Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 255
Chapter 255: หลบหนี
รัฐหยา
รัฐนี้อยู่ติดกับรัฐตงเชิง ภูมิประเทศเป็นลูกคลื่นลอนลาดคล้ายทะเลทราย
เพราะสภาพแวดล้อมที่ยากทนทาน ผู้คนที่นี่จึงป่าเถื่อนและดุดันกว่า ดังนั้น จึงเกิดประเพณีของ “นักดาบ” ซึ่งต่างไปจากลําดับพยัคฆ์และลําดับมังกรของรัฐตงเชิง
ถึงตอนนี้ ในทะเลทราย นักดาบสองคนสู้กันอยู่
ในฐานะนักดาบ ทั้งคู่สวมหมวกไม่ไผ่และกวัดแกว่งดาบ วิชาดาบของพวกเขานั้นยอดเยี่ยมและทุกกระบวนท่าล้วนเป็นกระบวนท่าถึงตาย
“หลงซวนเฟิง ส่งดาบวิเศษนั่นมาซะแล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า!”
นักดาบชุดชาวที่ดูร้ายกาจและมีแผลเป็นยาวบนใบหน้า เขาถูกนักดาบอื่น ๆ อีกกว่าสิบคนล้อมอยู่
ได้ยินเสียงบอกให้เขายอมแพ้ เขาก็ยิ้มและบางอย่างที่ตรงเอวของเขาก็ส่องประกาย
“เครั้ง เครั้ง!”
ขณะที่ดาบเฉียดผ่านกัน ก็เกิดเสียงดังสนั่น ภายใต้แสงจันทร์ ดาบมากมายหักกลาง เผยให้เห็นนักดาบหลายคนที่มีใบหน้าตื่นตะลึง
ภายในไม่กี่วินาที ก็มีรอยเฉือนบนคอของแต่ละคนทกคนขณะเลือดสาดกระจายออกมา
สังหารสิบสองคนในกระบวนท่าเดียว!
หลังจากร่ายเคล็ดวิชาลับออกมาแล้ว หลงซวนเฟิงก็สูดลมหายใจลึกและมองดาบวิเศษของเขาอย่างยินดี “ฮ่าฮ่า… ด้วยความช่วยเหลือของจันทร์ยะเยือก ข้าสามารถสําเร็จวิชาดาบยิ่งใหญ่และกลายเป็นผู้ที่มีพลังที่สุดในรัฐหยา!”
“ซู่!”
ขณะสายลมแรงพัดผ่าน เกิดจุดดํา ๆ สองจุดที่ขอบฟ้า
จุดดําพวกนั้นเร็วมากและในไม่ช้า ก็กลายเป็นเงาร่างของคนสองคน
“อืม? ยังมีคนรนหาที่ตายอีก?”
ขณที่เขากําลังคิด หลงซวนเฟิงก็มองไปทางเงาร่างทั้งสองนั่น
“ไปซะ และอย่าเข้ามาขวางทาง!”
มีน้ําเสียงหมดความอดทนดังมาพร้อมกับพลังรุนแรงที่สัมผัสได้ หลงซวนเฟิงปลิวไปด้านหลังอย่างควบคุมไม่ได้และจันทร์ยะเยือกก็ลื่นหลุดจากมือ
“อ้า… ดาบวิเศษของข้า!”
ขณะที่เขาร้องออกมา เขาก็คลานไปหาดาบ แต่ว่า ตอนที่เขามองไปที่จันทร์จะเยือกที่ปักอยู่บนพื้น บนดาบมีรูห้ารู ที่เขาสามารถมองทะลุผ่านไปได้
“หลินเฉียนเยี่ย เจ้านี่มันดื้อด้านจริง ๆ !”
แค่สิ่งรบกวนเล็กน้อยนั้นไม่สามารถดึงดูดความสนใจของฟางหยวนได้ เขามองหลินเฉียนเยี่ยที่ไล่ตามมา มีความกลัวอยู่บนใบหน้าของเขา
ก่อนหน้านี้ เขาใช้ชีวิตของหร่วนหมิงข่มขู่หลินเฉียนเยี่ยได้ครู่หนึ่ง
หลังจากนั้นสองชั่วยาม หลินเฉียนเยี่ยก็เริ่มไล่ตามเขาอีกครั้ง
โชคดี เขาฝึกฝนทั้งเคล็ดวิญญาณและวิทยายุทธ์ แม้ว่าจะไม่ใช่คู่มือของหลินเฉียนเยี่ย เขาก็ยังคงป้องกันตัวเองไว้ได้ ตลอดทางเขาพยายามหนีและสู้กลับ จนกระทั่งตอนนี้พวกเขาเข้าสู่รัฐหยา
ตอนนี้ เขารู้แล้วว่าหลินเฉียนเยี่ยตามรอยเขามาได้อย่างไร
“เขาน่าจะตามรอยข้าจากรัศมีพลัง… นี่คือประสาทสัมผัสที่ดีขึ้นของเขาเพราะเกือบจะสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ได้แล้วใช่หรือไม่?”
เขาพยายามสลัดคนผู้นี้ทิ้งหลายครั้งแต่หลินเฉียนเยี่ยก็ยังไล่ตามมาได้ทุก ๆ ครั้ง ในดวงตาฟางหยวนเริ่มปรากฏรอยอันตราย
ในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของเขา ไข่มุกเยือกแข็งนั้นถูกดูดซับอย่างสมบูรณ์แล้วและดาบธาตุน้ําก็ก่อตัวขึ้นมาเกือบครึ่งทาง ค่าสถานะของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลง
“ชื่อ: ฟางหยวน
พลังกาย: 36.0
พลังลมปราณ: 30.0
พลังเวทย์: 33.0
สายวิชา: ผู้ป้องฝัน
การฝึกตน: สวรรค์มายา (ขั้นที่ 1), อู่จง (ชีพจรที่สาม)
วิทยายุทธ์: [อินทรียักษ์กายาเหล็ก (ระดับ 4) (1 ใน 100 ส่วน)], ร่างทองคําร้อยพิษ (ระดับการฝึกฝนที่ 1), [ค่ายกลดาบแปดประตู (ดาบที่ 2) (30 ใน 100 ส่วน)]
ทักษะ: [การรักษา (ระดับ 3)], [การดูแลพืช (ระดับ 5)]”
“ข้าสามารถลองใช้ปราณดาบธาตุน้ําได้แล้วตอนนี้!”
ฟางหยวนตัดสินใจแล้ว
“เจ้าละเมิดกฎของสํานักเรา พวกเราจะตามล่าเจ้าไม่ว่าเจ้าไปที่ไหน! เจ้าคิดหรือว่าจะสบายใจได้เพียงเพราะเจ้าเป็นจ้าวแห่งฝัน? ข้าเคยสังหารจ้าวแห่งฝันมาตั้งหลายคนแล้ว!”
น้ําเสียงเย็นเยียบของหลินเฉียนเยี่ยดังมา สําหรับเขา มันก็น่าประหลาดใจมากแล้วที่จ้าวแห่งฝันผู้นี้กลับมีความทนถึงเพียงนี้
ยิ่งศัตรูแข็งแกร่ง เขายิ่งต้องการสังหารลงให้ได้!
คนผู้นี้นั้นไม่มีผู้อยู่เบื้องหลังและไม่ได้มาจากห้าสํานักใหญ่ แต่ว่า กลับแข็งแกร่งและหากปล่อยให้รอดไปได้ ย่อมนําปัญหามาสู่พวกเขาได้ในอนาคต!
“ฝบ!”
ขณะที่พวกเขาไล่ตามกันมา ไม่ช้า ก็ได้ยินเสียงน้ําในแม่น้ําไหลเชี่ยว เพียงข้ามหน้าผาไป ก็มีแม่น้ําสายใหญ่ที่เชื่อมสู่ทะเล
“พวกเรามาถึงที่นี่แล้ว!”
ฟางหยวนไปถึงหน้าผาแล้วกระโดดออกไป
“อย่าคิดว่าจะหนีพ้น! ฝ่ามือพันพฤกษ์!”
ที่ด้านหลัง หลินเฉียนเยี่ยไล่ตามมาขณะเงาฝ่ามือมากมายปรากฏขึ้นปกคลุมทั่วฟ้า
ฟางหยวนตวัดฝ่ามือลงด้านล่าง น้ําแตกกระจายจากแม่น้ําและตกลงมาราวกับฝน “ระวัง!”
เมื่อน้ําระเหย ดาบสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นแล้วพุ่งเข้าใส่หลินเฉียนเยี่ย
“เอ๋?”
หลินเฉียนเยี่ยนั้นสู้กับดาบธาตุไฟมาสักพักแล้ว ตอนนี้ ดาบธาตุน้ําเย็นเยียบปรากฏขึ้น และยังมีเกล็ดน้ําแข็งเกาะอยู่บนมือของเขาชั้นหนึ่ง เขารู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย
แน่นอนว่า นี่ก็เพราะว่าเขาถูกโจมตีอย่างกะทันหัน อักขระเวทย์บนร่างของเขาสว่างเรื่องขึ้นเกล็ดน้ําแข็งละลาย
“ดาบเพลิง!”
ฟางหยวนไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดรอดไป
เขาเลือกลงมือที่นี่เพื่อที่จะใช้น้ําจากแม่น้ําเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ดาบธาตุน้ําของเขา เขาตวัดดาบธาตุไฟออกไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
เมื่อดาบสีแดงรวมตัวกับดาบสีฟ้า ก็เกิดแรงระเบิดขึ้น “ค่ายกลดาบเพลิงธารา! ระเบิด!”
แน่นอนว่า นี่ไม่ใช่ค่ายกลที่สมบูรณ์ นี่เป็นเพราะว่าดาบธาตุน้ํานั้นยังไม่ถูกสร้างอย่างสมบูรณ์แบบและยังไม่มั่นคงเป็นที่สุด แต่ว่า ฟางหยวนก็อาศัยประโยชน์จากความไม่มั่นคงของดาบธาตุน้ําเกิดเป็นการระเบิดที่รุนแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
“ครืน!”
ที่กลางอากาศ หลินเฉียนเยี่ยไม่สามารถหลบดาบพ้นและต้องรับมือกับมันด้วยกําลังเพียงอย่างเดียว
“ฝบ!”
หลังจากการระเบิด ปราณดาบสีแดงและฟ้าก็สลายไป เหลือไว้เพียงหน้าผาที่เต็มไปด้วยหลุมโพรงมากมาย
ท่ามกลางความเละเทะทั้งหมด หลินเฉียนเยี่ยก็ลงมายืนบนพื้นและมีสีหน้าซีดเผือดอย่างยิ่ง มือกดอยู่ที่หน้าอกของตน บาดแผลสองสายเริ่มมีเลือดไหลซึมออกมา
“รัศมีพลังถูกทําลาย…”
ขณะที่เขาสูดลมหายใจลึกและมองไปที่แม่น้ําเชี่ยวกราก พลังในร่างของเขาปั่นป่วนจนต้องกระอักเลือดออกมา
“บรรพตพันปี… หลินเฉียนเยี่ย?”
หลังจากนั้นสามวัน ฟางหยวนที่ดําอยู่ในแม่น้ําก็ผุดขึ้นมาจากใต้น้ําในก้อนน้ําแข็ง ร่างของเขาเผยออกมาหลังก้อนน้ําแข็งระเบิดออก
“สุภาพบุรุษ ล้างแค้นสิบปีไม่สาย!”
มองไปตามสายน้ํา เขาก็หัวเราะแล้วจากไป
ไกลออกไปจากรัศมีพลังระยะหนึ่ง หลินเฉียนเยี่ยก็ไม่สามารถระบุตําแหน่งของเขาได้อีกต่อไป
ถึงตอนนี้ ค่ายกลของเขายังไม่สมบูรณ์ หากเขาต้องการสู้ตัวต่อตัว เขาก็ยังคงพ่ายแพ้ ดังนั้น มันจะฉลาดกว่าที่จะกลับมาแก้แค้นที่หลัง
“ตอนนี้บรรพตพันปีนั่นกําลังสืบหาตัวข้าอยู่ ข้าไม่ควรกลับไปที่รัฐทะเลทรายแล้วนําปัญหาไปให้พี่น้องฉินนั่น…”
“โชคดีที่ยังเพียงแค่คนผู้เดียว พวกเราค่อยเจอกันคราวหน้า…”
เขามองไปรอบ ๆ เขาพบว่าที่นี่นั้นแปลกตาไปมาก
หลังจากการหลบหนียาวนานและยังว่ายมาตามแม่น้ํา เขาก็ไม่รู้ทิศทางแล้ว
“ข้าควรจะมองหาสถานที่พักสักคืนก่อนที่จะฝึกวิทยายุทธ์และค่ายกลดาบของข้าต่อ..”
มองพระอาทิตย์แล้ว เขาก็เลือกทิศทางและออกเดินทาง
“โชคดี ข้ายังสามารถเข้าสู่อาณาจักรแห่งฝันได้จากทุกที่ในต้าเฉียน ดังนั้นมันจึงไม่ได้แตกต่างว่าข้าจะไปที่ใด!”
ในเมื่อเขารู้ว่าตัวเองถูกบรรพตพันปีไล่ตาม และอาจจะสะดุดความสนใจของราชสํานัก เขาจึงรีบเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกและสีผมให้ดูเป็นชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง เขาเดินไปตามแม่น้ําและไปถึงเมืองเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
หลังจากมองหาโรงพักแรมอย่างง่าย ๆ และตรวจสอบดูว่าที่นี่คือที่ใด เขาก็พบว่าเมืองนี้เรียกว่าเฟิงเซียง อยู่ใต้เขตปกครองของรัฐหมิง
สมบัติของฟางหยวนล้วนอยู่ในไข่มุกภูผานที่ หลังจากเดินทางอยู่อีกครึ่งเดือน เขาก็พบเมืองหนึ่งและใช้แก้วพลังธาตุซื้อเรือนเล็ก ๆ หลังหนึ่ง
ต้าเฉียนนั้นมีการปกครองเหนือทุกอย่างทั้งอาณาจักร ไม่ว่าจะเป็นการซื้อบ้านเรือนหรือทําสิ่งใด หากไม่มีตัวตนแล้ว ย่อมเป็นที่จับตามอง
แต่ว่า วิธีการของฟางหยวนนั้นง่ายดายนัก
เขามองหาครอบครัวชั้นกลางแล้วใช้เคล็ดแฝงฝันไปเปลี่ยนความทรงจําของพวกเขา ให้จดจําตัวเขาเป็นญาติจากแดนไกล ใช้แก้วพลังธาตุและความสัมพันธ์กับคนเหล่านี้ เขาย่อมสามารถทําอะไรก็ได้ และในเมื่อเขา ไม่มีบันทึกความผิด เจ้าหน้าที่ย่อมไม่สนใจมากนักเช่นกัน
ชายวัยกลางคนที่ฟางหยวนปลอมมานั้นไม่มีบันทึกความผิดและย่อมสามารถซื้อหาเรือนเล็ก ๆ หลังหนึ่งได้ สําเร็จ
“ต้าเฉียนต่างไปจากสถานที่อื่น ตราบใดที่ข้ามีแก้วพลังธาตุ ข้าก็สามารถซื้อข้าววิญญาณ พืชวิเศษและกระทั่งน้ําศักดิ์สิทธิ์ พวกเขายังกระทั่งส่งของมาให้ถึงประตูบ้านข้า…”
หลังจากเข้าไปดูในห้องครัวแล้ว ฟางหยวนก็พึงพอใจเป็นที่สุด
เขายังอยากจ้างคนรับใช้อีกหลายคน แต่เขามีความลับมากเกินไป ในเมื่อที่นี่นั้นเป็นเพียงที่อยู่ชั่วคราวของเขาเท่านั้น เขาจึงมองมันเป็นสิ่งไม่จําเป็น
“ลองคิดดูแล้ว… ข้าเคยเห็นในอาณาจักรแห่งฝันว่าข้าวที่เหมาะสมที่สุดสําหรับจ้าวแห่งฝันคือข้าวรวงทอง เหมือนในทุ่งข้าวเหลืองอร่ามในทุกห้วงฝัน โชคไม่ดี ข้าววิญญาณชนิดนี้นั้นอย่างน้อยก็อยู่ในระดับปริศนาและยังหายาก หากต่อไปข้ามีดินแดนศักดิ์สิทธิ์สักผืน ข้าก็คงจะลองซื้อจากอาณาจักรแห่งฝันมาปลูกดู?!”
ในเมืองเล็ก ๆ ข้าวระดับสูงที่สุดที่พวกเขามีขายย่อมเป็นระดับเหลือง ซึ่งก็ยังเพียงพอให้เขากินชดเชยพลังที่เสียไป
หลังจากกินอิ่ม ฟางหยวนก็เข้าสู่โลกแห่งความฝัน
บนถนน มีแสงวาบและฟางหยวนก็ปรากฏตัวขึ้น
“รัฐตงเชิง บรรพตพันปี!”
เมื่อเขาไปถึงป้ายหิน เขาก็จ่ายคะแนนภารกิจเล็กน้อยและได้รับข้อมูลพื้นฐานบางอย่าง
“บรรพตพันปีเป็นสํานักที่มีอิทธิพลแห่งหนึ่งในรัฐตงเชิง เจ้าสํานักคือผู้อาวุโสหลงหูซึ่งฝึกวิชา “เคล็ดมังกรพยัคฆ์พิทักษ์อเวจี” ซึ่งสามารถเปิดชีพจรศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงแปดจุดและยังสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์มังกรพยัคฆ์ เป็นระดับการบําเพ็ญเพียรที่แท้จริง และเขายังอยู่ในลําดับที่ 13 ของลําดับมังกร!”
“รองเจ้าสํานักคือหลินเฉียนเยี่ยที่มีระดับการฝึกตนอู่จง 8 ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ เขาฝึกเคล็ดวิชาลับขหรงและฝ่ามือพันพฤกษ์… เขาอยู่ในลําดับที่ 5 ในลําดับพยัคฆ์!”
“สํานักที่มีผู้บําเพ็ญเพียรที่แท้จริงเป็นเจ้าสํานัก เป็นปัญหาแล้วจริง ๆ… หากข้าต้องจ้างจ้าวแห่งฝันสักคนที่มีความสามารถเทียบเท่า เกรงว่าข้าคงจะไม่สามารถจ่ายได้”
ตอนที่เขาคิดเช่นนี้ เขาก็ติดต่อเฟิงซินจือและอธิบายสถานการณ์สั้น ๆ
“โอ๋? น้องชาย เจ้าไปยั่วโมโหบรรพตพันปีเข้างั้นหรือ?”
นี่คือปฏิกิริยาที่เขาคาดไว้แล้ว เฟิงซินจ่อดูใจเย็น ราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่
อย่างไรต้าเฉียนก็กว้างใหญ่และจ้าวแห่งฝันก็สามารถเดินทางไปได้ทุกที่ ใครจะสามารถควบคุมจ้าวแห่งฝันได้กัน?
ไม่ต้องพูดถึงว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเฟิงซินจ่อนั้นแข็งแกร่งกว่านักเมื่อเทียบกับบรรพตพันปี
“อันที่จริง บรรพตพันปีก็ไม่ได้อะไรนัก ยกเว้นแค่ผู้อาวุโสหลงหู อย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้บําเพ็ญเพียรที่แท้จริง… มีเพียงจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดที่สามารถรับมือกับเขาได้”
เฟิงซินจ่อถอนหายใจ
ระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดนั้นก็เทียบเท่ากับอู่จงระดับเจ็ดชีพจรศักดิ์สิทธิ์และนักรบวิญญาณขั้นวิญญาณที่เจ็ด แต่ว่า พลังของเจ้าแห่งฝันระดับสวรรค์มายาขั้นที่เจ็ดนั้นสูงกว่าที่เหลือมาก
ฟางหยวนอึ้งไป กระทั่งเฟิงซินจ่อเองยังอยู่ในระดับสวรรค์มายาขั้นที่สามหรือสี่เท่านั้น นอกจากนี้ การแปรธาตุสร้างเม็ดยาวิเศษนั้นยังต่างไปจากการสร้างภวังค์จิต
ยาวิเศษนั้นเป็นแก่นแท้ที่จับต้องได้คล้ายกับดาบวิเศษ มีเอกลักษณ์โดยธรรมชาติ แต่ว่า รูปชีวิตอันจับต้องไม่ได้นั้นสามารถกําเนิดขึ้นซ้ํา ๆ ได้ด้วยตัวเองและความแตกต่างระหว่างแก่นทั้งสองนั้นเกินจะวัดได้