Great Demon King – กำเนิดราชันย์ปีศาจ - ตอนที่ 400
“เกิดอะไรขึ้น?”
หานซั่วถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพราะทรังคส์มีความแข็งแกร่งถึงระดับของปรมาจารย์จอมดาบ และบางที ทั่วทั้งหุบเขาแสงตะวันแห่งนี้ อาจมีเพียงนักรบคลั่งระดับ 3 อย่างลอเรตันเท่านั้นที่สามารถต่อกรกับเขาได้ แต่ก็ใช่ว่าลอเรตันจะแข็งแกร่งพอที่จะฆ่าทรังคส์ได้ด้วยตัวคนเดียว
ตามปกติแล้ว ทรังคส์เป็นคนที่ระวังตัวอยู่เสมอ และเขาก็คุ้นเคยกับภูมิประเทศในหุบเขาแสงตะวันเป็นอย่างดี ซึ่งนั่นก็น่าจะมากพอที่จะทำให้เขาไม่เจอกับปัญหาเข้าง่าย ๆ การที่เขาหายไปอย่างกระทันหันแบบนี้ จึงทำให้หานซั่วประหลาดใจอย่างมาก
“หลังจากที่เขากลับมาจากแหล่งกบดานกองโจรของเจเน็ท เขาก็หายตัวไปเลย นี่ก็ปาเข้าไป 4 วันติดกันแล้ว ต่อให้เป็นช่วงที่ไม่มีภารกิจ เขาก็ไม่เคยหายไปไหนนานขนาดนี้ หรือต่อให้หาย เขาก็มักจะทิ้งข้อความไว้ตลอด แต่นี่กลับไม่มีข่าวคราวของเขาเลย พอเราส่งคนไปถามเจเน็ทเธอก็บอกว่าทรังคส์ออกจากที่ของเธอไปแล้วจริง ๆ เขาพาพวกของเราไปด้วยราว 10 กว่าคน แต่ก็ไม่มีร่องรอยของพวกเขาเลยเหมือนกัน”
มังกรดำกิลเบิร์ตอธิบายกับหานซั่วด้วยใบหน้าหม่นหมอง
หานซั่วขมวดคิ้ว และครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามขึ้น
“ช่วงนี้ทรังคส์ไปมีเรื่องกับพวกผู้มีอิทธิพลคนไหนบ้างรึเปล่า?”
“เมื่อ 10 วันก่อน เราซุ่มโจมตีกลุ่มโจรของจอมเชือดพร้อมกับเจเน็ทภายใต้การนำของทรังคส์ ซึ่งทรังคส์และเจเน็ตสังหารจอมเชือดกุสตาฟได้สำเร็จ ก็เลยถือได้ว่ากลุ่มโจรของจอมเชือดถูกกวาดล้างไปจากหุบเขาแสงตะวันจนสิ้นซากแล้ว นอกจากนี้ เราก็ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใครแล้วนะ”
แกรนท์ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับเล่าเหตุการณ์ ในฐานะสหายเก่าแก่ของทรังคส์ เขาจึงเป็นห่วงความปลอดภัยของทรังคส์มาก และเป็นเพราะว่าหุบเขาแสงตะวันตั้งอยู่ในใจกลางพรมแดนของจักรวรรดิต่าง ๆ ถึง 3 แห่ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา สถานที่แห่งนี้จึงถือเป็นพื้นที่พิเศษที่เป็นแหล่งรวมสินค้าจากทั้ง 3 จักรวรรดิมากมายหลายชนิด และหานซั่วก็ได้มอบหมายให้ทรังคส์จัดตั้งกองกำลังทหารรับจ้างพิฆาตวิญญาณขึ้นมา เพื่อจุดมุ่งหมายที่จะกุมอำนาจภายในหุบเขาแสงตะวัน ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มอบยาบำรุงชีวิตให้กับทรังคส์
ทุกวันนี้ กองกำลังทหารรับจ้างพิฆาตวิญญาณค่อย ๆ เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มอิทธิพลของหุบเขาแสงตะวันได้ในที่สุด และการหายตัวไปของทรังคส์จะส่งผลกระทบจากการพัฒนากองกำลังฯ ซึ่งเป็นสิ่งที่หานซั่วไม่ต้องการให้เกิดขึ้นเลย ขณะที่ฟังกิลเบิร์ตและแกรนท์อธิบายถึงสิ่งที่เกิดขึ้น หานซั่วก็ได้แต่นิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
“นายท่าน… ท่านว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทรังคส์รึเปล่า?”
กิลเบิร์ตถามขึ้นเมื่อเห็นว่าหานซั่วยังคงนิ่งเงียบ
“ไร้สาระ!”
หานซั่วหันไปดุกิลเบิร์ตอย่างขุ่นเคือง เขานิ่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะพูดต่อ
“แค่ตอนนี้เรายังไม่รู้สถานการณ์ของทรังคส์เท่านั้นเอง เพราะงั้นทุกคนอย่าเพิ่งทำอะไรบุ่มบ่าม แล้วก็งดรับภารกิจชั่วคราว รอจนกว่าจะจัดการเรื่องของทรังคส์ให้ลงตัวก่อนก็แล้วกัน”
“นายท่าน พวกเราตามหาทรังคส์มาหลายวัน แต่ก็ยังไม่พบวี่แววของเขาเลย เราควรจะหาต่อไปรึเปล่า?”
กิลเบิร์ตเกาศีรษะอย่างเศร้าสร้อยขณะถามหานซั่ว
“พวกเจ้าไปรวบรวมคนของเรามา ข้าคิดว่าเรากำลังเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้วล่ะ หุบเขาแสงตะวันในตอนนี้ คนที่กล้ามีเรื่องกับกองกำลังฯ พิฆาตวิญญาณของพวกเราก็มีไม่มากนักหรอก ถ้าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับทรังคส์ล่ะก็ กองกำลังฯ ก็คงตกเป็นเป้าหมายต่อไปแน่ ๆ”
หานซั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ ครั้งหนึ่ง ก่อนจะออกคำสั่งกับกิลเบิร์ตและแกรนท์
“จริงสิ ทำไมข้าไม่เห็นกลุ่มของโอดิสซุสเลยล่ะ?”
หานซั่วถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อเขาพบว่ากลุ่มเล็ก ๆ ของโอดิสซุสไม่ได้อยู่ที่นั่น
“พวกเขาอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจและจะไม่กลับมาที่หุบเขาแสงตะวันสักพักหนึ่งน่ะ ตอนนี้น่าจะยังอยู่ในดินแดนของพวกออร์ค”
กิลเบิร์ตรีบตอบอย่างรวดเร็ว
“เอาล่ะ กิลเบิร์ต ตามข้าออกไปข้างนอกที พวกที่เหลือก็อยู่ในหุบเขานี้ต่อไป และจะดีที่สุดถ้าเรียกพวกพ้องของเราที่ยังอยู่ข้างนอกให้กลับมาให้หมด เฝ้าที่นี่ไว้ให้ดีล่ะ”
หานซั่วหันไปมองกิลเบิร์ตครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินออกไป
ไฮดร้าลาเนียซึ่งอยู่ในร่างมนุษย์ขณะที่กิลเบิร์ตโอบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เธอจึงพูดขึ้นบ้างเมื่อได้ยินคำพูดของหานซั่ว
“นายท่าน ข้าเองก็ช่วยได้นะคะ!”
โดยธรรมชาติ ไฮดร้าเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าหลงใหลไม่แตกต่างไปจากเผ่าพันธุ์มังกรดำที่อยู่ในโลกใต้พิภพ เมื่อครั้งที่หานซั่วเดินทางไปยังส่วนลึกของป่าทมิฬ ไฮดร้าตัวนี้พยายามซุ่มโจมตีและฆ่าหานซั่วกับกิลเบิร์ต สร้างความลำบากให้กับพวกเขามากทีเดียว แต่การต่อสู้อันดุเดือดของกิลเบิร์ตและไฮดร้ากลับกลายเป็นสงครามสวาท เมื่อมังกรดำใช้เวทย์ปีศาจที่หานซั่วสอนให้ปราบเธอจนอยู่หมัด
ความแข็งแกร่งของไฮดร้าลาเนียในตอนนี้ด้อยกว่ากิลเบิร์ตอย่างเห็นได้ชัด ในฐานะที่เป็นเผ่าพันธุ์ที่หลงใหลในกามารมณ์ เมื่อถูกปราบโดยกิลเบิร์ต เธอจึงมีความสัมพันธ์ในฐานะผู้ที่อยู่ใต้อาณัติของกิลเบิร์ตไปโดยปริยาย และเมื่อกิลเบิร์ตเป็นสัตว์เลี้ยงวิเศษของหานซั่ว ดังนั้นก็ถือได้ว่าไฮดร้ามีหานซั่วเป็นนายด้วยเช่นกัน
หานซั่วขมวดคิ้ว และคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจ้องมองไปที่ไฮดร้าและพูดขึ้น
“ตอนนี้เจ้าอยู่ที่นี่ก่อน คงจะดีกว่าถ้าคนมีฝีมือสักคนคอยดูแลที่นี่”
“อื้ม เจ้าอยู่ที่นี่เถอะ”
กิลเบิร์ตมองไฮดร้าและตำหนิเธอ
“สิ่งที่นายท่านพูด นับจากตอนนี้ไป เจ้าจะต้องไม่คัดค้านนะ”
ลาเนียยิ้มอย่างอ่อนโยน และหัวเราะคิกคักอย่างร่าเริง
“ตกลงค่ะ ถ้าอย่างนั้น ข้าก็จะคอยเฝ้าที่นี่ไว้ให้ดี และรอพวกท่านกลับมา”
เมื่อเห็นว่าหานซั่วไม่ได้มีท่าทีหยาบคายเหมือนก่อนหน้านี้ ไฮดร้าลาเนียจึงรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อย ๆ และไม่ได้คอยระวังคำพูดและกิริยาของเธอเหมือนก่อนหน้า
หานซั่วไม่ได้พูดอะไรอีก เขาหันมามองมังกรกิลเบิร์ตครั้งหนึ่ง ก่อนจะทะยานขึ้นไป กิลเบิร์ตเองก็แปลงร่างเป็นมังกรและบินขึ้นไปรับเขา จากนั้นก็บินสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า
“นายท่าน จะไปไหนเหรอ?”
กิลเบิร์ตที่กำลังบินพาหานซั่วขึ้นไปบนฟ้าร้องถาม
“ไม่ต้องไปที่ไหน แค่พาข้าขึ้นไปสูง ๆ แล้วก็หยุดอยู่ตรงนั้นก็พอ!”
หานซั่วสั่ง พลางปลดปล่อยปีศาจอาคมบินให้ออกไปทีละตน เพื่อให้บินไปยังแหล่งพำนักของผู้ทรงอิทธิพลกลุ่มต่าง ๆ ภายในหุบเขาแสงตะวัน
หุบเขาแสงตะวันมีอาณาเขตกว้างขวางพอควร แต่มีผู้คนไม่มากนักที่จะกล้าลงมือกับทรังคส์ และคน ๆ นั้นจะต้องเป็นผู้ที่หวั่นเกรงว่าทรังคส์คือเสี้ยนหนามที่สามารถคุกคามสถานะของพวกเขาได้ หานซั่วไม่จำเป็นต้องใช้ความคิดมากนักก็รู้ว่าการหายตัวไปของทรังคส์ต้องเกี่ยวกับคนพวกนั้นอย่างแน่นอน
เพราะการคิดเช่นนั้นก็สมเหตุสมผลอยู่มากพอควร ในเมื่อกองกำลังทหารรับจ้างพิฆาตวิญญาณค่อย ๆ ขยายตัวมาจนถึงจุดที่มีอำนาจพอในการควบคุมหุบเขาแสงตะวันได้ สำหรับกลุ่มอิทธิพลอื่น ๆ ทรังคส์จึงเปรียบเสมือนหอกข้างแคร่อย่างไม่ต้องสงสัย และทำให้พวกนั้นอยากจะกวาดล้างกองกำลังทหารรับจ้างพิฆาตวิญญาณเสียให้สิ้นซาก
ปีศาจอาคมทั้ง 12 ตนแยกย้ายกันออกไปทุกทิศทางของหุบเขาแสงตะวัน ทั้งกองกำลังฯ ไคโร กองกำลังฯ เคียวรุ้ง ตระกูลเมนโล เผ่าออร์คกาตาร์ หรือแม้แต่กองโจรของเจเน็ท และกลุ่มโจรเล็ก ๆ อีกจำนวนหนึ่ง ทุก ๆ ที่ล้วนถูกปีศาจอาคมแวะเวียนไป
ด้วยพลังของปีศาจอาคมทั้ง 12 ตน หานซั่วสามารถเฝ้าสังเกตการณ์กองกำลังใหญ่ ๆ ในหุบเขาแสงตะวันได้อย่างใกล้ชิด เพราะหุบเขาแสงตะวันไม่ได้กว้างขวางมากมายอะไรนัก และหานซั่วก็มั่นใจเต็มร้อยว่า คนที่จัดการกับทรังคส์ได้จะต้องเปิดเผยตัวออกมาอย่างแน่นอน ปีศาจอาคมบินสำรวจลึกเข้าไปในป่า พบถ้ำที่ซ่อนเร้นอยู่โดยรอบและปกปิดตัวมันเองอยู่ภายใต้กิ่งก้านอันแน่นขนัดของต้นไม้ แต่ถ้ำนั้นแคบมากและยากเกินกว่าที่จะใช้เป็นที่พักอาศัย
** Please note : โปรดอ่านนิยายเรื่องนี้ จากบล็อกของผู้แปล gdk-th.blogspot.com เท่านั้น หากท่านกำลังอ่านจากเว็บไซต์อื่น แสดงว่าท่านกำลังจ่ายเงินให้กับผู้ที่ขโมยผลงานของนักแปลมาแสวงหาผลกำไรให้ตนเอง **
แต่อย่างไรก็ตาม จากเบื้องลึกของถ้ำ ๆ หนึ่ง ก็มีเสียงร้องของทรังคส์ดังก้องสะท้อนออกมา มือและเท้าของเขาถูกพันธนาการไว้กับโซ่ตรวนสีดำ ขณะที่เหล็กที่บางและยาวเส้นหนึ่งแทงทะลุไหล่ของเขา
จอมเวทย์ธาตุสายฟ้าเอซา ผู้ติดตามฟลอริด้าแห่งกองกำลังฯ เคียวรุ้งกำลังจ้องมองทรังคส์ด้วยความแค้น เมื่อเขาโบกคทาเวทมนตร์ในมือ สายฟ้าก็ฟาดเข้าที่ร่างของทรังคส์ราวกับงูสายฟ้า สร้างรอยแผลไหม้ดำบนร่างที่บาดเจ็บสาหัสของทรังคส์
“ทรังคส์ เจ้านี่ก็มีวันโชคร้ายกับเขาเหมือนกันนะ ถ้าเจ้าไม่ฆ่ากุสตาฟพ่อของข้า เจ้าก็คงไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเลยใช่มั้ย?”
จอมเวทย์ธาตุสายฟ้าเอซาจ้องมองทรังคส์อย่างเกลียดชัง เขากัดฟันร่ายเวทย์อย่างแผ่วเบา ก่อนจะเสกให้สายฟ้าฟาดฟันลงบนร่างของทรังคส์ซ้ำอีกครั้ง
“ไอ้บัดซบ… อ้ากกก… !!!”
ขณะที่ทรังคส์ตะโกนร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด สายฟ้าพุ่งไปที่ปากของเขา ทำให้เกิดแผลไหม้สีดำที่ริมฝีปาก เลือดหยดลงมาจากมุมปากของเขาช้า ๆ
ทั่วร่างของทรังคส์เต็มไปด้วยรอยแผล รอยช้ำ และยังถูกมัดไว้แน่น รอบข้างมีผู้มีฝีมือจำนวนหนึ่งที่ถูกส่งมาจากกลุ่มอิทธิพลหลายกลุ่มเพื่อเฝ้าดูเขาไว้ เอซามีความเกลียดชังเขาฝังลึกเข้ากระดูก จึงมาระบายอารมณ์ลงกับทรังคส์อย่างลับ ๆ เช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะข้อตกลงระหว่างผู้มีฝีมือจากกลุ่มอิทธิพลอื่น ๆ ทรังคส์อาจจะถูกฆ่าตายอย่างโหดร้ายตั้งแต่วันแรกที่เขาโดนจับแล้วก็เป็นได้
ทรังคส์จ้องมองเอซาที่ยังคงฟาดสายฟ้าใส่เขาอย่างไม่หยุดยั้ง ในหัวใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังไร้ขีดจำกัดด้วยเช่นกัน เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าจอมเวทย์ธาตุสายฟ้าซึ่งติดตามฟลอริด้า จะเป็นลูกชายของกุสตาฟจอมเชือด จึงไม่แปลกใจเลยที่กองโจรของจอมเชือดและกองกำลังฯ เคียวรุ้งจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน และนี่เป็นเหตุผลว่าทำไมฟลอริด้าถึงได้ให้เกียรติเอซามากพอสมควร
“หึหึหึ ถึงข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่ข้าก็จะทรมานเจ้าอย่างช้า ๆ ไปแบบนี้ก่อน กองกำลังฯ พิฆาตวิญญาณเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาแค่ 2 ปี แต่แล้วไงล่ะ? ฮ่า ๆ ๆ ภายใน 2 วัน มันจะถูกกวาดล้างโดยกองกำลังพันธมิตรของพวกเรา และหลังจากที่พวกเราทำลายกองกำลังฯ พิฆาตวิญญาณจนราบคาบแล้ว ข้าก็จะถลกหนังของเจ้าออกทีละนิดตอนที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่นี่แหละ!”
“โอ้! แล้วต่อให้เจ้าอยากจะแก้แค้น เจ้าก็ไม่มีโอกาสนั้นหรอก ส่วนแอนนี่น้องสาวของเจ้าน่ะ ฮี่ ๆ ๆ ตอนนั้นไม่ใช่แค่ฟลอริด้าหรอกนะที่ข่มขืนเธอ ทั้งข้าและท่านพ่อของข้าก็ได้ย่ำยีเธอราวกับของเล่นชิ้นหนึ่งด้วยเหมือนกัน แล้วเจ้าจะทำอะไรได้…? ตอนนี้เจ้าก็เหมือนกับหมาที่ถูกข้าล่ามโซ่ไว้เท่านั้นเอง? ฮ่า ๆ ๆ ….”
เอซาดูราวกับคนเสียสติขณะที่เขาตะโกนออกมาด้วยเสียงอันดัง และฟาดฟันสายฟ้าลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า
“อ้ากกก…!!! ข้าจะฆ่าเจ้า ไอ้ชาติชั่ว ข้าสาบาน ข้าจะฆ่าเจ้า !!!”
ทรังคส์ไม่อาจสะกดกลั้นความโกรธเกรี้ยวไว้ได้อีก เขาร้องตะโกนอย่างน่าเวทนาเมื่อได้ยินสิ่งที่เอซาพูด เสียงโซ่ที่พันธนาการร่างกายดังก้องอย่างต่อเนื่องเมื่อเขาเองก็เริ่มคุ้มคลั่งขึ้นมา