Gate of God - ตอนที่ 528
ตอนที่ 528 ยกเว้นคนเดียว
เหวินเต๋าเปา หน้าซีดขาว เขาไม่ปฎิเสธว่าดีใจที่ได้พบกับดวงดาวทั้งหก อย่างไรก็ตาม เขาสูญเสียเงินทั้งหมดไปกับมัน
ความรู้สึกของเขาตอนนี้ยากที่จะอธิบาย
ดวงดาวทั้งเจ็ด?
เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นแต่ ปิง หยาง ก็พูดถูกหัวหน้าของหอเจ็ดดวงดาวไม่ใช่คนโง่
ตารางการวางเดิมพันอยู่ด้านนอกของหอนี้ถ้าเขาไม่รู้ว่ามีการเดิมพันถึง 130,000 เหรียญสำหรับการปรากฎตัวของดาวทั้งเจ็ด เขสก็คงไม่เหมาะจะเป็นหัวหน้าของที่นี่แล้ว
ไม่ว่ายังไง…
ไม่มีทางที่ดาวดวงที่เจ็ดจะปรากฎตัวขึ้นวันนี้
เสียงของระฆังเหล็กเงียบลงจากนั้นนางก็โค้งให้กับผู้ชม
ในขณะนั้นทุกคนลุกขึ้นยืนปรบมือ!
”นั่นช่างยอดเยี่ยม!”
”ใช่แล้ว!เมื่อไหร่ ซื่อซือ จะขึ้นแสดงอีกกันนะ?”
”มันช่างเป็นโชคดีของพวกเราที่ได้พบกับดาวทั้งหกดวงในวันนี้”
ในขณะที่พวกเขาลุกขึ้นปรบมือพวกเขาหันมองไปทางเวทีที่เจ็ด และเผยยิ้ม
เวทีที่เจ็ดไม่ได้มีแสงสว่างขึ้น
”แค่หก!”
”ฮ่าฮ่าฮ่าดาวทั้งเจ็ด? นั่นช่างน่าขัน!”
”ฮ่าฮ่าฮ่าเขาคิดจริงหรือว่าตัวเองนั้นโชคดี? แม้ว่าจะเป็นเขา ก็ควรวางเดิมพันให้สมเหตุสมผลกว่านี้!”
ฝูงชนเริ่มหัวเราะเมื่อเห็นว่าเวทีที่เจ็ดยังไม่มีแสงสว่างขึ้น
ผลการเดิมพันได้ออกมาแล้ว…
130,000เหรียญ…
หัวหน้าของหอเต็ดดวงดาวไม่ใช่คนโง่
นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิดพวกเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยความเยาะเย้ย
…
แต่การเยาะเย้ยของพวกเขากลายเป็นความสงสัยและความสับสนพวกเขาเห็นว่า ฟาง เจิ้งจือ ยืนขึ้น และจ้องไปที่เวทีที่เจ็ด
”ออกมา!”
คำพูดนั้นเรียบง่ายและพูดอย่างใจเย็นอย่างไรก็ตามทุกคนที่อยู่ในหอต่างเงียบสนิท
ในขณะนั้นเครื่องดนตรีต่างๆหยุดบรรเลงไม่มีแม้แต่เสียงเดียว แม้แต่เหล่าสาวใช้เองก็หยุดทุดอย่างที่กำลังทำอยู่
สิ่งนี้มันทำให้ผู้คนต่างตกใจและจ้องไปยังร่างที่ยืนอยู่กลางหอ
อย่างไรก็ตามความเงียบสงบถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วมันถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะที่ดังกระหึ่ม พวกเขาไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน
”ฮ่าฮ่าฮ่า… ข้าเพิ่งได้ยินอะไรไป? “เขาบอกว่าออกมา!”
”ออกมา!เขาคิดว่าเขาเป็นใคร”
”นี่เป็นเรื่องที่น่าขันที่สุดตั้งแต่ที่ข้าเคยมาที่นี่!มีคนต้องการให้ดวงดาวออกมา?ฮ่าฮ่าฮ่า …นี่กำลังล้อข้าเล่นใช่ไหม!”่
”เขาคิดจริงๆหรือว่าหัวหน้าหอเจ็ดดวงดาวจะฟังเขา?”
ฝูงชนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งจนพวกเขาลืมไปว่า เหยียน ซิว และ ปิง หยาง เองก็ยืนอยู่ข้าง ฟาง เจิ้งจือ นี่มันไร้สาระมาก
สำหรับพวกเขา…
มันช่างน่าขันเป็นเรื่องที่น่าขันที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมา
ปิงหยาง เองก็ตกใจเช่นกัน นางไม่รู้เลยว่า ฟาง เจิ้งจือ กำลังทำอะไรอยู่
เหยียนซิว เองก็มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ แววตาของเขาเย็นชาเล็กน้อย แต่ก็เห็นได้ถึงความคิดบางอย่าง
เหวินเต๋าเปา เองก็อยากหัวเราะเช่นกัน แต่ต้องอดกลั้นเอาไว้ เขารู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาหัวเราะออกมา เขาจึงต้องอดกลั้นเอาไว้ให้ได้
มันทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
อย่างไรก็ตามในตอนนั้นเองมีเลือดไหลออกมาจากใบหน้าของเขาเป็นผลจากอาการตกใจและหวาดกลัวจากสิ่งที่เขาเห็น
ตามจริงแล้วดวงตาของเหวิน เต๋าเปา นั้นเล็กมากๆแต่ตอนนี้ …
พวกมันกำลังถลนออกมาจากเบ้า
สายตาของเขาเต็มไปด้วยความไม่เชื่อเขาไม่สามารถเชื่อในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นได้จริงๆ
นั่นเพราะว่า
แสงจากเวทีที่เจ็ดส่องสว่างขึ้น
มันเป็นแสงสีทองย้อมไปทั่วเพดาน
”ไฟ…ไฟสว่างขึ้น!” ตัวของ เหวิน เต๋าเปา สั่นสะท้านขณะที่เขาพูดออกมา
ทุกคนต่างตกใจกับเรื่องที่เกดขึ้นไม่มีใครเชื่อสายตาตัวเอง เมื่อแสงสีทองส่องออกมา ทุกคนต่างพูดไม่ออก
เสียงหัวเราะเงียบหายไปในทันที
ทุกคนไม่มีใครตอบสนองได้ทันเวลาร่างกายของพวกเขาแข็งค้าง หัวสมองว่างเปล่า
ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเวทีทั้งเจ็ดถึงสว่างพร้อมกัน
…
มีร่างร่างหนึ่งปรากฎขึ้นมา
เป็นหญิงสาวในชุดสีทองผมยาวไปถึงเอว ในมือของนางมีพิณหยกอยู่ในมือ
”นาง…ลั่วฉิง!”
”นั่นเป็นนางจริงๆ!”
”ข้าละเมออยู่งั้นหรือ?ลั่วฉิง กำลังจะบรรเลงเพลง”
ไม่มีใครสามารถเชื่อสายตาตัวเองได้พวกเขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก
คืนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน?
ดาวทั้งเจ็ดดวง!
มันเคยเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาแต่คืนนี้กลับเกิดขึ้นอีกครั้ง!
”ไม่มีทาง?!”
”เกิดอะไรขึ้น?”
”ต้อบ้าไปแล้วแน่ๆงั้นหรือเจ้าของหอเจ็ดดวงดาวเสียสติไปแล้วงั้นหรือไง? ทำไมเขาถึงปล่อย ลั่วฉิงออกมา? นั่นมันเงินล้านเลยนะ!”
”ไม่มีทาง?!ข้าต้องละเมอ…ละเมอแน่นอน…”
พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก
มันราวกับเป็นปาฎิหาริย์ที่ไม่มีใครคาดคิดไม่มีใครอธิบายความตกใจนี้ออกมาเป็นคำพูดได้
”ติ้ง!”
เสียงเพลงจากพิณหยกดังไปทั่วอากาศ
มันฟังดูเบาบางราวกับสายน้ำในทะเลสาบจากนั้นก็เหมือนมีหยาดฝนเล็กๆตกลงมากระทบผิวน้ำ
ทุกคนต่างนิ่งสงบเมื่อได้ยินเพลงนี้มันช่วยปลอบประโลมจิตใจของพวกเขา
ทุกคนต่างสงบและผ่อนคลาย
ในที่สุดเพลงก็หยุดลง
ทุกคนเลิกมองไปที่ลั่วฉิง แต่หัวไปมอง ฟาง เจิ้งจือ ที่นั่งอยู่กลางห้อง
”เขาเดาถูก!”
”เขารู้ได้ยังไง?เขายังเป็นมนุษย์หรือเปล่า?”
”เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไงกัน?ต่อให้เป็นจริงเขาก็ไม่มีทางเดาได้แม่นยำขนาดนี้ หรือเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับหอเจ็ดดวงดาว…”
”ไม่มีทาง!ถนนเจ็ดดวงดาวแห่งนี้นั่นยิ่งใหญ่ขนาดไหน เขาเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดาๆ! เขาจะไปเกี่ยวข้องได้ยังไง?”
”ที่สำคัญที่สุดนี่คือเมืองหลวง!มีผู้คนมากมายเข้าออกทุกวัน เขาคงไม่สามารถซ่อนตัวอยู่ที่นี่ได้ตลอดหนึ่งปี!”
”ใช่เหตุผลที่เขาสามารถเข้ามาเมืองหลวงได้ในครั้งนี้เพราะฉือ เฮา และ เหยียน ซิว มากับเขา นอกจากนี้เขายังได้รับการช่วยเหลือจาก ปิง หยาง…”
ตอนแรกผู้คนต่างนิ่งสงบแต่เมื่อมองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ พวกเขากลับเริ่มถกเถียงกัน
พวกเขาไม่เข้าใจ…
ทำไมลั่วฉิง ถึงปรากฎตัวขึ้นเมื่อ ฟาง เจิ้งจือ พูดว่า ‘ออกมา’?
มันเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่?
ผู้คนต่างมองหน้ากันพวกเขาไม่สามารถนึกถึงความเป็นไปได้อื่นๆอีก
เบื้องหลังของฟาง เจิ้งจือ ไม่มีความลับอะไร
เขาเป็นชาวนา
เขามีเพื่อนเพียงคนเดียวคือเหยียน ซิว แม้ว่า เหยียน ซิว จะมีอิทธิพล แต่ตระกูลเขาไม่มีทางยุ่งเกี่ยวกับกิจการหอเจ็ดดวงดาว
โดยไม่ต้องนึกถึงเรื่องอื่น…
เหยียนเฉียนหลี่ ไม่มีทางยอมแน่นอน!
สำหรับปิง หยาง…
นั่นเป็นไปไม่ได้เช่นกัน! ทำไมองค์หญิงต้องเปิดสถานที่แบบนี้ในเมืองหลวง? นางไม่ได้ต้องการเงิน
ดังนั้นฟาง เจิ้งจือ ทำได้ยังไงกัน?
แม้ว่าฟาง เจิ้งจือ จะรู้จักเจ้าของที่นี่ แต่เขาถึงกับต้องยอมเสียเงินล้านสามแสนเหรียญเงินเชียวหรือ?
ความสัมพันธ์แบบไหนที่คุ้มค่ากับเงินมากมายขนาดนี้
แม้แต่ภาษีที่เก็บมาจากสักมณฑลเล็กๆอาจจะเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ
ดังนั้น…
สิ่งนี้ไม่ควรเกิดขึ้น!
เหตุผลเดียวที่เป็นไปได้ก็คือนี่เป็นเรื่องบังเอิญ!แต่เจ้าของที่นี่คิดอะไรอยู่กันแน่? ทำไมของถึงเปลี่ยนแผนทั้งๆที่มันจะทำให้ตัวเองเสียเงิน?
เขายอมจริงๆงั้นหรือ?
ไม่มีใครที่นี่สามารถเข้าใจได้ทันใดนั้นมีร่างร่างหนึ่งคุกเข่าลง น้ำตสไหลอาบแก้ม
”นายน้อยฟางข้า เหวินเต๋าเปา ช่างโง่เง่ายิ่งนัก… ข้าไม่ควรสงสัยในตัวท่าน ข้าควรพนันตามท่าน! ข้าไม่ควรหัวเราะเยาะท่าน ครั้งหน้าข้าจะพนันตามท่าน ไม่ว่าท่านจะเลือกพนันแบบไหนก็ตาม นายน้อยฟาง เนื่องจากท่านได้เงินถึงสามแสน ได้โปรดอย่าถือ!”
เหวินเต๋าเปา พุ่งเข้าไปเกาะขาของ ฟาง เจิ้งจือ พร้อมร้องอ้อนวอน
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นข้างเขา
”สวะ!”
จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงแรงที่มาปะทะใบหน้าเขาก่อนที่ตัวเขาจะกลิ้งไปด้านหลัง
จนชนกับที่นั่งของผู้อื่น
”ตึง!”
ก่อนที่ชายคนนั้นจะตั้งตัวทันร่างกายของ เหวิน เต๋าเปา ก็พุ่งเข้าชนแล้ว เขาล้มลงกับพื้นจนฟันหักไปซี่หนึ่ง
ขณะที่เขากำลังจะด่านั้นเองเขาก็เห็นร่างสีแดงยืนขึ้น
…
ทั้งเหวิน เต๋าเปา และผู้คนต่างเงียบปากทันที
ถ้าเป็นปกติพวกเขาคงพูดออกมาอย่างไม่ลังเลอย่างไรก็ตาม เมื่อเผชิญหน้ากับ ปิง หยาง…ไม่มีใครอยากรนหาที่ตาย
”ไม่เลวคนที่นี่ค่อนข้างใจกว้างนะ!”ปิง หยาง หัวเราะเยาะก่อนจะยิ้มให้ ฟาง เจิ้งจือ
”ช่างเถอะอย่างน้อยมันก็ทำให้ข้ารู้ว่าเชื่อใจใครได้บ้าง”
ฟางเจิ้งจือ ยิ้มและมองไปที่ ปิง หยาง เขารู้ว่านางคิดอะไรอยู่
บางครั้งการตัดสินใจบางอย่างอาจจะดูโง่
แต่มันก็ไม่สำคัญ
ในโลกก่อนหน้าของเขามีคำพูดว่า’ข้ายินดีที่จะทรยศทุกคนดีกว่าให้ใครสักคนมาทรยศข้า’
สำหรับฟาง เจิ้งจือ แล้วนั้นเขาจะไม่ทรยศคนคนหนึ่งเด็ดขาด คนที่รีบมาที่หมู่บ้านภูเขาทางเหนือจากดินแดนเหลียงตะวันตกภายในสามวัน
ชื่อของชายคนนั้น…
เหยียนซิว!
เขาตัดสินใจได้ตั้งแต่ที่เหยียน ซิว พนันตามเขาโดยไม่สงสัยอะไรแม้แต่น้อย