Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 399
เมื่อได้ยินที่วูล์ฟพูด ความรู้สึกภายในจิตใจของหานซั่วก็พลุ่งพล่านอย่างควบคุมไม่ได้ ศาสนจักรแห่งความหายนะอาจจะครอบครองข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับสุสานแห่งความตาย และที่วูล์ฟพูดมาก็มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเรื่องจริง
เพราะที่ชั้นแรกของสุสานแห่งความตาย ก็เป็นที่ตั้งของวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายจริง ๆ ซึ่งเพราะสิ่งนี้เองที่ทำให้หานซั่วสามารถเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ได้อย่างไร้ข้อจำกัด และเมื่อได้ยินว่าวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายสามารถเชื่อมต่อกับภพอื่นอย่างมิติมืดได้ด้วย หานซั่วก็รู้สึกตกตะลึงจนอธิบายไม่ถูก
ตามปกติแล้ว วงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายที่อยู่ทั่วไปในอาณาจักรมักจะมีข้อจำกัดด้านระยะทาง ยกตัวอย่างวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายระหว่างเมืองใหญ่ ๆ ในจักรวรรดิแลนซล็อตก็ครอบคลุมระยะทางเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร และไม่เคยมีใครได่ยินว่าสามารถสร้างวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายที่เดินทางได้ในระยะไกลหลายพันกิโลเมตรมาก่อน
ยิ่งมีระยะทางมากเท่าใด ก็ยิ่งต้องใช้วัตถุดิบในการสร้างมากเท่านั้น นอกเหนือจากความรู้ความสามารถของผู้สร้างแล้ว ยังต้องใช้ความพยายามอย่างหนักทั้งในเรื่องของการจัดหาวัตถุดิบ และสถานที่ ๆ เหมาะสมในการจัดตั้ง แม้แต่จอมขมังเวทย์ห้วงมิติก็สามารถสร้างวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายที่มีระยะทางระหว่าง 2,000 – 2,500 กิโลเมตรเท่านั้นเอง
ในขณะที่วงเวทย์ห้วงมิติที่อยู่ในใจกลางของสุสานแห่งความตาย สามารถเดินทางข้ามภพได้ตามคำบอกเล่าของวูล์ฟ ซึ่งเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อมากสำหรับหานซั่ว แลเมื่อวูล์ฟบอกว่าสุสานแห่งความตายเป็นสถานที่จากโลกอื่น ก็ยิ่งทำให้หัวของเขามึนตื้อไปหมด
เมื่อเห็นท่าทีตกตะลึงของหานซั่ว วูล์ฟก็พูดต่อ
“และแน่นอนว่ายังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์มากกว่านั้นอีก ว่ากันว่าวงเวทย์มิติเคลื่อนย้ายนั่นสามารถเคลื่อนย้ายได้ อีกทั้งยังเป็นเหมือนกับปราการเวทมนตร์ ที่มีพลังทั้งการโจมตีและป้องกันได้ด้วยตัวเอง ทั้งหมดนี้เป็นตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาภายในศาสนจักร แต่ข้าคิดว่ามันเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือมากทีเดียวนะ”
“ส่วนคทาหัวกระโหลกในมือของเจ้า ซึ่งเจ้ารู้แล้วว่ามันคือกุญแจในการเปิดทางเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ และหัวกระโหลกทั้ง 3 สีของมันก็มีพลังที่แตกต่างกัน อย่างแรกเลย คือมันสามารถเพิ่มพลังเวทมนตร์ของนักเวทย์ผู้ใช้ความตายให้มากขึ้นเป็นทวีคูณ ซึ่งข้ามั่นใจว่าเจ้าคงรู้สรรพคุณข้อนี้ดีอยู่แล้ว ส่วนอย่างที่สอง เจ้าเองก็เคยลองกับข้ามาแล้ว มันคือพลังมหัศจรรย์ที่ทำให้นักเวทย์ผู้ใช้ความตายหวนคืนสู่ความเยาว์วัยอีกครั้ง ไม่เพียงแต่กับผู้เป็นเจ้าของ แต่สามารถใช้กับคนอื่นได้ด้วย
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
และพลังของคทาอย่างสุดท้าย ข้ายังไม่แน่ใจว่าเจ้าเคยลองรึยัง แต่ลือกันว่ามันสามารถเปิดทางไปยังมิติมืดได้ และทำให้ผู้ครอบครองคทาสามารถเดินทางเข้า-ออกมิติมืดได้ดังใจต้องการ พลังนี้ถือว่ายิ่งใหญ่และยากเกินหยั่งถึงที่สุด เพราะมันทำให้นักเวทย์ผู้ใช้ความตายคุ้นชินกับมิติมืด ซึ่งจะนำไปสู่ความเข้าใจอันล้ำลึกของเวทมนตร์ศาสตร์แห่งความตายในระดับที่สูงขึ้นอีก
ซึ่งหัวกระโหลกทั้ง 3 สีจะครอบครองพลังวิเศษที่แตกต่างกันไป อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเกี่ยวกับพลังพวกนี้ก็เป็นเพียงทฤษฎีที่ถูกเล่าต่อ ๆ กันมาภายในศาสนจักรแห่งความหายนะเป็นเวลาเนิ่นนานมาแล้ว ซึ่งถ้ามันมีความลับอย่างอื่นแฝงเร้นอยู่อีก ก็ไม่ใช่อะไรที่ข้าจะล่วงรู้และเข้าใจได้หรอก นี่คือทั้งหมดที่ข้ารู้ และบอกเจ้าได้แค่นี้แหละ”
เพราะหานซั่วเคยเห็นพลังวิเศษของคทาหัวกระโหลก 3 สีมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงเชื่อคำพูดของวูล์ฟอย่างไร้ข้อกังขา เพิ่มพลังเวทมนตร์… คืนความเยาว์วัยให้กับผู้คน… และช่วยให้วิญญาณของผู้ใช้สามารถเดินทางไปยังมิติมืดได้… แม้เขาจะเคยสัมผัสประสบการณ์กับพลังทั้ง 3 อย่าง แต่เขาก็เข้าใจเพียงพลังอย่างแรก ส่วนพลังพิเศษ 2 อย่างหลังนั้นกลับยังไม่เข้าใจความพิศวงของมันเลยสักนิด
โดยเฉพาะพลังอย่างสุดท้าย แม้เขาจะเคยไปยังมิติมืดมาแล้ว แต่ทั้ง 2 ครั้งเขาก็ไม่สามารถอธิบายได้เลยว่าเขาทั้งเข้าและออกมาจากที่นั่นได้อย่างไร ซึ่งไม่เชิงว่าเป็นไปตามที่วูล์ฟเล่า เพราะมันดูเหมือนไม่ได้เป็นเพราะคทาหัวกระโหลกเลยด้วยซ้ำ และหานซั่วเองก็ยังไม่รู้ถึงหัวใจสำคัญและวิธีการใช้คทาหัวกระโหลกอย่างถ่องแท้
แต่ตามคำบอกเล่าของวูล์ฟ หากหานซั่วสามารถควบคุมพลังของคทาหัวกระโหลกทั้งหมดได้อย่างแท้จริง เขาก็จะสามารถเดินทางไปมาระหว่างโลกนี้และมิติมืดได้ดังใจนึก ทั้งการไปพบเจ้าโครงกระดูกตัวเล็กและผีดิบชั้นยอดตนอื่น ๆ ในมิติมืด และทำให้สามารถค้นหาความลึกลับที่ยังไม่ล่วงรู้ของมิติมืด เพื่อพิสูจน์ว่าสุสานแห่งความตายเป็นสถานที่พิเศษซึ่งตั้งอยู่ในมิติมืดอย่างที่วูล์ฟเล่ามาจริงหรือไม่
“ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งของเบื้องบน เพื่อเล่าให้เจ้าฟังเรื่องความลับของคทาหัวกระโหลกและดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เพราะคิดว่าถ้าเจ้ารู้เรื่องพวกนี้บ้างแล้ว เจ้าก็จะมีแนวทางที่จะค้นหาข้อพิสูจน์ต่าง ๆ ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ฮะ ๆ ๆ ศาสนจักรแห่งความหายนะของเราจะเป็นกำลังหนุนที่แข็งแกร่งสำหรับเจ้า ซึ่งเจ้าจะปฏิเสธไม่ยอมรับมันก็ได้ เพราะไม่ว่ายังไง สมาชิกทุกระดับของพวกเราก็รับรู้เรื่องนี้ทั้งหมดแล้วล่ะ”
วูล์ฟยิ้มและอธิบายต่อเมื่อเห็นว่าหานซั่วกำลังจมอยู่ในความคิด
และเขาก็ทำให้หานซั่วตื่นจากภวังค์ ไม่นานนัก เขาก็ชำเลืองมองวูล์ฟและพูดขึ้น
“สิ่งที่เจ้ารู้ มีแค่คทาหัวกระโหลกกับสุสานแห่งความตายนี่ใช่มั้ย?”
“ก็เท่านี้แหละ สำหรับบทบาทของคทาหัวกระโหลกสำหรับศาสนจักรแห่งความหายนะแล้ว ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งยวดเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อเจ้าเข้าใจพลังวิเศษทั้ง 3 อย่างได้อย่างถ่องแท้เมื่อไหร่ ก็จะมีสมาชิกระดับสูงของพวกเรามาพบเจ้าเป็นการส่วนตัว”
วูล์ฟพูดโดยที่ไม่ได้ตอบคำถามของหานซั่วตรง ๆ
“คทาหัวกระโหลกมีความสำคัญกับศาสนจักรแห่งความหายนะ? แสดงว่าเป็นเพราะพลังพิเศษ 2 อย่างหลังโดยเฉพาะเลยงั้นสิ?”
หานซั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามลองเชิง
วูล์ฟจ้องมองอย่างคิดอะไรไม่ออกไปพักหนึ่ง แต่หลังจากใคร่ครวญดีแล้ว เขาก็พยักหน้าและตอบ
“เจ้าจะคิดอย่างนั้นก็ได้ เพราะข้าเองก็ไม่เข้าใจเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงนักหรอก แต่ข้ารู้ว่าศาสนจักรแห่งความหายนะมีผู้ที่ทรงพลังอำนาจเป็นอย่างมาก ยังไงซะ ดูจากอายุของพวกเขาแล้ว ร่างกายของพวกเขาก็อ่อนแอเหลือเกิน เรียกได้ว่าบางคนใกล้จะมาถึงจุดจบของชีวิตแล้วด้วยซ้ำ ถ้าคทาหัวกระโหลกสามารถทำให้พวกเขาคืนความเยาว์วัยได้ คนที่น่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ก็จะสามารถทำให้ศาสนจักรแห่งแสงสว่างถึงกับต้องสั่นคลอนได้เลยทีเดียว
ซึ่งในตอนนี้ เจ้าก็คือคนที่สามารถเติมเต็มพลังชีวิตและทำให้พวกเขามีอายุยืนนานได้อีกครั้ง ความสำคัญของเจ้าที่มีต่อศาสนจักรแห่งความหายนะจึงถือว่าชัดเจนมากพออยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในเมื่อเจ้าสามารถเปิดดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ในอนาคต คนที่จะเปิดเผยความลับต่าง ๆ เกี่ยวกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็จำเป็นต้องเป็นเจ้ายังไงล่ะ”
คำพูดเหล่านี้ จะต้องไม่เป็นสิ่งที่เบื้องบนสั่งให้เขาพูดอย่างแน่นอน แต่เป็นความรู้สึกนึกคิดโดยส่วนตัวของวูล์ฟเองเพื่อแสดงถึงเจตนาที่ดี แต่เขาก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ
“ไบรอัน ทั้งหมดที่พูดมานี้ มาจากตัวข้าเองจริง ๆ ข้าหวังว่าเจ้าจะมองข้าในแง่ดีนะ เพราะถ้าเป็นแบบนั้น ข้าคงรู้สึกซาบซึ้งมากเลย”
หานซั่วยังมีท่าทีแปลกใจต่อคำพูดของวูล์ฟอยู่ แต่เขาก็พยักหน้า และไม่ได้พูดยืนยันอะไรออกไปทั้งนั้น
“เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้ว ข้ากลับล่ะ”
เมื่อวูล์ฟพูดจบ เขาก็ยื่นกระดาษให้หานซั่ว 1 แผ่น และพูด
“นี่จะบอกวิธีติดต่อข้า ถ้าเจ้าต้องการข้า หรือกำลังจากพวกเรา เจ้าก็มาตามหาข้าได้ทุกเวลา พวกเราจะให้ความช่วยเหลือเจ้าอย่างสุดความสามารถ”
หานซั่วรับกระดาษแผ่นนั้นมาอย่างไม่ใส่ใจนัก และพยักหน้าอีกครั้ง ในหัวของเขาเต็มไปด้วยข้อมูลเกี่ยวกับสุสานแห่งความตายและคทาหัวกระโหลก เพราะเขายังรู้สึกประหลาดใจไม่หาย และต้องการที่จะสืบรู้ความจริงทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
หานซั่วรู้ดีว่าสุสานแห่งความตายเต็มไปด้วยความลับมากมาย แต่เขายังไม่สามารถค้นพบความลับที่แท้จริงของสุสานเลยทั้ง ๆ ที่อยู่ที่นั่นมานานพอควร อย่างไรก็ตาม การแบ่งปันข้อมูลของวูล์ฟก็ช่วยแนะแนวทางในการค้นหาความจริงให้กับเขาได้เป็นอย่างดี และหานซั่วก็คิดว่าข้อมูลเกี่ยวกับสุสานแห่งความตายคือสิ่งที่น่าดึงดูดใจที่สุด
“บางที เราน่าจะลองเข้าไปสำรวจในชั้นที่ลึกขึ้นของสุสานแห่งความตายดูเหมือนกันแฮะ ที่นั่นอาจจะมีคำตอบที่ข้าตามหาอยู่ก็ได้”
หานซั่วครุ่นคิด และตัดสินใจได้ในที่สุด
ขณะที่หานซั่วกำลังคิดอยู่คนเดียวเงียบ ๆ จอมขมังเวทย์ผู้ใช้ความตายวูล์ฟก็จากไปแล้วอย่างไร้สุ้มเสียง หานซั่วเงยหน้าขึ้นและมองออกไปข้างนอก และเห็นว่าพระจันทร์เต็มดวงในคืนนั้นกำลังจางหายไปอย่างช้า ๆ และโดยที่เขาไม่รู้ตัว ค่ำคืนนั้นก็กำลังจะสิ้นสุดเสียแล้ว
หานซั่วยังคงครุ่นคิดต่อไป ความสงสัยใคร่รู้ในปริศนาอันลึกลับของสุสานแห่งความตายและคทาหัวกระโหลกกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่มีแท่งเงินสำหรับสร้างวงเวทย์เคลื่อนย้ายแบบพกพา เพื่อเดินทางไปยังสุสานแห่งความตายได้โดยตรงก็ว่าสะดวกมากพออยู่แล้ว ในเมื่อวันรุ่งขึ้นไม่ได้มีธุระสลักสำคัญมากมาย หานซั่วจึงตรงไปยังห้องลับ และใช้แท่งเงินเหล่านั้นทันที
เมื่อหานซั่วเดินทางไปถึงสุสานแห่งความตาย ก่อนที่เขาจะสามารถเปิดเผยความลับภายในสุสาน สายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงระหว่างเขาและมังกรดำกิลเบิร์ตก็ปรากฏเด่นชัดขึ้นมาทันที
เพราะระยะทางระหว่างนครออซเซ็นแห่งจักรวรรดิแลนซล็อตและหุบเขาแสงตะวันนั้นห่างไกลกันเกินไป แม้ว่าหานซั่วและกิลเบิร์ตจะมีพลังที่เชื่อมโยงกันของพันธสัญญา มันก็ทำให้หานซั่วสัมผัสได้ว่ากิลเบิร์ตยังอยู่หรือตายเท่านั้น แต่ไม่สามารถบ่งบอกตำแหน่งที่อยู่หรือความรู้สึกนึกคิดได้เลย
อย่างไรก็ตาม ป่าทมิฬนั้นอยู่ใกล้หุบเขาแสงตะวันกว่ามาก พลังความเชื่อมโยงระหว่างทั้งคู่จึงรุนแรงและชัดเจนมากขึ้นในทันที และทำให้เขาสัมผัสได้ว่ากิลเบิร์ตกำลังต้องการพบเขาอย่างเร่งด่วน
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
หานซั่วซึ่งทีแรกนั้นตั้งใจว่าไปค้นหาความลับของสุสานแห่งความตาย เมื่อสัมผัสได้ถึงความร้อนรนของกิลเบิร์ต เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพักแผนการของตนเองไว้ชั่วคราว ก่อนจะรีบออกไปจากสุสานแห่งความตาย และมุ่งหน้าไปยังหุบเขาแสงตะวันในทันที
หานซั่วใช้ศาสตร์เทพอสูรในการเดินทาง ไม่นานนัก เขาก็ไปถึงหน้าผาแห่งหนึ่งในหุบเขาแสงตะวันซึ่งเป็นแหล่งกบดานของกองกำลังพิฆาตวิญญาณ และกิลเบิร์ตซึ่งสัมผัสได้ถึงออร่าของหานซั่ว ก็เฝ้ารอเขาอยู่ที่ด้านล่างสุดของหน้าผาแห่งนั้นอยู่ก่อนแล้ว
หญิงสาวที่งดงามและมีเสน่ห์ยั่วยวนคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้าง ๆ กิลเบิร์ต เรือนร่างของเธอสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ผมสีน้ำตาลเข้มของเธอถักเปียเป็นลอนจำนวน 9 เปียที่ไล่ลงมาตามบ่า ทำให้เธอทั้งสวยน่ารัก และดูเป็นผู้ใหญ่ที่โดดเด่นไม่เหมือนใครเลยทีเดียว
เมื่อหานซั่วร่อนลงบนพื้น หญิงสาวคนนั้นก็มีท่าทีหวาดกลัวจนขยับตัวแนบชิดกับกิลเบิร์ตมากขึ้นอีก และกิลเบิร์ตก็โอบตัวเธอไว้และอธิบายกับหานซั่ว
“นี่คือ ลาเนีย เธอเคยโดนข้ากำราบในป่าทมิฬเมื่อคราวก่อน ท่านเคยพบเธอมาแล้วนี่”
ไฮดร้า! หานซั่วจ้องมองอย่างฉงนสงสัย แต่ไม่นานเขาก็เข้าใจ และอดไม่ได้ที่จะหันไปมองเธออีกครั้ง ลาเนียโค้งคำนับหานซั่วอย่างสุภาพ และพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“นายท่าน!”
หานซั่วไม่ได้ถามคำถามกับไฮดร้าลาเนีย เพียงแต่พยักหน้าให้เธอเท่านั้น ก่อนจะขมวดคิ้วและหันมาทางกิลเบิร์ต
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ้าถึงอยากพบข้าถึงมากขนาดนั้นล่ะ?”
“ทรังคส์หายตัวไป ทั่วทั้งหุบเขาแสงตะวัน ข้าก็ไม่พบวี่แววของเขาเลย!”
กิลเบิร์ตพูดด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล