Gate of God - ตอนที่ 512
ตอนที่ 512 หลายชาย
”นั่นคือกองทหารเมฆา?!”
เมื่อหลี่ จิ้งเฟิง และ หน่วยปีกสีชาด เห็นหกเมฆ ท่าทีของพวกเขาก็เปลี่ยนไป
อาณาจักรเซี่ยมีกองทัพชั้นยอดมากมาย
ทั้งหน่วยเกราะมังกรกองทัพทลายภูผา หน่วยปีกสีชาด …
ทั้งหมดนี้คือกองทัพชั้นยอด
อย่างไรก็ตามถ้ามองถามว่ากองทัพไหนอยู่เหนือพวกนั้น แน่นอนว่าเป็น…กองทหารเมฆา
ไม่ใช่เพราะว่ากองทหารเมฆามีทักษะหรือพลังมากมายแต่เป็นเพราะพวกเขาถูกฝึกมาอย่างหนัก
ดินแดนเหลียงตะวันตก!
ดินแดนที่แห้งแล้ง
พวกเขามีชีวิตอยู่ท่ามกลางสายลมที่รุนแรงเศษดิน ฝุ่น ทราย พวกเขาดื่มเลือดและกินเนื้อ
ตระกูลเหยียนนั้นเป็นตระกูลผู้นำของเหลียงตะวันตกมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่าอาณาจักรเซี่ย พวกเขาควบคุมดินแดนเหลียงตะวันตกมาก่อนที่อาณาจักรเซี่ยจะก่อตั้งเสียอีก
13กองตรวจการคือกองกำลังสำคัญที่ทำให้อาณาจักรเซี่ยได้รับชัยชนะ
อย่างไรก็ตามจักรพรรดิทุกคนทิ้งการป้องกันของเหลียงตะวันตกให้ตระกูลเหยียนถ้าเมฆสีเลือดทั้งหกของตระกูลเหยียนปรากฎขึ้นเมื่อไหร่ก็หมายความว่าสถานการณ์ตอนนั้นเลวร้ายมาก
”กองทหารเมฆา!”ฉือเฮา กำมือแน่น เขาไม่เคยคิดเลยว่ากองทหารเมฆาจะปรากฎตัวขึ้นที่นี่
ฟางเจิ้งจือ อยู่ในแดนเหนือ มณฑลฮวายอัน หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ
เมื่อฉือ เฮา ได้รับข่าวใหม่ เขาก็ออกคำสั่งในทันทีและมุ่งหน้าตรงมาภายถึงที่นี่ภายในสองวัน
เขาไม่แม้แต่คิดจะหยุดพัก!
แต่กองทหารเมฆาอยู่ที่ไหน?
ในดินแดนเหลียงตะวันตก!
ห่างออกไปหลายพันกิโล!
แต่พวกเขากลับมาถึงภายในสี่ชั่วโมงหลังจากหน่วยปีกสีชาดความเร็วที่พวกเขาใช้นั้นเร็วเท่าไรกัน?อาจจะเพราะว่า..
ฉือเฮา มองไปที่กองทหารเมฆา เขามองลงไปที่เอวของเหล่าทหาร และเข้าใจทุกอย่างในทันที
มีชื้นเนื้อเปื้อนเลือดที่เอว
ชิ้นเนื้อดิบ!
นี่เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดต่อการเดินทาง!นอกจากนี้พวกเขายังสามารถประหยัดพลังงานได้!
พวกเขาสามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดหยุดพักได้ทุกเมื่อ และต่อสู้ได้ทุกที่
อย่างไรก็ตามนี่ก็เป็นวิธีดั้งเดิมและป่าเถื่อนที่สุด
”ดีดีมาก! สมชื่อกองทหารเมฆาเสียจริง!”ฉือ เฮา กำหมัดแน่นขณะกล่าวชม
เขาไม่ชอบความพ่ายแพ้
หลี่จิ้งเฟิง สังเกตุถึงชิ้นเนื้อดิบที่ห้อยเอวของเหล่าทหารเช่นกัน เขารู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที
นี่คือความป่าเถื่อนที่แท้จริง
ความป่าเถื่อนของสัตว์ป่า
”กองทหารเมฆายังคงฝึกฝนด้วยวิธีนี้อีกหรือ?่”หลี่จิ้งเฟิง รู้ว่ากองทหารเมฆาไม่ได้แค่คิดวิธีนี้ขึ้นมา แต่ตระกูลเหยียนทำแบบนี้กันมานานแล้ว!
การกินเนื้อดิบไม่ใช่สิ่งที่ดี!
หากพวกเขาไม่ได้ฝึกร่างกายของพวกเขาให้ย่อยได้ล่ะก็ป่านนี้พวกเขาคงนอนดิ้นอยู่บนพื้นไปแล้ว
หน่วยปีกสีชาดทั้ง2000 คนรู้สึกได้ถึงความป่าเถื่อนนั้น
พวกเขาถือหอกในมือแน่น
ทันใดนั้นทหารที่ผ้าคลุมถูกฉีกขาด เขาดึงกริชออกมาและจ่อไปที่คอทันที
”แกร้ง!”
แต่มีคนมาปัดกริชตกพื้นไป
”ข้าสมควรตาย!”ท่าทีของทหารเปลี่ยนไป
”มันไม่ใช่ความผิดของเจ้าพวกเราต่อต้าน ฉือ เฮา ขึ้นอยู่กับเวลาก่อนที่สถานะของพวกเราจะถูกเปิดเผยเพียงแค่จำเหตุการณ์นี้และในอนาคตจงทำมันให้ดีขึ้น!”เสียงดังขึ้นมา
”รับทราบ!่
…
ความกระหายเลือดได้ลดลงอย่างมากฟาง เจิ้งจือ เดินไปข้างหน้าและ ฉือ เฮา ไม่มีทีท่าจะหยุดยั้งเขา
ฟางเจิ้งจือ เดินไปทางกองทหารเมฆา
”ยินดีที่ได้พบนายน้อยฟาง!”กองทหารเมฆาที่แข็งแกร่งทั้ง 3000 คนต่างโค้งคำนับด้วยความเคารพ
จากนั้นคนผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากแนวทัพ
เขาสวมชุดคลุมสีดำและผ้าคลุมหน้าอย่างไรก็ตามเขาถอดผ้าคลุมหน้าออกขณะที่เดินออกมา
เขาเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมาทันทีแม้จะเดินทางมาลำบาก แต่เขาก็ดูไม่เหนื่อยเลยเขามองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ ด้วยแววตาที่ห่วงใย
เหยียนซิว!
นี่คือชายที่กลับไปยังดินแดนเหลียงตะวันตกหลังจากผลการทดสอบระดับสภาออกเขาไม่ได้เข้ามาที่เมืองหลวงอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น
”เจ้าเป็นอย่างไรบ้างตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา?”
”เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
ฟางเจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ทักทายกันต่อหน้ากองทัพทั้งสอง
หลังจากหนึ่งปี…
พวกเขาทั้งสองยังคงคุยกันเหมือนเดิมมันสงบและราบเรียบราวกับน้ำในลำธาร
ฟางเจิ้งจือ และ เหยียน ซิว หัวเราะเบาๆ
”ข้าสบายดี”
เสียงของพวกเขาดังออกมาพร้อมกันราวกับพวกเขาลืมไปว่ามีสองกองทัพอยู่ด้านหลังของพวกเขา
…
ฟางเจิ้งจือ เริ่มแนะนำหมู่บ้านให้ เหยียน ซิว ฟัง
”นี่คือที่ที่ข้าเติบโตมาหมู่บ้านภูเขาทางเหนือเป็นสถานที่ที่สวยงามมาก น้ำใสสะอาด อากาศก็สดชื่น! เจ้าสามารถมองเห็นปลาแหวกไหว้ในแม่น้ำได้”
”อืม”
”เจ้าไม่ได้กินอาหารเช้ามาใช่ไหม?มากินที่บ้านข้าสิ!”
”ได้”
จากนั้นฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ก็เดินตรงไปยังหน่วยปีกสีชาด ก่อนจะเดินเข้าไปในหมู๋บ้าน
กองทหารเมฆาไม่ได้พูดอะไรพวกเขาแค่มองไปที่ ฟาง เจิ้งจือ และ เหยียน ซิว ด้วยความตกใจ ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง
”นี่เป็นเวลาที่ควรจะพูดถึงเรื่องอาหารงั้นหรือ?”
จางหยางปิง และเหล่าชาวบ้านมองหน้ากันด้วยความสับสน พวกเขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นเป็นใคร แต่พวกเขารู้ …
ถ้านั่นเป็นกองทหารเมฆา…
นั่นหมายความว่า…
การมาที่นี่เป็นการล่วงเกินฉือ เฮา
”เหยียนซิว กองทหารเมฆา อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูลเหยียน เป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะนำพวกเขามาที่นี่ แต่ตอนนี้เจ้าอยู่ในแดนเหนือ โปรดแสดงตราคำสั่งขององค์จักรพรรดิให้ข้าดูด้วย” ฮือ เฮา ก้าวไปข้าหน้า
ในฐานะผู้นำของกองตรวจการทั้งห้า
เขาไม่มีทางยอมถ้าใครจะเข้ามาที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาติต่อให้เป็นกองทหารเมฆาก็ตาม
”ข้าไม่มี”เหยียน ซิว ส่ายหัว
”เจ้าพากองทหารเมฆามาที่นี่โดยไม่บอกข้าและไม่มีคำสั่งจากองค์จักรพรรดิมันเหมาะสมแล้วงั้นรึ?” ฉือ เฮา พยักหน้า
”คงไม่”เหยียน ซิว พยักหน้า
”ในเมื่อเจ้ารู้ว่ามันไม่เหมาะสมคำอธิบายล่ะ?” ฉือ เฮา พยักหน้า เขารู้ว่าทำไม เหยียน ซิว ถึงอยู่ที่นี่
เหยียนซิว เป็นสหายของ ฟาง เจิ้งจือ ดังนั้น เหยียน ซิว ไม่ใช่ศัตรูของเขา
เขาจึงไม่คิดจะกดดันเหยียน ซิว มากเกินไป อย่างไรก็ตามเขาต้องการแสดงเหตุผลที่สมควร
”ข้าหลงทาง”เหยียน ซิว คิดก่อนจะตอบออกมา
”้หลงทาง?!”ฉือ เฮา คาดหวังคำตอบดีๆมากมาย อาจจะกำลังไล่ล่าคนร้ายแล้วบังเอิญเห็นปีศาจมุ่งมาทางนี้
ต่อให้มันเป็นเรื่องโกหก
อย่างไรก็ตามฉือ เฮา สามารถออกคำสั่งให้เหล่าทหารไปตรวจสอบ หลังจากไม่พบอะไรก็แค่กลับมารายงาน
แต่กำลังหลงทาง…
เหตุผลแบบไหนกัน?
พวกเขาจะหลงทางได้ยังไงเป็นเวลาถึงสามวันจากดินแดนเหลียงตะวันตกและพวกเขายังบังเอิญเดินทางมาถึงที่นี่?
ใครจะเชื่อเรื่องนั้น?
แม้แต่ฉือ เฮา ก็ไม่สามารถพยายามเชื่อได้ลง
หลี่จิ้งเฟิง และหน่วยปีกสีชาด คาดเดาความต้องการของ ฉือ เฮา ได้ อย่างไรก็ตามเหตุผลของ เหยียน ซิว นั้นธรรมดามาก
”นายน้อยเหยียนท่านพยายามจะจับคนร้ายที่หนีมาจนท่านหลงทางใช่ไหม? เป็นเพราะท่านอาจจะไม่คุ้นเคยกับดินแดนแถวนี้?” หลี่ จิ้งเฟิง พยายามอธิบายแทน เหยียน ซิว ”ไม่ข้าแค่หลงทาง” เหยียน ซิว ส่ายหัว
”เจ้าคิดจะล้อเล่นกับข้างั้นหรือ?”ฉือ เฮา ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป เขาให้โอกาส เหยียน ซิว มากพอแล้ว
แต่เหยียน ซิว ยังคงพูดเรื่องไม่น่าเชื่อนี้ต่อไป
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของเขาในฐานผู้น้อกองตรวจการศักดิ์สิทธิ์เขาสามารถให้อภัย เหยียน ซิว ที่เดินทางมาที่นี่โดยไม่บอกเขาได้ แต่การที่ เหยียน ซิว หยาบคายต่อเขานั้น
”เจ้าคิดว่าหลานชายของข้าจะพูดล้อเล่นงั้นรึ?”เสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากในกองทหาร
เสียงไม่ได้ดังมากมันทั้งแหบและกร้าน อย่างไรก็ตามมันเป็นเสียงที่ทรงพลังอย่างมาก
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น
มีสิ่งประหลาดเกิดขึ้นเหล่าม้ามังกรหิมะต่างถอยหลังออกไป ราวกับพวกมันหวาดกลัว
ม้าบางตัวถึงกับถีบผู้ขี่จนตกลงไปจากหลังของมัน
”อ๊าก!”
ทหารสองพันนายของหน่วยปีกสีชาดตกอยู่ในความระส่ำระส่าย แม้แต่ หลี่ จิ้งเฟิง ก็ไม่สามารถตอบสนองได้ทันเวลา
อย่างไรก็ตามเหล่าชาวบ้านไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย
มันเป็นภาพที่แปลกมาก
หลี่จิ้งเฟิง กำลังจะออกคำสั่ง แต่ ฉือ เฮา หยุดเขา จากนั้นเขาก็เห็นท่าทีของ ฉือ เฺฮา
เขาไม่เคยเห็นท่าทีแบบนี้ของฉือ เฮา มาก่อน
ใครกัน?
เขาเรียกเหยียน ซิว ว่าหลานชาย
หรือว่า…
ท่าทีของหลี่ จิ้งเฟิง เปลี่ยนไปเช่นกัน ต่อให้เขาเป็นหัวหน้าหน่วยปีกสีชาด เขาก็หวาดกลัวเมื่อนึกถึงชื่อนั้น
”เหยียนเฉียนหลี่”
เขาคือผู้นำตระกูลเหยียนเขาเป็นตำนาน แม้แต่องค์จักรพรรดิยังเคารพเขา
เขาน่ากลัว
ทุกคนกลัวและเคารพชายคนนี้ตราบใดที่เขายังมีชีวิต ตระกูลเหยียนก็ยังคงควบคุมดินแดนเหลียงตะวันตกไว้ คงไม่มีใครกล้าเสียงดวงไปล่วงเกินเขา
เหยียนเฉียนหลี่ เป็นบุคคลที่ทรงอำนาจอย่างมาก
ทุกคนรู้ดีว่ามีแต่คนแบบเขาเท่านั้นที่สามารถควบคุมดินแดนเหลียงตะวนตกได้
แน่นอนว่าไม่ใช่ประเด็นหลัก
เหยียนเฉียนหลี่ ไม่ได้ก้าวเท้าออกจากดินแดนเหลียงมากว่า20ปี! แม้แต่เมืองหลวงเขาก็ไม่ได้ไปเยี่ยมเยือน
แต่เขากลับมาปรากฎตัวที่นี่
เขานำกองทหารเมฆาสามพันนายมากับเขาด้วย
”ข้าเป็นคนมาด้วยเหตุผลนั้นเองหลานชายของข้าเพียงกล่าวตามที่ข้าบอก เจ้าคิดว่ามันเป็นเหตุผลที่พอยอมรับได้ไหมล่ะ?” เสียงดังก้องไปทั่วอากาศ
อย่างไรก็ตามไม่มีใครก้าวเท้าออกมาไม่มีใครสามารถระบุได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน
สีหน้าของฉือ เฮา เปลี่ยนไป
เขาจ้องไปทางกองทหารเมฆา
เขากำหมัดแน่นก่อนจะปล่อยมันออกอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็สามารถกลับมานิ่งสงบได้
”ท่านเหยียนในเมื่อท่านหลงทาง ให้ข้านำทางท่านกลับไปที่ดินแดนเหลียงตะวันตกเป็นการส่วนตัวหรือไม่? ท่านคิดว่ายังไง?” ฉือ เฮา ถามอย่างใจเย็น
”ฮ่าฮ่าฮ่า… ข้าต้องการรอความตายอยู๋ที่ดินแดนเหลียง แต่หลานรักของข้าต้องการเดินทางมาที่เมืองหลวง เวลาของข้ามีจำกัด ข้าเลยอยากมาพบองค์จักรพรรดิกับหลานของข้าเสียก่อน แต่ด้วยอายุของข้า การที่จะหลงทางก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
”ท่านกำลังจะไปเมืองหลวง?”ดวงตาของเขาเป็นประกาย
”ใช่เจ้าสะดวกไหมล่ะ?”
”ข้าเองก็กำลังไปที่นั่นเช่นกัน!”
”ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่น่ายินดียิ่งนัก!ถ้าเจ้าไม่ได้ยุ่งมาก ก็โปรดนำทางข้าไปที่นั่นด้วย ถ้าเราหลงทางอีก การเดินทางคงเสียเวลาไปอีกนาน”
”เป็นเกียรติของขามากแล้วท่านต้องการจะเดินทางเมื่อไร?”