Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 447
นับเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์อย่างยิ่ง ทั้ง ๆ ที่เขาหวังว่าตลอดระยะเวลา 3 ปีที่เฝ้าฝึกฝนอย่างหนักหน่วงนั้นจะทำให้เขาสามารถชำระแค้นที่มีต่อหานซั่วได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยนั่นก็สิ่งที่ทุกคนคาดเดาเอาไว้
หากไม่ใช่เพราะชุดเกราะสีทองและพลังศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปกป้องร่างกายของเขาอยู่ อัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์อาจจะไม่จำเป็นต้องทนทุกข์ทรมานถึงเพียงนี้ เพราะ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปที่ถูกเจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอดกระทืบอย่างรุนแรงคงต้องตายในทันที ซึ่งความตายก็เป็นอะไรที่เจ็บปวดน้อยกว่ามาก
แต่อย่างไรก็ตาม เบลานต์ก็มีชุดเกราะที่ปกป้องร่างกายอยู่ ซึ่งยังมีทั้งออร่าต่อสู้และพลังงานศักดิ์สิทธิ์ไหลเวียนอยู่ในร่าง เช่นนั้นแล้ว เขาจึงไม่ตายในทันที หากแต่โดนเจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอดกระทืบอย่างหนักหน่วงซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาส่งเสียงร้องแหลมอย่างเจ็บปวดแสนสาหัส ราวกับทั้งร่างกายและวิญญาณถูกบดขยี้ในเวลาเดียวกัน จนเขาไม่หลงเหลือแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะปลิดชีพตนเอง
ในเวลานั้น หญิงชราผู้มีผิวหนังเหี่ยวย่นก็รีบพุ่งเข้ามาหาเขาด้วยท่าทีตื่นเต้น ดวงตาของเบลานต์ฉายแววหวาดกลัว เมื่อเอลิซาเบธกระโจนเข้าใส่เขาราวกับคนคุ้มคลั่ง นิ้วแหลมคมของเธอก็กระซวกเข้าไปที่คอของเบลานต์ซึ่งเป็นส่วนที่เปิดเผยเนื้อหนังและไร้เกราะป้องกัน
แล้วพลังงานศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เคยได้รับมาโดยแลกกับศรัทธาอันแรงกล้า ก็หลั่งไหลออกจากร่างของเขาราวกับสายน้ำเชี่ยวกรากจากเขื่อนที่พังทลายและเข้าสู่ร่างของเอลิซาเบธ ก่อนที่เธอซึ่งโดนหานซั่วเล่นงานจนม่อยกระรอกไปเมื่อครู่จะกลับฟื้นคืนพลังขึ้นมาอีกครั้ง
กรุ่นไอสีเขียวระเหยออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเอลิซาเบธราวกับงูเขียวตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก ดวงตาสีเขียวของเธอเปล่งประกายแสงดูน่าประหลาด ใบหน้านั้นเคลือบไปด้วยความชั่วร้ายราวกับกำลังกักขังสภาพจิตอันบ้าคลั่งไว้ภายใน อวัยวะภายในของเธอซึ่งแตกต่างจากคนทั่วไป กำลังทำงานอย่างกระตือรือร้นด้วยความเร็วสูงสุดราวกับเครื่องจักร ขณะกำลังดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมาจากร่างของเบลานต์ เพื่อแปรเปลี่ยนให้เป็นพลังงานที่เธอสามารถนำมาใช้ได้
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ขณะที่เอลิซาเบธกำลังดูดกลืนพลังงานศักดิ์สิทธิ์ออกมา หานซั่วก็มาปรากฏตัวที่ด้านหลังของเธออย่างไร้สุ้มเสียง จิตของเขาจับจ้องไปยังร่างของเอลิซาเบธ เพื่อพินิจพิจารณากระบวนการนั้นอย่างใจจดใจจ่อทุกเสี้ยววินาที
องค์ประกอบร่างกายของเธอแตกต่างจากคนทั่วไปอย่างสิ้นเชิง หากไม่ใช่เพราะรูปลักษณ์ภายนอกที่เป็นมนุษย์ และมองจากออร่าและโครงสร้างร่างกายเพียงอย่างเดียว หานซั่วก็คงไม่คิดว่าเธอเป็นมนุษย์อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างของกระดูก เส้นชีพจร และกระแสพลังงานขนาดเท่ากำปั้นที่หมุนวนอยู่ในร่างของเธอถึง 5 แห่ง ขณะที่เอลิซาเบธที่กำลังดูดซึมพพลังงานศักดิ์สิทธิ์จากร่างกายของเบลานต์ กระแสพลังเหล่านี้จะหมุนวนอย่างรวดเร็ว บ่งบอกว่าเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งยวดของกระบวนการนี้
และเป็นเพราะกระแสพลังหมุนวนทั้งห้านี้เอง เอลิซาเบธก็สามารถดูดกลืนพลังงานภายในร่างของเบลานต์ได้จนหมด แม้แต่ออร่าต่อสู้ที่แข็งแกร่งซึ่งเบลานต์เฝ้าฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็ไม่สามารถส่งผลใด ๆ ต่อกระแสพลังเหล่านั้นได้เลย ดูเหมือนว่าสิ่งเดียวที่มีปฏิกิริยาก็คือพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างของเบลานต์ ที่ได้รับมาเพราะศรัทธาอันแรงกล้าที่มีต่อเทพแห่งแสงสว่างเท่านั้น
หานซั่วนึกสงสัยอยู่ในใจ เพราะเขาเองก็ไม่เคยได้ยินเรื่องกายศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถดูดกลืนพลังงานศักดิ์สิทธิ์ได้มาก่อน ไม่สงสัยเลยว่าทำไมศาสนจักรแห่งแสงสว่างอยากจะฆ่าเธอเหลือเกิน หานซั่วเชื่อว่าร่างกายของเอลิซาเบธจะต้องแตกต่างจากผู้ที่มีกายศักดิ์สิทธิ์คนไหน ๆ บางที อาจจะมีความลับบางอย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในร่างของเธอ จนแม้แต่เธอเองก็ไม่สามารถเข้าใจก็เป็นได้
แม้พลังงานศักดิ์สิทธิ์ภายในร่างของอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์จะเหือดแห้งไปจนหมดแล้ว แต่ด้วยมีความแข็งแกร่งเป็นทุนเดิม เบลานต์จึงไม่ได้ตายลงทันที ใบหน้าของเขายังคงบิดเบี้ยวและกลายเป็นสีเทาหม่นหมอง ดวงตาจ้องมองอย่างไร้จุดหมาย รอความตายที่จะมาถึงในทุกชั่วขณะ
เอลิซาเบธระเบิดหัวเราะราวกับคนเสียสติ พลางดึงทั้ง 2 มือออกมาจากคอของเบลานต์ที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด เธอหันมาหาหานซั่ว
“ขอบคุณมาก ขอบคุณจริง ๆ!”
“ด้วยความยินดี!”
หานซั่วยิ้มแปลก ๆ ก่อนจะเดินเข้ามาหาเอลิซาเบธจากทางด้านหลัง เขายื่นมือขวาออกไป พลางใช้นิ้วกลางจิ้มเข้าไปหลังศีรษะของเธอ ที่ปลายนิ้ว หยดเลือดสีแดงเข้มหลั่งไหลเข้าสู่หลอดเลือดที่อยู่หลังศีรษะ เอลิซาเบธกรีดร้องเสียงแหลมขณะที่หยดเลือดจากตัวอ่อนปีศาจของหานซั่วกำลังโคจรไปยังสมองของเธอ
ส่วนมือซ้ายที่ยังว่างอยู่ ก็วางทาบลงบนหลังของเอลิซาเบธอย่างแผ่วเบา พลังงานแปลกประหลาดบางอย่างถูกปลดปล่อยออกมา เมื่อพลังงานที่ถูกกระแสพลังงานที่หมุนวนทั้ง 5 ชำระล้างไปเมื่อครู่พรั่งพรูออกมาจากหลังของเธอ ไม่นานนัก หานซั่วก็สามารถดูดกลืนพลังเหล่านั้นไปได้มากกว่าครึ่ง
“นายท่าน ข้ายอมเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของท่านแล้ว ได้โปรด ไว้ชีวิตข้าเถอะ!”
น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ ขณะที่ร้องขอ เอลิซาเบธหวาดกลัวสุดขีด เพราะพลังงานที่เธอดูดกลืนมาจากอัศวินศักดิ์สิทธิ์จากศาสนจักรแห่งแสงสว่างนั้นมีไว้เพื่อเสริมสร้างพลังให้กับตัวเธอเอง เธอจึงไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าพลังงานชั่วร้ายในร่างของเธอก็จะถูกผู้อื่นดูดกลืนออกไปได้เช่นกัน เธอไม่สามารถข่มความกลัวที่มีในหัวใจไว้ได้เลย
และที่ยิ่งน่าประหลาดใจไปมากกว่านั้น หลังจากการอ้อนวอนขอความเมตตาเริ่มจะส่งผล และหานซั่วก็ได้ดูดกลืนพลังงานออกไปส่วนหนึ่งแล้ว เขาก็ร้องออกมา และปล่อยมือจากเธอในที่สุด
เมื่อดึงปลายนิ้วออกมาจากหลังศีรษะของเธอ หานซั่วก็ลูบหน้าผากเธอเบา ๆ ก่อนจะพูดพร้อมกับยิ้ม
“ทั้งมนุษย์และสัตว์วิเศษสามารถสร้างพันธสัญญาทาสรับใช้ต่อกันได้ แต่กับมนุษย์นี่เป็นอะไรที่ลำบากน่าดูเลย ฮะ ๆ ๆ ตอนนี้เจ้าพอจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่อยู่ในสมองแล้วใช่มั้ย?”
“ใช่… ใช่แล้วนายท่าน ท่านทำอะไรกับข้ารึ?”
ในฐานะคนนอกรีตที่ร้ายกาจที่สุดของอาณาจักรแห่งความลึกล้ำ เขาก็คงจะมีแผนการหรือกลลวงใด ๆ แอบซ่อนไว้อย่างไม่รู้จบ ใครจะรู้ว่าคน ๆ นี้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาหรือปีศาจร้าย ถึงได้ไม่มีใครสามารถโค่นล้มเขาได้เช่นนี้
“ไม่มีอะไรหรอก จริง ๆ นะ มันก็เป็นเหมือนการทำพันธสัญญานั่นแหละ ตราบใดที่เจ้าไม่คิดจะทรยศข้า เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลถึงสิ่งที่อยู่ในสมองของเจ้าเลย แต่ถ้าเจ้าคิดทำขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ หึหึหึ สมองของเจ้าก็จะต้องลงเอยแบบนี้!”
หานซั่วยิ้มอย่างมีเลศนัย ก่อนจะใช้เท้ากระทืบลงไปบนหัวของอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์
โพละ!
กะโหลกของเบลานต์ระเบิดออกราวกับแตงโมที่ถูกทุบ เลือดสีแดงเข้มสาดกระเซ็นไปทั่วพื้น ผสมกับเศษชิ้นส่วนของสมองสีแดงและขาวที่ไหลปนออกมา
“นายท่าน ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์คนนี้ไม่มีวันทรยศท่านหรอก แล้วท่านจะได้เห็นเองว่าข้าจงรักภักดีมากแค่ไหน ข้าขอสาบาน!”
ขณะที่เธอจ้องมองไปยังซากศีรษะของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ ราวกับว่าเธอมองเห็นอนาคตของตนเองในสภาพที่เละไม่มีชิ้นดีหากเธอคิดทรยศเขา และโดยปราศจากความสงสัยหรือความร้ายกาจในคำพูดของชายหนุ่ม เอลิซาเบธก็คุกเข่าลงต่อหน้าเขาอย่างยอมจำนนและไม่แสดงท่าทีขัดขืนแต่อย่างใด เธอไม่สนใจแม้กระทั่งเศษสมองสีขาวและแดงที่ไหลนองพื้น
“ดีมาก เจ้าเข้าใจก็ดีแล้ว”
หานซั่วพูดด้วยความพึงพอใจ หลังจากที่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็พูดต่อ
“เจ้าสามารถดูดกลืนพลังงานของพวกศาสนจักรแห่งแสงสว่างได้ นั่นถือว่าเยี่ยมยอดมากเลย”
หานซั่วแสยะยิ้ม
“ตราบใดที่เจ้าคอยติดตามข้า ข้าเชื่อว่าพลังของเจ้าคงจะพัฒนาและแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้อีกเป็นเท่าตัวเลยล่ะ”
“ทาสแก่ ๆ คนนี้จะจดจำความเมตตาของนายท่านไปจนตาย!”
เอลิซาเบธให้คำมั่น
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“เอาล่ะ ลุกขึ้นได้แล้ว ยังมีคนของศาสนจักรแห่งแสงสว่างอีกหลายคนที่ยังไม่ตายอยู่ตรงโน้น เจ้าก็ไปดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างของพวกเขาต่อเถอะ”
หานซั่วออกคำสั่ง และเริ่มพูดกับเธอด้วยท่าทีที่อ่อนโยนมากขึ้น
โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง เอลิซาเบธก็พุ่งตัวจากจุดที่หานซั่วยืนอยู่ออกไปด้วยความเร็วราวสายฟ้า กระแสพลังงานสีเขียวอันชั่วร้ายระเหยออกมาจากทวารทั้งเจ็ดของเธออย่างต่อเนื่อง ขณะดูดกลืนพลังงานจากคนของศาสนจักรแห่งแสงสว่างที่ยังไม่ตายสนิท
เมื่อได้เห็นความตั้งใจของเอลิซาเบธ หานซั่วก็รู้สึกโล่งใจ เพราะหลังจากที่เขาหยดเลือดปีศาจไว้ในร่างของเธอแล้ว หากเธอคิดจะทรยศเขา หานซั่วจะเป็นคนแรกที่รับรู้ได้ และจะสามารถสั่งการให้หยดเลือดที่แฝงอยู่ในสมองสังหารเธอได้ในทันที
ยิ่งไปกว่านั้น หานซั่วเองก็สามารถดูดกลืนพลังงานจากร่างกายของเอลิซาเบธได้โดยตรง เธอย่อมรู้ดีว่าไม่มีโอกาสใดที่เธอจะแข็งแกร่งได้เหนือกว่าเขา ช่างเป็นทาสที่พึ่งพาได้จริง ๆ อีกทั้งยังเป็นเจ้าของกายศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อหานซั่วอย่างมาก เจ้าผีดิบธาตุดินชั้นยอดมองไปยังกองเศษซากที่เคยเป็นสมองของอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ ก่อนจะหันมาสื่อสารกับหานซั่วด้วยความงุนงง
“ท่านพ่อ เขาตายหรือยัง?”
“อื้ม ตายสนิทเลย แถมพลังงานที่หลงเหลืออยู่ในวิญญาณของเขาก็มีประโยชน์กับข้ามากด้วย”
หานซั่วตอบ ไม่นานนัก เพียงชั่วพริบตาเดียว คมมีดพิชิตมารก็ลอยออกมาจากต้นคอของเขา ในขณะที่วิญญาณของเบลานต์ยังไม่สูญสลายไป ซึ่งเป็นสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปไม่สามารถสัมผัสได้ กลับถูกสูบเข้าสู่คมมีดพิชิตมารในทันที
ระหว่างสงครามการปฏิวัติที่เกิดขึ้นในนครออซเซ็น คมมีดพิชิตมารได้กลืนกินพลังงานด้านลบในปริมาณที่มากเกินไป จนเกือบจะทำให้เข้าสู่ภาวะจำศีลจนไม่สามารถทำให้พลังงานเหล่านั้นสงบลงได้ แต่อย่างไรก็ตาม หานซั่วก็รู้ดีว่าวิกฤติครั้งนั้นสำคัญกับคมมีดพิชิตมารเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไร มันก็สามารถกลายเป็นอาวุธสังหารอันไร้เทียมทานได้หรือไม่ ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่ามันสามารถซึมซับพลังงานเหล่านั้นและแปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณอันชั่วร้ายได้มากเพียงใด
บางที พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของเบลานต์ ซึ่งหลังจากหลั่งไหลเข้าสู่คมมีดพิชิตมารแล้ว จะกลายเป็นเหมือนกับจิตวิญญาณหลักของมัน และช่วยให้คมมีดพัฒนาและแปรเปลี่ยนให้วิญญาณที่ชั่วร้ายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น
หลังจากที่วิญญาณของเบลานต์ถูกคมมีดพิชิตมารกลืนกินเข้าไปแล้ว มันก็อำพรางตนเองอยู่ภายในร่างของหานซั่วอีกครั้ง ไม่นานนัก หานซั่วก็หันไปสนใจชุดเกราะบนร่างของเบลานต์ อาวุธในมือ รวมทั้งแหวนมิติ อัศวินศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรแห่งแสงสว่างน่าจะมีของมีค่ามากมายอยู่กับตัวบ้างสินะ? หานซั่วคิด
แล้วหานซั่วก็กระชากชุดเกราะและหอกสีทองมาจากร่างของเบลานต์โดยปราศจากการเห็นใจก่อนจะนำมาใส่ไว้ในแหวนมิติของตนเอง ทั้ง 2 อย่างเป็นผลงานชิ้นเอกของนักเล่นแร่แปรธาตุฝีมือระดับสุดยอดของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง ซึ่งคนที่ใช้มันก็ต้องครอบครองพลังงานศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย ถึงจะใช้งานประสิทธิภาพของมันได้อย่างเต็มที่ และแน่นอน หานซั่วไม่มีใครเป็นพันธมิตรอยู่ในศาสนจักรแห่งแสงสว่าง แต่ถ้านำไปขายล่ะก็ เขาจะต้องได้รับราคาดีอย่างไม่ต้องสงสัย
แล้วหานซั่วก็ค้นแหวนมิติของเบลานต์ ข้างในเต็มไปด้วยหนังสือเล่มหนาของศาสจักร เงินเหรียญทองจำนวนหนึ่ง อาวุธระดับต่ำอีกไม่กี่ชิ้น ม้วนคาถาหน้าตาธรรมดา ๆ 2 ม้วน และกระดาษบาง ๆ แผ่นสีเหลืองอีกจำนวนหนึ่ง
เมื่อเขาค้นของส่วนตัวของเบลานต์จนเสร็จ เขาก็เหลือบไปเห็นเนื้อหาบนกระดาษแผ่นสีเหลือง ซึ่งทำให้ท่าทีของเขาเปลี่ยนไปทันที