Gate of God - ตอนที่ 503
ตอนที่ 503 ดาบแห่งเกียรติยศ
ใบหน้าของฉาน ยู่ เต็มไปด้วยความสับสน
จิตใจนางว่างเปล่านางไม่รู้ว่าควรจะตื่นเต้นหรือโกรธ นางรอมานานเกินไปแล้ว
เขากลับมาแล้ว…
หลังจากหนึ่งปีผ่านไปเขากลับมากลับมาเอาดาบ
แต่…
ทำไมเขาไม่มาหาข้า
เกิดอะไรขึ้นเมื่อหนึ่งปีก่อน?เขาไม่ควรจะมาบอกความจริงกับข้างั้นหรือ? ทำไมนะ? เขากลัว? หรือเขาไม่อยากเจอข้า?
”ฝ่าบาทข้าได้ส่งคนไปปิดประตูทางออกไปอาณาจักรเซี่ยไว้แล้ว เราควรจะแจ้งอาณาจักรเซี่ย… “วานรน้ำแข็งแนะนำ
”ไม่จำเป็น!”ฉาน ยู่ ตอบอย่างไม่ลังเล “ท่านลุงไม่เชื่อข้างั้นรึ?””
”ฝ่าบาท…ข้าเชื่อมั่นในตัวท่าน!”วานรน้ำแข็งตอบออกมา
”สั่งให้ทหารที่ชายแดนลดการป้องกันลงด้วย”นัยน์ตาของ ฉาน ยู่ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
”ลดการป้องกัน?ทำไม? ท่านไม่ต้องการรู้ความจริงเบื้องหลังการตายของ ฉาน หลิง งั้นหรือ?”วานรน้ำแข็งไม่เข้าใจ
”ข้าอยากรู้”ฉาน ยู่ ตอบกลับ
”ถ้าอย่างนั้นทำไม… ข้ารู่ว่าท่านเชื่อมั่นในตัว ฟาง เจิ้งจือ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำมันแต่ก็น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง! เขายังเป็นหนี้ของดินแดนภูเขาทางใต้ พวกเราไม่สามารถให้องค์รัชทายาท… ”
”ท่านลุงวานร!”
”ฝ่าบาทท่านคิดอะไรอยู่?”
”ส่งคนไปปักดาบที่คล้ายกันบนหน้าผาเฟิง ซู!”ฉาน ยู่ ตอบหลังจากความคิดบางอย่าง
”ปักดาบที่คล้ายกัน?”วานรน้ำแข็งตกตะลึง
”รับทราบ!”
”ฝ่าบาทท่านวางแผนจะปิดเรื่องนี้กับเขางั้นหรือ? แต่ว่าตอนที่เขาตัดสินใจดึงดาบออกมา เขาอาจตั้งใจจะประกาศให้ทุกคนได้รู้!”วานรน้ำแข็งไม่เข้าใจ
”้ข้าไม่รู้ว่าเขาต้องการซ่อนตัวหรือไม่แต่ข้าไม่ต้องการให้ข่าวนี้กระจายออกไปถึงหูของพวกอาณาจักรเซี่ย!”ฉาน ยู่ ตอบกลับ
”ฝ่าบาทท่านจะไปที่เมืองเหยียนงั้นหรือ?”
”อืมม…เจ้าคิดว่าถ้าเราซุ่มโจมตีที่ปากทางเข้า เราจะจับเขาได้ไหม?”ฉาน ยู่ สอบถาม
”เอ่อ… ” ริมฝีปากของวานรน้ำแข็งกระตุกแต่เขาไม่ได้ตอบ
”เป็นเวลาหนึ่งปีแล้วที่ข้าครองบัลลังก์ใกล้ได้เวลาที่ข้าจะต้องเดินทางไปที่นั่นแล้ว”ฉาน ยู่ กล่าวต่อ
”เอาล่ะในเมื่อท่านตัดสินใจแล้ว ข้าจะเตรียมการทุกอย่างไว้ให้ ท่านจะเดินทางไปยังไง?”วานรน้ำแข็งพยักหน้า
”ยิ่งยิ่งใหญ่เท่าไรยิ่งดี!”
”ข้าจะให้ใครสักคนส่งข้อความถึงอาณาจักรเซี่ยประกาศถึงการไปเยือนของท่าน!”วานรน้ำแข็งโค้งคำนับ
”ขอบคุณเจ้ามาก”
…
บนยอดของเมืองภูเขาเซียน…
ร่างในชุดคลุมสีน้ำเงินยืนอยู่ที่เชิงเขาเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าและเมฆหมอกที่ล้อมรอบเมืองภูเขาเซียน
”นายน้อยท่านจะไปที่เมืองภูเขาเซียนงั้นหรือ? ถ้าจะไป ข้าจะเตรียมการทันที!”เสียงดังขึ้นข้างๆชายคนนั้น
”ไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น”ร่างสีน้ำเงินสายหน้า
”อันที่จริงแล้วหัวหน้าบอกให้ข้าส่งข้อความข้าจะส่งข้อความนี้ให้ท่าน ถ้าท่านก้าวเข้าไปในดินแดนภูเขาทางใต้
”พูดต่อสิ”
”ตอนที่ท่านถูกกล่าวหาว่าสังหารองค์รัชทายาทเมื่อหนึ่งปีก่อน…หัวหน้าเชื่อว่าองค์ราชินีไม่เชื่อเรื่องที่อาณาจักรเซี่ยบอก!”
”อืมพูดต่อไป”
”นอกจากนี้หัวหน้ายังรู้เรื่องผู้ติดตามแปดคนที่ร่วมสังหาร อย่างไรก็ตามพวกเขาก็หายไปทันทีที่พวกเขากลับไปถึงเมืองหลวง หัวหน้าเชื่อว่าองค์รัชทายาทได้ปิดปากพวกเขา แล้ว…”
”ดังนั้นคนเดียวที่สามารถเป็นพยานได้ก็คือซู ฉิง”
”ใช่แต่ ซู ฉิง เป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิด นอกจากนี้เขายังได้องค์รัชทายาทคอยช่วย คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเป็นพยานต่อต้าน หลิน เทียนหลง”
”อืม”
”หัวหน้ารู้สึกว่าถ้าท่านสามารถหาคนในดินแดนภูเขาทางใต้มาเป็นพยานให้ท่านได้… แม้ว่าคำให้การนั้นเป็นเท็จ … ”
”ข้ารู้”
”งั้นท่านจะไปที่เมืองภูเขาเซียนหรือไม่?”เสียงนั้นเต็มไปด้วยความหวัง
”ไม่ข้าไม่ไป”
”ถ้าอย่างนั้น…แล้ว ท่านจะไปที่ไหน?”
”หมูู่บ้านภูเขาทางเหนือ”
”หมู่บ้านภูเขาทางเหนือ!เอ่อ …เอ่อ นั่นมันเป็นไปไม่ได้! องค์รัชทายาทส่งคนไปสอดแนมตลอดหนึ่งปีที่นั่น ท่านจะถูกพบทันทีที่ก้าวเข้าไป และจากนั้น … “เสียงเต็มไปด้วยความกลัว
”แล้วอะไร?”
”หัวหน้าบอกข้าเสมอว่าท่านไปได้ทุกที่ยกเว้นเพียงสองแห่ง”
”หมู่บ้านภูเขาทางเหนือและเมืองหลวงข้าพูดถูกไหม?”
”แล้วทำไมท่านยังจะไปที่หมู่บ้านภูเขาทางหนืออีก?”
”เพราะข้าอยากไปแค่นั้นไม่พอหรือไง?”
”รับทราบ!”
”เจ้าจะส่งข้อความบอกนางงั้นหรือ?”ร่างในชุดสีน้ำเงินถาม
”ข้า…ข้าไม่กล้า!”
”โอ้ทำไมละ?”
”แม้ข้าจะเป็นคนของนิกายเงาแต่ก็มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะท่าน เพราะงั้นข้าจะไม่ทรยศท่าน … ”
”งั้นเจ้าจะทรยศวู่ จวี้เอ๋อ งั้นหรือ?”
”เอ่อ…”
”เจ้าพูดว่าจะภักดีกับข้าต่อหน้าข้าและบอกว่าจะภักดีกับนางต่อหน้านาง อืม… ข้าจะบอกข้อความของเจ้ากับนางไม่ให้พลาดสักคำ”
”…” ชายที่ยืนอยู่ข้างๆพูดไม่ออกทันที
ฟางเจิ้งจือ ยังคงยืนนิ่งเงียบ “เจ้ามีปัญหาอะไรไหม?”ร่างสีน้ำเงินยิ้มและมองร่างที่ด้านหลังเขา
”ไม่มีปัญหานายน้อย โปรดบอกหัวหน้าในสิ่งที่ข้าพูด”เสียงของเขาสั่นอย่างเห็นได้ชัด
”เนื่องจากเจ้าพูดกับข้าอย่างจริงใจข้าจะตอบแทนคำขอของเจ้า ไปซะ ใช้ชื่อของ วู่ จวี้เอ๋อ บอกคนทั้งเก้าแล้วรอข้าที่เมืองฮวายอัน”
”นายน้อยท่านต้องการให้ข้าปลอมคำสั่งงั้นหรือ?”น้ำเสียงของเขาสั่นไหว
”เจ้ามีปัญหาอะไรไหม?”
”ไม่ไม่มีปัญหาขอรับ หัวหน้าคงเคยชินแล้ว”
”งั้นเจ้ารออะไรอยู่ล่ะไปสิ?”
”รับทราบ!่
…
ห้าวันต่อมา…
ในบ้านอันเงียบสงบที่อาณาจักรเซี่ยนางมีสีหน้าเปลี่ยนไปเมื่อเห็นขดหมายที่อยู่ตรงหน้า
”บ้าเอ้ย!”วู่จวี้เอ๋อ ฉีกจดหมายในมือทิ้ง นางขมวดคิ้ว…
”โอ้?่เจ้าโกรธใครงั้นหรือ จวี้เอ๋อ?”ชายชราคนหนึ่งโผล่มาข้างตัวนาง เขาสวมชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์
”จะเป็นใครไปได้อีกล่ะ?”
”ฟางเจิ้งจือ?!่
”ท่านคิดว่าเขาไม่ทำเกินไปหน่อยหรือ?เขาเป็นสมาชิกของนิกายเงา เขาจะเรียกสมาชิกนิกายไปที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์ทำไม…เขาไม่กลัว…?” เสียงของ วู่ จวี้เอ๋อไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด
”ใช่เขาให้สมาชิกนิกายไปรวมกันที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์ได้ยังไง?”ชายชราถาม
”เขาไม่ได้เรียกพวกนั้นไปแต่เขาหลอกพวกนั้นโดยใช้ชื่อข้า!” วู่ จวี้เอ๋อ ยืนยัน
”อืมเจ้าพูดถูกแล้ว อย่างไรก็ตามข้าไม่เข้าใจสิ่งหนึ่ง ทำไมพวกเขาถึงเชื่อใจ ฟาง เจิ้งจือ มาก? พวกเขาไม่ได้มาตรวจสอบกับเจ้าก่อนด้วยซ้ำ…”ชายชราตอบ
”อาจารย์ท่านหมายความว่ายังไง?”วู๋ จวี้เอ๋อ ถามด้วยความสงสัย นางสัมผัสบางอย่างได้
”หลังจากผ่านไปหนึ่งปีนิกายเงาไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เจ้าไม่รู้ตัวงั้นหรือ?”ชายชราบอกใบ้
”ท่านอาจารย์!”วู่ จวี้เอ๋อ ไม่ชอบพูดคุยด้วยวธีนี้ นางมองไปยังจดหมายที่ถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
”ไปลงนรกซะเถอะ!”
วู่จวี้เอ๋อ ยืนขึ้น ก่อนจะเดินไปที่สวนด้วยความหงุดหงิด
ชายชราไม่พูดอะไรเลยขณะที่เขาดูนางหายตัวไปในสวนเขายิ้มราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
…
ณเมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์…
ทุกคนอยู่ในอารมณ์รื่นเริงพวกเขาทั้งหมดกำลังเฉลิมฉลองให้กับฤดูใบไม้ผลิ
มีทั้งเสียงเพลงบทกวี บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
แน่นอนว่าความสนุกสนานเช่นนี้นักเรียนจนๆไม่สามารถเอื้อมได้ถึง
พวกเขามีเงินในกระเป๋าไม่เพียงพอแต่ยังต้องการที่จะสนุกกับตัวเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไปรวมตัวกันที่ทะเลสาบขับกล่อมบทเพลง ขับบทกวี
พูดถึงความเพลิดเพลิน…
พวกเขาไม่เคยไปที่แดนใต้ที่นั่นเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายจำนวนมาก ผู้ที่ยังไม่เข้าถึงวิถีแห่งเต๋าไม่ควรเหยียบเท้าไปที่นั่น
ดังนั้นแม่น้ำแห่งความสัตย์จึงเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด
มันอยู่ใกล้และเงียบสงบที่สำคัญมีเรือจำนวนมากสัญจรผ่าน
ที่ไหนมีเรือย่อมมีผู้หญิง
ที่ไหนมีผู้หญิงที่นั่นมีอัจฉริยะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…
การโอ้อวดความสามารถ!
มีอัจฉริยะคนหนึ่งอยู่ที่นี่เขาสวมชุดสีทองและเหน็บดาบหยกเขียวไว้ที่เอว
เขาเป็นคนพาลอันดับหนึ่งในมณฑลฮวายอัน
เมิ่งอวี้ชู
มันเป็นเรื่องโชคร้ายที่เขาพบกับฟาง เจิ้งจือ ในการทดสอบแห่งเต๋า ในท้ายที่สุดเขาถูกกล่าวหาว่าโกงการทดสอบ
แต่โชคดีที่เขาเป็นคนแน่วแน่
เขาไม่ปล่อยให้ความล้มเหลวมากลืนกินเขา!
ตราบใดที่เขาปีนกลับขึ้นมาได้เขาก็ยังเป็นคนที่สามารถกำหนดโชคชะตาของตัวเองได้
ในการทดสอบกฎแห่งเต๋ารอบที่แล้วเขาได้อันดับหนึ่งในการทดสอบด้านการต่อสู้ มันเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิตเขา
ดังนั้น…
เขาจึงเลือกที่จะผ่อนคลายและโอ้อวดความสามารถของเขาเล็กน้อยที่เมืองแม่น้ำแห่งความสัตย์
เขาอยู่บนเรือลำเล็กๆที่ตกแต่งอย่างงดงามท้ายเรือประดับด้วยรูปแกะสลักอย่างงดงามมีธงขนาดใหญ่อยู่ท้ายเรือเขียนว่า’เมิ่ง’ อยู่ ทำให้ใครก็ตามที่เห็นสามารถระบุตัวเขาได้ทันที
เขาแน่ใจไม่มีเรือลำไหนโดดเด่นไปกว่าเรือของเขาแน่นอน
แน่นอนว่าเขาเป็นคนที่มีอิทธิพล
ไม่มีเรือลำไหนเข้ามาใกล้เขา
แต่ทันใดนั้นเขาก็เห็นเรือลำใหญ่ลำหนึ่งล่องมาใกล้
”นั่นไง!”เมิ่ง อวี้ชู ดึงดาบออกมาก่อนจะมองไปยังเรือลำนั้น
เขากระโดดขึ้นไปบนฟ้า
จากนั้นเรือลำเล็กก็แล่นไปข้างหน้าเหมือนมีสายลมคอยผลักดันมันเป็นภาพที่งดงามและดึงดูดความสนใจของเหล่าหญิงสาวรวมถึงเหล่านักปราชญ์ที่อยู่ริมฝั่ง
หากเรือลำอื่นในแม่น้ำนี้ถือว่าเป็นปลา
เรือของเขานั้นก็เป็นมังกร!
ธงสีทองโบกสะบัด
ทุกคนต่างเพ่งมองไปที่เรือลำนั้นพวกเขารอให้ เมิ่ง อวี้ชู กระโดดขึ้นไปบนนั้น
มันใกล้เข้ามาแล้ว…
ในขณะที่เรือลำนั้นใกล้เข้ามาเมิ่ง อวี้ชู ก็ก้มหน้าลงพร้อมกับดวงตาอันเป็นประกาย ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
”ข้าลูกชายคนโตของตระกูลเมิ่งเมิ่ง อวี้ชู! ข้าขอขึ้นไปบนเรือของเจ้า!” เมิ่ง อวี้ชู ตะโกนขึ้นมา
ไม่มีใครยิ่งใหญ๋ไปกว่าเขาที่นี้
นอกจากนี้…
ผู้คนที่อยู่บนเรือลำนั้นคงไม่แข็งแกร่งพอที่จะต้านทานได้
คงเป็นแค่หญิงสาวหรือคนมีตังธรรมดาๆ
แบบไหนก็ดีทั้งนั้น!
เมิ่งอวี้ชู มั่นใจมาก
เขามั่นใจว่าเรือทุกลำต้องหยุดเรือให้เขา!
ฮ่าฮ่า!
เมิ่งอวี้ชู ยิ้มเยาะในขณะที่เขาคิดกับตัวเอง
อย่างไรก็ตามเขาก็ตระหนักถึงความผิดปกติในทันที รอยยิ้มของเขาแข็งค้าง
”เฮ้หยุดหยุด… หยุด!”
”ตึง!่
ท่ามกลางสายตาจำนวนมากเรือลำใหญ่ได้ชนเข้ากับเรือของ เมิ่ง อวี้ชู จากนั้น เมิ่ง อวี้ชู ก็กระเด็นตกลงไปในน้ำทันที