Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - บทที่ 644 เผ่าเอลฟ์
- Home
- All Mangas
- Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ)
- บทที่ 644 เผ่าเอลฟ์
บทที่ 644 เผ่าเอลฟ์
อาเกขมวดคิ้ว “โจชัว นี่มันไม่ใช่เวลาที่จะพูดอะไรเล่น สิ่งนั้นเป็นอาวุธที่ชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์เอาไว้ให้ใช่ไหม? ไม่งั้นมันคงไม่มีความสามารถในการหยุดมิติได้หรอก?”
โจชัวส่ายหัว พร้อมกับถอนหายใจ “แม้ว่าอาวุธนี้จะไม่ได้มาจากชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ แต่มันก็มีความสําคัญอย่างมากกับกิลแห่งความสว่าง เมื่อก่อนในทวีปนี้มีจอมเวทย์ที่มีความสามารถเช่น เจ่าไห่มาหลายคน คนเหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่รับมือได้ยาก พวกเขาไม่ได้มีแค่พลังโจมตีที่แข็งแกร่งเท่านั้น แต่พวกเขายังจับตัวได้ยากอีกด้วย ทุกครั้งที่กิลแห่งความสว่างเจอกับคนเหล่านี้ เราจะต้องได้รับการสูญเสียครั้งใหญ่ทุกครั้งเลย”
อาเก และอเล็กซ์พยักหน้า พวกเขายังเข้าใจด้วยว่าจอมเวทย์ที่มีความสามารถที่แตกต่างนั้นเป็นคนที่รับมือได้ยากที่สุด หากว่าใครทําให้พวกเขาไม่พอใจ พวกเขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อจัดการกับคนคนนั้น ในขณะที่พวกเขาสามารถหนีไปได้ตลอดเมื่อที่พวกเขาต้องการ ทําให้พวกเขาไม่สามารถจับตัวจอมเวทย์ที่ใช้มิติได้เลย
โจชัวพูดต่อว่า “ผู้เฒ่าคนที่ 31 ของกิลแห่งความสว่างได้ถือกําเนิดขึ้น ไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องนี้ แต่เขาเป็นจอมเวทย์ที่มีความสามารถที่แตกต่าง ในฐานะที่เป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น ผู้เฒ่ารู้ดีว่าไม่มีทางที่จะเรียนรู้ความสามารถนี้ได้ เขาจึงคิดอีกวิธีขึ้นมา เขาใช้ร่างกายของตัวเองทําการทดลอง เขาใช้ทั้งการฝึกพลังเวทย์ในรูปแบบต่าง ๆ และหลังจากหลายปีของการฝึก ในที่สุดเขาก็สร้างเวทย์ออกมาเป็นโลหะได้ สิ่งนี้สามารถใช้เพื่อแยกมิติได้ ซึ่งมันทําให้ความสามารถมิติทํางานผิดปกติ อย่างไรก็ตามความสําเร็จนี้ก็ได้คร่าชีวิตของเขาไป ผู้เฒ่าคนที่ 32 ของกิลแห่งความสว่างได้ประกาศถึงความสําเร็จของแร่ที่ถูกสร้างขึ้นเป็นแร่ศักดิ์สิทธิ์ของกิลแห่งความสว่าง”
อาเก และอเล็กซ์แสดงสีหน้าตกใจออกมา พวกเขาไม่เข้าใจว่าทําไมต้องมีคนใช้ร่างกายของตัวเองทําการทดลองอะไรแบบนี้ด้วย? ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจัดการกับจอมเวทย์ที่มีความสามารถที่แตกต่าง แต่หลังจากที่ตกใจไปในครั้งแรก ทั้งสองก็รู้สึกชื่นชมผู้เฒ่าของกิลแห่งความสว่างมาก
อเล็กซ์ถอนหายใจ จากนั้นเขาก็ดึกสติตัวเองกลับมาพร้อมกับพูดว่า “มีสิ่งของแบบนั้นอยู่จริง ๆ ใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็เป็นเรื่องที่ดีเลย ทันทีที่เจ่าไห่มาถึง เราจะล่อให้เขาเข้าสู่เวทย์ที่จะจัดการกับเขาทันที”
อาเกพยักหน้า “ข้าได้ส่งสารไปยังเผ่าของข้าแล้ว ผู้เฒ่าจะส่งมังกรระดับเก้ามาที่นี่ ห้าตัวเพื่อเข้าร่วมสงครามในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามมังกรที่จะมาจะต้องใช้ลูกปัดมังกร พลังของพวกเขาอาจจะลดลง กองกําลังหลักในสงครามครั้งนี้ก็ต้องเป็นมังกรทะเล”
โจชัวพยักหน้าและพูดว่า “เอาล่ะ แต่ท่านก็ต้องรู้ว่าระยะของเวทย์อยู่ไม่ไกลมาก ยิ่งไปกว่านั้น มันสามารถใช้ได้ในระยะเท่านั้น ถ้าเราต้องการกับเจ่าไห่ เราต้องมั่นใจในวิธีการของเราก่อน” อเล็กซ์พยักหน้า จากนั้นเขาก็หันไปหาอิลลัค “อิลลัคท่านมีวิธีล่อให้เจ่าไห่ออกมาไหม? เราจะตั้งแร่เวทย์ไว้เพื่อเตรียมพร้อม จากนั้นก็ล่อให้เจ่าไห่เข้าไปก่อนที่จะล้อมเจ่าไห่ นี่น่าจะเป็นวิธีเดียวที่จะจัดการกับเขาได้อย่างแน่นอน”
อิลลัคพยักหน้าและพูดว่า “ไม่น่ายากเกินไป หลังจากที่เขาโจมตี เราก็สามารถถอยออกมาได้อย่างช้า ๆ ข้าค่อนข้างแน่ใจว่าเจ่าไห่เป็นคนที่จะใช้ประโยชน์จากโอกาสที่เขามี และแม้ว่าเราจะไม่โจมตี ข้าก็จะตั้งแนวรับเพื่อรอให้เจ่าไห่โซมตี และเราก็จะดูรูปแบบการโจมตีของเขา”
อเล็กซ์พยักหน้า “ดี ข้าคิดว่าเราไม่ควรเดินทัพในวันพรุ่งนี้ เราควรรักษาความแข็งแกร่งของเราไว้ และรอจนกว่ามังกรระดับเก้า ห้าตัวจะมาถึงและแร่ศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงด้วย หลังจากนั้นเราจะจัดการกับเจ่าไห่ในครั้งเดียว ตราบใดที่เราสามารถจัดการกับเจ่าไห่ได้ พวกเงือกก็จะต้องพ่ายแพ้ให้กับเราในอีกไม่ช้า”
อาเกพยักหน้า “แม้ว่าการจัดการกับชนเผ่าเงือกจะไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่เราดึกจํานวนนักรบของพวกเขามาที่นี่ได้ เผ่ามังกรก็จะส่งคนไปโจมตีเกาะนางเงือกได้ ทันทีที่เกาะล่มสลาย เราก็จะได้รับชัยชนะ”
โจชัวพยักหน้า “ใช่ เราจะต้องรอจนเผ่าแร่ศักดิ์สิทธิ์จะมาถึงก่อนที่จะจัดการกับเจ่าไห่ ในระหว่างนี้เราจะถอยกลับไปก่อน เพื่อป้องกันการโจมตีจากเจ่าไห่”
เจ่าไห่ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าโจชัวและคนอื่น ๆ กําลังคิดวิธีจัดการกับเขาอยู่ ตอนนี้เจ่าไห่อยู่ในซอมบี้วาฬของเขา ในขณะที่กําลังคุยอยู่กับเมแกน และลิซซี่เกี่ยวกับแผนการที่พวกเธอเพิ่งใช้ได้ พวกเขาต่อสู้มาประมาณครึ่งวันและเห็นว่ารูปแบบการต่อสู้ของพวกเขามีจุดอ่อน อย่างไรก็ตามจุดอ่อนเหล่านี้ยังหมายความว่าแผนของพวกเขายังมีช่องว่างและต้องได้รับการปรับแผนใหม่ ถึงแม้ว่าเมแกนและลิซซี่จะไม่ได้เอาชนะศัตรูมาได้ แต่พวกเธอก็ยังรู้สึกยินดีกับผลลัพธ์ที่ได้
พวกเขาคุยกันไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงแนวป้องกันของเผ่านางเงือก เมื่อมาถึงเจ่าไห่ก็เก็บซอมบี้ของเขาทันที เพราะเจ่าไห่ไม่ต้องการสร้างความตื่นตระหนกให้กับนักรบเผ่าเงือก
ลูหยิงและคนอื่น ๆ รอการกลับมาของเจ่าไห่ ลูหยิงค่อนข้างเป็นกังวล พวกเขาเตรียมที่จะเสริมทัพให้กับเจ่าไห่ ดังนั้นเมื่อเธอเห็นเจ่าไห่กลับมา เธอก็รู้สึกโล่งใจในทันที หลังจากเชิญเจ่าไห่ไปที่เปลือกหอยมังกรฟ้าแล้ว ลูหยิงก็มองเจ่าไห่ “การเดินทางของนายน้อยเจ่าไหเป็นยังไงบ้าง?”
เจ่าไห่ยิ้มจาง ๆ พร้อมกับพูดว่า “ดีมาก ข้าได้รับซอมบี้เพิ่มมากขึ้น แต่ที่สําคัญกว่านั้น ข้ายังได้เจอกับสิ่งที่น่าสนใจอีกด้วย”
เมื่อลูหยิงได้ยินเจ่าไห่ เธอก็อดถามไม่ได้ “สิ่งที่น่าสนใจ?”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “ในบรรดามังกรทะเลมีคนจากเผ่ามังกร และคนจากกิลแห่งความสว่าง นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าสนใจมากงั้นเหรอ?”
“อะไรนะ!”
ลูหยิงรู้สึกประหลาดใจมาก “จริงงั้นเหรอ? นายน้อยเห็นเผ่ามังกรและคนของกิลแห่งความสว่างงั้นเหรอ?”
เจ่าไห่พยักหน้า “ข้าไม่เอาเรื่องนี้มาล้อเล่นหรอก ข้าเห็นเผ่ามังกรและคนจากกิลแห่งความสว่าง คนหนึ่งสวมชุดคลุมสีทอง และอีกคนสวมชุดคลุมสีแดง ดูเหมือนว่าเผ่ามังกรทะเลจะมีความสัมพันธ์กับเผ่ามังกรและกิลแห่งความสว่าง”
สีหน้าของลูหยิงเปลี่ยนไปทันที “ถ้ามันเป็นแบบนี้ นั่นก็หมายความว่าเกาะนางเงือกกําลังตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน เกาะนางเงือกเสี่ยงต่อการโจมตีของมังกรบิน หากจู่ ๆ พวกมันโจมตีเกาะ มันจะเป็นปัญหาใหญ่เลย ข้าต้องขอขอบคุณนายน้อยเจ่าไห่สําหรับข่าวนี้ ข้าจะส่งข่าวไปยังราชินีทันที”
เจ่าไห่พยักหน้า “นอกจากนี้ ข้าไม่มีอะไรจะบอกแล้ว ท่านแม่ทัพ ข้าจะกลับก่อน ข้าคิดว่ามังกรทะเลจะไม่มาโจมตีในวันนี้ ดังนั้นท่านแม่ทัพไม่จําเป็นต้องเป็นกังวล”
ลูหยิงพยักหน้า เธอรู้ว่าเจ่าไห่ต้องโจมตีมังกรทะเลอย่างหนัก ถึงทําให้พวกมังกรทะเลไม่เข้าโจมตีพวกเขาในตอนนี้
หลังจากที่เจ่าไห่กลับมาที่ซอมบี้วาฬ เขาก็ใช้มิติที่นั้นทันทีเพื่อกลับไปที่ป้อมภูเขาเหล็ก ก่อนที่จะแจ้งข่าวนี้กับปู่กรีน เขายังให้ปลาส่งสารกับปู่กรีนพร้อมกับสอนวิธีใช้ หลังจากนั้นเจ่าไห่ก็ไปยังเกาะทองคํา และส่งข่าวให้คุน ร็อค และบล็อค จากนั้นเจ่าไห่ก็ไปที่หุบเขาคนแคระเพื่อบอกข่าวนี้ให้พวกเขา
เจ่าไห่ไม่ได้ปรากฏตัวที่หมู่บ้าน แต่เขากลับไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์ ขณะนี้ไม่มีใครอยู่ที่นี่ จึงไม่มีใครเห็นเขา ในขณะเดียวกันที่แห่งนี้ก็ไม่ได้อยู่ไกลจากหมู่บ้านของคนแคระ
ไม่นานหลังจากที่เจ่าไห่ปรากฏตัว คนแคระก็เข้ามา ไม่นานคนแคระคนนี้ก็รู้ว่าผู้เฒ่าต่างแดนของพวกเขาได้มาถึงแล้ว ดังนั้นเขาจึงเชิญเจ่าไห่ไปยังหมู่บ้านทันที
บิลลี่ที่กําลังเตรียมตัวสําหรับการทํางาน ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าเจ่าไห่มา เขาก็เชิญเจ่าไห่ไปที่ทํางานของเขาทันที หลังจากที่พวกเขานั่งลง บิลลี่ก็มองไปที่เจ่าไห่และพูดว่า “นายน้อยเจ่าไห่ เจ้ามาที่นี่มีอะไรหรือเปล่า? มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่?”
เจ่าไห่พยักหน้า และพูดว่า “ใช่ มันไม่ใช่เรื่องเล็กเลย ท่านผู้เฒ่า ท่านรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของมังกร กิลแห่งความสว่าง และชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
บิลลี่มองไปที่เจ่าไห่ “กิลแห่งความสว่าง มังกร และชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์? พวกเขามีอะไรต้องไปเจอกันงั้นเหรอ? มังกรเข้าร่วมในสงครามกับชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?”
เมื่อเจ่าไห่ได้ยินที่บิลลี่พูด เขาก็รู้ทันทีว่าคนแคระไม่ได้บันทึกความสัพันธ์ระหว่างเผ่ามังกรกิลแห่งความสว่าง และชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ โชคดีที่เจ่าไห่ไปที่เผ่าเงือก ไม่งั้นเขาคงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ถูกซ่อนเอาไว้ของชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์
เจ่าไห่ถอนหายใจ “พวกมังกรได้เข้าร่วมสงครามกับชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ช่วยเหลือผู้คนในทวีปอาร์ค แต่พวกเขากับเข้าข้างชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ จนกลายเป็นเหมือนสุนัขรับใช้ของพวกเขาไปแล้ว”
บิลลี่จ้องเจ่าไห่ จากนั้นสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลย “เรื่องจริงงั้นเหรอ? เจ้าได้รับข่าวนี้มาจากไหน? เผ่ามังกรเป็นเหมือนสุนัขรับใช้ของชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง?”
เจ่าไห่พยักหน้า จากนั้นเขาก็เล่าเรื่องของเขากับเผ่าเงือกให้บิลลี่ฟัง บิลลี่ฟังเจ่าไห่อย่างใจเย็น และเมื่อเจ่าไห่พูดจบ บิลลี่ก็พูดว่า “ข้าไม่นึกเลยว่าพวกมังกรและเผ่าศักดิ์สิทธิ์จะมีความสัมพันธ์ต่อกัน โชคดีที่เรารู้เรื่องนี้ก่อน ไม่อย่างนั้นเราจะต้องพบเจอกับความสูญเสียอย่างแน่นอนแล้วเจ้าวางแผนที่จะทําอะไรต่อไปยังไงในตอนนี้”
เจ่าไห่ยิ้มจาง ๆ และพูดว่า “ข้าต้องการช่วยเผ่าเงือกจัดการกับเผ่ามังกรทะเลก่อน หลังจากนั้น ข้าจะไปจัดการกับพวกมังกร พวกเขาจะเป็นต้องให้ข้าช่วย การครอบครองภูเขาอักกรานั้นเป็นเรื่องใหญ่มาก ๆ เลย ภูเขาอักกราเป็นที่อยู่ของสัตว์เวทย์ หากเราให้พวกมันเอาไปได้สัตว์เวทย์เหล่านั้นจะกลายเป็นเหมือนอาวุธของชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์ในสงคราม”
บิลลี่พยักหน้า “ถ้าพวกเขาเป็นคนของชนเผ่าศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ มันก็ถูกต้องที่พวกเขาจะต้องถูกกําจัดไป สัตว์เวทย์ระดับสูงมีสติปัญญาไม่น้อยไปกว่าพวกเรา หากมังกรกําลังคิดที่จะควบคุมพวกมัน มันคงไม่ดีสําหรับเราแน่”
เจ่าไห่เห็นด้วย จากนั้นเขาก็ถามว่า “เรื่องเกี่ยวกับพวกเอลฟ์เป็นยังไงบ้าง? ถ้ายังไม่ไปถึงไหนเลย เราจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ มาดูกันต่อว่าพวกเขาจะให้คําตอบพวกเรายังไง?” บิลลี่พยักหน้า จากนั้นเขาก็ถอนหายใจ “พวกเอลฟ์ให้ค่าตอบช้ามาตลอด เราไม่อาจจะพูดเรื่องของพวกเขาได้เลย จริงสิคนของข้าเป็นยังไงบ้าง? พวกเขาสบายดีไหม?”
เจ่าไห่ยิ้มและพูดว่า “พวกเขาทําได้ดีมาก พวกเขาปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมได้แล้ว และยังสามารถหาเพื่อนใหม่ได้อีกด้วย จริงสิ ข้าได้บอกท่านเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน ข้ายังต้องไปที่ทุ่งหญ้าและแจ้งให้ชนเผ่าในทุ่งหญ้ารู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ ให้พวกเขาได้เตรียมความพร้อมในอนาคต”
จบแล้วนะครับ ขอบคุณนะครับผม