Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 254
Chapter 254: หลินเฉียนเยี่ย
ในป่าทึบ ฟางหยวนไปถึงส่วนลึกของภูเขา เขาปล่อยปราณดาบออกมาขุดเป็นถ้ําหลังหนึ่งและยังเตียงหิน อีกหลังก่อนที่จะโยนหร่วนหมิงไปไว้บนเตียง
“แฝงฝัน!”
ตอนที่พูด นิ้วชี้ข้างขวาของเขาก็แตะลงที่ระหว่างคิ้วของหร่วนหมิง
มันเป็นเรื่องหลอกลวงทั้งหมดที่ฟางหยวนเรียกร้องหยกโลหิตฉีหลิน จุดประสงค์แท้จริงของเขาคือการดึงเอาทุกอย่างเกี่ยวกับเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนจากเจ้าตระกูล
หากเขาเรียกร้องสิ่งนี้ตั้งแต่แรกอาจกลายเป็นให้เวลาพวกเขาเตรียมตัวรับมืออย่างไรก็มีจ้าวแห่งฝันในต้าเฉียนตั้งมากและพวกเขายังสามารถผนึกความทรงจําเอาไว้ได้
ฉวยโอกาสกะทันเช่นนี้ย่อมหมายความว่าแม้ว่าพวกเขาจะมีเคล็ดวิชาที่ใช้ในการป้องกันเจตจํานงเวทย์ของตนเอาไว้ ก็ไม่มีอะไรให้ฟางหยวนต้องกลัว
หลายปีก่อน เขาก็เคยแฝงเข้าสู่ความฝันของอู่จงมาแล้ว เมื่อขึ้นมาเป็นจ้าวแห่งฝันระดับสวรรค์มายา เขาย่อมเข้าสู่ความฝันของหร่วนหมิงได้โดยง่ายแม้จะพบเจอการต่อต้านอยู่บ้าง
“อืม? มีผนึกความทรงจําอยู่จริง ๆ อย่างไรนี่ก็เป็นเจ้าตระกูลเชียวนะ เขาย่อมรู้ความลับมากมายและต้องป้องกันเอาไว้…”
ขณะที่ฟางหยวนเข้าสู่จิตเหนือสํานึกของหร่วนหมิง เขาก็ไปถึงหน้ากุญแจทองที่ผนึกความลับมากมายเอาไว้
“เรื่องดีก็คือเขาไม่ระแวงถึงจุดประสงค์แท้จริงของข้าและดังนั้นจึงไม่ใช่การป้องกันที่แข็งแกร่งนัก ข้ายังสามารถทําลายผนึกนี้ได้แม้จะต้องใช้เวลา!”
เขาโบกมือ แล้วหมอกก็ปรากฏขึ้น มันซึบซาบเข้าสู่แขนขาของหร่วนหมิง
จ้าวแห่งฝันนั้นเชี่ยวชาญการควบคุมเจตจํานงเวทย์และวิญญาณ ที่ระดับการฝึกตนนี้ของเขา มันไม่ง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินไปที่จะทะลวงผ่านผนึกนั่น ฟางหยวนมั่นใจว่าเขาทําได้มณฑลอีอู่
“เป็นความแค้นที่ข้าต้องเอาคืนกับผู้ที่จับตัวบิดาของข้าไป!”
หร่วนจวินเซียนและเสือดําไท่สุยล้วนฟื้นตื่นแล้ว มีความเกลียดชังอยู่ในดวงตาของหร่วนจวินเซียน “ข้าต้องการตามหาคนชั่วช้าผู้นั้นแล้วช่วยบิดาออกมา!”
“อย่าพูดไร้สาระ!”
หัวหน้าผู้อาวุโสนั้นเป็นเทียดของเขา ขณะออกปากสั่งสอน เขาก็ตบเข้าที่ใบหน้าของหร่วนจวินเซียนตรง ๆ
เกิดเสียงดัง “เผียะ!”
“เหตุผลเดียวที่บิดาของเจ้าต้องการช่วยชีวิตเจ้าไว้ก็คือเจ้าเป็นอนาคตของตระกูลของเรา!”
ผู้อาวุโสมีสีหน้าเคร่งขรึม “หากเกิดอะไรขึ้นกับเขา เจ้าก็ยังต้องสืบทอดตําแหน่งและขึ้นเป็นเจ้าตระกูล หากเจ้าไปและเกิดเรื่องร้ายขึ้น ใครจะรับผิดชอบดูแลตระกูล?”
ในแต่ละตระกูล การต่อสู้แย่งตําแหน่งเจ้าตระกูลนั้นร้ายแรงเสมอ
หากหร่วนจวินเซียนขึ้นรับตําแหน่ง เขาก็ยังต้องฝึกอีกหลายปีกว่าจะได้เป็นเจ้าตระกูลอย่างเป็นทางการและ หลานคนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถสู้ชนะได้
หากเขาตายไปขณะตามหาบิดาของเขา ย่อมสิ้นไร้ทายาทและตระกูลหลักอาจล่มสลาย
“คนผู้นั้นฝึกตนทั้งเคล็ดวิญญาณและวิทยายุทธ์ เขาอาจจะเป็นจ้าวแห่งฝัน!”
เหอซานถง เสือดําไท่สุยออกความเห็นทั้งใบหน้าซีดเผือด
เมื่อได้ยิน หัวหน้าผู้อาวุโสก็เริ่มขนลุกและเค้นรอยยิ้มออกมา “ท่านนักพรตติ้งอวิ่นเองก็คิดเช่นนั้นและดูเหมือนว่าจะถูกต้องแล้ว… ตระกูลของเราไม่รู้ไปทําให้ศัตรูแข็งแกร่งเช่นนี้ระคายเคืองได้อย่างไร พวกเราไม่ได้ทําสิ่งใด แต่หายนะก็ยังมาเยือน…”
“จ้าวแห่งฝันทั้งหลายล้วนลึกลับ และพวกเราก็คงต้องค่อย ๆ สืบดู หัวหน้าผู้อาวุโสโปรดวางใจ บรรพตพันปีนั้นมิได้ถูกรังแกโดยง่าย หากเขาไม่ได้มาจากสํานักสมาคมยิ่งใหญ่ทั้งห้าแล้ว พวกเรายังต้องหวาดกลัวสิ่งใด?”
เหอซานถงลูบหน้าอกตัวเอง
“ถูกต้อง!”
เสียงเข้มแข็งสายหนึ่งดังมา ราวกับดังมาจากที่ไกล ๆ
“รองเจ้าสํานัก?”
เหอซานถึงรีบโค้งกายคารวะ และหร่วนจวินเซียนก็ทําเช่นเดียวกัน
แม้ว่าเหอซานถงจะมีสถานะค่อนข้างสูงส่งในบรรพตพันปี เขาก็รู้ว่าผู้ที่มีความสามารถสูงส่งที่สุดย่อมเป็นเจ้าสํานักที่มีลําดับอยู่ในลําดับมังกร และคนที่สองย่อมเป็นรองเจ้าสํานัก หลินเฉียนเยี่ย เขาเองก็สร้างแปดชีพจรศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว และอยู่ห่างจากการสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์เพียงก้าวเดียว! เขาอยู่ในลําดับที่ 5 ในลําดับพยัคฆ์!
“ข้ากําลังใช้เคล็ดส่งเสียงพันลี้พูดกับพวกเจ้าทั้งหมด… คนผู้นั้นชะล่าใจและยังล่วงเกินพวกเรา บรรพตพันปี… ข้าจะจัดการเรื่องนี้เอง หากเขามีผู้สนับสนุนเบื้องหลัง พวกเราอย่างน้อยก็ต้องให้เขาได้รับบทเรียนบ้าง ถ้าไม่อย่างนั้น… ก็ใช่ว่าข้าจะไม่เคยสังหารจ้าวแห่งฝันมาก่อน!”
ตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงเย็นชานี้ ทุกคนในตระกูลหล่วนล้วนมีความยินดีบนใบหน้า
ภายในถ้ํา
ฟางหยวนหลับตาลง เคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคนฉบับเต็มที่สามารถสร้างร่างศักดิ์สิทธิ์ได้นั้นอยู่ในจิตสํานึกเขาเรียบร้อยแล้ว
“ที่ระดับคู่จง เคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุณสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ผู้ฝึกได้ จากตรงนั้น ผู้ฝึกสามารถสร้างแปดชีพจรศักดิ์สิทธิ์และได้ครอบครองพลังธาตุระดับสิบเมื่อบรรลุระดับร่างศักดิ์สิทธิ์ลมปราณยิ่งใหญ่ นี่เทียบได้กับร่างสวรรค์ในการฝึกวิทยายุทธ์ จากนั้น ผู้ฝึกก็สามารถชะล้างกระดูกและเลือด และเปลี่ยนจากร่างมนุษย์ไปเป็นร่างสวรรค์ หรือที่รู้จักกันในนามหลอมกาย! ที่ระดับนี้ ผู้ฝึกยุทธ์จะแข็งแกร่งขึ้นในทุกด้าน และวิทยายุทธ์ก็จะกลายเป็นสัญชาตญาณของผู้ฝึก เทียบได้กับนักรบศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่รู้จักในนามผู้บําเพ็ญเพียรที่แท้จริง!”
ถึงตอนนี้ ฟางหยวนก็ไม่สงสัยเกี่ยวกับหนทางการฝึกยุทธ์ในต้าเฉียนแล้ว
ตั้งแต่แรก มีสิบสองประตูทอง เมื่อผู้ฝึกถึงระดับอู่จง ก็สามารถใช้พลังธาตุ และฝึกฝนต่อถึงขอบเขตเปิดชีพจร เหมือนกับนักรบศักดิ์สิทธิ์ในระดับแยกธาตุ ในที่สุด ร่างกายก็จะถูกหล่อหลอมเป็นผู้บําเพ็ญเพียรที่แท้จริง!
การฝึกตนที่ระดับนี้เทียบได้กับระดับสวรรค์มายาขั้นสูง และนับได้ว่าเป็นผู้เก่งกาจในต้าเฉียน และสามารถเข้าสู่ลําดับมังกรของรัฐตงเชิงได้!
นักรบศักดิ์สิทธิ์ในระดับแยกธาตุสามารถฝึกขั้นวิญญาณได้ เมื่อการฝึกตนนั้นพัฒนาขึ้น พวกเขาก็จะเข้าสู่ระดับพลังธาตุอันแท้จริงซึ่งเทียบได้กับผู้บําเพ็ญเพียรที่แท้จริง!
อย่างไรหร่วนหมิงก็เป็นเจ้าตระกูลใหญ่ผู้หนึ่งและตัวเขายังเป็นผู้ฝึกตนที่แข็งแกร่งด้วย ดังนั้น เขาจึงรู้เรื่องต่าง ๆ และเป็นประโยชน์แก่ฟางหยวน
“นักรบศักดิ์สิทธิ์ในระดับพลังธาตุอันแท้จริงและผู้ฝึกยุทธ์ในระดับผู้บําเพ็ญเพียรที่แท้จริงนั้นเป็นผู้มีความสามารถสูงส่งอันหาได้ยากในต้าเฉียน หากไปอยู่ที่ใดแล้วก็สามารถเป็นปรมาจารย์ตัวจริงได้เลยทีเดียว!”
“ด้วยเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนอันสมบูรณ์นี้ ย่อมไม่มีปัญหาหากข้าจะค้นคว้าเคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กเพื่อสร้างแปดชีพจรแล้ว!”
มีความตื่นเต้นบนใบหน้าฟางหยวน
นักรบศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถฝึกขั้นวิญญาณได้ขณะที่อู่จงสามารถเปิดชีพจร แม้ว่าที่ระดับสุดท้ายแล้วจะคล้ายกัน จํานวนชีพจรศักดิ์สิทธิ์หรือขั้นวิญญาณนั้นก็จะเป็นตัวตัดสินความสามารถของผู้ฝึก
หากในเคล็ดวิชามีข้อบกพร่องและสร้างชีพจรศักดิ์สิทธิ์ได้มากที่สุดคือหกชีพจร เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าสู่ระดับถัดไปแล้ว
ตัวอย่างเช่น วิชาเปลี่ยนร่างเสือดําเจ็ดดาวของเสือดําไท่สุยนั้นสามารถสร้างได้อย่างมากที่สุดก็เจ็ดชีพจร ถึงแม้เขาจะสามารถสร้างร่างสวรรค์ได้ เขาก็ไม่ใช่คู่มือของร่างศักดิ์สิทธิ์ลมปราณยิ่งใหญ่ได้
เทียบกันแล้ว เคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนสามารถสร้างได้แปดชีพจร นับว่าเป็นเคล็ดวิชาที่ดีในต้าเฉียน
“เคล็ดวิชาระดับสูงที่แท้จริง ไม่ว่าจะสร้างขั้นวิญญาณหรือว่าชีพจรศักดิ์สิทธิ์ ล้วนสามารถสร้างได้ถึงระดับเก้า! เก้าคือตัวเลขที่ยอดเยี่ยมแล้ว! หากเคล็ดวิชานั้นสามารถใช้บรรลุระดับพลังธาตุที่แท้จริงหรือผู้บําเพ็ญที่ แท้จริงได้ ย่อมมีทรง
ฟางหยวนตัดสินใจแล้ว “ข้าไม่สามารถปล่อยให้เคล็ดอินทรียักษ์กายาเหล็กของข้าหยุดอยู่แค่ชีพจรที่แปด มันต้องสามารถบรรลุชีพจรสุดท้ายและกลายเป็นสมบูรณ์แบบได้!”
หากไม่สามารถทําให้มันสมบูรณ์แบบได้ ก็ลืมเลือนมันไปเสียดีกว่า เขาเป็นผู้ชื่นชอบความสมบูรณ์แบบ
มองไปทางเตียงหิน เขาก็เห็นหร่วนหมิงที่ซีดเผือดไร้สีเลือด เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับบาดเจ็บ แต่ว่าไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
อย่างไรฟางหยวนก็มาที่นี่เพื่อเคล็ดวิชา ไม่ใช่เพื่อกําจัดพวกเขา
“ตอนแรก ข้าก็อยากจะชดใช้ให้เจ้า แต่ว่า ในเมื่อเจ้าเองก็ฉวยวิชานี้มาจากตระกูลหยาง เช่นนั้นมันก็เป็นกรรมที่ถูกข้าฉวยมันกลับไป แม้เจ้าไม่ยินดี ข้าก็ทําอะไรไม่ได้…”
หลังจากอ่านความทรงจําทั้งหมดของหร่วนหมิง ตอนนี้ฟางหยวนก็รู้แล้วว่าตระกูลหร่วนผงาดขึ้นมาได้บนความเสียสละของตระกูลหยาง
ตอนที่ผู้อาวุโสจากตระกูลหยางมาหาพวกเขาเพื่อขอความช่วยเหลือนั้น กลับถูกจับตัวเอาไว้และทรมาน เพื่อให้บอกเคล็ดวิชารวมถึงขุมสมบัติลับของตระกูลหยางออกมา
ในเมื่อเขามีความทรงจําของหยางฟ้านอยู่ มันก็เป็นเรื่องยุติธรรมหากเขาจะทําลายตระกูลหร่วนทิ้ง
แน่นอนว่า หยางฟ้านไม่ได้ให้ความช่วยเหลือใดจนฟางหยวนรู้สึกว่าต้องช่วยเขาล้างแค้นและกําจัดตระกูลหร่วน
เมื่อฟางหยวนหันกลับมา เขาก็รู้สึกถึงความหวาดกลัวที่รอบตัวทันที
“พวกเขามาถึงที่นี่แล้ว?”
“และยังมีผู้มีความสามารถสูงส่งด้วยอีกผู้หนึ่ง!”
ตอนที่เขาเดินออกจากถ้ํา เขาก็พบผู้ชายชุดดําคนหนึ่ง
ผู้ชายคนนั้นนั่งอยู่บนถิ่นต้นสนต้นหนึ่ง ร่างกายขยับไหวไปพร้อมกิ่งสนที่ไหวตามลม ราวกับผู้ชายคนนั้นตัวเบาราวขนนก แต่รัศมีพลังของเขานั้นกดดันอย่างยิ่ง ง่ายต่อการทําให้ผู้อื่นสับสน
“ท่านเป็นเจ้าหน้าที่ทางการหรือว่าเป็นสมาชิกในตระกูล? ท่านพบข้าได้อย่างไร?”
มองคนผู้นั้นแล้วฟางหยวนก็ตะลึงไป ต้าเฉียนต่างไปจากดินแดนเดิมที่เขาทําได้ทุกอย่างตามต้องการมากจริง ๆ ตอนนี้ หากสะเพร่าเพียงนิด ผู้อื่นก็สามารถตามรอยเขาเจอ
“ข้าคือหลินเฉียนเยี่ย รองเจ้าสํานักบรรพตพันปี! ส่วนที่ข้าตามเจ้าเจอได้อย่างไร ข้าจะให้เจ้าได้รู้หลังเจ้าตายไปแล้ว!”
ผู้ชายชุดดําเผยรอยยิ้มรายกาจ เขามีใบหน้าหล่อเหลาและยังผิวขาวราวงาช้าง เมื่อเขายิ้ม กลับให้ความรู้สึกคล้ายงูพิษ
“ฝูบ!”
ในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของเขา ดาบวิเศษธาตุไฟกะพริบและปลดปล่อยปราณดาบออกมา!
“ไม่ดีแล้ว!”
ด้วยปฏิกิริยาจากสัญชาตญาณของเขา ฟางหยวนถอยหลังอย่างรวดเร็วขณะดาบสีแดงผ่าลงที่ตรงหน้าอกเขา
“เครั้ง!”
แรงกระแทกรุนแรง แม้ว่าเขาจะมีพลังธาตุระดับหก เขาก็ยังไม่สามารถต้านรับแรงนั้นได้อย่างสมบูรณ์ เขาถอนหายใจเมื่อแรงนั่นกระแทกเข้ากับหน้าอกส่งเขาปลิวไปด้านหลัง
หลินเฉียนเยี่ยเก็บหมัด “จ้าวแห่งฝันจริงเสียด้วย! นอกจากนี้… เจ้ายังอยู่ในระดับสวรรค์มายา!”
“ชีพจรที่แปด?”
เมื่อฟางหยวนลอยไปข้างหลัง แสงของพลังก็ส่องสว่างรอบตัวขณะเขามองดาบในมือ
ทหารสวรรค์ธาตุไฟนี้สามารถรับมือได้กระทั่งทัณฑ์สวรรค์และยังไม่เสียหาย แต่ว่า แขนของเขากลับชาขึ้นเล็กน้อย และหากต้องรับมือกับพลังทั้งหมดของคนผู้นั้น ก็คงจบลงไม่สวยงามนักเป็นแน่
ตรงหน้าเขาคืออู่จงระดับแปดชีพจรศักดิ์สิทธิ์!
ไม่เพียงเท่านั้น ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ของเขายังไม่ทันปรากฏขึ้นที่ด้านหลังแต่รอบร่างกายของเขากลับมีรูปแบบแปลกประหลาดปรากฏขึ้น ด้วยแรงมหาศาลระดับนี้ เขาน่าจะมีพลังระดับกึ่งหนึ่งที่ร่างสวรรค์จะมีได้แล้ว!
“มีแค่เคล็ดวิชาสุดยอดที่ผู้ฝึกจึงจะสามารถบรรลุระดับการฝึกตนยอดเยี่ยมได้?”
วิทยายุทธ์ชั้นยอดนั้นดูเบาไม่ได้เลย!
แน่นอนว่า พลังของจ้าวแห่งฝันนั้นเหนือกว่าคู่จง แต่ว่าระดับการฝึกตนในฐานะจ้าวแห่งฝันของฟางหยวนนั้นยังต่ําเกินไป
ฟางหยวนนั้นทําได้เพียงเสมอกับหลินเฉียนเยี่ยก็เมื่อสร้างดาบธาตุน้ําเพื่อสร้างค่ายกลดาบเพลิงธารา เขายังไม่สามารถสร้างแปดดาบได้ด้วยซ้ํา
โดยไม่พูดอะไรอีก ฟางหยวนหาทางหนีทันที
บนร่างเขา ไข่มุกภูผานที่ส่องประกาย ไข่มุกเม็ดหนึ่งถูกดูดซับเข้าไปในโลกแห่งความฝันอันแท้จริงของเขา มันคือไข่มุกเยือกแข็งที่เขาบังเอิญได้มาจากเทือกเขาสามโลก
ไข่มุกเยือกแข็งนั้นเป็นของวิเศษธาตุน้ําที่แฝงความเย็นเยือกเอาไว้ ขณะที่ค่ายกลดาบแปดประตูสั่น ก็ปรากฏแสงสีฟ้าเคลื่อนไหวช้า ๆ อยู่บนดาบธาตุน้ําขณะที่ดาบค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นช้า ๆ
“เจ้าหนีไม่พ้นหรอก!”
หลินเฉียนเยี่ยไม่ปล่อยฟางหยวนให้รอดไป เขากระโจนตัวออกมาแล้วพุ่งตามไป
“เพลิงสวรรค์ผลาญปฐพี!”
ฟางหยวนเหวี่ยงดาบสีแดงและปราณดาบก็ระเบิดออก เปลวไฟระเบิดออกไปทั่วบริเวณ เกิดเป็นไฟนรกเผาผลาญ “หร่วนหมิงอยู่ในถ้ํา ถ้าเจ้าอยากให้เขาตาย เช่นนั้นก็ตามข้ามาเลย!”