Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 446
หลังจากเวลาผ่านไปร่วม 3 ปี เมื่อเสียงของหานซั่วดังขึ้นอีกครั้ง อัศวันศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ก็สามารถบอกได้เลยว่าเสียงของชายผู้ที่หันหลังให้เขาอยู่นั้นเป็นของใคร
เบลานต์ถูกโค่นอย่างน่าอับอายในการต่อสู้ของพวกเขาเมื่อหลายปีก่อน ซึ่งแน่นอนว่าต้องทิ้งความรู้สึกฝังใจเอาไว้ สำหรับเบลานต์ การต่อสู้นั้นจบลงอย่างน่าอดสู ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ หลังจากเวลา 3 ปีได้ล่วงเลยไป เบลานต์ก็ยังคงต้องฟื้นฟูร่างกายตนเองจากอาการบาดเจ็บสาหัสอย่างต่อเนื่อง จึงอดไม่ได้ที่จะนึกถึงหานซั่ว ในเมื่อตอนนี้หานซั่วมายืนอยู่ต่อหน้าเขาอีกครั้ง เบลานต์ ฆาตกรผู้โหดเหี้ยมที่เกลียดพวกนอกรีตจนเข้ากระดูกดำ จึงมิอาจควบคุมสีหน้าท่าทางของตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย
“…เจ้า!”
เบลานต์ตะโกนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขากำหอกสีทองในมือไว้แน่นจนเส้นเลือดปูดโปนออกมา แรงจับนั้นแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าเขาพยายามจะหักหอกนั้นเป็น 2 ท่อน เห็นได้ชัดว่าความเกลียดชังนั้นหยั่งรากลึกลงไปในหัวใจของเขามากเพียงใด
หานซั่วพยักหน้ารับ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏบนใบหน้า และพูดขึ้น
“เจอกันอีกแล้วนะ!”
“ท่านเบลานต์ เจ้าเด็กนี่เป็นใครกัน?”
นักเวทย์ที่พูดมากกว่าใครเพื่อนรู้สึกสงสัยขึ้นมา เขาไม่เข้าใจว่าอัศวินศักดิ์สิทธิ์อย่างเบลานต์ และยังเป็นถึงหนึ่งในผู้ที่มีชื่อเสียงเกรียงไกรของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง จะรู้จักกับเด็กหนุ่มที่ไม่น่าจะมีฝีมืออะไรมากมายแบบนี้
“พ… พวกเจ้ารู้จักกันด้วยรึ?”
เอลิซาเบธพึมพำ เธอยังคงกองอยู่แทบเท้าของหานซั่วและไม่สามารถขยับตัวได้นอกจากจะกระดิกนิ้วมือได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เธอมองหานซั่วอย่างงงงวยอย่างที่สุด
“ฮ่า ๆ ๆ แน่นอน!”
หานซั่วตอบ พร้อมรอยยิ้มมีเลศนัยโดยที่ยังไม่หันหน้าไปเช่นเคย ก่อนจะยื่นมือออกมาตบไหล่ของเอลิซาเบธเบา ๆ และทันใดนั้นเอง พลังที่ตรึงร่างของเธอไว้ก็หายไปในทันที
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“ร่างกายศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าสามารถดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์จากร่างของพวกเขาได้ ร้ายกาจจริง ๆ วันนี้ถือเป็นวันโชคดีของเจ้าแล้วล่ะ บางทีเจ้าอาจจะได้ดูดกลืนพลังของอัศวินศักดิ์สิทธิ์ด้วยได้นะ เอลิซาเบธ อย่าลืมคว้าโอกาสนั้นไว้ให้ได้ก็แล้วกัน!”
หานซั่วพูดกับอลิซาเบธด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ขณะที่เธอซึ่งอยู่ข้างหลังเขาลุกขึ้นมายืนเองได้แล้ว สายตาของเขาจับจ้องไปที่เบลานต์
เอลิซาเบธมองไปยังอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ ผู้ที่มองดูราวกับว่าเขากำลังเผชิญกับคู่แข่งที่ยิ่งใหญ่เหลือเกิน ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในหัวของเธอ เธอชี้ไปที่หานซั่วและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตกใจ
“เจ้า… เจ้าคือนักเวทย์ผู้ใช้ความตายที่มาจากจักรวรรดิแลนซล็อตใช่รึเปล่า? ข้าเคยได้ยินเรื่องของเจ้ามาก่อน ที่ว่าเจ้าจัดการกับเบลานต์และคนของเขาด้วยตัวเองคนเดียว ให้ตาย! เจ้านั่นเอง!”
แม้แต่เอลิซาเบธ คนนอกรีตที่ถูกศาสนจักรแห่งแสงสว่างไล่ล่าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก็ทราบถึงการต่อสู้ในนครออซเซ็นเมื่อ 3 ปีก่อนด้วยเช่นกัน เขาและเธอกลายเป็นเป้าหมายของศาสนจักรฯ ที่ต้องการจับตายเพียงสถานเดียว การต่อสู้ภายในนครออซเซ็นเมื่อ 3 ปีก่อนถือเป็นความเสื่อมถอยครั้งยิ่งใหญ่ที่ศาสนจักรแห่งแสงสว่างต้องแบกรับมาโดยตลอด เมื่อข่าวของเหตุการณ์การปะทะกันของ 2 กลุ่มที่มีเป้าหมายต่างกันอย่างสิ้นเชิง ได้แพร่กระจายไปทั่วทุกหัวระแหง
การที่อัศวินศักดิ์สิทธิ์ ผู้เปรียบเสมือนเกียรติยศและสัญลักษณ์แห่งพลังอันยิ่งใหญ่ของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง ได้พ่ายแพ้อย่างยับเยินจนข่าวแพร่กระจายอย่างรวดเร็วรุนแรงราวกับมหาเวทย์กาฬโรคของเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายได้ถูกร่ายออกไป สำหรับพวกนอกรีตของศาสนจักรแห่งแสงสว่าง ข่าวนี้เปรียบเสมือนกับบทเพลงเสนาะหูสำหรับพวกเขา คนนอกรีตแทบทุกคนต้องรู้จักชื่อ “ไบรอัน” อย่างแน่นอน
คนของศาสนจักรแห่งแสงสว่างที่ล้อมหานซั่วและเอลิซาเบธไว้ ต่างก็หน้าซีดเผือดไปตาม ๆ กันเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ อัศวินเทมพลาร์ 3 คนซึ่งยืนอยู่ใกล้หานซั่วที่สุดและเป็นพวกแรกที่พุ่งเข้ามาหาเอลิซาเบธ แต่ก่อนที่หานซั่วจะทันได้เคลื่อนไหวใด ๆ พวกเขาทั้งสามคนก็รีบถอยหลังออกไปโดยไม่รู้ตัวเพื่อเว้นระยะห่างจากหานซั่ว และกลับไปสมทบกับคนอื่น ๆ ในวงล้อม
“เขานั่นเอง… ใช่เขาจริง ๆ ด้วย….”
นักเวทย์แห่งศาสนจักรแห่งแสงสว่างที่เอ่ยถามเบลานต์ด้วยความสงสัย ถึงกับพึมพำกับตัวเองขณะจ้องมองไปยังหานซั่วด้วยความหวาดกลัว เสียงของเขาแผ่วเบาราวกับกลัวว่าจะเผลอไปกระตุ้นความสนใจของหานซั่ว
“เตรียมตัวลงมือ! ลืมเอลิซาเบธไปซะ! ทุกคนพุ่งเป้าโจมตีไปที่เจ้าหนุ่มนั่นคนเดียว!”
เบลานต์ตะโกน หลังจากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังหานซั่วและพูดขึ้น
“เวลาตั้ง 3 ปี ข้าไม่เชื่อว่าครั้งนี้เจ้าจะเล่นงานข้าได้อีกครั้งหรอก!”
ทันทีที่เบลานต์พูดจบ ออร่าศักดิ์สิทธิ์ปริมาณมากก็แผ่กระจายออกมาจากร่างของเขา ออร่าศักดิ์สิทธิ์และออร่าต่อสู้สีทองผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ มัดกล้ามบนร่างกายของเขาปะทุขึ้นมาพร้อมกับแสงสีทองเรืองรอง ทำให้เขาดูเหมือนกับมนุษย์ที่ทำด้วยทองคำ มนุษย์ทองคำ… น่าจะเป็นคำพูดที่เหมาะสมที่สุดที่จะใช้บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้น
ดวงตาของหานซั่วเปล่งประกาย จากออร่าของเบลานต์ เขาก็สัมผัสได้ทันทีว่าเบลานต์แข็งแกร่งและทรงพลังมากเพียงใด เขาพบว่าในช่วงระยะเวลา 3 ปี ความแข็งแกร่งของเบลานต์ได้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อออร่าต่อสู้ของเขาแข็งแกร่งขึ้นเป็นทวีคูณด้วยความเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์
“ครั้งนี้ ข้าจะไม่ทำให้เจ้าบาดเจ็บอีกครั้งหรอกนะ”
หานซั่วมองเบลานต์ด้วยสายตาเย็นชา และพูดเน้นทีละคำ
“เพราะข้าจะฆ่าเจ้า!”
หานซั่วฉีกยิ้มอย่างชั่วร้าย และปล่อยหมัดเข้าใส่เบลานต์
ขณะที่หอกสีทองั้อยู่ในมือของเบลานต์กำลังกวัดแกว่งด้วยลำแสงสีทองเรืองรอง หานซั่วก็ปล่อยหมัดขวาทุบลงมาราวกับค้อน พลังงานที่รุนแรงราวกับแผ่นดินไหวส่องแสงประกายห่อหุ้มฝ่ามือของเขาเอาไว้ แสงวาบสีแดงเปล่งออกมาจากหมัดนั้นอย่างรุนแรง แต่หลังจากที่แสงนั้นจางลงไป หมัดสีแดงที่มีขนาดใหญ่โตเท่าเนินเขาก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศและบดขยี้ลงที่เบลานต์อย่างรวดเร็วและรุนแรง
เบลานต์อยู่ในอาการหวาดกลัวสุดขีด เขารู้สึกได้ถึงพลังทำลายล้างมหาศาลที่แฝงอยู่ในหมัดนั้น พลังที่เขารวบรวมมาตลอด 3 ปี หลั่งไหลเข้าไปในหอกสีทองในมือ มันระเบิดแสงออกมาจนทำให้เขาดูราวกับดวงอาทิตย์ เขาขว้างหอกขึ้นไปทางหมัดสีแดงขนาดยักษ์ที่กำลังบดขยี้ลงมา ขณะที่หอกสีทองพุ่งขึ้นไปด้วยความเร็วสูง เสียงสวดสรรเสริญเทพแห่งแสงสว่างก็ดังขึ้นอย่างแผ่วเบา
เมื่อหอกสีทองแทงเข้าที่หมัด เสียงปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหวก็ก้องสะท้อนไปทั่ว ลำแสงที่เกิดขึ้นด้านบนสว่างจ้ามากพอจะทำให้ทุกคนตาบอดได้ชั่วคราวยกเว้นพวกเขาทั้งคู่ ความผันผวนอันยิ่งใหญ่ของพลังงานเริ่มพัดกระโชกอย่างรุนแรงไปในทุกทิศทาง ทั้งเอลิซาเบธ และสาวกของศาสนจักรแห่งแสงสว่างต่างหนีกันจ้าละหวั่นเพื่อหาที่หลบภัย
ชั่วขณะนั้นเอง เหล่าอสูรมิติมืดที่รายล้อมอยู่ในความเงียบ เหมือนจะถูกเป่าแตรเรียกให้เริ่มเคลื่อนไหวและโจมตี สาวกของศาสนจักรแห่งแสงสว่างจำนวนหนึ่งที่ไม่ทันระวังตัวล้วนถูกจัดการด้วยอสูรมิติมืด เสียงร้องโหยหวนอย่างน่าขนหัวลุกผสมปนเปไปกับเสียงเหล่าอสูรกำลังกัดกินกระดูกของมนุษย์
มีเพียงเอลิซาเบธที่ไม่ถูกโจมตีโดยเหล่าอสูรมิติมืด แต่การที่ต้องทนฟังเสียงคนของศาสนจักรแห่งแสงสว่างกำลังถูกอสูรกัดกินทั้งเป็น เธอก็ถึงกับตัวสั่นงันงก และรู้สึกหวาดกลัวอย่างมากข เธอมองไปยังหานซั่ว และคิดในใจว่าเขาเป็นคนนอกรีตที่ร้ายกาจที่สุดจริง ๆ
เสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งของหานซั่วดังกึกก้องราวกับพายุ
“เบลานต์เอ๋ย… เบลานต์ ถึงเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น แต่ดูท่าเจ้าก็ต้องตายอยู่ที่นี่อยู่ดี วันนี้ไม่มีใครช่วยเจ้าได้หรอก!”
ในบรรดาคนทุกคนที่อยู่ที่นั่น เอลิซาเบธเป็นผู้ที่ผ่อนคลายได้มากที่สุด ขณะที่เหล่าสาวกของศาสนจักรแห่งแสงสว่างกำลังถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าอสูรมิติมืดที่แข็งแกร่งจำนวนมากที่หานซั่วอัญเชิญมา แต่อสูรเหล่านั้นไม่ได้โจมตีเอลิซาเบธเลยแม้แต่น้อย ทันทีที่เธอฟื้นตัวจากอาการตาบอดเพราะแสงวาบไปชั่วขณะและกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เธอก็หันไปตามทิศทางเสียงของหานซั่ว
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอเห็นมีเพียงลำแสงประหลาดซึ่งเกิดมาจากหมัดสีแดงเข้มและกำลังพุ่งเข้าใส่เบลานต์ ส่วนหานซั่วที่กำลังหัวเราะร่าราวกับปีศาจก็แทบมองไม่เห็นขณะที่กำลังเคลื่อนไหวและถาโถมการโจมตีใส่เบลานต์จากรอบทิศทาง หมัดอันรัวเร็วราวกับไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนั้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเบลานต์เองก็เริ่มไม่ไหว
อัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์ไร้ซึ่งกำลังจะต่อสู้กลับอย่างสิ้นเชิง และทำได้เพียงยืนหยัดปัดป้องการโจมตีที่โถมเข้ามาเท่านั้น
อัศวินศักดิ์สิทธิ์ที่แม้ว่าจะอยู่ในภาวะกายทองซึ่งเป็นกระบวนท่าที่ก่อให้เกิดความแข็งแกร่งสูงสุด กลับต้องรู้สึกปวดร้าวอย่างที่เขาเคยเป็นมาก่อน เมื่อต้องเผชิญหน้ากับโจมตีอันรวดเร็วของหานซั่ว เลือดสด ๆ สีแดงเข้มไหลพรั่งพรูออกจากทั้งจมูกและมุมปากของเขา และท่าทียโสโอหังเมื่อครู่ก็ได้มลายหายไปจนสิ้น
แต่สิ่งที่ทำให้เอลิซาเบธประหลาดใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ดูเหมือนว่าหานซั่วแทบจะไม่ได้ออกแรงสักเท่าใดเลย ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทีของเขาดูราวกับการนอนละเมอที่ลุกขึ้นมาจัดการกับเบลานต์เท่านั้นเอง
ร่างของอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์สั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้ หอกของเขากวัดแกว่งไปมาในอากาศ ในขณะที่พลังนั้นทิ่มแทงเขาเข้าใส่เขาราวกับฝูงมดคันไฟที่กรูกันเข้ามารุมจัดการเหยื่อ กำลังมือของเขาอ่อนแรงลงทุกที และความเร็วที่เขากวัดแกว่งหอกสีทองก็ช้าลงเรื่อย ๆ
เปรี้ยง !!!
หมัดนั้นพุ่งเข้าใส่ม่านพลังหลายชั้นของหอกจนแตกสลาย หานซั่วถอนหมัดออกเงียบ ๆ การเคลื่อนไหวของอัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์หยุดชะงักแข็งทื่อไปในทันที เมื่อเสียงเปรี้ยะอย่างต่อเนื่องดังออกมาจากร่างของเขา ก่อนที่เบลานต์จะยืนทื่อ และล้มลงไปกับพื้นในที่สุด
ท่ามกลางสายตาประหลาดใจอย่างเหลือแสนของเอลิซาเบธ บนพื้นที่อัศวินศักดิ์สิทธิ์เบลานต์นอนแผ่อยู่นั้น นักรบผีดิบที่ดูซื่อ ๆ ตนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น ผีดิบตนนั้นมีชุดเกราะดูแปลกตาสีน้ำตาลเทา พื้นดินแข็ง ๆ ดูราวกับน้ำสำหรับมัน เมื่อมันสามารถโผล่ขึ้นมาจากพื้นดินอย่างง่ายดายโดยไม่มีอุปสรรคใด ๆ
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
เมื่อผีดิบแปลกประหลาดตนนั้นผุดขึ้นมาจากพื้นดินได้ทั้งตัว มันก็กระทืบลงไปบนร่างของเบลานต์อย่างรุนแรง เลือดสด ๆ พุ่งทะลักออกมาจนไหลอาบไปทั่วร่าง ขณะที่พลังชีวิตจางบนใบหน้าของเขาค่อย ๆ จางหายไปทีละน้อย ๆ
“เฮ้ เอลิซาเบธ เจ้ารีบมาดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์จากร่างของเขาก่อนที่เขาจะตายสิ!”
เอลิซาเบธยังคงอยู่ในอาการมึนงง แต่เมื่อได้ยินดังนั้น เธอก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจจนยากเกินบรรยาย
“ให้ข้าเหรอ? จริงเหรอ?”
เธอร้องออกมาอย่างลิงโลด น้ำเสียงของเธอสั่นเครือ ขณะจ้องมองมาที่หานซั่วด้วยความเหลือเชื่ออย่างที่สุด
“แน่นอนอยู่แล้ว และถ้าเจ้าดูดกลืนพลังศักดิ์สิทธิ์จากอัศวินศักดิ์สิทธิ์นี่เข้าไป เจ้าก็มีคุณสมบัติพอที่จะมาเป็นทาสของข้าแล้วล่ะ!”
หานซั่วพูดพร้อมกับยิ้ม
“ท….ทาสงั้นรึ?”
เอลิซาเบธงุนงงอีกครั้ง สมองของเธอไม่สามารถเข้าใจทุกสิ่งที่เธอได้ยิน
“ก็ใครใช้ให้เจ้ามาหาเรื่องข้าก่อนล่ะ? เอ้า… รีบตัดสินใจสักที! จะตายหรือจะรับใช้ข้า เลือกเอาเองเลย!”
หานซั่วพูดอย่างเย็นชา
หลังจากเงียบไปเพียงชั่วครู่หนึ่ง เอลิซาเบธก็ยกมือขึ้นเพื่อประกาศการตัดสินใจของเธอ
“ข้ายินดีที่จะเป็นทาสของท่าน!”
เธอร้องออกมา ก่อนที่จะรีบพุ่งตัวไปยังร่างของเบลานต์ที่กำลังใกล้ตายเต็มที