Guild Master จอมราชันโลกออนไลน์ - ตอนที่ 181
ตอนที่ 181 ลดทอน
โครม!!
ประตูเมืองชายแดนของอาณาจักรทริชพังลงมาจากแรงระเบิดของเวทมนตร์ที่ฝั่งอาณาจักรโฟรทยิงโจมตีเข้ามาจนพังเสียหาย ยามนี้ทหารที่กําลังรับศึกอยู่แนวหน้าของอาณาจักรทริชกําลังพ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิงเพราะกิจกรรมการรุกรานจากโฟรทนั้นก็เป็นกิจกรรมการบุกโจมตีทริชของผู้เล่นที่ไปเล่นในอาณาจักรโฟรทเช่นกัน ทําให้กองทัพของอาณาจักรโฟรทตอนนี้มีผู้เล่นจํานวนมากเข้ามาร่วมกิจกรรมด้วย ตรงกันข้ามทางฝั่งอาณาจักรทริชกลับมีเพียงผู้เล่นทั่วไปเท่านั้นที่เข้าร่วม นั่นเพราะผู้เล่นที่มีสังกัดกิลด์ต่างก็ไม่เข้ามาร่วมการต่อสู้ครั้งนี้เพราะติดสัญญาข้อตกลงที่กิลด์บูรพาทํากับพวกตนก่อนหน้านี้ แถมเพื่อเป็นการชดเชยที่ไม่ได้รับรางวัลในกิจกรรมนี้ทางกิลด์บูรพายังหาของมาชดเชยให้อย่างงามอีกด้วย
เมื่อเห็นว่าสงครามเบื้องหน้าทั้งเสี่ยงและมีโอกาสชนะน้อยเพราะกิลด์ใหญ่ต่างไม่เข้าร่วม กิลด์อื่นๆก็เลย เลือกที่จะรับรางวัลจากกิลด์บูรพาแล้วปล่อยให้อีเวนท์เล็กๆอย่างการโจมตีเมืองชายแดนเป็นฝ่ายอาณาจักรโฟรทที่ได้รับชัยชนะไป
หลังจากยึดเมืองชายแดนได้ อาณาจักรโฟรทคงจะใช้เวลาฟื้นฟูกองทัพอีกนิดหน่อยถึงจะโจมตีเข้ามาอีก ถึงตอนนั้นค่อยร่วมสงครามอีกครั้งก็ได้ ในฐานะผู้เล่นแล้วพวกเขาไม่ได้เดือดร้อนอะไรขนาดนั้น แต่…
“ชายแดนแตกแล้วงั้นเหรอ….”องค์จักรพรรดิของอาณาจักรทริชเบิกตากว้างด้วยท่าที่ตกใจ แม้จะทําใจเอาไว้แล้วว่าอาจจะต้านไม่อยู่เพราะอาณาจักรโฟรทบุกมากะทันหัน การส่งคนไปช่วยเหลือทําได้ไม่ทันท่วงที ทหารชายแดนต้องรับศึกที่อีกฝ่ายเตรียมพร้อมมาก่อนทําให้โอกาสชนะมีน้อยมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดว่าจะแตกพ่ายอย่างรวดเร็วเช่นนี้
“ดูเหมือนว่ากองทัพของฝั่งตรงข้ามจะมีนักผจญภัยเข้ามาร่วมด้วยครับก็เลยทําลายแนวรับของเราได้รวดเร็วขึ้น”ชายในชุดเกราะคนหนึ่งตอบพลางนําภาพที่ได้มาจากสถานการณ์รบที่ชายแดนออกมาให้ดู
“มีผลขนาดนั้นเลยเหรอ….”ชายอีกคนถามด้วยท่าที่ประหลาดใจ แม้นักผจญภัยจะเดินทางไปทั่วและพัฒนาฝีมือกันอย่างรวดเร็ว แต่ทหารที่ทําหน้าที่อยู่ที่ชายแดนต่างก็เป็นทหารเลเวลสูงกว่า 200 กันทั้งนั้น นักผจญภัยที่เข้ามาช่วยอาจจะมีผลเล็กน้อยก็จริงแต่เพราะเลเวลมันห่างกันก็เลยต้องอาศัยการรุมโจมตีเพื่อล้มทหารคนหนึ่งอยู่ดี
“ถึงจะมีผลไม่มาก แต่ก็เป็นกําลังรบที่มองข้ามไม่ได้เลย จริงสิเรามีเจ้าเมืองคนหนึ่งเป็นนักผจญภัยนี่นา ทําไมเราไม่ลองเชิญเขามาร่วมประชุมบ้างล่ะครับ”ชายในชุดเกราะคนแรกถามด้วยท่าทีสงสัย ตอนนี้เรื่องกําลังทหารของนักผจญภัยเริ่มเป็นที่ถกเถียงกันแล้วหลังจากเมืองต่างๆได้รับการช่วยเหลือจากเหล่านักผจญภัย แม้พวกเขาจะมีเลเวลที่ต่างกัน แต่จะต่างกันไปแบบนี้อีกนานเท่าไหร่ หากไม่นับเหล่าอัจฉริยะเลเวลสูงอย่างเดเนฟ ทหารทั่วไปก็คงสู้เหล่านักผจญภัยได้อีกไม่นาน หรือก็คือคุณค่าในกองทัพของนักผจญภัยอาจจะเทียบเท่าเหล่าทหารทั่วไปได้แล้วก็ได้ เพราะแบบนั้นชายสวมเกราะก็เลยอยากจะเรียกตัวเจ้าเมืองที่เป็นนักผจญภัย เข้ามาร่วมประชุมเพื่อถามความคิดเห็นเสียหน่อย
“เรื่องนั้นข้าเห็นด้วย ในการประชุมครั้งหน้าข้าจะเรียกมาให้องค์จักรพรรดิพยักหน้าอย่างเห็นด้วยเพราะ กําลังของนักผจญภัยก็ถือเป็นสิ่งที่มองข้ามไม่ได้จริงๆ องค์จักรพรรดิที่เชื่อใจให้กวีขึ้นเป็นเจ้าเมืองย่อมมองเห็นจุดนี้อยู่แล้ว
“แต่ว่า..ข้ามีเรื่องกังวลอยู่เรื่องหนึ่ง…..”อยู่ๆในชุดหรูหราและเต็มไปด้วยเครื่องประดับคนหนึ่งก็เอ่ยปาก เรื่องกังวลขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เพราะความพ่ายแพ้ที่ชายแดน ชาวเมืองก็เลยเริ่มมีความเชื่อแปลกๆเกิดขึ้นมา ข้าคิดว่าองค์จักรพรรดิควรจัดการโดยด่วนนะครับ” สิ่งที่ชายคนนั้นพูดถึงคนทั้งห้องเองก็ทราบดี นั่นก็คือคําทํานายของสตรีศักดิ์สิทธิ์อย่างนิโคลนั่นเอง เพราะชายแดนโดนตีแตกอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือของศัตรูคู่แค้นอย่างอาณาจักรโฟรท ทําให้คําทํานายที่ว่าราชวงศ์ทริชจะทําให้อาณาจักรทริชล่มสลายยิ่งดูจะเป็นจริงขึ้นมาเลย และที่แย่ที่สุดก็คือเหล่าชาวเมืองต่างพากันคิดว่าที่ชายแดนแตกพ่ายเป็นเพราะความไม่ได้เรื่องขององค์จักรพรรดิและเริ่มเชื่อแล้วด้วยว่า ควรจะเอาราชวงศ์ออกไปเพื่อปกป้องอาณาจักรเอาไว้
แม้จะฟังเป็นเรื่องไร้สาระจากปากของเด็กสาวคนเดียว แต่หากมันกลายเป็นความเชื่อไป…มันต้องไม่ส่งผลดีกับราชวงศ์เป็นแน่ ยิ่งในช่วงที่เกิดสงครามขึ้นแบบนี้ยิ่งแล้วใหญ่เพราะหากสงครามนี้ลุกลามจนใหญ่โตขึ้นมาองค์จักรพรรดิก็อาจจะต้องทําการเกณฑ์ชาวบ้านไปเป็นกําลังทหารด้วยเช่นกัน หากชาวบ้านไม่มีความเคารพต่อองค์จักรพรรดิขึ้นมาคงจะกลายเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ
“ทําไมต้องมาปวดหัวกับเรื่องแบบนั้นเอาตอนนี้ด้วยนะ มีศัตรูมาบุกจ่อประตูเมืองอยู่แท้ๆ”องค์จักรพรรดิถอนหายใจออกมาก่อนจะมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยท่าที่ไม่พอใจ โชคยังดีที่องค์สันตะปาปายังอยู่ข้างราชวงศ์ก็เลยรับปากว่าจะกันนิโคลออกไปให้ห้ามเข้ามายุ่งกับทางราชวงศ์อีก
“ข้ามีทางหนึ่งครับองค์จักรพรรดิ”ชายในชุดจอมเวทคนหนึ่งพูดพลางยิ้มออกมาบางๆ ชายคนนี้คือลูปัสเป็นหัวหน้าสมาคมจอมเวท และผู้ถือครองตําแหน่งจอมเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอาณาจักรทริชแม้เลเวลจะไม่สูงเท่าเดเนฟแต่ก็เป็นผู้ศึกษาเวทมนตร์มาอย่างถ่องแท้ เขาเป็นจอมเวทที่มีขั้นของเวทมนตร์สูงกว่าเดเนฟนั่นเอง
“ท่านลูปัส ท่านมีแผนอะไรงั้นหรือ”องค์จักรพรรดิถามพลางมองไปทางหัวหน้าสมาคมจอมเวทอย่างสนใจ ตอนนี้ข่าวลือเรื่องคําทํานายนั้นแพร่ออกไปแล้ว แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากองค์สันตะปาปาช่วยกักตัวนิโคลเอาไว้แล้ว แต่ก็ไม่อาจหยุดไฟลามทุ่งครั้งนี้ได้อยู่ดี
“ในเมื่อคําทํานายมันหลุดออกไปแล้ว งั้นเราก็ทําให้คําทํานายนั้นไม่น่าเชื่อถือก็พอครับ”ลูปัสตอบพลางยิ้มบางๆออกมา ตอนแรกเขาก็กังวลเหมือนกันว่าองค์สันตะปาปาจะจัดการอย่างไร แต่เห็นท่านยังช่วยเหลือราชวงศ์อยู่นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว แต่เพราะองค์คาร์ดินัลต่อต้านอย่างหนักเลยได้ยินว่ามีการปะทะกันภายในของขั้วอํานาจในโบสถ์เสียด้วย
“ทําให้ไม่น่าเชื่อถืองั้นเหรอ”องค์จักรพรรดิเลิกคิ้วขึ้นมาด้วยท่าที่ประหลาดใจ ลูปัสต้องการอะไรกันแน่
“ก็แค่จับตัวเด็กที่อ้างตัวว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์อะไรนั่นมา แล้วทําให้เธอสารภาพต่อหน้าประชาชนว่าเธอเป็นพวกหลอกลวงก็พอ”ลูปัสตอบออกมาพร้อมรอยยิ้มชั่วร้าย วิธีมันก็ง่ายๆเหมือนกับที่ใช้กับนักโทษบางคนนั่นล่ะ ก็แค่ให้พวกนั้นยอมรับผิดแล้วประหารทิ้งไปซะก็พอ ขอเพียงจับเด็กนั้นมาทรมานสักหน่อยก็คงยอมทําทุกอย่าง ตามที่สั่งเองนั่นล่ะ
“………..”วิธีนี้ค่อนข้างโหดร้ายทีเดียว แต่องค์จักรพรรดิที่กําลังปวดหัวกับสงครามกลับคิดว่าวิธีนี้ก็จัดการปัญหาได้ง่ายดายดี ทําไมตนไม่คิดให้ได้ก่อนหน้านี้กัน ก็แค่ให้เด็กนั่นยอมรับว่าโกหก จะมีใครเชื่อคําพูดเธออีกงั้นหรือ
“ส่งคนไปจับตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ของโบสถ์มาข้อหาลบหลู่เกียรติของเชื้อพระวงศ์”องค์จักรพรรดิคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ออกคําสั่งออกมาท่ามกลางเหล่าผู้มีอํานาจของอาณาจักรมันตรงๆเลย เล่นเอาพวกขุนนางท่านอื่นๆแสดงสีหน้าตกใจออกมาทันที แต่ถึงอย่างนั้นคําสั่งขององค์จักรพรรดิจะมีใครกล้าขัดเล่า
โครม!
ทันทีที่ได้รับคําสั่งลงมา เหล่าทหารประจําปราสาทก็มุ่งตรงไปยังโบสถ์พร้อมบุกเข้าไปที่ห้องของนิโคลทันที อํานาจนี้จักรพรรดิสั่งลงมาโดยตรงประกอบกับองค์สันตะปาปาเองก็ลงมาห้ามปรามเหล่านักบวชแล้วทําให้การบุกเข้าไปจับกุมตัวนิโคลนั้นง่ายดายมาก
“เจ้าไปกับพวกเรา ทันทีที่บุกเข้ามาถึงในห้องของนิโคลพร้อมองค์สันตะปาปา เหล่าทหารก็ล้อมตัวนิโคล เอาไว้โดยคิดจะชักอาวุธออกมาด้วยซ้ํา สําหรับเด็กตัวแค่นี้แล้วพวกเขาต้องหวาดกลัวอะไรกัน
“เดี๋ยวก่อนท่านสันตะปาปา ข้าจะพิสูจน์ให้ท่านเห็นว่านิโคลพูดความจริงครับ”แม้แต่องค์คาร์ดินัลที่ออกมาปกป้องนิโคลเอาไว้ยังไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เพราะในโบสถ์เององค์สันตะปาปาก็เป็นใหญ่ที่สุด แม้เหล่าบาทหลวงและแม่ชีอยากจะต่อต้านก็ทําอะไรไม่ได้
“อย่ามายุ่งกับท่านนิโคลนะ หากแตะต้องเธอพระเจ้าจะต้องลงโทษพวกเจ้าแน่ๆ”แม่ชีคนหนึ่งพูดพลางมองไปทางเหล่าทหารด้วยท่าที่โกรธแค้น สําหรับคนในโบสถ์แล้วนิโคลเป็นตัวแทนของพระเจ้า การแตะต้องตัวนิโคลก็เหมือนการดูหมิ่นพระเจ้าแล้ว
“เจ้าพวกคนบาป ออกไปซะเหล่าบาทหลวงเองก็มีท่าทีไม่ยอมเช่นกัน แม้พวกเขาจะไม่สามารถสู้กับทหารได้ แต่ก็มีบางคนนําไม้คทาของตนออกมาเตรียมจะเข้าต่อสู้แล้ว ถึงจะไม่มีเวทมนตร์ทําลายแต่พวกเขาก็ไม่อาจยอมให้พวกทหารพาสตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาไปได้จริงๆ ต่อให้เป็นคําสั่งขององค์จักรพรรดิหรือแม้แต่คําสั่งขององค์สันตะปาปาที่พวกเขานับถือก็ตาม
“ทุกคนๆ ใจเย็นๆก่อนค่ะ”ระหว่างที่ทุกคนกําลังวุ่นวายเมื่อเห็นนิโคลกําลังจะถูกจับตัว นิโคล เจ้าของตําแหน่งสตรีศักดิ์สิทธิ์เองกลับยกมือห้ามเหล่าบาทหลวงและแม่ชีด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเสียอย่างนั้น
“คนเหล่านี้ไม่ใช่คนไม่ดีหรอกนะคะ”นิโคลพูดพลางยื่นมือไปจบชุดเกราะตรงส่วนอกของทหารที่เข้ามาจับกุมเธอในวันนี้ ใบหน้าของนิโคลไร้ซึ่งความกลัว และเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ยากจะหาจากเด็กสาววัยเท่านี้
“แต่เป็นเพราะบททดสอบของข้ามาถึงแล้วค่ะ ทุกท่านอย่าต่อว่าเหล่าทหารที่มาจับตัวข้าเลยนะคะ พวกเขาทําตามหน้าที่และทําตามพระประสงค์ของพระเจ้าค่ะ”นิโคลตอบพลางมองดวงตาของทหารที่เข้ามาจับกุมตนเรื่องนี้ก็เป็นสิ่งที่พระเจ้าบอกนิโคลเอาไว้แล้วเช่นกัน
“จะอะไรก็ช่าง เจ้าไปกับพวกเราได้แล้ว”เหล่าทหารแม้จะได้เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ตกใจกันไม่น้อย แต่เพราะมีหน้าที่ของตนก็เลยต้องจับตัวนิโคลแล้วพาตัวไปเสีย ซึ่งคราวนี้ไม่มีบาทหลวงหรือแม่ชีคนไหนเข้ามาขวางแต่อย่างไร ตรงกันข้ามพวกเขากุมมือภาวนาและเริ่มก้มหัวให้เมื่อนิโคลเดินผ่านเสียอย่างนั้น
“ท่านนิโคล……..”
“เป็นไปไม่ได้ ท่านนิโคลโดนจับกุมได้ยังไง”
“ไม่จริง…..ทหารพวกนั้นมันคนของราชวงศ์ไม่ใช่หรือยังไง”
ระหว่างทางพานิโคลเข้าไปในรถเพื่อจะนําตัวนิโคลไปขังที่คุกของปราสาท เหล่าประชาชนที่เข้ามาทําบุญในโบสถ์ใหญ่ต่างก็มองนิโคลด้วยท่าที่ตกใจ ไม่ใช่แค่นั้นเหล่าผู้คนที่เห็นต่างก็เริ่มเข้ามาล้อมพวกทหารเอาไว้ ทําให้เหล่าทหารต้องพยายามฝ่าฝูงชนออกไปพร้อมคําด่าสาปแช่งที่มาจับตัวนิโคลเสียอย่างนั้น