Carefree Path of Dreams - ตอนที่ 238
Chapter 238: จักรราศี
“เจ้าปิศาจที่ใช้ไสยดำอยู่ข้างหน้านั่น!”
ในป่า กลุ่มของทหารที่ไล่ตามฟางหยวนมามีสีหน้าเคร่งขรึม
พวกมันสวมชุดเครื่องแบบ และดูเหมือนว่าจะมาจากหน่วยงานเดียวกัน
ถึงตอนนี้ ชายตาเล็กผู้หนึ่งถัดจากหัวหน้าก็บิดจมูกตัวเอง
“ฝึบ!”
ประกายสีเหลืองเรื่อเรืองขึ้น จมูกของเขาเริ่มเปลี่ยนไป ใบหน้าที่ดูค่อนข้างเหลืองของเขาทั้งซ้ายขวาเริ่มขยายออก
หลังจากสูดหายใจลึก ๆ ครึ่งหนึ่ง เขาก็ตัดสินใจได้
“ดีมาก แยกกันออกไป!”
หัวหน้าของพวกมันเป็นชายหนุ่มสวมมงกุฎไม่ไผ่สาน เขาสวมชุดคลุมยาวผ้าไหมปักรูปไก่เอาไว้ และสวมรองเท้าผ้าคู่หนึ่ง แม้เขาจะดูอายุน้อย การกระทำของเขากลับดูเป็นผู้ใหญ่และยังมีอิทธิพลมาก
“ขอรับท่าน!”
ที่ด้านหลังเขา กลุ่มคนเริ่มแยกตัวออกไปและขยับไปทางแม่น้ำ
เมื่อพวกมันแยกกัน ด้านหลังของหัวหน้าแต่ละกลุ่มก็มีประกายสลัว ๆ ที่ถักทอเป็นรูปเสือหรือเสือดาว เมื่อมีรูปนี้ปรากฏขึ้น ความเร็วของพวกมันในป่าก็เพิ่มขึ้น
“ดี! มีชินโตเช่นนี้ ข้าเกรงกว่าเขาก็คงหนีไม่รอด!”
ทุกคนดูยินดี
“ฮ่ม! พวกเราไม่สามารถหาหลักฐานในที่เกิดเหตุที่ซูกั่วใช้ไสยดำได้ ครั้งนี้ ด้วยความช่วยเหลือของเทพแห่งขุนเขา พวกเราน่าจะสามารถจับตัวผู้ลงมือได้บ้าง!”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมา
“ท่านขอรับ… พวกเราควบคุมเทพเจ้าไม่ได้ ระวังคำพูดของท่านด้วย!”
พวกเขาหลายคนที่ด้านข้างกระตุกเล็ก ๆ
ตัวตนของเทพเจ้าแห่งขุนเขาอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเหนือธรรมชาติ ชายหนุ่มผู้นี้เป็นทูตจากเมืองหลวงของประเทศเลี่ย เขาไม่กลัวสิ่งใดทั้งนั้น อย่างไรเสีย เขาก็ต้องเป็นผู้ชี้นำประเทศในฐานะทูตของเทพเจ้าเบี้องบน เขากล้าไม่เคารพนับถือเช่นนี้ได้อย่างไร?
“เฮอะ…”
ชายหนุ่มผู้นี้รวดเร็วมากแต่ก็รูวามเล็กน้อย “พวกเราสืบพบแล้วว่าซูกั่วน่าจะสร้างฐานะขึ้นมาด้วยวิธีการติดกฎหมาย พวกเราต้องการจับตัวเขาให้ได้เร็วที่สุดทันทีที่เขาร่ำรวยพอ ใครจะรู้ว่าท่านเซียนเฟิงนั่น… เหอเหอ เซียนนั่นคือปิศาจตนหนึ่งมากกว่า!”
“เมื่อเกิดเรื่องเช่นนี้ ก็ต้องมีคนรับผิดชอบและอธิบายเรื่องนี้ นี่เป็นโอกาสของข้าแล้ว!”
ไม่อย่างนั้น เขาคงทุ่มทรัพยากรทั้งหมดของตนมาที่นี่เพียงเพื่อจับตัวซูกั่ว
“พวกเราเห็นเขาแล้ว!”
พอทหารคนนั้นพูด พวกเขาก็พุ่งผ่านป่าออกไป เมื่อไปถึงแม่น้ำ ก็มองเห็นเงาร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่ง
ชายหนุ่มผู้นี้สวมชุดเครื่องแบบของคนรับใช้และดูจะเป็นหนึ่งในลูกน้องของซูกิ้ว เขายืนอยู่ตรงกลางขณะทีเหล่าทหารเริ่มเข้าล้อมเขาเอาไว้
“ข้าคือฉินอี้ ทูตป้ายเงินของหกประตูประเทศเลี่ย ยอมจำนนเสีย!”
ฉินอี้กระโดดเข้าไปหาชายหนุ่มผู้คำขณะตะโกนประโยคนั้นออกไป
อย่างไรเขาก็อยู่ฝ่ายดีและชายหนุ่มผู้นั้นก็เป็นคนชั่ว! นี่เป็นเหตุผลให้เขาต้องจัดการกับเจ้าหนุ่มนั่น!
อย่างไรคนเลวนั้นก็ย่อมขี้ขลาดอยู่เล็กน้อยและไม่กล้าต่อต้านเจ้าหน้าที่ทางการ ใช่หรือไม่?
ด้วยความกดดันจากฉินอี้ ชายหนุ่มผู้นั้นดูจะไม่สามารถใช้ได้แม้แต่กึ่งหนึ่งของเรี่ยวแรงของเขาดังนั้น ฉินอี้ จึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ
“ซู่!”
เมื่อเขาตวัดกรงเล็บเข้าใส่ชายหนุ่มผู้นั้น ประกายแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังและเปลี่ยนรูปไปเป็นรูป เสื้อตัวมหึมาอย่างรวดเร็ว ด้วยการจู่โจมอันร้ายกาจ บรรยากาศเปลี่ยนเป็นตึงเครียด
“หึม… นี่คือวิธีการใช้พลังในอาณาจักรฮุยรี? น่าสนใจ!”
ฟางหยวนยิ้มขณะมองฉินอี้
แม้ว่าจะมีวิทยายุทธ์และคาถาเวทย์อยู่ในอาณาจักรฮุย แต่มันก็ไม่ใช่ของทั่วไป
ในอาณาจักรนี้ การฝึกฝนที่เป็นที่นิยมคือใช้ชินโตร่วมกับพลังเจ้าสร้างความสัมพันธ์อันเป็นเอกลักษณ์
ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งอันมีอำนาจก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพแห่งขุนเขาและเทพแห่งสายน้ำ พวกเขามีจิตวิญญาณคอยปกป้องอยู่ไม่ว่าจะไปที่ใด แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับล่างและพลเมืองก็ได้รับอนุญาตให้ดูดซับของวิเศษและใช้ความสามารถตามจักรราศีของตน
ตัวอย่างเช่นฉินอี้ เขาเกิดภายใต้อิทธิพลของเสือขาว ทำให้จักรราศีของเขาคือเสือ ด้วยการฝึกฝนวิชาฝ่ามือจิตวิญญาณพยัคฆ์ร้อยปีและความแข็งแกร่งจากพลังเจ้า เขาก็สามารถสร้างรูปร่างของเสือขึ้นมาได้ มันดูน่าเกรงขามและยังเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์!
ตรงกันข้าม ชาวบ้านที่ยากจนและต่ำศักดิ์ก็ต้องฝึกฝนให้หนักในด้านวิทยายุทธ์และคาถาเวทย์ พวกเขาต้องใช้เวลานานจึงจะฝึกฝนจนถึงระดับที่ใช้การได้
ฉินอี้อายุเพียงยี่สิบปี คาดช้อนเงินช้อนทองมาเกิดและมีสถานะสูงส่งในราชสำนัก เขาเทียบได้กับผู้ฝึกยุทธ์ที่ระดับปลายของประตูทองที่ 12 เขายังเทียบได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในต้าเฉียน
ด้วยกรงเล็บพยัคฆาของเขา คนรอบข้างล้วนจับตามองอย่างไม่สงสัยเลยว่าฟางหยวนจะสามารถหนีพ้นไปได้ หลังจากนั้น ก็เป็นการจับตัวและสอบปากคำตามปกติ
“จิตวิญญาณพยัคฆ์? เคล็ดวิญญาณ? วิทยายุทธ์? น่าสนใจ! น่าสนใจยิ่งนัก!”
ฟางหยวนยกหมัดขวาขึ้นมาและต้านรับกรงเล็บของเขา
“ปัง!”
หมัดของเขานั้นดูธรรมดามากและยังไม่มีเสือขาวอยู่ที่ด้านหลังตัวเขา มันเทียบไม่ได้กับกรงเล็บพยัคฆาของฉัน
แต่ว่า หลังจากเสียงปะทะดังสนั่น ฉินอี้กลับร้องออกมาเมื่อแขนขวาของเขาหักยับ เขาปลิวถอยกลับไปด้านหลัง
“โฮก! โฮก!”
ที่ด้านหลังเขา จิตวิญญาณเสือขาวนั้นร้องออกมาราวกับมันต้องการปกป้องเจ้านายของมัน
“นี่มันบ้าอะไรกัน?”
ฟางหยวนมองไปที่พวกมันทั้งหมดราวกับพวกมันไม่คู่ควรให้เขาเสียเวลา “ไป… ให้พ้น!”
“ครืน!”
เมื่อพลังในร่างเขาพุ่งขึ้น อารมณ์ของเขาก็พุ่งสูง เลือดพลุ่งพล่านไปทั่ว มีเสียงดังราวกับแม่น้ำกว้างใหญ่ไห ลหลากไปตามเส้นทางดังออกมาจากร่างเขาและเขาก็กลายเป็นเหมือนเตาหลอมมนุษย์
ตอนที่เขาคำรามออกมา เสือขาวเองก็ร้องและระเบิดตัวไปเป็นประกายไฟ
“นั่น… นั่นมันบ้าอะไรกัน!”
ทหารรอบ ๆ ล้วนอึ้งงันไป
หมัดและเสียงคำรามคือทั้งหมดที่ต้องทำเพื่อเอาชนะตัวแทนจากหกประตู เสือขาวกลับชาติมาเกิดฉินอี้?
และผู้ที่เอาชนะเขาได้ยังเป็นเพียงคนรับใช้ต่ำศักดิ์ผู้หนึ่ง?
มายาภาพ! นี่ต้องเป็นมายาภาพแล้ว!
“นี่เป็นไปไม่ได้…”
ฉินอี้นอนอยู่บนพื้นคำรามออกมาอย่างอับอาย “เจ้าใช้… วิทยายุทธ์?! เป็นไปได้อย่างไร?”
ในอาณาจักรนี้ การฝึกวิทยายุทธ์เป็นกระบวนการอันยากลำบากและน่าเบื่อหน่อย ดังนั้น จึงมักเป็นที่ถูกดูหมิ่น แม้ว่าจะมีคนส่วนหนึ่งที่ฝึกฝนจนถึงระดับเจ้าสำนัก ฉินอี้เองยังไม่คิดจะใส่ใจคนพวกนั้นเลย
ไม่ จนกระทั่งได้พบฟางหยวน!
หลังจากหมัดเดียว เขาก็รู้แล้วว่าคนผู้นั้นไม่ได้ใช้พลังของจักรราศีของตน!
หากเขาใช้ พวกตนย่อมสามารถกดพลังของจักรราศีของเขาได้ด้วยความช่วยเหลือจากเทพแห่งขุนเขา
เพียงแค่หมัดง่าย ๆ ที่แทบไม่ได้ใช้พลังจากภายนอกทำให้เขาได้เข้าใจมากขึ้น
แม้แต่วิทยายุทธ์อันง่ายดายที่สุดก็ยังสามารถมีพลังได้ถึงเพียงนี้!
โชคไม่ดีนัก ฟางหยวนไม่สามารถเข้าใจสิ่งที่เขาพูดได้สักคำ
มองสีหน้าของเขาแล้ว ฟางหยวนก็ยังเข้าใจได้ว่า
อะไรอยู่ในใจ
“อะ… ข้ารู้แล้ว การข้ามกำแพงภาษาก็เป็นปัญหาหนึ่ง โชคดี… ข้ามีพวกเจ้าอยู่!”
ฟางหยวนมองไปรอบ ๆ และยิ้ม
“ลุกขึ้น!”
เห็นทูตของพวกมันนอนอยู่บนพื้น เหล่าทหารก็รู้สึกหวาดเกรงขึ้นมาเล็กน้อย แต่ว่าพวกมันก็ยังคงเชื่อฟังและกำลังของตนเองดี
ไม่เพียงเท่านั้น วงเวทย์ที่พวกมันสร้างขึ้นก็ส่องประกาย มันสามารถใช้พลังจากฟ้าและดินได้ซึ่งคล้ายคลึงกับพลังธาตุอยู่เล็กน้อย
“ไม่… แทนที่จะเรียกมันว่าพลังธาตุ ข้าควรจะเรียกมันว่าพลังธาตุก่อกำเนิด! นี่เพราะว่าพวกมันเพียงสามารถดึงพลังจากป่านี่ได้เท่านั้น!!”
ดวงตาของฟางหยวนเป็นประกาย
ความแตกต่างระหว่างพลังธาตุและพลังธาตุก่อกำเนิดก็คือความแตกต่างระหว่างผู้ฝึกยุทธ์ประตูทองที่ 11 และอู่จง!
ดังนั้น หลังจากรวมรวมพลังธาตุได้แล้ว เขาก็ลงมืออีกหนึ่งหมัด
“ครืน!”
ขณะที่อากาศระเบิดออก คลื่นความร้อนก็แผ่กระจายออกไป
ต้นไม้และต้นหญ้าลู่ลง กระทั่งหน้าดินยังถูกครูดออกฝุ่นฟุ้งกระจาย
เมื่อทุกอย่างสงบลง ก็เหลือเพียงทหารที่หมดสตินอนอยู่
“เจ้าทำอะไรลงไป? อย่าเข้ามานะ…”
เห็นฟางหยวนตรงมาหาเขา ฉินอี้ก็ตะกายถอยหลังช้า ๆ และมือไม้ปั่นป่วน “ข้ารู้ว่าเจ้า.. ไม่ใช่มนุษย์! เจ้าถูกวิญญาณร้ายเซียนเฟิงนั่นเข้าสิง!”
“น่าเสียดาย! ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้ากำลังพูดสักคำ!”
ฟางหยวนส่ายหน้า สีหน้าเสียดายลึกซึ้ง เขาจู่โจมใส่ฉินอี้อย่างรวดเร็ว ทำให้เขาหมดสติไป เขาใช้นิ้วชี้ข้างขวาชี้ไปที่หว่างคิ้วของฉัน
“แฝงฝัน!”
ความฝันยาวนานนับหมื่นปี
ภายในวินาทีเดียว ฟางหยวนก็มองเห็นชีวิตของฉินอี้จากมุมมองบุคคลที่สาม
จากวันเวลาอันไร้เดียงสาตอนที่เขายังเด็ก จนพบสัญลักษณ์ของจักรราศีของตน จากนั้นก็ประกอบอาชีพอันราบรื่นในราชสำนักสู่หกประตู ในที่สุด ระบบการทำงานก็กลืนกินเขาทำให้อุปนิสัยของเขาเปลี่ยนไป
ความตั้งใจของฟางหยวนก็คือเรียนรู้ภาษาของอาณาจักรฮุย
ระหว่างนั้น เขาก็เรียนรู้เกี่ยวกับจักรราศี เทพเจ้า และพลังเจ้า
“จักรราศีของเสือขาวทำให้เขาสามารถฝึกฝ่ามือวิญญาณพยัคฆ์ได้?”
ในอาณาจักรฮุย ฟางหยวนลืมตาขึ้นและมองกรงเล็บของฉัน
กระดูกแขนของเขาหนากว่าคนทั่วไปจริง ๆ นั่นแหละ
“แย่หน่อย… เส้นทางของจักรราศีนั้นพึ่งพาพลังจากภายนอกมากเกินไป!”
ฟางหยวนส่ายหน้า มองท่าทางของฉินอี้ กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 4 ประตูสวรรค์จากต้าเฉียนยังสามารถเอาชนะเขาได้โดยง่าย
“อย่างไรก็ตาม มันเป็นวิถีทางอันรวดเร็วที่จะฝึกฝนให้ได้พลังเช่นนี้ เทียบกับวิทยายุทธ์ซึ่งต้องการความอดทนและฝึกฝนอย่างหนัก เส้นทางนี้ย่อมดึงดูดใจกว่า โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีสถานะสูงส่งที่สามารถเข้าถึงพลังเจ้าได้!”
มันเป็นการดีที่สุดถ้าจะสามารถควบคุมพลังของตนเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งใด
เส้นทางการฝึกตนของจักรราศีนั้นต้องการทรัพยากรจำนวนมากและยังต้องได้รับการรับรองจากราชวงศ์ นอกจากนี้การฝึกฝนบนเส้นทางจักรราศีผ่านชินโตนั้นยังเป็นตัวเลือกที่นิยมเหนือกว่าการฝึกวิทยายุทธ์และคาถาเวทย์
“จักรราศีนั้นเป็นหัวใจของการส่งถ่ายพลังในอาณาจักรฮุย รวมกับพลังเจ้า หากไม่มีแหล่งพลังเหล่านี้ผู้ฝึกก็จะสูญเสียความแข็งแกร่งที่มี นี่จึงเป็นหนทางที่ดีในการควบคุมเหนือผู้ฝึกตนทั้งหลาย”
“ฉินอียังอายุน้อยและยังได้เป็นทูตป้ายเงิน สถานะของเขาจะว่าไปก็ยังต่ำและดังนั้นตัวช่วยที่เขามีจึงจำกัดนัก! เขาน่าจะมีสถานะอยู่ระดับเดียวกับเจ้าหน้าที่ทางการขั้น 7… ถ้าหากเป็นเจ้าหน้าที่ทางการขั้น 1 ในประเทศ เลี่ย รวมกับจักรราศีของเขาแล้ว เขาย่อมสามารถใช้พลังธาตุได้หรืออาจจะบรรลุขอบเขตแยกธาตุได้!”
“นอกจากการฝึกฝนด้วยตนเองแล้ว ยังมีวิถีอื่นในการฝึกตนในอาณาจักรฮุย! นั่นก็คือชินโต! เมื่อได้รับการยอมรับจากเทพเจ้า คนผู้นั้นย่อมสามารถนำตัวเองเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของราชวงศ์ ไม่อย่างนั้นก็จะถูกจัดว่าเป็นสาวกของเทพปิศาจและถูกจับตัวไป!”
ขณะที่ความคิดต่าง ๆ วิ่งวนอยู่ในใจ ฟางหยวนก็กวาดมองป่าอันสงบสุขและหัวเราะ
“ท่านแอบตามข้ามาก่อนหน้านี้และตอนนี้ยังแอบช่วยพวกเขาลับ ๆ ท่านคิดว่าท่านสามารถปิดบังตัวตนจากข้าได้? เทพแห่งขุนเขา ออกมา! ท่านต้องการบีบให้ข้าเผาที่นี่ทิ้งใช่หรือไม่?
“บรู้ววว!”
ภายในวินาทีเดียวก็มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นในป่า
มีดวงตามากมายปรากฏขึ้นระหว่างสุมทุมพุ่มไม้ เป็นสุนัขป่าฝูงหนึ่ง
เมื่อฝูงสุนัขป่าปรากฏตัวออกมา สัตว์อื่น ๆ ก็เริ่มปรากฏตัวด้วยเช่นกัน พวกมันทั้งหมดยังคงเงียบและดูเป็นระเบียบซึ่งทำให้เกิดเป็นภาพอันน่าเกรงขาม
“โอ้?”
เห็นสัตว์เหล่านี้แล้วฟางหยวนก็ส่ายหน้า “ดเหมือนว่าจะมีความแตกต่างอย่างมากในด้านพลังระหว่างเทพเจ้าและเทพปิศาจ ท่านมีความสามารถเพียงเท่านี้หรือ เทพแห่งขุนเขา?”