีอํานาจระดับหนึ่งของสมาคมเวทมนตร์ แถมเพราะอาชีพมหาปราชญ์ทําให้กวีได้รับสิทธิ์นั้นเร็วขึ้นมากเพราะเดเนฟแทบจะเป็นฝ่ายกระดิกหางเข้ามาเชิญกวีด้วยตนเองแถมตัวกวียังได้รับการยอมรับจากสมาคมจอมเวทแทบจะทันทีอีกด้วย
และเมื่อเข้ามาในสมาคมได้ กวีก็จะชักจูงเหล่าผู้นําของสมาคมเวทมนตร์ให้หาความจริงเรื่องคําทํานายของ นิโคล ซึ่งเหล่าจอมเวทที่เชื่อถือผลลัพธ์มากกว่าความเชื่อจะต้องเชื่อคําจากปากของวิสแน่ๆ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมกวีก็เพียงใช้สิทธิ์เรียกวิสครั้งที่ 2 ออกมาเพื่อยืนยันคําพูดของนิโคล เท่านอํานาจของจักรพรรดิที่ด้อยกว่าเทพย่อมสั่นคลอนในสายตาของเหล่าจอมเวทอยู่แล้ว เพียงแต่กวีไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะง่ายดายขนาดนี้ ดูเหมือนองค์จักรพรรดิก็คงกดดันเรื่องของนิโคลไม่น้อยถึงขั้นกดดันจนสมาคมเวทมนตร์ต้องคิดหาวิธีอัญเชิญเทพออกมาแบบนี้
แต่….เวทมนตร์อัญเชิญเทพบนพื้นนี้ไม่มีวันได้ผลแน่ๆ วิสเป็นเทพไม่ใช่สัตว์อัญเชิญ นอกจากสกิลที่กวีขอวิสมาเป็นพิเศษแล้วการปรากฏตัวของวิสจะขึ้นอยู่กับความต้องการของวิสเท่านั้น เรียกได้ว่าไอเทมมีค่าทั้งหลายกี่กองอยู่บนพื้นที่เสียเปล่าจริงๆ….ไม่สิก็ไม่ได้เสียเปล่าหรอก
“ตอนนี้ของที่ใช้ยังไม่พอ พวกท่านพอจะมีไอเทมที่มีพลังเวทสูงเหลืออยู่หรือเปล่า”กวีเดินดูวงแหวนเวทบนพื้นก่อนจะมองไปตามไอเทมต่างๆที่วางเรียงรายกันอยู่บนพื้นไอเทมพวกนี้เป็นไอเทมที่ผู้เล่นในตอนนี้ไม่มีทางหามาได้แน่ๆ หากนําไปปล่อยขายคงได้ราคาสูงลิบต่อให้ผู้เล่นยังใช้งานไอเทมพวกนี้ไม่ได้ก็ตาม แต่กอีกลับบอกว่าไอเทมพวกนี้ไม่พองั้นเหรอ
“มีครับ….แต่ของพวกนั้นมีค่ามากพวกเราไม่กล้านํามาใช้อย่างไม่ระวัง”เดเนฟตอบพลางมองไปทางหัวหน้าสมาคมของเหล่านี้ก็นับว่ามีค่ามากแล้วและผ่านการคํานวณมาเป็นอย่างดีแล้วว่าน่าจะพอเพียงต่อการอัญเชิญท่านวิสมาชั่วครู่หนึ่ง แต่เพราะเวทมนตร์นี้ยังไม่ได้ผลแถมผู้ที่กล่าวตําหนิยังเป็นกวีผู้เป็นมหาปราชญ์อีกต่างหาก ทําให้ในดวงตาของเหล่าจอมเวทมีความลังเลไม่น้อย
“ภายใต้อํานาจของข้ายังมีของบางอย่างที่เอาออกมาใช้ได้ แต่ท่านมหาปราชญ์ ท่านแน่ใจหรือไม่ว่าจะสามารถอัญเชิญท่านวิสออกมาได้” หัวหน้าสมาคมถามพลางมองไปทางกวีด้วยท่าที่ลังเลใจหากสถานการณ์ของผู้ศรัทธายังเป็นแบบนี้อาจจะเกิดการแตกหักในไม่ช้แน่ๆ เพราะแบบนั้นสมาคมเวทมนตร์เลยยอมเสียสละสมบัติของตนเองเพื่อหวังจะจบเรื่องให้ได้
“ท่านหัวหน้าสมาคม ท่านช่วยเอาของเหล่านั้นออกมาได้หรือไม่ ผมจะลองตรวจสอบดูว่าสามารถใช้ของเหล่านั้นอัญเชิญท่านวิสได้หรือไม่” กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าที่มั่นใจ แน่นอนว่าต่อให้เอาของออกมามากเท่าไหร่ก็ไม่มีทางอัญเชิญวิสได้อยู่แล้ว แต่ยิ่งหัวหน้าสมาคมนําไอเทมออกมาเท่าไหร่คนที่จะได้กําไรย่อมเป็นกวีนั้นเอง
“ท่านกวี ไม่ทราบว่าของพวกนี้พอหรือเปล่าครับ”หลังจากตกลงกันว่าจะนําไอเทมของสมาคมเวทมนตร์ออกมาเพื่อใช้กับเวทอัญเชิญหัวหน้าสมาคมก็หายเข้าไปในห้องทํางานของตนอยู่นานกว่าจะกลับมาพร้อม หนังสือ 1 เล่มและมงกุฎทองคําที่ประดับเพชรสีเลือดเม็ดใหญ่เอาไว้ตรงกลาง
“พอ…เท่านี้นับว่าพอแล้ว”กวีตอบพลางพยายามซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ หนังสือที่หัวหน้าสมาคมนํามานั้นเป็นหนังสือเวทมนตร์ระดับสูงที่ไม่เคยเห็นในท้องตลาดมาก่อนเลย แถมยังเป็นหนังสือเวทมนตร์ไฟระดับ 11 ที่จะ ทําให้ผู้ใช้สามารถเรียนเวทมนตร์ไฟระดับ 11 อย่างเวทอุกกาบาตได้โดยไม่ต้องใช้ค่าความชํานาญของธาตุไฟเลย ส่วนมงกุฎก็เป็นมงกุฎของมหาปราชญ์คนแรกของอาณาจักรทริช เป็นมงกุฎที่เพิ่มค่า ปัญญา จํานวนมหาศาล แถมยังมีค่าสถานะเสริมช่วยลดพลังเวทที่ใช้สําหรับใช้เวทมนตร์และเพิ่มโบนัสความชํานาญของเวทมนตร์อีกด้วย แค่ไอเทมสองชิ้นนี้กวีก็แทบจะซ่อนรอยยิ้มไม่ได้แล้วสมกับที่เป็นสมาคมเวทมนตร์จริงๆ
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราก็สามารถอัญเชิญท่านวิสมาได้แล้วงั้นเหรอครับ”เดเนฟถามพลางมองไปทางกวีด้วยท่าที่ตื่นเต้น เพราะหากทําเรื่องนี้สําเร็จองค์จักรพรรดิต้องพอพระทัยเป็นอย่างมากแน่ๆ
“ครับ ถ้าให้ผมเป็นคนร่ายเวทมนตร์ละก็ต้องอัญเชิญมาได้แน่ๆ”กวีตอบพลางพยักหน้าอย่างมั่นใจ
“งั้นรบกวนท่านมหาปราชญ์ด้วย พวกเราติดตั้งเครื่องบันทึกภาพและเสียงเอาไว้แล้ว ทันทีที่อัญเชิญท่านวิสออกมา พวกเราก็จะสามารถบันทึกเสียงและภาพของท่านเอาไว้ได้ทันที” หัวหน้าสมาคมเวทมนตร์ได้ยินแบบนี้ นก็เร่งเร้าให้กวีรีบดําเนินพิธีทันที เพราะหากมองไปที่มุมห้องทั้ง 4 ด้านก็จะพบเครื่องมือถ่ายภาพและเสียงติดตั้งเอาไว้อย่างที่หัวหน้าสมาคมบอกจริงๆ แถมในโลกนี้ยังไม่มีเครื่องมืออะไรทําการตัดต่อภาพและเสียงที่ได้ จากเครื่องมือพวกนี้ด้วยมันเลยเป็นหลักฐานยืนยันได้อย่างดีเลยทีเดียว
“งั้นก็…..”กวียิ้มบางๆออกมาก่อนจะเดินไปหยิบไอเทมที่วางเอาไว้ตามจุดต่างๆในห้องต่อหน้าต่อตาเหล่าจอมเวทชั้นผู้นําของสมาคม ก่อนจะปิดท้ายด้วยการเดินเข้าไปรับหนังสือเวทมนตร์และมงกุฎจากมือหัวหน้าสมาคมเอามาเก็บในกระเป๋าของตนหน้าตาเฉย แต่เพราะเหล่าจอมเวทคิดว่ากวีต้องใช้ไอเทมพวกนั้นในการ อัญเชิญท่านวิสออกมาก็เลยไม่มีใครเอ่ยปากห้ามแม้แต่คนเดียว แถมกวียังเดินไปวาดวงแหวนเวทขึ้นใหม่ด้วยลวดลายที่เหล่าจอมเวทไม่รู้จักอีกด้วย
“งั้นก็…..”กวีร่ายเวทมนตร์ออกมาบทหนึ่งทําให้เกิดดวงไฟรอบๆตัวกวิตามจุดที่กวีวาดวงแหวนเวทเอาไว้ แน่นอนเวทมนตร์พวกนี้เป็นเพียงฉากประกอบเท่านั้น เพราะกวีแค่เรียกใช้งานสกิลพิเศษที่วิสมอบให้ก็สามารถเรียกวิสมาได้แล้ว
“…………..”ทันทีที่สัมผัสได้ถึงพลังเทพ เหล่าจอมเวทที่อยู่ในห้องต่างก็รีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที เพียงแต่คราวนี้กวีไม่ได้ทําตัวเป็นผู้อยู่ฝั่งเทพเหมือนกับตอนที่ทําให้นิโคลเห็น แต่เขากลับรีบถอยออกมาแล้วคุกเข่าลงเหมือนจอมเวทคนอื่นๆแทน
“เจ้าเรียกหาข้ามีเรื่องอันใดวิสที่เพิ่งจะโดนอัญเชิญมาถามพลางมองไปทางเหล่าจอมเวทที่กําลังตกตะลึงกับภาพตรงหน้าพวกเขาศรัทธาวิสเสียยิ่งกว่าคนของโบสถ์เสียอีก พอเห็นท่านมายืนตรงหน้าก็ปลาบปลื้มจนรู้สึกว่าหากต้องตายวันนี้ก็ไม่เสียดายอะไรเลย
“โอ้….ท่านเทพแห่งปัญญา ข้าน้อยบังอาจล่วงเกินรบกวนท่านในครั้งนี้เพื่อจะพิสูจน์ความจริงขอรับ” หัวหน้าสมาคมเวทมนตร์ที่ตอนนี้คุกเข่าอยู่หน้าสุดพูดพลางเงยหน้ามองวิสด้วยท่าที่ศรัทธาไม่น่าเชื่อเลยว่าคนที่ต่อต้านนิโคลขนาดนั้นจะมีใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาได้ขนาดนี้
“ความจริงอะไรกัน”วิสถามพลางมองไปทางกวีที่อัญเชิญเธอออกมา เจ้าหมอนี่ต้องการอะไรอีกถึงอัญเชิญเธอลงมาตอนนี้ แต่วิสในครั้งนี้ไม่เหมือนวิสในครั้งก่อน เธอติดตามการกระทําของกวีอยู่บ่อยๆ เลยได้เห็นว่ากวี ทําอะไรบ้าง แต่สิ่งที่เธอเห็นก็คือกวีไปช่วยฝั่งโน้นที่ฝั่งนี้ที่จนวุ่นวายไปหมดหากไม่ใช่เพราะกสร้างนิโคลขึ้น มาแถมยังหนุนจนนิโคลกลายเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ละก็อาณาจักรคงไม่วุ่นวายขนาดนี้ แต่แทนที่กวีจะสนับสนุนฝั่งนิโคลต่อ เขากลับเปลี่ยนมาอยู่ใต้บังคับบัญชาขององค์จักรพรรดิแล้วเข้าหาสมาคมจอมเวทที่เป็นคนสั่งการให้ทรมานนิโคลแทนเนี่ยนะ
“เมื่อไม่นานมานี้มีเด็กสาวคนหนึ่งอ้างว่าได้พบกับท่านและได้รับคําทํานายจากท่าน ข้าเห็นเช่นนั้นเลยทนไม่ได้ที่เด็กน้อยคนนั้นอ้างนามของท่านกระทําการไม่เคารพต่อเหล่าทวยเทพ ข้าเลยบังอาจรบกวนท่านเพื่อจะถามไถ่ความจริง ท่านเทพแห่งปัญญาเด็กคนนั้นกล่าวความเท็จหรือไม่ขอรับ” หัวหน้าสมาคมเวทมนตร์ถามคําถามออกไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าจะไม่สามารถดึงตัวตนของวิสเอาไว้ได้นาน แต่วิสที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับพวกเขากลับถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ที่กวีทําแบบนี้ก็เพราะต้องการล้มองค์จักรพรรดิองค์ปัจจุบันแน่ๆ แต่ที่ลงทุนลงแรงขนาดเข้าหาสมาคมเวทมนตร์ด้วยก็คงเพราะต้องการกําลังของสมาคมเวทมนตร์เช่นกัน
หากปล่อยให้ฝ่ายกบฏที่กําลังรวบรวมกําลังพลเพื่อเข้าช่วยเหลือนิโคลลงมือปะทะกับทั้งฝ่ายทหารและสมาคมต่างๆอย่างสมาคมเวทมนตร์ความเสียหายต้องออกมาในรูปแบบเลวร้ายแน่ๆ และหากเป็นอย่างนั้นผู้ศรัทธาของอาณาจักรทริชก็จะลดลงเป็นจํานวนมาก แบบนั้นวิสคงเสียผลประโยชน์มากกว่าแน่ๆ…