Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - บทที่ 645 หอยนางรม
บทที่ 645 หอยนางรม
ทุกวันนี้ราชาแห่งชนเผ่ามีความสุขมาก หอกแห่งชนเผ่าได้ถูกส่งกลับไปยังทุ่งหญ้าแล้ว และ สําหรับชนเผ่านี่ถือเป็นเรื่องสําคัญอย่างยิ่ง และสําหรับราชาแห่งชนเผ่า การที่ได้หอกแห่งชนเผ่ากลับมาทําให้เขาได้เปรียบในการปกครองทุ่งหญ้าทั้งหมด
แม้ว่าชื่อ “ราชาชนเผ่า” จะมีอํานาจและศักดิ์ศรี แต่อํานาจที่แท้จริงที่ถืออยู่นั้นไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น นอกจากนี้ก็ยังมีเผ่าอื่น ๆ ที่รอจะชิงตําแหน่งอยู่ ซึ่งมันทําให้ราชาแห่งชนเผ่าไม่ค่อยสบายใจ
แต่ตอนนี้ อาวุธศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาก็กลับมาแล้ว มันทําให้ศักดิ์ศรีของพวกเขาเพิ่มขึ้น ตอนนี้ดูเหมือนว่าทุก ๆ อย่างจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดีสําหรับแผนการของเขาในอนาคตด้วยราชาแห่งชนเผ่าไม่กล้าบอกคนอื่น ๆ เกี่ยวกับชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ ราชาแห่งชนเผ่ารู้ว่าชนเผ่าเหล่านี้มีข้อบกพร่อง นอกจากผู้เฒ่าแห่งชนเผ่าแล้ว คนในเผ่าไม่อาจจะเก็บความลับได้ พวกเขาอาจจะน่าเรื่องเหล่านี้ออกไปพูดกับใครหลาย ๆ คน ซึ่งพวกเขาไม่ได้เหมือนกับคนแคระ พวกคนแคระใช้ชีวิตอยู่ในหุบเขาของพวกเขา ซึ่งเป็นเหมือนกับป้อมปราการไม่มีมนุษย์คนใดสามารถเข้าออกได้ง่าย ๆ ด้วยเหตุนี้ จึงแทบไม่มีโอกาสที่เหล่าคนแคระจะบอกเรื่องนี้กับโลกภายนอกได้
ในทางกลับกัน ชนเผ่าในทุ่งหน้ามีพ่อค้าที่เป็นมนุษย์ที่สามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ พวกเขาสามารถติดต่อกับชนเผ่าได้อย่างง่ายดาย หากเรื่องของชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์แพร่กระจายออกไป เรื่องนี้จะต้องไปถึงหูของกิลแห่งความสว่างแน่
ด้วยเหตุนี้ การเตรียมการของราชาแห่งชนเผ่าเพื่อจัดการกับชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์จึงถูกเก็บเป็นความลับ ปกปิดไว้จากประชนกร เพื่อให้แผนนี้ประสบความสําเร็จ ราชาแห่งชนเผ่าจะต้องได้รับความร่วมมืออย่างเต็มที่จากเผ่านักรบขนาดใหญ่ทั้งหมด ซึ่งเมื่ออดีตมันคงจะเป็นเรื่องที่ยากมาที่ชนเผ่าเหล่านั้นจะยอมร่วมมือด้วย แต่ตอนนี้หอกแห่งชนเผ่าได้กลับมาแล้ว อํานาจของราชาแห่ง ชนเผ่ากลับมายังจุดสูงสุดอีกครั้ง ทําให้เขาเดินตามแผนได้ง่ายยิ่งขึ้น
ราชาแห่งชนเผ่าได้ติดต่อกับผู้เฒ่าของเผ่านักรบที่น่าเชื่อถือในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ และบอกให้พวกเขาเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับก่อนที่ทุกอย่างจะพร้อม
ในวันนี้ ราชาแห่งชนเผ่าเพิ่งทําภารกิจเสร็จ จู่ ๆ ก็มีเสียงพูดขึ้นว่า เจ่าไห่มาแล้ว เมื่อราชนเผ่าได้ยิน เขาก็จ้องอยู่ครู่หนึ่งก่อนสั่งคนของเขาให้พาเจ่าไห่เข้าไปในห้องนั่งเล่นของเขา
เจ่าไห่เป็นเจ้าชายจากต่างแดนของชนเผ่า ดังนั้นจึงอาจะบอกได้ว่าตําแหน่งของเจ่าไห่ในทุ่งหญ้าอยู่เหนือคนส่วนใหญ่ ในขณะที่ชื่อเสียงของเขาไม่ได้น้อยไปกว่าราชาแห่งชนเผ่าเลย เมื่อเจ่าไหน่าเอาหอกแห่งชนเผ่ากลับมาได้ ชาวเผ่าก็ให้ความเคารพเขามาก แม้แต่ร้านของเจ่าไห่ก็ยังได้รับการตอบรับที่ดีจากชนเผ่า ซึ่งมันทําให้ร้านค้าของเขาขายดีมาก
ร้านลิลลี่แห่งนี้เป็นร้านที่เจ่าไห่เปิดขึ้นมา และเนื่องจากเขาเป็นเจ้าชายจากต่างแดนของพวกเขา ชาวเผ่าในทุ่งหญ้าจึงถือว่าเขาเป็นหนึ่งในชนเผ่า พวกเขาให้ความสําคัญกับร้านของเจ่าไห่มาก ๆ จนทําให้ร้านค้าของเจ่าไห่เป็นที่นิยมอย่างมากในทุ่งหญ้า
โลคดีที่ตระกูลบูดามีเครือข่ายธุรกิจของตระกูลมาร์กี้อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาก็จะสามารถให้บริการชนเผ่าทั้งหมดที่มาหาพวกเขาได้ และเนื่องจากร้านลิลลี่ค้าขายอย่างเป็นธรรม ชื่อเสียงจึงเพิ่มสูงขึ้นในทุ่งหญ้า ซึ่งเพิ่มความไว้ใจให้กับเจ่าไห่ขึ้นไปอีก
หลังจากที่มีคนพาเจ่าไห่ไปที่ห้อง ราชาแห่งชนเผ่าให้คนที่อยู่ในห้องออกไปทันที เหลือเพียงเจ่าไห่และเขาเท่านั้น จากนั้นเขาก็มองไปที่เจ่าไห่ “นายน้อยเจ่าไห่ เจ้ามาที่นี่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?”
เจ่าไห่พยักหน้า “ฝ่าบาท ข้าได้พบบางอย่างในขณะที่ข้าไปพบกับเผ่าเงือก มีสงครามเกิดขึ้นที่นั่น อย่างไรก็ตามสิ่งนี้เป็นเรื่องที่ทําให้ข้าหนักใจยิ่งนัก ข้าเห็นเผ่ามังกร คนจากกิลแห่งความ สว่างที่นั่น นอกจากนี้ข้ายังได้รู้บางเรื่องจากเผ่านางเงือกด้วย ในอดีตเผ่ามังกรได้เข้าร่วมสงคราม
ระหว่างทวีปอาร์คกับชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก็แน่นอนว่าเผ่ามังกรอยู่ข้างชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ สิ่งนี้ทําให้ข้าสงสัยว่าพวกมังกรเป็นไม้ตายของชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาเตรียมพร้อมตลอดเพื่อจัดการกับเรา หากพวกเขาสามารถควบคุมท้องทะเลได้ พวกเขาก็จะได้รับประโยชน์มหาศาลในสงครามที่กําลังจะเกิด และถ้าเพิ่มกิลแห่งความสว่างและเผ่ามังกรเข้าไปจริง ๆ เราก็จะไม่มีโอกาสเลย ที่ข้าบอกท่านเช่นนี้เพราะอาจเป็นไปได้ว่าพวกมังกรจะส่งคนมาที่นี่ เมื่อข้าจัดการกับเรื่องของชนเผ่าเงือกแล้ว ข้าจะไปที่ภูเขาอักกราทันทีเพื่อจัดการกับมังกรเหล่านั้น!”
ราชาแห่งชนเผ่าตั้งใจฟังเจ่าไห่ เมื่อได้ยินทุกอย่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันทีเมื่อได้ยินเรื่องนี้ “เจ้าแน่ใจใช่ไหม? มังกรพวกนั้นอยู่มานานในทวีปนี้ แต่ข้าก็ไม่คิดอย่างนั้น ข้าสามารถส่งชาวเผ่าไปช่วยเจ้าได้ เจ้ายังสามารถปรึกษาเรื่องนี้กับคนแคระและให้พวกเขาส่งกองทัพไปกับเจ้าได้ คนของเราจะจัดการกับมังกรก่อน!”
แต่เจ่าไห่ส่ายหัวและพูดว่า “ไม่ มนุษย์ในทวีปไม่มีใครรู้เกี่ยวกับชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ หากท่านส่งกองกําลังไปจัดการกับมังกรตอนนี้เลย เหล่ามังกรจะหยุดมันได้อย่างแน่นอน ในขณะนั้น อาจมีมหาสงครามเกิดขึ้นจริง ๆ ทําให้ฝ่ายเราสูญเสียไปเลยก็ได้ เพียงแค่รักษาความแข็งแกร่งเอาไว้ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้ มั่นใจได้ว่าข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ได้ ท่านไม่จําเป็นต้องเป็นกังวลมากเกินไป”
ราชาแห่งชนเผ่ามองไปที่เจ่าไห่ จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเบา ๆ และพูดว่า “เอาหล่ะ แต่ถ้าเจ้าต้องการความช่วยเหลือจากเรา อย่าลังเลที่จะแจ้ง พวกเราชาวเผ่ายินดีที่จะตายเพื่อพี่น้องของเราเสมอ!”
เจ่าไห่ยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “ไม่จําเป็นต้องกังวลเรื่องนี้ ได้เลย ฝ่าบาท ข้าจะกลับไปหาพวกเงือก สงครามยังคงดําเนินต่อไป ข้าไม่สามารถทิ้งได้เป็นเวลานาน”
จากนั้นราชาแห่งชนเผ่าก็ส่งเจ่าไห่ออกไปเป็นการส่วนตัว เมื่อเห็นเจ่าไห่จากไป ราชาแห่งชนเผ่าก็ถอนหายใจออกมา ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกหมดหนทางในความคิด โดยทั่วไปแล้วชนเผ่าไม่ได้กลัวอะไรเลย แต่ศัตรูของพวกเขาในครั้งนี้แข็งแกร่งเกินไป แม้ว่าพวกเขาจะเป็นชนเผ่าที่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ต้องระวังตัวให้มากขึ้น การที่เจ่าไห่ไปจัดการเรื่องเหล่านี้มันเป็นความคิดที่ทําให้ราชาแห่งชนเผ่าไม่ค่อยสบายใจเลย
เจ่าไห่ไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ สําหรับเขาแล้วความสําคัญของการแจ้งข่าวกับชนเผ่าและคนแคระเกี่ยวกับเผ่ามังกรก็เพื่อให้ทั้งสองระวังตัวเองให้มากขึ้น เจ่าไห่ต้องการให้พวกเขาปลอดภัยมากที่สุด การรับมือกับมังกรไม่ใช่เรื่องยากสําหรับเจ่าไห่
เมื่อเจ่าไห่กลับมาที่มิติ ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดเขาก็อุดรอยรั่วได้เข้ากลัวจริง ๆ ว่ารอยรั่วนี้จะเป็นจุดอ่อนให้เผ่ามังกรโจมตีพวกเขา
ไม่มีใครในทวีปที่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ และเผ่ามังกร หากเผ่ามังกรโจมตีพร้อมกับชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ ชนเผ่าในทุ่งหญ้างและคนแคระจะต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน เป็นการดีที่เจ่าไห่มาที่นี้ในครั้งนี้ เพื่อแจ้งข่าวให้พวกเขาได้รู้
ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ่าไห่ก็เข้าไปในเมืองของตัวเองในมิติ แต่เมื่อเจ่าไห่เข้าไปแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะมอง เขาไม่คิดว่าเมืองแห่งนี้จะมีชีวิตชีวามากขนาดนี้
และเมื่อเข้าไปในบ้าน เจ่าไห่ก็เห็นลอร่า ลิซซี่ และเมแกนอยู่ข้างใน กําลังคุยกันเรื่องกลยุทธ ในการรบลอร่าแสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมาเป็นบ้างครั้ง คนที่พูดเยอะ ๆ ก็จะมีเมแกน และลิซซี่
ลิซซี่และเมแกนต่างก็มีสัญชาตญาณในการวางกลยุทธ์ นี่คือสิ่งที่เกิดมาพร้อมกับพวกเธอ โดยที่ไม่ได้เรียกรู้ ถ้าพวกเธอได้รบบ่อย ๆ ไม่นานพวกเธอน่าจะได้เป็นแม่ทัพที่มีชื่อเสียงอย่างแน่นอน
เจ่าไห่ไม่ได้ไปรบกวนพวกเธอ เขาไปยังบ่อน้ําพุร้อนใต้ดินและแช่ตัวในบ่อน้ําพุร้อน จิตใจของเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เรื่องของชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ทําให้เขาหนักใจมาตลอด มันทําให้เขาหายใจลําบาก แต่สิ่งที่ทําให้เจ่าไห่ปวดหัวมากขึ้นคือความจริงที่ว่าชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ยังไม่ได้เปิดเผยตัวเองออกมา เจ่าไห่เข้าใจเกี่ยวกับชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ แต่สําหรับชนเผ่าปีศาจ เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย มันทําให้เจ่าไห่ปวดหัวมาก
หลังจากพักผ่อนกันจนดึก เจ่าไห่ถูกเชิญจากลูหยิงไปที่เปลือกหอยมังกรฟ้าในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ลูหยิงไม่ได้ตั้งใจจะคุยเรื่องสงครามกับเจ่าไห่ เธอมาหาเขาในเรื่องอื่น
เมื่อเจ่าไห่มาถึงห้องโถง ลูหยิงก็พูดทันทีว่า “นายน้อยเจ่าไห่ได้โปรดนั่งก่อน” ลูหยิงที่ปกติแล้วเย็นชากลับอบอุ่นขึ้น ทําให้เจ่าไห่รู้สึกแปลก ๆ เขามองลูหยิงก่อนจะพูดว่า “ท่านแม่ทัพต้องการอะไรจากข้า?”
ลูหยิงยิ้มและพูดว่า “ข้ามีสิ่งดี ๆ มาให้ ชนเผ่าข้าได้ส่งของบางอย่างมาให้ข้าเพื่อมอบให้นายน้อย”
เจ่าไห่ถามว่า “มีอะไรงั้นเหรอ? มันคืออะไร?”
ลูหยิงยิ้ม “นําเข้ามาได้เลย” จากนั้นนางเงือกสองคนก็ถือขวดสองขวดมา ขวดเหล่านี้มีทราย และพืชน้ําอยู่ แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไร ที่เกี่ยวก็คือขวดที่หนึ่งมีหอยนางรมสีขาว และอีกขวดมีหอยทากสีฟ้าอยู่
หายนางรมสีขาวไม่มีลวดลายอะไรเลย มันเป็นสีขาวล้วน สีขาวแบบที่ใคร ๆ ก็มองได้เป็นเวลานาน สําหรับหอยทากสีฟ้านั้นดูเหมือนหอยทาก แต่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ
เมื่อเห็นของทั้งสองอย่าง เจ่าไห่รู้สึกงงมาก ลูหยิงก็ยิ้มและพูดว่า “ข้ารู้มาว่านายน้อยชอบสะสมสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนใคร หอยนางรมนี้เป็นหอยชนิดพิเศษที่อยู่ในทะเล เรียกว่า Imperial Water Oyster หอยนางรมนี้สามารถสร้างไข่มุกที่มีคุณสมบัติบางอย่างได้ ไข่มุกสสามารถเพิ่มการโจมตีของธาตุน้ําได้ ยิ่งไข่มุกมีขนาดใหญ่แค่ไหน ก็ยังมีผลดีเท่านั้น มันเป็นสัตว์เวทย์ล้ําค่าของท้องทะเล”
สีหน้าของเจ่าไห่เปลี่ยนไป เมื่อมองหอยนางรมที่ดูธรรมดา ๆ นี้เขาก็ไม่คิดว่าสิ่งเล็กน้อยนี้จะมีประโยชน์มากเช่นนี้
เมื่อเห็นว่าเจ่าไห่ชอบ ลูหยิงก็พูดต่อว่า “จริง ๆ แล้วหอยทากตัวนี้เป็นหอยทากมังกรฟ้าที่อายุน้อยและมีชีวิต หอยทากที่ยังเด็กจะยังไม่มีลายบนตัวของมัน หลังจากผ่านไปสิบปีลายของมังกรก็จะออกมา ยิ่งผ่านไปหลายปี ลายของมันก็จะยิ่งชัดมากยิ่งขึ้น”
เซอร์ไพรส์! นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจสําหรับเจ่าไห่ เขาอยากได้หอยทางมังกรฟ้ามานานแล้ว แต่หอยทากนี้เป็นเหมือนสมบัติของเผ่าเงือก ดังนั้นเขาจึงอายเกินกว่าจะขอ และเนื่องจากหอยทากหายากเกินไป เขาอาจจะไม่เจอด้วยซ้ํา เขาไม่ได้คิดว่านางเงือกจะเอามาให้เป็นของขวัญในวันนี้ นี่เป็นของขวัญที่ดีจริง ๆ
จบแล้วครับ ขอบคุณคร้บ