Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 264
Chapter 264: ทางบก
ซูเหรินเหวี่ยงดาบยาวและปกป้องภรรยาของตน มองพวกโจรมุ่งหน้าเข้าหา หน้าผากของเขาก็เริ่มมีเหงื่อผุดซึม
เขาฝึกวิทยายุทธ์มาเพียงเล็กน้อยและไม่สามารถนับได้ว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แม้ว่าโอกาสที่จะสู้กับพวกโจรนี้ได้นั้นจะต่ํามากเขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปกป้องภรรยาของเขาเอาไว้ด้วยชีวิต
“ตุบ! ตุบ!”
เจ้าโจรสองคนที่ด้านหลังล้มลงพื้นหมดสติไปโดยไม่รู้ตัว
โจรคนอื่น ๆ เดินตรงเข้าไปจับลมหายใจของพวกมันแล้วก็ต้องตะลึง “หัวหน้า พวกมันตายแล้ว!”
“ฟอ!”
เสียงขู่ฟอดังมา แล้วพวกมันอีกคนก็ล้มลงพื้นหลังมีแสงสีดําแวบผ่าน
“งู! มีง!”
มือสังหารเลื้อยอยู่บนพื้นและพวกมันทุกคนก็มองเห็นได้ชัดเจน
“ก็แค่งไม่ใช่หรือ?”
ไป๋หลี่หลางนั้นกล้าหาญที่สุด ในตอนแรกเขาอาจจะหวาดกลัว แต่ตอนนี้ เขาเต็มไปด้วยความกล้า “คอยดูข้าสังหารมัน!”
แล้วเขาก็ดึงมีดมาแทงออกไป
“แกร็ง!”
เมื่อใบมีดกรีดผ่านเกล็ดของงู ก็เกิดประกายไฟขึ้นและใบมีดก็หักกระเด็นไป
“เป็นไปได้อย่างไร?”
ไป๋หลี่หลางตะลึง
“ปิศาจ… ปิศาจ!”
ชาวประมงที่รอบด้านกรีดร้องและหนีกระเจิงไปทุกทิศทาง
“ฝบ! ฝบ!”
ในตอนนี้ งดําโก่งตัวและพุ่งเข้าใส่ชาวประมงที่ละคน
เลือดสาดไปทุกแห่ง ที่หน้าอกของชาวประมงทั้งหมดมีแผลเปิด พวกมันล้มลงบนพื้น
“ปิศาจ… อ๊าก!! ปิศาจ!”
ไป๋หลี่หลางตกใจสุดขีด ขาของมันอ่อนยวบและเริ่มปัสสาวะรดกางเกง
“ร่างกายนี่ใช้การได้จริง ๆ !”
หลังจากทดสอบร่างกายใหม่ของตน ฟางหยวนก็พึงพอใจมาก อย่างไรเสีย มันก็แข็งแกร่งกว่าปลาหลีดํามากนักเห็นไปหลี่หลางนั่งคุกเข่าขอร้องเขา เขาก็หัวเราะ “เจ้าทําร้ายผู้อื่นนั้นไม่เป็นไรแต่กล้าดีอย่างไรทําร้ายข้า? เจ้าควรจะลงนรกไปเสีย!”
เขาเลื้อยเข้าไปแล้วจบชีวิตของไปหลหลางลง
“อะ… เจ้างูนี่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้?”
หว่านเอ่อร์ยังไม่หายตกใจ เมื่อนางทรงตัวได้ นางก็ไม่อยากเชื่อเมื่อมองไปที่งูดําที่มีเกล็ดสะท้อนแสงเทียนเป็นประกาย
“ข้าเอง!”
ฟางหยวนเปิดปากพูดภาษามนุษย์ออกไป
“ปิศาจ… ปิศาจ!”
หว่านเอ๋อร์ใบหน้าซีดเผือดและแทบจะหมดสติไป
“หว่านเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว คนมีดีมีชั่ว ในเมื่องูตัวนี้ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้ มันย่อมต้องเป็นปิศาจที่ดี!”
ซูเหรินปัดเสื้อผ้าก่อนที่จะโค้งกายให้ง “ข้าคือซูเหริน ขอบพระคุณที่ช่วยชีวิตพวกเราเอาไว้! พวกเราจะสํานึกในความช่วยเหลือของท่านและทดแทนบุญคุณนี้…”
“ลืมมันไปเถิด!”
งูมองไป แล้วหมอกสีดําก็พุ่งขึ้นจากหัวของมัน เผยร่างพลังหยินของฟางหยวน
“ข้าคือฟางหยวน ก็เป็นแค่โชคชะตาที่ข้าได้มาอยู่ที่นี่แล้วช่วยพวกเจ้าไว้ แต่ว่า ข้ามีบางอย่างที่อยากให้เจ้าทํา!”
“ตราบใดที่ไม่ผิดกฎหมายและศีลธรรม ข้ารับปาก!”
เห็นฟางหยวนเผยร่างพลังหยินออกมา ซูเหรินก็ยิ่งแน่ใจว่าเขาเป็นปิศาจผู้ทรงพลังและเริ่มมีน้ําเสียงเคารพ
“อืม ไม่มีอะไรมาก ปลาหลีสีทองแกมแดงตัวนั้นต้องการให้พวกเจ้าปกป้องมันระหว่างการเดินทางต่อไปของมัน!”
ฟางหยวนพูดเข้าเรื่อง
อันที่จริง เขาก็คิดเพื่อตัวเองไว้
อย่างไรปิศาจทั้งสามจากทะเลสาบฉีก็ไล่ตามล่าเขาอยู่ แม้ว่าเขาจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกไปแล้วมันก็ยังคงเป็นปัญหาสําหรับเขาที่จะเดินทางไปตามแม่น้ําดังนั้นเขาจึงคิดที่จะเดินทางไปพร้อมกับมนุษย์เพื่อปิดบังตัวเองและให้ได้มีการเดินทางที่ราบรื่น
ไม่ว่าปิศาจพวกนั้นจะมีความคิดใด ๆ พวกมันย่อมไม่สามารถคิดถึงวิธีการเดินทางเช่นนี้ได้
ซูเหรินต้องการเดินทางไปที่มณฑลทะเลสาบจิน และมันก็อยู่บนชายฝั่งทะเลสาบจนถึง ดังนั้นก็เป็นทางเดียวกัน
“เพื่อรับการปกป้อง? ข้ารู้วิทยายุทธ์เพียงเล็กน้อยและยังเป็นเพียงมนุษย์ตัวเล็ก ๆ…”
ซูเหรินงุนงงและรู้สึกราวกับเขากําลังจะเผชิญกับปัญหามากมาย
แต่ว่า เขารู้ว่าเขาไม่สามารถรับสิ่งที่จะเกิดตามมาได้หากต้องสู้กับคนผู้นี้
“หากข้าบอกว่าเจ้ามีความสามารถพอ ย่อมหมายความว่าเจ้ามีความสามารถพอ!”
ฟางหยวนหัวเราะคิกคัก “นอกเสียจาก… เจ้ามันเป็นคนไม่รู้จักบุญคุณ?”
ในฐานะปีศาจตนหนึ่ง เขาย่อมมีรังสีของปิศาจ มือของซูเหรินชาหนีบขณะที่ดาบของเขาร่วงลงสู่พื้น
“ตอนนี้เขาได้เปรียบอยู่ดังนั้นข้าจําต้องเชื่อฟังเขา… ใครจะคิดว่าข้าจะหนีเสือมาปะจระเข้เช่นนี้…”
ซูเหรินถอนหายใจอยู่ในอกแล้วคารวะลงอย่างนอบน้อม “ข้าจะกล้าไม่เชื่อฟังได้อย่างไร?”
“ฮ่าฮ่า ดีมาก!”
ร่างพลังหยินของฟางหยวนกลับเข้าสู่ร่างงูขณะเขาเลื้อยไปบนเตียง “นําเรือเทียบท่าแล้วจัดเตรียมสิ่งขอให้พร้อม… แล้วก็ นําปลาหลีสีทองแกมแดงนั่นมาหาข้า!”
“ขอรับท่าน!”
ซูเหรินรับปากอย่างเชื่อฟัง เมื่อเขาเดินออกไปจากห้อง เขาก็เห็นเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชานอนจมกองเลือดอยู่และรู้สึกเศร้าใจ
ภรรยาของเขานั้นก็ตระหนกเมื่อเห็นซากศพทั้งหมดและเกือบจะส่งผลต่อครรภ์ หลังจากปลอบนางอยู่เป็นนานในที่สุดนางก็สงบลง
ไม่นานหลังจากนั้น ซูเหรินก็ย้ายหลี่หลวนมาที่ห้องนอนและขอตัวออกไป ส่วนการเทียบท่าและการแจ้งทางการนั้น เขาต้องจัดการมันด้วยตนเอง
หลังจากศพถูกนําออกไป ห้องก็ให้ความรู้สึกดีขึ้นมาก
ซูเหรินและภรรยาไม่กล้าหลับ พวกเขาย้ายออกจากห้องเพื่อเป็นการเคารพต่องดําตัวนั้น
น้ําซัดกระแทกตัวเรือซ้ํา ๆ แสงไฟในห้องหนึ่งสลัวลง
“เหตุใดเจ้ายังซ่อนตัวอยู่อีก?”
ฟางหยวนปล่อยร่างพลังหยินของตัวเองออกมาแล้วมองไปที่อ่างเล็กที่หลี่หลวนอยู่
ปลาหลีสีทองไม่มีทางเลือกและหลับตาลง
แสงสว่างสายหนึ่งแวบขึ้น หญิงสาวงดงามราวนางฟ้าผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในห้อง
ที่รอบตัวนาง มีสายน้ําพาดพันทําให้นางดูลึกลับราวกับเทพเซียน
“พลังหยินของเจ้า… บาดเจ็บอยู่! หากเป็นเวลากลางวัน ข้าเกรงว่าเจ้าคงไม่สามารถปล่อยร่างพลังหยินออกมาได้ด้วยซ้ํา!”
เห็นอย่างนั้นแล้วฟางหยวนก็ส่ายหน้า
การฝึกพลังหยินนั้น โดยหลักการก็คือสร้างบางอย่างขึ้นจากความว่างเปล่า ยิ่งดูเหมือนจริง ก็ยิ่งแสดงถึงระดับการฝึกตนสูงส่ง
ยกตัวอย่างร่างชายหนุ่มของฟางหยวนตอนนี้ เขาดูมีเลือดและเนื้อคล้ายคนจริง
เทียบกับพลังหยินของแม่นางผู้นี้ที่กะพริบไปมา ชวนให้ผู้คนคิดว่านางเป็นเพียงวิญญาณ
แต่ว่า ฟางหยวนก็สามารถบอกได้ว่าพลังหยินของนางเป็นเช่นนี้เพราะการบาดเจ็บ มิใช่ระดับการฝึกตนไม่เพียงพอ
“ข้าไม่สามารถคงร่างนี้เอาไว้ได้นาน ข้าต้องขออภัยล่วงหน้าด้วย!”
หลี่หลวนโค้งกายลงใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ ขณะที่นางกําลังขออภัย นางก็กลายเป็นหมอกแล้วเลื่อนไหลกลับสู่กายเนื้อ
“อืม เจ้าไปยั่วโทสะผู้ใดมา?”
เห็นแล้วฟางหยวนก็เริ่มสนใจและถามออกมาอย่างง่าย ๆ
“… เป็นเทพมังกรแห่งลําน้ําอัน!”
หลี่หลวนตอบโดยสัตย์จริงและถอนหายใจ
อย่างไรเสีย ปิศาจตรงหน้านางก็ฉลาดนักและคงเดาได้คร่าว ๆ จากสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของนางแม้ว่านางจะพยายามปิดบังเอาไว้ ดังนั้น มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปิดบังต่อไปและความจริงว่านางต้องการออกไปจากแม่น้ําสายนี้ก็เป็นสิ่งที่นางปิดบังเอาไว้ต่อไปไม่ได้เช่นกัน
“ดี! ข้าชอบวิธีการแบบนี้!”
ฟางหยวนยิ้ม เขาเพียงแค่ทําให้ปิศาจไม่กี่ตัวและว่าที่เทพวารีโมโห แต่ก็มากตกอยู่ในสภาพเช่นนี้เสียแล้ว
แม่นางผู้นี้นั้นยิ่งกว่าเขาเสียอีกจึงกลายั่วโทสะของเทพมังกร!
ได้รับการเรียกขานว่าเทพมังกร เขาย่อมมีร่างมังกรและมีป้ายบัญชาสูงสุด แม้แต่ปิศาจทรงพลังในทะเลสาบฉีก็ยังไม่กล้าทําให้เขาโมโห
“เจ้าไปทําเขาโกรธได้อย่างไร?”
“นั่นเป็นความลับ ข้าบอกไม่ได้จริง ๆ !”
หลี่หลวนยืนกราน “มันไม่มีประโยชน์… อันที่จริง หากท่านรู้เรื่องนั้น มันอาจจะนําปัญหาไปสู่ท่านด้วย!”
“เช่นนั้นเจ้าตั้งใจจะทําอย่างไรต่อ?”
ฟางหยวนนั้นบอกได้ว่าไม่ว่าก่อนหน้านี้หลี่หลวนจะเก่งกาจเพียงใด ตอนนี้นางก็ไร้สามารถสิ้นแล้วพลังหยินของนางยังถึงกับกะพริบไปมาแบบที่คงไม่สามารถล่อลวงมนุษย์สักคนได้ด้วยซ้ํา
“ในเมื่อท่านก็จัดการไปแล้ว ยังถามข้าอีกทําไม?”
หลี่หลวนตอบกลับ “การเดินทางด้วยวิธีการแบบมนุษย์ไปให้ถึงเขตอื่นนั้นเป็นความคิดที่ดีมากจริง ๆ !”
“เฮ้ย เจ้าได้ถามความเห็นของข้าก่อนหรือไม่ที่จะมาร่วมเดินทางไปกับข้า? ระวังตัวไว้ ข้าอาจจะโยนเจ้าออกจากเรือก็ได้ใ”
ฟางหยวนกลอกตา
“ไม่ใช่ว่าท่านบอกซูเหรินว่าข้าต้องการเดินทางด้วยวิธีการของมนุษย์เพื่อหลบเลี่ยงปัญหาหรอกหรือ?”
หลี่หลวนทําท่าน่าสงสาร
เห็นฟางหยวนสีหน้าไร้ความรู้สึก นางก็ได้แต่ยอมแพ้ “ท่านต้องการอะไร? ข้ารู้จักขุมทรัพย์หลายแห่งและยังตําราอีกหลายเล่ม…”
“แม่นางผู้นี้ไม่ใช่ธรรมดา… น่าเสียดายที่นางไม่มีประสบการณ์มากพอทําให้ถูกเอารัดเอาเปรียบได้โดยง่าย…
ฟางหยวนทําสีหน้ายินยอม “เอาละ! วันนี้ข้าช่วยเจ้าก็ได้ แล้วพวกเราค่อย ๆ ตกลงเรื่องค่าตอบแทนของข้าในภายหลัง!”
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่คนจําพวกที่ชอบเสี่ยง แต่ว่า เขาก็ไม่ได้จะตายตกไปจริง ๆ ในอาณาจักรแห่งนี้ดังนั้นมันก็เป็นเหตุเป็นผลดีที่จะเสี่ยงครั้งใหญ่เพื่อคว้าค่าตอบแทนมหาศาล
ซูเหรินนั้นฉลาด หลังจากศึกษาอยู่ระยะหนึ่ง ในที่สุดเขาก็เรียนรู้การบังคับเรือและนําเรือเทียบท่าได้อย่างปลอดภัย
หลังจากนั้นเขาก็รีบหาชาวนาผู้หนึ่งให้ไปรายงานแก่ทางการ
มันเป็นเรื่องใหญ่ที่บนเรือมีศพมากมาย ในเวลาไม่นาน มือปราบหลายคนก็มาถึงเรือ
หากเป็นเรือพ่อค้าทั่วไป เขาย่อมถูกกล่าวหาเป็นฆาตกร
แต่ว่า ด้วยชื่อและสถานะของเขา การปฏิบัติที่เขาได้รับนั้นต่างออกไป เขารีบรายงานว่าไปหลี่หลางและพวกนั้นคือคนร้าย และใช้เงินอีกจํานวนหนึ่งฝังศพผู้ติดตามของตัวเองอย่างเหมาะสมทุกอย่างราบรื่นและสามวันให้หลัง พวกเขาก็ขึ้นจากท่าและเดินทางต่อ
สําหรับฟางหยวนและหลี่หลวน เรื่องทั้งหมดนี้หาได้สําคัญไม่
อันที่จริง อยู่ไกลจากท้องน้ํานั้นหมายความว่าพวกเขาสามารถหลบเลี่ยงการถูกติดตามได้ซึ่งเป็นเรื่องดีของพวกเขา
“เมืองนี้ค่อนข้างมีชีวิตชีวามาก…”
ในรถม้า มีถังใส่ปลาถังหนึ่ง ในนั้นมีปลาหลีสีทองแกมแดงว่ายอยู่ในนั้นอย่างอิสระ และดูแปลกตาที่ได้เห็น
และที่น่าสนใจกว่านั้นก็คือเสียงทึบ ๆ ที่ดังจากข้างตัวซูเหริน หัวงูหัวหนึ่งโผล่ขึ้นจากคอเสื้อของเขาเมื่อเจ้ามองไปรอบ ๆ อย่างสนอกสนใจ
“ผู้มีพระคุณ ท่านพูดถูก! ผู้ปกครองเมืองนี้นั้นทําหน้าที่ได้ดียิ่ง!”
ซูเหรินใบหน้าซีด
ผู้ใดที่มีงูพิษร้ายแรงเลื้อยไปมาบนร่างย่อมต้องไม่ร่าเริงได้
นี่คือวิธีการที่ฟางหยวนใช้ควบคุมเขา
ไม่อย่างนั้น ฟางหยวนก็เกรงว่าเขาอาจจะกลับคําและจ้างพระหรือนักพรตมาลงมือกับเขาไปแล้ว
มนุษย์นั้นมีสัญชาตญาณการเอาตัวรอด หากซูเหรินทําให้ฟางหยวนโกรธ เขาก็คงถูกสังหารระหว่างทางเป็นแน่ดังนั้นเขาจึงได้แต่เชื่อฟังแล้ว
ดูเหมือนว่าวิธีการของฟางหยวนนั้นจะใช้การได้
ซูเหรินพยายามทําทุกอย่างอย่างดีที่สุดและไม่กล้าทําอะไรที่ผิดไปจากปกติ
อย่างไรเสีย เขาก็ไม่อยากเอาชีวิตตนเองไปเสี่ยง
“มีวัดและอารามอยู่ระหว่างทางเพียงไม่มาก… ดูเหมือนว่าปิศาจและผีจะเป็นผู้ควบคุมอาณาจักรนี้…”
เห็นเช่นนี้ฟางหยวนก็ส่ายหน้า