Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 423.2
“เอาล่ะ เอาล่ะ พวกเรามาคุยเรื่องดี ๆ กันดีกว่า อย่ามัวจมอยู่กับความโศกเศร้าในอดีตเลยนะคะ”
ฟีบี้พูดปลอบแฟนนี่ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างหญิงสาวทั้งสามจะดูเข้ากันได้ดี และไม่ได้ตึงเครียดอย่างที่หานซั่วคาดเดาไว้ตอนแรก
แต่ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่ว่าจะพูดอะไรออกไปดี หานซั่วก็รู้สึกว่าคมมีดพิชิตมารที่อยู่ในร่างของเขา อยู่ดี ๆ ก็มีปฏิกิริยาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ทำให้เขาตกใจมากทีเดียว เขาจึงหลับตาลงไปพักหนึ่ง ก่อนจะอุทานออกมาด้วยความดีใจ
“ดูเหมือนว่าข้าต้องนั่งสมาธิเพื่อฝึกฝนสักพักหนึ่งล่ะ!”
การต่อสู้ภายในนครออซเซ็นยังคงดุเดือดเลือดพล่านตลอด 2 วันที่ผ่านมา โดยเฉพาะในเขตเหนือ ซึ่งแม้จะเป็นเวลาเพียงน้อยนิด แต่ก็มีทหารที่ต้องสังเวยชีวิตในสนามรบไปแล้วมากกว่า 10,000 คน ทหารคุ้มกันของนครออซเซ็นทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งในบรรดายอดฝีมือของจักรวรรดิแลนซล็อต ในขณะที่กองกำลังเสียงคำรามของฟีเรนซีนั้นแข็งแกร่งและน่าเกรงขามยิ่งกว่า ระหว่าง 2 วันนี้ ศพกองพะเนินของทหารจำนวนมากที่ตายไป จึงทิ้งจิตอาฆาตและดวงวิญญาณที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นชิงชังไว้เบื้องหลัง
พลังงานประเภทนี้เองที่ทำให้คนธรรมดาทั่วไปต้องรู้สึกอึดอัดราวกับว่ามีภูเขากดทับอยู่บนอกจนหายใจไม่ออก ยอดฝีมือบางคนจะสามารถสัมผัสถึงพลังงานนี้ได้อย่างชัดเจน แต่อย่างไรก็ตาม สำหรับจิตอาฆาตอันไร้ที่สิ้นสุดและพลังงานด้านลบจากผู้ที่ล่วงลับเหล่านี้ จะมีเพียงนักเวทย์ผู้ใช้ความตายที่ทรงพลังของอาณาจักรแห่งความลึกล้ำเท่านั้น ที่สามารถนำพลังงานนี้มาใช้ รวมทั้งดึงวิญญาณที่ทรงพลังบางดวงมาใช้หล่อหลอมอสูรมิติมืดชนิดพิเศษขึ้นมาได้ นอกจากนี้แล้ว ก็ไม่มีใครอีกเลยที่สามารถดูดซับพลังงานนี้ได้โดยตรง
อย่างไรก็ตาม หานซั่วเป็นผู้ฝึกฝนเวทย์ปีศาจที่สามารถรวบรวมและดูดซับจิตสังหารได้โดยตรงอยู่แล้ว ในขณะที่ความเคียดแค้นชิงชังไร้ที่สิ้นสุดและความหวาดกลัวที่หลงเหลือในวิญญาณของผู้วายชนม์เหล่านี้ยังไม่สูญสลายไป คมมีดพิชิตมารจึงสามารถดูดซับพลังงานได้โดยง่าย และเป็นเพราะคมมีดพิชิตมารสัมผัสได้ถึงพลังงานอันคุ้นเคยที่อบอวลอยู่รอบ ๆ นี้เอง มันจึงส่งสัญญาณบอกหานซั่วถึงความกระหายของมัน
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงต้องมาฝึกฝนเอาตอนนี้ล่ะ?”
ฟีบี้มองหานซั่วและถามด้วยความสงสัย
“มันอธิบายยากน่ะ แต่ก็เกี่ยวกับศาสตร์ต่อสู้ที่ข้าฝึกฝนอยู่นั่นแหละ เหมือนกับโบลแลนด์ที่มีจิตสังหารอบอวลอยู่รอบกายเพราะเขาฆ่าคนมาเยอะมากตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นนักฆ่า มันก็เลยยังคงวนเวียนติดตัวเขาอยู่แบบนั้น และเขาก็สามารถใช้จิตสังหารพวกนั้นคุกคามคนอื่นได้ ซึ่งข้าก็ทำได้เหมือนกันน่ะ
โอ้ จริงสิ พลังงานพวกนี้ก็มีประโยชน์กับโบลแลนด์ด้วยเหมือนกัน ตราบใดที่ข้าช่วยฝึกเขาล่ะก็ เขาจะมีโอกาสนำเอาส่วนหนึ่งของจิตสังหารหรือจิตอาฆาตที่แฝงอยู่ในทุกที่มาใช้ได้ด้วย เอาล่ะ ข้าจะไม่พูดกับพวกเจ้ามากไปกว่านี้แล้ว ข้ารีบไปหาโบลแลนด์ก่อนนะ”
หานซั่วอธิบายอย่างผิวเผิน ก่อนที่อยู่ดี ๆ จะนึกถึงโบลแลนด์ขึ้นมาได้ และรีบจากไปทันที
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“เจ้าคนบ้านั่น!”
เมื่อฟีบี้รู้ตัวว่าหานซั่วได้หายตัวไปแล้วในขณะที่เธอเผลอไปเพียงครู่เดียว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะสบถออกมาด้วยเสียงอันดัง
ในระหว่าง 2 วันนี้ จิตใจที่เคยสงบนิ่งและเย็นชาของโบลแลนด์กลับกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก เพราะศาสตร์ต่อสู้อันลึกลับของหานซั่วนั้นเป็นการเปิดเผยที่น่าเหลือเชื่อมากสำหรับเขา ทำให้โบลแลนด์ที่กำลังจะมีโอกาสได้เรียนรู้ศาสตร์ต่อสู้นั้นจึงรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึง
ด้วยอายุและระดับของโบลแลนด์ สิ่งที่เขาไล่ตามย่อมไม่ใช่ความไร้ซึ่งแบบแผนเหมือนพวกคนหนุ่มสาว มีเพียงผลประโยชน์ที่สำคัญและเหมาะสมจริง ๆ เท่านั้นที่จะทำให้คนในระดับอย่างพวกเขารู้สึกตื่นเต้นถึงเพียงนี้ โบลแลนด์ซึ่งเป็นนักฆ่ามาหลายปีและเป็นคนที่ใจเย็นอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม จิตใจของเขาก็ยังคงวนเวียนเรื่องศาสตร์ต่อสู้ของหานซั่วมาตลอด 2 วัน ทำให้หัวใจที่เคยสงบนิ่งของเขาได้สัมผัสความตื่นเต้นอีกครั้ง
นี่ก็ 2 วันเข้าไปแล้ว หวังว่าศิษย์พี่จะไม่เป็นอะไรไปนะ ในโลกนี้ คงมีแค่เขาคนเดียวนี่แหละที่สามารถชี้นำข้าให้เดินไปในทางที่ถูกต้องได้ โบลแลนด์คิดในใจ เขานึกเป็นห่วงหานซั่วจากใจจริง และกลัวว่าความหวังสุดท้ายในโลกนี้ของเขาจะหายไปด้วย
ทันใดนั้นเอง เสียงแหวกอากาศเสียงหนึ่งก็ดังให้ได้ยิน โบลแลนด์สะดุ้ง เขารีบรวบรวมจิตสังหารขณะเพ่งมองไปทางนั้นอย่างเยือกเย็น
“นั่นใครน่ะ!?”
“หึหึหึ ข้าเอง”
หานซั่วหัวเราะ ก่อนจะมายืนอยู่ข้าง ๆ โบลแลนด์แทบจะในทันที
โบลแลนด์รู้สึกสุขอย่างท่วมท้นในหัวใจ อย่างไรก็ตาม สีหน้าท่าทางของเขากลับไม่เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย เขาโค้งคำนับหานซั่วและพูดด้วยความเคารพ
“ศิษย์พี่!”
ระหว่างสงคราม โบลแลนด์ไม่ได้เชี่ยวชาญในการบัญชาการรบ เขาจึงมาปลีกตัวอยู่คนเดียวเงียบ ๆ ที่ห้อง ๆ หนึ่งบนชั้น 3
และเป็นเพราะมีเหล่ายอดฝีมือทางฝั่งของแอชเบิร์นและชาลส์มากเกินไป ซึ่งไม่ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากแค่ไหน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำการลอบสังหารใครสักคนได้ และในปราสาทก็มีเหล่ายอดฝีมืออยู่หลายคน เขาจึงไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของลอว์เรนซ์มากมายนัก ดังนั้นแล้ว โบลแลนด์จึงแยกตัวออกมาอยู่คนเดียว
“ข้ามาตามหาท่านเพราะมีเรื่องสำคัญน่ะ มาเถอะ รีบขึ้นไปบนหลังคาที่สูงที่สุดของปราสาทกันดีกว่า!”
หานซั่วไม่พูดจาอ้อมค้อมใด ๆ ก่อนจะยิ้มและบอกให้โบลแลนด์ตามมาทันที
ส่วนโบลแลนด์ก็พยักหน้าและรีบพุ่งตัวตามหานซั่วไปโดยไม่พูดอะไร เพื่อไปยังหอคอยที่สูงที่สุดของปราสาท
ก่อนที่โบลแลนด์จะมาเป็นศิษย์ของเขา หานซั่วเคยบอกกฎพื้นฐานให้ฟัง ซึ่งโบลแลนด์ก็จำไว้แล้วจนขึ้นใจ หนึ่งในกฎเหล่านั้นคือห้ามขัดคำสั่งศิษย์พี่ที่หานซั่วเน้นย้ำมากเป็นพิเศษ และในฐานะที่หานซั่วเป็นศิษย์ของอาจารย์ผู้ที่จะถ่ายทอดศาสตร์ต่อสู้ให้กับโบลแลนด์ หานซั่วจึงกลายเป็นศิษย์พี่ของเขาไปโดยปริยาย สำหรับโบลแลนด์ที่ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสูญเปล่า เขาจึงเข้าใจอย่างชัดเจนว่าในตอนนี้ คำสั่งของหานซั่วคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
ขณะที่สงครามกำลังโหมกระหน่ำรุนแรงราวไฟป่า หานซั่วก็พาโบลแลนด์ขึ้นไปบนหอนาฬิกา และเมื่อไปถึง หานซั่วก็หันมายิ้มและพูดกับโบลแลนด์
“ตามจริงแล้วท่านต้องผ่านพิธีกรรมเข้าสำนักก่อนที่ข้าจะถ่ายทอดศาสตร์ต่อสู้ให้ท่านได้ แต่ในเมื่อสงครามกำลังดุเดือดขนาดนี้ และทั่วทั้งนครออซเซ็นก็กำลังอบอวลไปด้วยพลังงานพิเศษปริมาณมหาศาล บางทีท่านเองก็น่าจะสัมผัสถึงพลังงานนี้ได้เหมือนกัน ถ้าข้าถ่ายทอดวิชาให้ตอนนี้เลย ก็จะช่วยให้ท่านดูดซับพลังงานพวกนี้ได้ก่อนที่มันจะจางหายไป และวิธีนี้ก็จะทำให้พลังความแข็งแกร่งของท่านเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเลยล่ะ”
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
ก่อนที่หานซั่วจะพูดจบ โบลแลนด์ก็เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มยินดี ราวกับว่าเฝ้ารอวันนี้มานานแสนนาน เมื่อได้ยินว่าหานซั่วจะถ่ายทอดวิชาให้เขา ความตื่นเต้นภายในหัวใจก็มิอาจข่มไว้ได้อีกต่อไป ร่างกายของเขาถึงกับสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
และเมื่อหานซั่วบอกว่าศาสตร์ต่อสู้ชนิดนี้สามารถทำให้ผู้ฝึกฝนดูดซับพลังงานนี้ได้ โบลแลนด์ก็รู้สึกตื่นเต้นจนแทบสิ้นสติ เสียงของเขาสั่นเครือขณะร้องถาม
“ศิษย์… ศิษย์พี่ ท่านหมายความว่า… พลังงานที่อบอวลอยู่ในนครออซเซ็น ที่ทำให้ผู้คนต้องรู้สึกอึดอัดในตอนนี้ สามารถดูดซับได้โดยศาสตร์ต่อสู้นี้งั้นรึ?”
หานซั่วพยักหน้า และยิ้มตอบ
“แน่นอน ในโลกนี้ ไม่ว่าจะเป็นพลังงานรูปแบบใดก็ดูดซับได้ทั้งนั้น ทั้งปราณแห่งความตาย จิตสังหาร หรือแม้แต่พลังวิญญาณก็ดูดซับได้เหมือนกัน หึหึหึ ข้าเชื่อว่าท่านสัมผัสได้ จิตอาฆาตสังหารที่คุกรุ่นออกมาจากศพของพวกทหารที่ตายยังไม่จางหายไป ตราบใดที่ท่านเข้าใจแก่นแท้ของ วิถีเทพพิฆาตมาร ท่านจะดูดซับพลังงานพวกนี้ได้โดยตรงเลยล่ะ”
“ใช่แล้ว ข้าเองก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่อยู่ทั่วทุกแห่งในสนามรบ แต่พลังงานพวกนั้นไม่ใช่ของข้า ขนาดจิตสังหารจากร่างกายของข้าเอง ข้ายังควบคุมได้ไม่ดีพอ ก็เลยควบคุมพลังจิตสังหารของคนอื่นไม่ได้เลยน่ะ”
โบลแลนด์ตอบไปตามตรง
“ควบคุมลมหายใจให้ดี แล้วตั้งใจฟัง ข้าจะช่วยท่านให้คุ้นเคยกับพลังงานใหม่นี้เอง”
หานซั่วตอบเบา ๆ ก่อนจะขยับไปยืนด้านหลังโบลแลนด์ และถ่ายพลังงานแก่นมนตราเข้าสู่ร่างของเขา
หลังจากที่เฝ้าสุ่มฝึกฝนมานานหลายปี โบลแลนด์จึงมีความเข้าใจเกี่ยวกับการนำจิตสังหารมาใช้อยู่บ้าง เส้นชีพจรในร่างกายของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร แต่เมื่อได้รับการเปลี่ยนแปลงจากวิถีเทพพิฆาตมารแล้ว จิตสังหารเหล่านี้จะกลายเป็นพลังงานส่วนตัวที่เขาสามารถนำมาใช้โดยโดยตรง เพียงแต่ว่าที่ผ่านมา เขาไม่รู้เท่านั้นเองว่าจะใช้ประโยชน์จากจิตสังหารเหล่านี้ได้อย่างไร
เมื่อแก่นมนตราของหานซั่วซึมซาบเข้าไป มันก็ช่วยปรับปรุงฟื้นฟูร่างกายของโบลแลนด์ทันที และหานซั่วก็ทำให้แก่นมนตราดูดซับจิตสังหารที่ไม่บริสุทธิ์ซึ่งวนเวียนอยู่ในเส้นชีพจรของโบลแลนด์ก่อนเป็นลำดับแรก
แผนผังการไหลเวียนของเส้นชีพจรตามวิถีเทพพิชิตมารก็ปรากฏขึ้นมาในหัวของหานซั่วอย่างชัดเจน หานซั่วโคจรจิตสังหารภายในร่างของโบลแลนด์โดยอ้างอิงตามความทรงจำและค่อย ๆ ชี้นำมันไปตามทิศทางที่มีลักษณะเฉพาะ
“จำวิธีการโคจรนี้ไว้ให้ดี มันจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้ท่านได้”
หานซั่วพูดเบา ๆ ขณะที่เขาถ่ายเทพลังแก่นมนตราอีกระลอกหนึ่งเข้าสู่ร่างของโบลแลนด์อีกครั้ง
ระหว่างนั้น คมมีดพิชิตมารก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้า และหมุนวนเวียนตามความตั้งใจของหานซั่ว ก่อให้เกิดหมอกหนาสีเลือดที่ค่อย ๆ ดูดซับพลังงานด้านลบทุกรูปแบบที่อบอวลอยู่ในนครออซเซ็น และทำให้ชาวเมืองทั่วไปเริ่มว้าวุ่นใจและเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
***********************