Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 183
ตอนที่ 183
เปิดทาง
“ครับ พวกเราเป็นอมตะ”กวีพยักหน้าช้าๆพร้อมมองไปทางเหล่ารองแม่ทัพที่กําลังแสดงอาการแตกต่างกันไป บ้างก็ตกใจ บ้างก็กําลังยอมรับความจริงอยู่
“มันเป็นแบบนั้นได้ยังไงกัน…พวกท่านพอโดนฆ่าตายก็สลายหายไปแล้วก็กลับมาใหม่งั้นเหรอ”โบเวียส รองแม่ทัพของอาณาจักรทริชถามด้วยท่าทีสงสัย พวกเขาไม่เคยเห็นการคืนชีพของเหล่านักผจญภัยก็จริง แต่ยามที่นักผจญภัยตายพวกเขาก็สลายหายไปเป็นแสงสีขาวเช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ สภาพความตายของนักผจญภัยเลยไม่ต่างอะไรกับคนบนโลกนี้นัก แต่คนบนโลกนี้หรือ NPC ไม่สามารถคืนชีพกลับมาได้ แต่สิ่งที่จะคืนชีพกลับมาได้นั้นกลับเป็น…
“ท่านจะบอกว่า พวกท่านเป็นเหมือนมอนสเตอร์ที่กลับมาเกิดใหม่ได้เรื่อยๆงั้นเหรอ”รองแม่ทัพอีกท่านถามพลางจ้องมองไปทางกวีด้วยท่าที่ไม่ไว้ใจ นักผจญภัยสามารถกลับมาจากความตายได้ เหมือนกับพวกมอนสเตอร์เลยมีบางครั้งที่เหล่า NPC ตั้งสมมติฐานกันเองว่านักผจญภัยอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับมอนสเตอร์ก็เป็นได้
“เปล่าครับ พวกเราต่างกับมอนสเตอร์ตรงที่พวกเรายังคงมีความทรงจําและเป็นคนเดิมก่อนตายอย่างแน่นอน แต่มอนสเตอร์จะเป็นการสร้างร่างขึ้นมาใหม่เสมอ พวกมันไม่มีความทรงจําก่อนตายเลยแม้แต่น้อย กวีตอบพลางยิ้มออกมาด้วยท่าทีไม่เดือดไม่ร้อนอะไร
“ก็จริง พวกมอนสเตอร์มักจะติดกับดักเหมือนเดิมเสมอ ถ้าพวกมันฟื้นคืนชีพแล้วมีความทรงจําคงฉลากกว่ นี้ไปแล้ว”รองแม่ทัพอีกคนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ถึงจะมีสมมติฐานที่ว่าจริงแต่มันก็เป็นเพียงเรื่องไร้สาระเท่านั้นล่ะ
“แล้ว ถ้าหากอาณาจักรต้องการกําลังของนักผจญภัย พวกท่านยินดีจะเข้าช่วยเหลือหรือไม่”โบเวียสถามพลางมองไปทางกวีด้วยท่าที่ตื่นเต้น แม้ตอนนี้นักผจญภัยจะยังไม่ใช่กําลังหลักอะไร แต่ถ้าเคลื่อนย้ายได้และคืนชีพได้เรื่อยๆก็เป็นกําลังที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายกว่า
“แน่นอนครับ กระผมคือเจ้าเมืองการ์กันหรือก็คือประชาชนคนหนึ่งของเมืองการ์กัน กระผมยินดีที่จะให้ความช่วยเหลืออาณาจักรอย่างแน่นอน” กวีตอบด้วยท่าที่จริงใจเป็นอย่างมากทําให้เหล่ารองแม่ทัพหันไปมองหน้ากันด้วยท่าทียินดี ตอนนี้ทัพของอาณาจักรโฟรทยังไม่เคลื่อนไหว ทําให้การประชุมครั้งนี้เป็นเพียงการสอบถามข้อมูลและทําข้อตกลงเข้าช่วยเหลืออาณาจักรหากเกิดสงครามเท่านั้น
“ท่านกวี….ขอรบกวนสักครู่ครับ” หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมระหว่างกวีและพวกรองแม่ทัพ อยู่ๆก็มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหากวีระหว่างเดินออกมาจากห้องประชุม แถมชายคนที่ว่ายังไม่ใช่คนธรรมดาด้วยเพราะเขาเป็นถึงเลขาขององค์ชายหนึ่งในจอมเวทที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรทริช เดเนฟนั่นเอง
“มีอะไรเหรอครับ” กวีเลิกคิ้วด้วยท่าทีสงสัยก่อนจะมองไปทางเดเนฟนิ่ง เขาอยู่ในปราสาทมาเชิญกวีด้วยตนเอง งั้นก็หมายความว่าเป็นงานขององค์ชายงั้นเหรอ? หรือว่า…
“องค์ชายต้องการจะพบท่านก่อนจะกลับไปที่เมืองการ์กันครับ กระผมเลยอยากจะขอเวลาท่านสักครู่และนําทางท่านไปยังปราสาทขององค์ชายครับ เดเนฟตอบกวีด้วยท่าทีนอบน้อมแปลกๆต่างกับท่าที่ของเดเนฟที่ปฏิบัติกับคนอื่นอย่างลิบลับเลยทีเดียว
“ได้แน่นอนครับ เชิญนําทางไปได้เลย”กวียิ้มรับด้วยท่าที่อ่อนโยนและพยายามซ่อนท่าที่ตกใจเอาไว้ เดเนฟที่กวีรู้จักเป็นคนใช้อารมณ์และถือฐานะสูงต่ําไม่ใช่น้อย อย่างตอนต่อว่านิโคลเองก็เหมือนกัน เขาแทบไม่ไว้หน้านิโคลเลยแถมยังดูถูกอย่างมากอีกด้วย ทั้งจากมุมมองของไอช่าและมุมมองของนิโคลที่กวีถามมาด้วยระบบสื่อสาร
“ท่านกวี…ไม่ทราบว่าข้าอยากจะถามคําถามท่านสักเรื่องได้หรือไม่” ระหว่างเดินไปยังห้องขององค์ชายเดเนฟก็มองมาทางกวีด้วยท่าที่ยิ้มๆก่อนจะเอ่ยปากถามกวีด้วยท่าทีเกรงใจสุดๆ
“เชิญครับ” กวีเองก็สงสัยเหมือนกันว่าทําไมเดเนฟถึงได้สุภาพกับตนนัก ถ้าเรื่องที่เดเนฟจะถามเกี่ยวกับสาเหตุที่เขาสุภาพแบบนี้กวีก็อยากรู้เหมือนกัน
“ท่านกวี..ท่านทําอย่างไรถึงได้เป็นมหาปราชญ์งั้นเหรอครับ”ในที่สุดเดเนฟก็เอ่ยปากถามออกไป แม้เรื่องเลเวลเหล่า NPC จะได้เปรียบอย่างมากเพราะพวกเขาใช้ชีวิตอยู่โลกนี้ไม่เหมือนเหล่าผู้เล่นที่เพิ่งจะเข้ามาได้ไม่นาน แต่เรื่องความรู้และอาชีพนั้นเหล่าผู้เล่นกลับก้าวหน้าไปมาก อาชีพลับต่างๆถูกเปิดเผยออกมามากมายหลังจากผู้เล่นเข้ามาในโลกของเกมเอคโค่ และอาชีพมหาปราชญ์ของกวีก็เป็นหนึ่งในอาชีพที่ NPC ไม่สามารถเปลี่ยนได้เพราะจําเป็นต้องใช้พลังของวิสเข้าช่วย แม้แต่เดเนฟเองยังเป็นแค่จอมปราชญ์แห่งดวงดาวที่อยู่ชั้นรองลงมาจากมหาปราชญ์ด้วยซ้ํา การที่ได้ทราบข้อมูลนี้จากไอช่าทําให้เดเนฟตกใจเป็นอย่างมาก
“เรื่องนี้เกรงว่าจะตอบไม่ได้ครับ”กวีตอบพลางส่ายหน้าช้าๆเพราะการเปลี่ยนอาชีพของกวีได้วิสช่วยเหลือ แม้แต่กวีเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าหากจะเปลี่ยนอาชีพมหาปราชญ์ตามปกติต้องทําอย่างไร
“ไม่เป็นไรครับ ข้าเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นความลับสําคัญ แต่ว่า…ถ้าท่านกวีไม่ถือสาละก็ข้าอยากจะเชิญท่านไปร่วมประชุมที่สมาคมจอมเวทเป็นครั้งคราวได้หรือเปล่าครับ เดเนฟยิ้มเงื่อนๆออกมาก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่องทันที แม้ตนเองจะเป็นเลขาขององค์ชาย แต่กับมหาปราชญ์แล้วเดเนฟยังอ่อนชั้นกว่าขั้นหนึ่ง จอมปราชญ์แห่งดวงดาวอย่างเดเนฟสามารถเรียนเวทดวงดาวระดับ 12 ได้เพียงสายเดียวเท่านั้น เทียบกับมหาปราชญ์ที่สามารถเรียนเวทมนตร์ขั้น 12 ได้ทุกสายแล้วเดเนฟเหมือนเป็นเพียงกิ่งก้านที่แตกยอดอกมาจากต้นไม่ใหญ่เท่านั้น
“เรื่องนั้นไม่มีปัญหาครับ ผมเองก็สนใจการประชุมของสมาคมจอมเวทเหมือนกัน”กวียิ้มรับก่อนจะจับมือกับเดเนฟเป็นการตกลง อยู่ๆฝ่ายสมาคมจอมเวทก็เข้ามาเปิดโอกาสเองแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่จะหาได้ง่ายๆ วันนี้ช่างโชคดีจริงๆ
“งั้นเหรอครับ ทางเราเองก็ยินดีเช่นกัน รับรองว่าท่านหัวหน้าสมาคมต้องยินดีมากแน่ๆ”เดเนฟยิ้มกว้างด้วยความดีใจก่อนจะเขย่ามือกวีถี่ๆหลายรอบ ท่าทีของเดเนฟแบบนี้ทําเอามุมมองที่มีต่อจอมเวทผู้เก่งกาจที่สุดของอาณาจักรทริชเปลี่ยนไปเลย
“พี่กวี…..”หลังจากกวีเดินทางเข้ามาพบองค์ชาย แน่นอนว่าไอช่าที่ช่วงนี้อยู่กับองค์ชายตลอดย่อมรออยู่ในห้องอยู่แล้ว และไอช่าเองก็ไม่อายที่จะกระโดดเข้าใส่กวีทันทีที่ได้เจออีกด้วย
“ท่านกวี ยินดีที่ได้พบครับ”องค์ชายแฮโรลด์เห็นไอช่าวิ่งเข้าไปกอดกวีก็อมยิ้มออกมาก่อนจะเดินตามไอช่าเข้ามาทักทายกวีด้วยท่าที่เป็นกันเองอย่างมาก ในเมื่อกวีเป็นพี่ชายของไอช่าเช่นนั้นแล้วก็ไม่ต่างจากเป็นสหายคนหนึ่งของตนเช่นกัน
“ช่วงนี้ไอช่ามารบกวนองค์ชายไม่น้อย หวังว่าจะไม่ทําให้องค์ชายไม่พอใจนะครับ”กวียิ้มรับก่อนจะเริ่มบทสนทนากับองค์ชายทันที ตอนนี้ไอช่ามีฐานะเป็นสหายสนิทขององค์ชายที่สามารถเข้าออกปราสาทส่วนขององค์ชายได้ตามสบาย หลายวันที่ผ่านมานี้ไอช่าสนิทสนมกับคนของปราสาทอย่างรวดเร็วไม่เว้นแม้แต่เดเนฟ ยิ่งพอไอช่าเล่าว่ากวีเปลี่ยนอาชีพเป็นมหาปราชญ์แล้วเดเนฟก็เปลี่ยนท่าทีที่มีต่อไอช่าไปราวกับคนละคน เพราะงั้นการที่ไอช่ามาที่ปราสาทขององค์ชายบ่อยๆก็เลยไม่ทําให้องค์ชายรู้สึกแย่แต่อย่างไร ตรงกันข้ามพอมีไอช่า อยู่ความรู้สึกหม่นหมองที่มีก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง เรียกได้ว่าองค์ชายยิ้มแย้มทุกครั้งที่ไอช่าอยู่ด้วยก็ไม่ผิดนัก
“ไม่หรอกครับ ที่รบกวนเวลาของท่านกวีครั้งนี้ก็เพราะอยากพบพี่ชายที่ไอช่าพูดถึงบ่อยๆเท่านั้นเองครับ ได้ยินว่าท่านกวีมีความสามารถไม่น้อยเลย”องค์ชายยิ้มรับพลางมองไอช่าด้วยท่าที่อ่อนโยน ไอช่ามักจะพูดเรื่องกวีบ่อยๆทําให้แม้แต่องค์ชายยังรู้สึกว่ากวีช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ วันนี้ได้ยินว่าฝ่ายกองทัพเรียกตัวเจ้าเมืองการ์กัน มาเข้าประชุมก็เลยถือโอกาสชวนมาดื่มชาร่วมกันสักครั้งเท่านั้น
“เช่นนั้นแล้วองค์ชายมีเรื่องอะไรจะคุยกับผมงั้นเหรอครับ” กวีถามด้วยรอยยิ้มแบบที่ยิ้มอยู่ประจํา เป็นรอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนน่าเชื่อถือเป็นอย่างมากเลย
“ความจริงแล้วพวกเรากําลังกังวลเรื่องเสบียงของกองทัพครับ พวกเรามีเสบียงมากมายแต่ไม่สามารถขนไปยังเมืองแถบชายแดนได้เพราะกําลังขนส่งไม่เพียงพอ ได้ยินไอช่าบอกว่าเรื่องนี้ท่านกวีสามารถช่วยเหลือได้องค์ชายแฮโรลด์ถามพลางมองไปทางกวีด้วยท่าที่จริงจัง ตัวองค์ชายเองก็ต้องเข้าร่วมประชุมรับมือกับเหล่าผู้นําอาณาจักรเช่นเดียวกัน ท่านทราบปัญหาในสงครามครั้งนี้อยู่บ้างและกําลังครุ่นคิดว่าจะหาทางช่วยเหลื อองค์จักรพรรดิอย่างไรดี ถ้าสร้างความดีความชอบได้บางทีเรื่องที่ตนทําพลาดเกี่ยวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์อาจจะเบาลงก็ได้
“แน่นอนครับ พวกเรามีคนที่สามารถช่วยเหลือท่านได้แน่นอน ขอเพียงท่านไว้ใจเราให้ติดต่อกับสมาคมการค้าของอาณาจักรเท่านั้น” กวีตอบพลางยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ สมแล้วที่เป็นไอช่า แม้จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจไอช่าก็ชักนําสมาคมจอมเวทและสมาคมการค้าให้กับกวีได้อย่างเหลือเชื่อผ่านทางองค์ชาย หากเป็นคนอื่นคงต้อง ใช้เส้นสายและติดต่อการค้ากับคนของสมาคมการค้าอยู่นานกว่าจะทําได้เป็นผลลัพธ์ที่น่าเหลือเชื่อและไม่คาดคิดว่าจะมาในรูปแบบนี้เสียด้วยซ้ํา
“ท่านแฮโรลด์ แล้วเรื่องแร่ละคะ เรื่องนั้นท่านแฮโรลด์ก็กําลังกังวลนี่นา”ไอช่าเสนออีกเรื่องขึ้นมาด้วยท่าทีเป็นห่วง เพราะปัญหาสงครามทําให้เกิดสภาวะขาดแคลนหลายๆอย่าง และสิ่งหนึ่งที่หาได้ยากที่สุดก็คือแร่ต่างๆ นั่นเพราะผู้เล่นไม่ชอบขายแร่ให้กับ NPC เนื่องจากราคาที่ได้ต่ํากว่าการเอาไปขายให้กับผู้เล่นด้วยกันมาก แต่ในการสร้างอาวุธและชุดเกราะต่างต้องใช้แร่เป็นจํานวนมาก ตอนนี้การผลิตอาวุธและชุดเกราะจําเป็นต่อการใช้งานในสนามรบไม่น้อย แต่แร่ที่หาได้กลับไม่เพียงพอเลย
“จริงสิ…..เกือบลืมไปเลย”องค์ชายยิ้มออกมาด้วยท่าที่โล่งอกก่อนจะเริ่มถามเกี่ยวกับการหาแร่เหล็กมาเสริมในคลังอาณาจักรกับกวี แต่…
“น่าเสียดายนะครับ เรื่องนี้ทางผมเองก็ทําอะไรไม่ได้เหมือนกัน ราคารับของทางอาณาจักรค่อนข้างต่ํา คิดว่าคงไม่มีนักผจญภัยกลุ่มไหนยอมขาดทุนส่งแร่เหล็กเข้าคลังอาณาจักรแน่นอน” กวีส่ายหน้าช้าๆด้วยท่าทีไม่เห็นด้วย หนึ่งในไอเทมที่เรย์กักตุนเอาไว้ก็คือหินเสริมพลัง เพราะการขาดตลาดช่วงหนึ่งทําให้หินเสริมพลัง พวกนี้ราคาดีดตัวมากกว่าปกติ 2 – 3 เท่า ไม่มีทางที่จะเอามาขายให้ NPC ที่รับกัน 1 ใน 100 ของราคาตอนนี้แน่ๆ
“แต่ถ้า….เป็นการซื้อขายอาวุธโดยตรงล่ะครับ” กวีถามพลางมองไปทางองค์ชายด้วยท่าที่ยิ้มแย้ม ไม่ใช่แค่การขนส่งเท่านั้น หากสามารถขายอาวุธให้ทางอาณาจักรได้คงได้กําไรไม่น้อย เพราะผู้เล่นสายอาชีพช่างตีเหล็กอย่างวินต้องสร้างอาวุธระดับต่ําและกลางหลายต่อหลายครั้งเพื่อเพิ่มเลเวลของสกิลช่างตีเหล็ก และอาวุธที่สร้างออกมาก็เป็นแบบที่พวก NPC ใช้กันด้วย ซึ่งผู้เล่นไม่นิยมใช้ไอเทมพวกนั้นหรอกเพราะมันเอามาเสริมพลัง และปรับแต่งค่าความสามารถได้ยาก อาวุธและชุดเกราะที่ใช้สร้างเพื่ออัพเลเวลสกิลเลยเหลือเต็มคลังไปหมด ไม่ใช่แค่ในคลังของกิลด์บูรพาเท่านั้น ในคลังของกิลด์ต่างๆก็คงเหลือกันเพียงแน่ๆ ถ้าเรย์ได้ยินสิ่งที่กวีกําลังคุยกับองค์ชายอยู่นี้คงกําลังยิ้มแก้มปริอย่างไม่ต้องสงสัยเลย