Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 182
ตอนที่ 182
กําลังเสริม
“คริส…..เรื่องหัวหน้าสมาคมพ่อค้าป่านจัดการให้แล้วนะ”อีกด้านหนึ่งในเมืองหลวงอาณาจักรดีเทรีย ป่านหัวหน้ากิลด์ตลาดสดผู้เป็นหนึ่งในหัวหน้าสมาคมการค้าของฝั่งพันธมิตรเดินนําเอกสารเข้ามาในห้องของคริสพร้อมรายงานสถานการณ์ที่กําลังเผชิญ อาณาจักรดีเทรียเพิ่งจะเสียองค์จักรพรรดิได้อย่างกะทันหัน องค์ชายของอาณาจักรเป็นพวกไม่ได้ความทําให้มีคนจากตําแหน่งอื่นต้องการจะขึ้นสืบทอดตําแหน่งขององค์จักรพรรดิคนก่อนกันไม่น้อย แน่นอนว่าคริสเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน
“ขอบใจ….แล้วรู้ข่าวเรื่องอาณาจักรทริชบ้างหรือเปล่า”คริสถามพลางนําเอกสารมาอ่านเพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ตอนนี้กิลด์ในกลุ่มพันธมิตรกําลังวุ่นวายอยู่กับการช่วยให้คริสได้ตําแหน่งจักรพรรดิของอาณาจักรดีเทรียกันสุดๆเพราะการเข้ามาแทรกระหว่างขั้วอํานาจภายในประเทศหนึ่งไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย ผู้มีสิทธิ์ขึ้นเป็นองค์ จักรพรรดิล้วนแล้วแต่เป็นคนที่มีอํานาจในมือมหาศาล แม้แต่องค์ชายผู้ไม่ได้เรื่องเองก็ยังมีคนชักใยอยู่เบื้องหลัง แต่ถึงอย่างนั้นคริสก็ยังอดที่จะสอดส่องความเป็นไปของกวีไม่ได้
“มีอีเวนท์การโจมตีระหว่างอาณาจักร แต่ฝ่ายอาณาจักรทริชพ่ายแพ้ แล้วก็มีการจับกุมคนสําคัญคนหนึ่งของโบสถ์เมื่อวันก่อน” ป่านตอบเรื่องข่าวที่ได้ยินมาให้คริสฟัง เพราะเป็นเมืองที่กวีอยู่ก็เลยไม่รู้เลยว่าอะไรมีกวีเกี่ยวข้องบ้าง แต่หากเป็นเรื่องผิดปกติก็มีโอกาสที่กวีจะเข้ามาเกี่ยวมากทีเดียว
“……………..ก็ดี หลังจากเอาชนะการแต่งตั้งได้แล้ว เราจะเริ่มเปิดสงครามกับพวกกิลด์บูรพาสักที”คริสยิ้มออกมาบางๆก่อนจะวางเอกสารที่ตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยแล้วลง เขาให้ของขวัญกวีด้วยการปล่อยให้กวีได้ลองเล่นเกมระบบโลกเสมือนจริงดูก่อน แต่ก็เป็นการให้เวลาตัวเองเตรียมพร้อมจะปะทะกับพวกกวีด้วยเช่นกัน หลังจากจัดการเรื่องเข้ายึดอาณาจักรสําเร็จคริสก็คงจะพร้อมปะทะกับกวีได้เสียที
“ในที่สุด รู้หรือเปล่าว่าป่านโมโหกับเจ้าหนูเรย์นั่นแค่ไหน เพราะเห็นแก่คริสหรอกนะ เลยไม่อยากไปปะทะด้วยมาก”ป่านได้ยินแบบนั้นก็แสดงท่าทีดีใจออกมาทันที เพราะเธอเองก็ต้องเจอปัญหากับเรย์อยู่บ่อยๆเพราะในสงครามการค้าไม่ได้แบ่งแยกอาณาจักรกันเหมือนกับสงครามพื้นที่ สําหรับผู้เล่นแล้วตลาดก็มีอยู่ตลาดเดียว เพราะทุกคนสามารถเดินทางผ่านการวาร์ปได้ ป่านเลยโดนเรย์เล่นงานอยู่เป็นระยะๆยิ่งตอนเจ้านั่นกว้านซื้อหินเสริมพลังไปเกือบทั้งตลาดทําเอาราคาหินเสริมพลังปั่นป่วนไปหมด ตอนนี้หินเสริมพลังเลยไปอยู่ในมือของเรย์ เยอะมากจนหินเสริมพลังตอนนี้ราคาสูงกว่าก่อนหน้านี้ถึง 3 เท่า แต่ก็ยังดีกว่าตอนที่เรย์ไล่ซื้อเพราะตอนนั้นราคาสูงกว่าเดิมถึง 5 เท่าไปแล้ว
แน่นอนว่าตอนนี้ราคามันลงมามากกว่าที่เรย์รับซื้อก็จริง แต่หลังจากเริ่มปะทะกันราคาหินเสริมพลังต้องสูงขี้นกว่านี้แน่ๆ และที่แย่ที่สุดก็คือป่านไม่สามารถหาหินเสริมพลังมาได้ตามความต้องการของกิลด์พันธมิตรทั้งหมด ทําให้การเตรียมตัวจะสู้รบยังไปไม่ถึงไหนเลย ถ้าเรย์เทขายตอนเริ่มปะทะกันแล้วต่อให้มันแพงเท่าไหร่ป่านก็ต้องรับมาเพื่อทําให้กิลด์ของฝั่งพันธมิตรมีสิทธิ์ชนะการโจมตีของพวกกวีหรือพวกกิลด์ฝ่ายนายทุนที่ยังโจมตีกันอยู่เรื่อยๆ คิดถึงตอนนั้นแล้วป่านก็ยิ่งโมโห ถ้ารู้ว่ากวีกลับมาก่อนหน้านี้ละก็ป่านไม่ยอมให้เรย์กักตุนหินเสริมพลังแน่ๆ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอครับ”อีกด้านหนึ่งทางฝั่งของอาณาจักรทริช กวี ที่ถูกเชิญเข้าร่วมประชุมผู้นําของอาณาจักรทริชเพราะเป็นเจ้าเมืองเพียงคนเดียวที่เป็นนักผจญภัยกลับได้เห็นภาพที่ไม่น่าเชื่อตรงหน้าปราสาทของอาณาจักรเข้าจนได้
“ไม่มีอะไรหรอกครับท่านเจ้าเมือง อย่าใส่ใจเลย” คนขับรถที่ไปรับกวีมาจากจุดวาร์ปยิ้มเงื่อนๆออกมาด้วยท่าทีลําบากใจ
“ถึงจะบอกแบบนั้นก็เถอะ…..คนจํานวนมากขนาดนี้จะบอกว่าอย่าสนใจมันก็….กวีมองออกไปนอกตัวรถไม่วางตา เพราะยามนี้ที่หน้าประตูปราสาทมีคนจํานวนมากกําลังนั่งคุกเข่าอยู่เป็นจํานวนมาก เรียกได้ว่าไม่สามารถนับจํานวนคนได้เลยเพราะทุกซอกทุกซอยต่างก็มีคนเข้านั่งลงคุกเข่าอยู่กับพื้นพร้อมกุมมือภาวนาราวกับกําลังอ้อนวอนอะไรบางอย่างจากพระเจ้าไม่มีผิด
ที่มันเป็นเช่นนี้ก็เพราะการจับตัวนิโคลที่เป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์เอาไว้นั่นเอง ก่อนหน้านี้คําทํานายของนิโคลช่วยเมืองต่างๆเอาไว้มากมาย ทําให้ผู้ศรัทธาในคําทํานายของนิโคลเพิ่มมากขึ้นในปริมาณที่น่ากลัวมาก แม้แต่กวีที่อยู่เบื้องหลังเองยังอดตกใจไม่ได้กับการกระทําของ NPC เหล่านี้ คาดว่าองค์จักรพรรดิคงจะตกใจเสียมากกว่ากวีเสียอีก
“เชิญทางนี้ครับท่านเจ้าเมือง” หลังจากขับรถพากวีเข้ามาในปราสาท ห้องที่กวีได้เข้าไปก็คือห้องประชุมย่อยของเหล่าขุนนางนั่นเอง โดยการเรียกตัวกวีมาครั้งนี้ไม่ใช่การประชุมใหญ่ที่มีองค์จักรพรรดิเป็นหัวหน้าการประชุม แต่เป็นเพียงการเรียกประชุมเพื่อสอบถามระหว่างกวีและบุคคลสําคัญของกองทัพต่างหาก ทําให้กรีไม่ได้ไปที่ท้องพระโรงแต่มาใช้ห้องประชุมแยกแทน
“ยินดีที่ได้พบครับท่านเจ้าเมืองการ์กัน ผมคือโบเวียสรองแม่ทัพของราชอาณาจักรทริชครับ”ชายหนุ่มในชุดเกราะหรูหราคนหนึ่งเดินเห็นกวีเดินเข้ามาในห้องก็ลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปทักทายทันทีโดยภายในห้องนี้มีคนอยู่ 3 คน แต่ท่าทางคนที่มีตําแหน่งใหญ่ที่สุดในห้องนี้จะเป็นโบเวียสเองนี่ล่ะ เพราะแม่ทัพของอาณาจักรทริชไม่ได้อยู่ในห้องนี้ด้วย
“ยินดีที่ได้พบทุกท่านครับ เป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเชิญมาในครั้งนี้”กวีตอบรับด้วยใบหน้าอ่อนโยนก่อนจะเดินตามโบเวียสเข้าไปนั่งที่โต๊ะประชุม
“ท่านเจ้าเมือง…ไม่สิท่านกวี พวกเราเรียกท่านมาในวันนี้ก็เพื่อสอบถามเกี่ยวกับความสามารถของนักผจญภัยครับ”โบเวียสเริ่มเปิดประเด็นอย่างตรงไปตรงมาเช่นเดียวกับสมาชิกผู้เข้าร่วมการประชุมที่ดูจะตั้งใจกันมาก
ไม่แปลกหรอก เพราะการประท้วงเรื่องการจับตัวนิโคลทําให้เกิดปัญหาระหว่างเหมืองต่างๆมากมาย การเกณฑ์ประชาชนเข้ามาเป็นทหารทําได้ยากขึ้นเมื่อโดนเจ้าเมืองที่เป็นผู้ศรัทธาของนิโคลเข้ามากีดกัน แถมโบสถ์ใหญ่ก็เกิดการปะทะกันภายใน บาทหลวงและแม่ชีเกินครึ่งต่อต้านอํานาจขององค์สันตะปาปาและประกาศตัวต่อต้านคําสั่งขององค์จักรพรรดิอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทําให้สถานการณ์รบที่ชายแดนนั้นยากลําบากขึ้นมาก ตอนนี้อาณาจักรไม่สามารถระดมทัพเข้าไปชนกับอาณาจักรโฟรทได้ ยิ่งขาดกําลังสําคัญอย่างเหล่านักบวชไปด้วยยิ่งทําให้การสู้รบยากลําบากเข้าไปใหญ่
และเมื่อได้เห็นการสู้รบที่มีผู้เล่นเข้าไปร่วมต่อสู้ ก็ไม่แปลกที่กองทัพจะหมดทางเลือกต้องหันมาพึ่งพาผู้เล่นอย่างช่วยไม่ได้ พวกเขารู้เพียงว่าสามารถมอบเควสโดยกําหนดรางวัลเพื่อให้ผู้เล่นเข้าร่วมได้ แต่ไม่ทราบทําไมถึงจะทําอย่างนั้นผู้เล่นก็ยังไม่เข้ามาร่วมสงครามเสียเท่าไหร่ เมื่อหาคําตอบไม่ได้พวกเขาก็คงต้องปรึกษาผู้เล่นหรือที่พวกเขาเรียกว่านักผจญภัยดู
“พวกเรามีความสามารถไม่ต่างจากคนบนโลกนี้หรอกครับ พวกเราเก็บเลเวลเลื่อนระดับพลังและเข้าถึงความสามารถเช่นเดียวกับคนในโลกใบนี้ แต่เพราะพวกเรามาทีหลังก็เลยอาจจะอ่อนแอไปบ้าง” กวีตอบพลางเอามือทาบอกตัวเองอย่างสุภาพ ในห้องนี้แม้จะเป็นรองแม่ทัพแต่โบเวียสคนนี้ก็เลเวลสูงเกิน 500 เช่นเดียวกันกับเดเนฟแน่ๆ ได้ยินว่าแม่ทัพที่เป็นทหารที่เก่งที่สุดของอาณาจักรทริชมีเลเวลสูงถึง 670 เลยทีเดียว เป็นเลเวลที่ตอนนี้ผู้เล่นไม่อาจเอื้อมถึงกันจริงๆ
“แต่ในสงครามที่พวกท่านกําลังกังวลอยู่นั้นพวกเรามีข้อได้เปรียบสองอย่าง” กวียิ้มออกมาบางๆก่อนจะมองท่าทีสนใจของพวกรองแม่ทัพนิ่ง สําหรับพวกเขาแล้วผู้เล่นก็คือคนที่ถูกเรียกมาจากอีกโลกไม่มีข้อมูลอะไรเท่าไหร่ บางเรื่องพวกเขาอาจจะคาดไม่ถึงเสียด้วยซ้ํา
“อย่างแรกเลยคือพวกเราสามารถเดินทางไปยังเมืองต่างๆได้ด้วยความเร็วสูง เพียงพริบตาเดียวพวกเราก็สามารถข้ามทวีปไปยังเมืองสุดเขตตะวันออกได้แล้ว”กวีชนิ้วชี้ขึ้นมาเหมือนกําลังจะบอกว่านี่เป็นข้อได้เปรียบของผู้เล่นข้อแรกเท่านั้น แน่นอนผู้เล่นสามารถใช้จุดวาร์ปได้ไม่เหมือนกับ NPC ที่ต้องเดินทางกันเอง เพราะงั้นพวกเขาเลยสามารถเคลื่อนพลได้รวดเร็วและสามารถเข้าร่วมสนามรบได้มากกว่าหนึ่งสนามหากยังไม่ตาย
“ข่าวลือเป็นความจริงสินะที่ว่านักผจญภัยมีพลังเคลื่อนย้ายอยู่” ชายคนหนึ่งในห้องประชุมพูดด้วยท่าทีอึ้งๆ เพราะเควสบางอย่างเหล่านักผจญภัยสามารถทําได้สําเร็จอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะเควสนําไอเทมบางอย่างไปยังเมืองอื่นๆ บางครั้งนักผจญภัยก็ใช้เวลาเพียงอึดใจเดียวเท่านั้นในการส่งของ ทําให้เหล่า NPC มีข่าวลือแปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้
“ถูกต้องแล้วครับ พวกเราสามารถขนเสบียงจํานวนมากเดินทางจากเมืองหลวงไปยังชายแดนได้ในพริบตา”กวียิ้มรับด้วยท่าทีเหมือนพนักงานขายที่กําลังดีใจที่เห็นลูกค้าอึ้งกับการนําเสนอของตน ความจริงเรื่องนี้ผู้เล่นทําเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องที่ต้องปิดบังอะไร กวีก็แค่ทําให้มันชัดเจนเท่านั้น
“และข้อได้เปรียบอีกข้อก็คือ พวกเราไม่กลัวตายครับ”กวีชูนิ้วที่สองขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มแสนจะมั่นใจ แต่ก็เรียกได้แค่การขมวดคิ้วจากคนตรงหน้าเท่านั้น
“ขอคําขยายความของคําว่า ไม่กลัวตาย หน่อยครับท่านเจ้าเมือง ทหารของเราทุกคนต่างก็ยอมสละชีวิต เพื่ออาณาจักรได้ทั้งนั้น ท่านจะบอกว่าพวกเขากลัวตายอย่างนั้นหรือครับ”โบเวียสแสดงท่าที่ไม่พอใจออกมานิดหน่อยกับคําพูดของกวี ที่แท้พวกเขาก็เข้าใจอะไรผิดไปนิดหน่อยนี่เอง
“ท่านโบเวียส เป็นความผิดของผมเองที่ใช้คําไม่ชัดเจน พวกเราไม่ได้ไม่กลัวตายอย่างเดียวครับแต่เหล่านักผจญภัยสามารถตายได้ และกลับมาได้ทุกเมื่อสิ่งที่กวีพูดออกไปเองก็เป็นสิ่งที่เหล่า NPC กําลังสงสัยเช่นกัน เพราะนักผจญภัยมักไปในที่เสี่ยงอันตราย บ้างก็ตายให้เห็นกันต่อหน้า แต่พอเวลาผ่านไปไม่นานก็กลับมาเดินได้เป็นปกติเสียอย่างนั้น ถึงขั้นมีบางคนคิดเอาว่าในโลกของนักผจญภัยอาจจะมีคนหน้าตาเหมือนกันจํานวนมากก็ได้ ทําให้เทพพระเจ้าเรียกตัวคนเหมือนกันออกมาบ่อยๆ
“ท่านกําลังจะบอกว่าเหล่านักผจญภัยเป็นอมตะงั้นเหรอครับ”โบเวียสที่ได้ฟังนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เริ่มเข้าใจสิ่งที่กวีกําลังจะบอก แน่นอนข้อได้เปรียบมหาศาลของผู้เล่นก็คือต่อให้ตายยังไงก็สามารถกลับมาได้เสมอนี่ล่ะ