Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 252
Chapter 252: ลักพาตัว
“มีทหารฟ้าลาดตระเวนบนท้องฟ้าในต้าเฉียน?”
ฟางหยวนนั้นจับความหมายอื่นจากคําพูดของฮั่วชิงได้และเริ่มตื่นตัวมากขึ้น
อย่างไร การได้ปกครองเหนือพื้นที่กว้างใหญ่และยังได้รับคําอวยพรจากสวรรค์ ราชสํานักย่อมมีความสามารถนี้ได้!
แม้ว่าเขาจะเคยเป็นนายกองอินทรีในโลกแห่งความฝันของหยางฟาน เขาก็ยังไม่รู้ทุกอย่าง
ถึงตอนนี้ เขาจึงค่อย ๆ เข้าใจพลังของต้าเฉียนได้อย่างช้า ๆ
“มีเพียงจ้าวแห่งฝันที่สามารถรับมือจ้าวแห่งฝันได้… ข้าเกรงว่าที่เฟิงซินจ่อพูดถึงสํานักสมาคมอันยิ่งใหญ่ทั้งห้าแห่งในต้าเฉียนเขาน่าจะลืมนับราชสํานักไป!”
ฟางหยวนโลกมือลาชั่วชิงและเข้ามณฑลอีอู่ไป
ในมณฑลอีอู่ ตระกูลหร่วนนั้นนับเป็นหนึ่งในตระกูลอันทรงอิทธิพล
ก่อนหน้านั้น หลังจากรับเอาเคล็ดลมปราณยิ่งใหญ่เฉียนคุนมาจากตระกูลหยาง ทุกคนในตระกูลหร่วนไม่ว่าจะผู้อาวุโสหรือศิษย์ ล้วนเหมือนได้รับการเสริมพลังในทักษะวิทยายุทธ์ของพวกเขา ตั้งแต่นั้นพวกเขาก็มีผู้อาวุโสสองคนในขอบเขตเปิดชีพจร ซึ่งเป็นการประกันตําแหน่งแห่งที่ของพวกเขาในมณฑลนี้
แน่นอนว่า ยังมีข่าวลือว่าเหตุผลที่ตระกูลหร่วนกลายเป็นมีพลังถึงเพียงนี้ในเวลาอันสั้นนั้นไม่เพียงเพราะเขา ได้วิทยายุทธ์ของตระกูลหยางมา พวกเขายังได้รับขุมทรัพย์ลับมาด้วย!ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่ทําให้ตระกูลหลวน กลายมาเป็นหนึ่งในตระกูลที่มีอํานาจที่สุดในดินแดนแถบนี้
แต่ว่า ตอนนี้ หลังจากผ่านมาหลายปี ข่าวลือนั่นก็เริ่มจางหายไป
อย่างไรเสีย จะมีตระกูลไหนที่สามารถปีนป่ายขึ้นมามีอิทธิพลเพียงนี้ได้โดยไม่ฆ่าใครหรือเสียสละสิ่งใดออกไป? มีผู้คนบริสุทธิ์ตั้งเท่าใดที่ถูกทําร้ายในระหว่างการนี้?
ถึงพวกเขาจะถูกสงสัยว่าได้ทําเรื่องผิดจรรยามา แต่พวกเขาก็ไม่พูดมากเรื่องนี้ ในไม่ช้ ผู้คนในมณฑลก็เริ่มลืมการกระทําต่าง ๆ ของพวกเขาไปและจําไว้เพียงพวกเขาเป็นตระกูลที่ใจกว้างและใสสะอาด
สําหรับผู้อื่นที่นอกมณฑลแล้ว พวกเขานั้นเป็นตระกูลแข็งแกร่งอันถูกต้องตามทํานองคลองธรรม
ในห้องหนังสือคฤหาสน์ตระกูลหร่วน
หัวหน้าตระกูลคนปัจจุบันของตระกูลหร่วนคือหร่วนหมิง เขาอายุราวห้าสิบปี และเป็นอู่จงผู้หนึ่งเขาดูแลร่างกายตัวเองอย่างดีดังนั้นจึงดูเหมือนอายุราวสามสิบปีเท่านั้น เขาหลับตาลงขณะตั้งใจฟังผู้ใต้บัญชารายงานเรื่องบัญชี
“ที่เมืองตะวันออก พวกเราเก็บเกี่ยวแก้วพลังธาตุได้สองพันก้อน เก็บไว้ในคลังหลักแล้ว!”
“การค้าขายของหลายร้านในเมืองนั้นอยู่ตัวแล้ว ทุกเดือนจะได้รับแก้วพลังธาตุห้าร้อยก่อน พวกเราส่งให้คุณชายน้อยจวินเซียนตามที่ท่านบัญชาเรียบร้อยแล้ว!”
เหล่าผู้ดูแลบ้านทั้งหลายรู้พื้นอารมณ์ของเจ้าตระกูลดีและล้วนแต่นอบน้อม ระหว่างนี้ ยังเอ่ยชื่อคุณชาย น้อยออกมาเป็นครั้งคราว
“อืม จวินเซียนมีพรสวรรค์และเป็นความหวังของตระกูลเรา… พวกเราละการสนับสนุนเขาไม่ได้!”
เมื่อพูดถึงบุตรชาย เขาก็ลืมตาขึ้นช้า ๆ เผยสีหน้ายินดี
เขามีบุตรชายสามและบุตรสาวห้า ส่วนมากแล้วธรรมดาแต่หร่วนจวิ้นเซียนนั้นมีพรสวรรค์ในเชิงยุทธ์เขาเริ่ม ฝึกยุทธ์ตอนสามขวบ และทะลวงประตูชาง ประตูทองที่ 6 ได้ตอนแปดขวบ ได้รับกําลังภายในตอนนี้เขาอายุ สิบหกปี และอยู่ที่ระดับสูงสุดของประตูทองที่สิบสองแล้ว เขาเข้าสังกัด “บรรพตพันปี” ที่เป็นสํานักใหญ่แห่ง หนึ่งในรัฐตงเชิงว่ากันว่าเขามีพรสวรรค์สูงสุดที่นั่นและได้รับการปฏิบัติด้วยอย่างดีเป็นพิเศษ
แต่ว่า หร่วนหมิงรู้ว่าการสร้างความสัมพันธ์อันดีนั้นสําคัญเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าเขาจะอยู่ในสํานักใหญ่เขาก็ยังจําเป็นต้องได้รับทรัพยากรอย่างต่อเนื่อง
ในฐานะเจ้าตระกูล หร่วนหมิงนั้นถูกจํากัดในหลายด้านและทําได้เพียงช่วยเขาภายในขอบเขตที่เขาสามารถ
“เจ้าตระกูล พวกเรามีข่าวดี!”
ถึงตอนนี้ ยามผู้หนึ่งก็เข้ามาคุกเข่าข้างหนึ่งลงใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี “คุณชายน้อยจวินเซียนเขียนจดหมายตอบมาแล้วขอรับ! เขาจะออกจากสํานักมาพร้อมกับอาจารย์ “เสือดําไท่สุยและจะมาถึงมณฑลอีอู่ในอีกสองสามวันข้างหน้า!”
“ฮ่าฮ่า… ข่าวดีจริง ๆ นั่นแหละ!”
หร่วนหมิงยืนขึ้น “ส่งคําสั่งลงไปให้เตรียมการ… เสือดําไท่สุยไม่เพียงเป็นอู่จงในระดับเปิดชีพจร ยังเป็นอา จารย์ของจวินเซียนด้วย พวกเราจะไม่เคารพเขาไม่ได้!”
เหอซานถง เสือดําไท่สุยผู้นี้คือผู้ที่มีสถานะสูงส่งในบรรพตพันปีและยังว่ากันว่าเขาสร้างชีพจรศักดิ์สิทธิ์ได้ถึงห้าจุดและมีพลังธาตุระดับที่หก! ในลําดับพยัคฆ์แล้ว เขาอยู่อันดับที่ 87 จากทั้งรัฐตงเชิง!
รัฐตงเชิงนั้นเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกยุทธ์ และดังนั้นจึงมีการจัดลําดับที่เรียกว่า ลําดับพยัคฆ์และลําดับมังกร
เพื่อที่จะเข้ารับการจัดลําดับ คนผู้นั้นต้องอายุต่ํากว่าสี่สิบปี และอย่างน้อยอยู่ในระดับอู่จง ยิ่งอยู่ในลําดับสูงอย่างน้อยก็ต้องอยู่ในขอบเขตเปิดชีพจร
ส่วนลําดับมังกรนั้นไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลง มีเพียงผู้ที่สร้างชีพจรศักดิ์สิทธิ์ได้ครบและสร้างร่างสวรรค์ได้จึงจะเข้าอยู่ในลําดับนี้ได้
ส่วนเหอซานองนั้นอยู่ในลําดับพยัคฆ์ย่อมหมายความว่าเขามีทักษะสูงส่ง
แม้ว่าตระกูลหร่วนจะมีผู้อาวุโสในขอบเขตเปิดชีพจรสามคน แต่ไม่มีใครอยู่ในลําดับนั้น
นอกตระกูลหร่วน ฟางหยวนหิวยามคนหนึ่งขึ้นมาแล้วเหวี่ยงทิ้งไปเมื่อได้สิ่งที่เขาต้องการ
“ตระกูลหร่วนก็คล้ายกับตระกูลหยาง พวกเขาส่งต่อวิชายุทธ์ตามสถานะของสมาชิกในตระกูลข้าเกรงว่ามีเพียงแค่เจ้าตระกูลและสามผู้อาวุโสรู้บันทึกทั้งหมด…”
ถึงตอนนี้ ฟางหยวนก็ยังไม่มีความสามารถพอที่จะบุกเข้าตระกูลมีอํานาจเช่นตระกูลหร่วนตรง ๆ ได้
ที่สําคัญที่สุด หลังจากได้สิ่งที่เขาต้องการแล้ว มันย่อมเป็นเรื่องยากที่เขาจะหลบหนีจากผู้คุ้มกันรอบ ๆ
นอกจากนี้ อาจจะยังมีค่ายกลนับไม่ถ้วนปกป้องคฤหาสน์ของตระกูลหรืออาจจะอาวุธลับ อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ประเทศหยวนหรืออู่ ก้าวผิดเพียงก้าวเดียวอาจจะทําให้เขาถูกจับตัวได้
“เพื่อที่จะวางแผนลงมือ ขาจําต้องล่อเสือออกมาจากถ้ํา… เหยื่อก็น่าจะเป็นบุตรชายสุดที่รักของตระกูลหร่วนหร่วนจวินเซียน ใช่หรือไม่?”
ฟางหยวนลูบคาง ดวงตาเป็นประกาย
เขาไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่จะทําการแลกเปลี่ยน ตระกูลที่มีอํานาจและอิทธิพลเช่นนี้จะยอมมอบเคล็ดวิชายุทธ์ลับของตนออกมาโดยง่ายได้อย่างไร? ต่อให้พวกเขาตกลงแลกเปลี่ยน ฟางหยวนก็อาจจะรับเงื่อนไข ไม่ไหวหรืออาจจะไม่ยินยอมจ่ายออกไป
“อันดับที่ 87 ในลําดับพยัคฆ์ เหอซานถง เสือดําไท่สย… คิคิ…”
เขามองไปทางหนึ่งในเมืองแล้วก็หัวเราะคิกออกมา
ในป่า รอบด้านเงียบสงบ
รถม้าคันหนึ่งแล่นมาชํา ๆ ตามทาง
รถม้าไม่ได้ดูหรูหรา แต่ว่า อันที่จริงแล้วสร้างขึ้นจากไม้ทองสัมฤทธิ์พันปี และยังมีแรงสะเทือนน้อยมากมีกลิ่นหอมอ่อนจางอยู่ภายในรถม้า
ผู้ที่ขับรถม้านั่นดูอายุราวสิบห้าปี
“จวินเซียน ไม่ต้องรีบร้อน มณฑลอีอ่อยู่ข้างหน้านี้แล้ว
ม่านถูกดึงเปิดออก เหอซานถง เสือดําไท่สุยหัวเราะออกมา”เมื่อพวกเรากลับถึงบ้าน ข้าจะต้อนรับท่านอย่างดีที่สุด ท่านอาจารย์! “หร่วนจวินเซียนนั้นฉลาดเฉลียด ตอนที่เขาพูดอย่างนั้นเหอซานถงก็เริ่มหัวเราะอย่างยินดี
หลังจากหัวเราะแล้ว ใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง”เจ้ารู้เรื่องที่ทางสํานักมอบหมายให้พวกเราใช่แล้วหรือไม่?”ข้าทราบ ทําลายตระกูลหลี่! ห้ามปล่อยผู้ใดรอดไป!“หร่วนจวินเซียนนั้นยังเยาว์ เมื่อพูดเรื่องนี้เขาก็รู้สึกไม่ดีนักบอกตามตรง ตระกูลหลี่ไม่ได้เลวร้าย แต่ว่า พวกเขาคุกคามพวกเรา หากพวกเราไม่สอนบทเรียนให้พวกเขาบ้าง ตระกูลอื่นก็จะคิดว่าพวกตนก็สามารถเหยียบขึ้นศีรษะพวกเราได้ และต่อไปมันก็จะยากสําหรับพวกเราที่จะลงมือ.. “เหอซานถงเล่าประสบการณ์ของตนออกมา”อาจารย์… ข้าทราบแล้ว! “หร่วนจวินเซียนกัดฟัน” ผู้แข็งแกร่งรังแกผู้อ่อนแอ เป็นความจริงมาตั้งแต่ครั้งบรรพกาล… กระทั่งตระกูลหลินของพวกเราก็ยังเติบโตขึ้นบนความย่อยยับของตระกูลอื่น ๆ! “ดีมาก! เจ้านับว่าฉลาดเมื่อคิดว่าเป็นผู้ที่เอาแต่ฝึกวิทยายุทธ์มาตลอดชีวิต! “เหอซานถงกล่าวชมเขา
เขาไม่เคยพูดเช่นนี้กับศิษย์คนอื่นมาก่อน แต่ตอนนี้ เขาพูดกับหร่วนจวินเซียน ตั้งแต่ครั้งแรกที่เขาพบหร่วนจวินเซียน เขาก็เริ่มลําเอียงเข้าหาเขา และกระทั่งตัวเองก็ไม่อยากเชื่อ”ตามกฎของสํานักเราในเมื่อนี่เป็นภารกิจ แรกของเจ้า ข้าทําได้เพียงให้คําแนะนํา แน่นอนว่า… ถ้าเจ้าได้รับความช่วยเหลือจากภายนอกนั่นก็ไม่นับว่าไม่ เคารพกฎ… “เขาเปลี่ยนเรื่องและเริ่มให้คําแนะนําเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่หร่วนจวินเซียน
หร่วนจวินเซียนรับฟังอย่างตั้งใจ และทันใดนั้น ก็มีมาตัวหนึ่งวิ่งควบมาทางนี้ เกิดอะไรขึ้น?”ชายหนุ่มทิ้งตัวลงจากหลังม้าและรีบมองไปข้างหน้า
ทั้งหมดที่เขาเห็นก็คือชายชุดขาวผู้หนึ่งขวางรถม้าเอาไว้
ม้าสองตัวที่ลากรถม้าอยู่นั้นหวาดกลัวและไม่ยอมขยับไปต่อ”อยู่ข้างหลังข้าเอาไว้ใ“เหอซานถงมีท่าทางจริงจังขณะดึงหร่วนจวินเซียนไปด้านหนึ่ง” ข้าคือเหอซานถงจากบรรพตพันปีขอทราบนามของท่านได้หรือไม่?”มองชายหนุ่มตรงหน้า เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกหนึ่งวูบผ่านราวกับตัวเขาสื่อกับฟ้าและดินได้ทําให้หัวใจของเขากระตุก
ด้วยประสบการณ์หลายปีของเขา ยังยากที่จะพบผู้ฝึกตนที่มีรัศมีพลังเช่นนี้”เสือดําไท่สุย?”ฟางหยวนประเป็นผู้ฝึกยุทธ์ผู้อยู่ในลําดับพยัคฆ์
คนผู้นี้ผอม ใบหน้าเป็นสีน้ําตาล และมีดวงตาที่ดูมีพลัง ฟางหยวนยิ้มแล้วพูดต่อหน้าตาเช่นนี้เองหรือ?”ดูเหมือนท่านจะมาที่นี่เพื่อแก้แค้น?“เหอซานถงเดินออกจากรถม้าช้า ๆ พร้อมกับรัศมีพลังที่แข็งแกร่งและกดดัน
เขาไม่ได้ถามเหตุผลที่ฟางหยวนมาปรากฏตัวที่นี่ เพราะรู้อยู่แล้วว่าตนนั้นมีศัตรูนับไม่ถ้วน
และนอกจากศัตรูแล้ว ยังมีผู้ที่ชอบหาเรื่องด้วยเช่นกัน นั่นถูก… แล้วก็ผิดด้วย!“ฟางหยวนตรงเข้าเรื่อง”หากท่านยินยอมให้ข้ายืมหร่วนจวินเซียนสักหลายวัน พวกเราก็ไม่ต้องสู้กันได้นั่นจะไม่ใช่สถานการณ์ที่ต่างได้ประโยชน์หรือ?”ไม่ต้องนับว่าเขาเป็นศิษย์ของข้า แต่แค่เขาเป็นศิษย์ของบรรพตพันปีนั่นก็หมายความว่าข้าจะเสียหน้าหากข้ายอมปล่อยให้ท่านนําเขาไปจากมือข้าได้“เหอซานถงยิ้มและสูดลมหายใจลึก”ซู่! “ทันใดนั้นกล้ามเนื้อบนร่างของเขาก็โป่งนูนขึ้น เขาตัวสูงขึ้น ภายในไม่กี่วินาที เขาก็เปลี่ยนจากคนร่างผอมไปเป็นชายร่างล่ําสัน
ไม่เพียงเท่านั้น ผิวของเขายังเปลี่ยนเป็นสีดําราวกับโลหะและยังมีเขี้ยวแหลมสองข้างโผล่จากปากราวกับมีเสือเข้าสิงร่างของเขา
เสือดําไท่สุยนั้นมีพลังจริงแท้!”ร่างแปลงเสือดําเจ็ดดาวของอาจารย์?!“หร่วนจวินเซียนใบหน้าซีดเผือดเขา ม่เคยคิดเลยว่าอาจารย์ของเขาจะใช้ท่าที่ทรงพลังที่สุดของตนเป็นกระบวนท่าแรก!”โอ? ไม่เลวเลย! ให้ข้าลองทดสอบเจ้าดู!“ฟางหยวนเดินเข้าไปช้า ๆ และออกหมัดอย่างง่าย ๆ”ซู่! “สายลมกรรโชกฝุ่นทรายฟังตลบ”ดาวที่ หนึ่ง! ดาวที่สอง! ดาวที่สาม! เปิด! “เหอซานถงคํารามออกมาขณะที่ชีพจรศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามก่อตัวขึ้นที่ด้านหลังเขาเกิดเป็นรูปร่างของกลุ่มดาว จากนั้นเขาก็ออกหมัดตรงใส่ฟางหยวน” ครืน! “เมื่อหมัดของพวกเขาปะทะกันทั้งคู่ล้วนถูกบีบให้ก้าวถอยไปคนละหลายก้าว” พลังธาตุระดับสี่? ไม่เลว!“ฟางหยวนสะบัดแขนที่ชาหนึบ”เจ้า แข็งแกร่งกว่าข้าตอนก่อนเรียกใช้ชีพจรศักดิ์สิทธิ์! “ด้วยการฝึกตนระดับอู่จงของเขา และยังอินทรียักษ์กายาเหล็กและร่างทองคําร้อยพิษ เขายังอ่อนแอกว่าศัตรู”ก่อนที่เจ้าจะเรียกใช้ชีพจรศักดิ์สิทธิ์? อู่จงระดับเปิดชีพจร? “หร่วนจวินเซียนปิดปากที่อ้าค้าง ในวินาทีถัดมา เขาก็เห็นชีพจรศักดิ์สิทธิ์หนาหนักทั้งสามก่อร่างขึ้นที่เบื้องหลังฟางหยวนเกิดเป็นเกราะเวทย์เขายังงอกปีกอินทรีคู่หนึ่งและกรงเล็บ”กรงเล็บอินทรี! “ดาวที่สี่! ดาวที่ ห้า! เปิด! “ปัง!”
ท่ามกลางเสียงกระแทกดังลั่น กลุ่มดาวที่ห้าปรากฏขึ้นที่เบื้องหลังเหอซานถง เขาใช้พลังธาตุระดับหกของตัวเองรับกรงเล็บอินทรี
ประกายสีแดงวาบผ่าน เขาปลิวกลับหลัง มีแผลดาบรอยหนึ่งอยู่ที่หน้าอก
เพียงแค่กระบวนท่าเดียว เหอซานถง เสือดําไท่สุยที่อยู่ระดับที่ 87 ในลําดับพยัคฆ์ก็พ่ายแพ้