Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 337
บทที่ 337 – ป้อมปราการสายน้ํา
เล่าไม่รู้ดีว่าตอนนี้สตรองกําลังห้ามเขา แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้สนใจอะไร แน่นอนว่าเจ้าไห่นั้นตั้งใจที่จะทําธุระกิจที่เมืองสกาย แล้วเจ้าไหก็พูดว่า “ฉันต้องการที่จะไปทําธุรกิจที่นั่น แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันจะได้ไปที่นั่นและก็อยากจะดูก่อนว่าที่นั่นเป็นยังไง”
สตรองยิ้มและก็พูดว่า “เมืองสกายนั้นเป็นเมืองที่ดีมากจริงๆ แต่ฉันก็สงสัยว่านายน้อยจะไปที่เมืองนั้นทําไม”
เจ้าไหยิ้มและก็พูดว่า “ฉันมีธุรกิจที่ได้รับมาจากทุ่งหญ้า และนั่นก็เป็นเพราะฉันไม่ได้ต้องการที่ขายที่เพอร์เซลล์ฉันก็เลยต้องไปดูที่เมืองสกายก่อน เพราะฉันได้ยินมาว่ามีเรือจากที่โรเซ่นกําลังมุ่งหน้าไปยังทุ่งหญ้า”
สตรองไม่ได้คิดอะไรกับเรื่องที่เจ้าไห่พูด เพราะมีร้านค้าจํานวนมากที่ได้ทําธุรกิจระหว่างจักรวรรดิโรเซ่นและมันก็ไม่ได้มีอะไรแปลกเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ และเนื่องจากการทําธุรกิจระหว่างจักรวรรดิโรเซ่นและทุ่งหญ้านั้นมันถูกกฎหมายและมีภาษีที่ไม่แพงมากนักซึ่งแตกต่างจากจักรวรรดิอาร์ซูที่ร้านค้าจะใช้การลักลอบนําเข้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆมีหลายคนที่เห็นว่าการทําธุรกิจภายในจักรวรรดิโรเซ่นมีราคาถูกกว่าในจักรวรรดิอาร์ซและตัดสินใจที่จะย้ายไป
มีเหตุผลสําหรับเรื่องนี้มากมาย จักรวรรดิโรเซ่นและทุ่งหญ้าถูกแบ่งโดยจักรวรรดิอาร์ซู ดังนั้นเมื่อคนของทุ่งหญ้าทําการโจมตีพวกเขา จักรวรรดิอาร์ซูจะโจมตีคืน สําหรับคนในโรเซ่นตามปกติแล้วเรื่องนี้ของทุ่งหญ้าไม่ใช่ปัญหา พวกเขาจึงไม่ได้กําหนดข้อจํากัดที่เข้มงวดเกี่ยวกับการค้าที่นั่นแต่จักรวรรดิอาร์ซูจํากัดการค้าเป็นอย่างมาก เพราะถ้าพวกเขาไม่ทําเช่นนั้นพวกเขาก็จะช่วยพวกทุ่งหญ้าแทน
ทุกปีมีพ่อค้าจํานวนมากอพยพมาจากจักรวรรดิอาร์ซูไปที่จักรวรรดิโรเซ่นเพื่อทําธุรกิจกับทุ่งหญ้า และเมื่อ พ่อค้าเหล่านี้ตั้งถิ่นฐานภายในจักรวรรดิแล้วพวกเขาก็จะค่อยๆกลายเป็นพลเมืองที่นั่น
สตรองอยากรู้เรื่องเกี่ยวกับธุรกิจของเจ้าไห่ เขาก็เลยมองไปที่เง่าไห่และพูดว่า “นายน้อยมีธุรกิจที่ทุ่งหญ้าไหม? นายน้อยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่ทุ่งหญ้าไหม? และธุรกิจที่ทุ่งหญ้านั้นมีรายได้ดีไหม?”
เจ้าไห่ยิ้มและก็พูดว่า “ฉันก็คิดว่าการที่ได้ทําธุรกิจที่นั่นมันก็มีรายได้ที่ดีเลยทีเดียว เพราะที่ทุ่งหญ้านั้นไม่ค่อยจะมีพืชที่มีไว้กิน โดยทั่วไปแล้วเมื่อเอาของที่นายมีไป ฉันก็แน่ใจว่านายจะได้แกะกลับมาด้วยแต่ถ้าพวกเราเขาไปที่นั้นสัตว์ที่เราเอาไปไม่ว่าจะเป็นตัวอะไรเมื่อไปที่นั่นและพวกมันจะป่วยฉันคิดว่านี่ก็เป็นการดีที่เราจะใช้ประโยชน์จากหนังสัตว์ที่เราจะได้และเอาไปขายกับพวกเขาได้”
สตรองก็ถามเจ้าไฟอีกว่า “แล้วที่นั่นมีความเสี่ยงการทําธุรกิจไหม?”
เจ๋าไร่ก็ตอบกลับไปว่า “ฉันคิดว่าโดยปกติแล้ว มันก็มีความเ ยังอยู่ เพราะพวกเขาอาจจะเข้ามาโจมตีได้ตลอดเวลาแต่ส่วนมากพวกเขาจะทําแค่ขโมยของแต่ไม่ได้ฆ่าใคร แต่อย่างไรก็ตามพวกเขาก็จะเข้ามาทําธุรกิจกับนายแต่มันก็ไม่ได้มีกําไรมากขนาดนั้นหรอก”
สตรองพยักหน้าและเขาก็เข้าใจกับสิ่งที่เจ้าไห่พูด แม้ว่าจะหารายได้มากที่ทุ่งหญ้าแต่มันก็มีความเสี่ยงมากเหมือนกันสตรองเคยเห็นพ่อค้าที่ไปที่นั่นจํานวนมาก แต่พวกเขาก็ไม่ได้ประสบความสําเร็จเลย
เจ้าไห่ก็ถามสตรองเกี่ยวกับจักรวรรดิโรเซ่น สตรองไม่ได้คิดอะไรมากและบอกกับเจ่าไร่ทุกอย่างที่เขารู้เกี่ยวกับที่นั่น
ยังไงก็ตามสิ่งที่สตรองบอกเล่าไร่มันก็คล้ายๆกับสิ่งที่ชิวบอก เจ้าไหก็เลยไม่ได้ถามอะไรมากนักแต่ทั้งสองก็คุยเรื่องอื่นในขณะที่รถกําลังเคลื่อนไปข้างหน้า ถนนที่นี่เงียบมาก
ไม่นานเท่ามากนักรถของพวกเขาก็เคลื่อนตัวช้าลง สตรองยิ้มให้เจ้าไห่และก็พูดว่า “เราน่าจะถึงป้อมปราการสายน้ําแล้วหล่ะคนทุกคนจะเข้ามาหาฉัน ฉันจะไม่รบกวนนายน้อยแล้วฉันต้องจ่ายค่าภาษีแก่ป้อมก่อนนายน้อยก็ต้องทําเหมือนกัน นายน้อยกลับไปเตรียมตัวก่อนเลย”
เจ้าไห่ยินขึ้นบอกลาสตรองว่า “แล้วฉันจะมาลาถ้าฉันจะไปที่เมืองสกาย อย่าลืมไปหาฉันที่เมืองคาสันบ้างนะ”
สตรองยิ้มและก็พูดว่า “หลังจากที่มาถึงป้อมปราการสายน้ํา ก็มีถนนอยาสามเส้นทาง ทางแรกจะมุ่งหน้าไปทางเมืองคาสันถนนเส้นที่สองจะมุ่งหน้าไปยังเมืองสกายและทางที่สามจะมุ่งหน้าไปยังเมืองบูลฉันเองจะไปที่เมืองบูลถ้ายังไงนายน้อยก็มาหาฉันได้ตลอดเวลาเลยเพียงแค่นายน้อยไปที่ร้านค้าแม็กซี่และบอกชื่อของฉันนายน้อยจะได้พบฉัน
เจ้าไห่พยักหน้าและพูดว่า “ได้เลย ถ้ามีโอกาสฉันจะไปหานาย แต่วันนี้ฉันขอตัวก่อน” เจ้าไห่พูดในตอนที่เขาเปิดประตูและก็เดินไปที่รถของเขาเจ้าไห่ไม่ได้เข้าไปในรถของเขาทันทีแต่เขากับมองไปที่ป้อมปราการสายน้ํา
ป้อมปราการสายน้ําแห่งนี้ดูยิ่งใหญ่กว่าป้อมปราการสายลม ที่นี่มีกําแพงสูง 25 เมตร ( 250 ฟุต) ป้อมดูเหมือนสัตว์ตัวใหญ่ปิดกั้นความกว้างทั้งหมดของหุบเขา รถที่เข้าและออกจากป้อมดูเหมือนมดเมื่อเทียบกับโครงสร้างทั้งหมด
เจ้าไร่ไม่คิดว่าเขาจะเห็นกําแพงสูงขนาดนี้ ในทวีปแห่งนี้ เขาไม่เข้าใจว่าคนในทวีปอาร์คสามารถสร้างกําแพงได้อย่างไร
อย่างไรก็ตามเมื่อเขานึกถึงเวทมนตร์ลึกลับเขาก็ผ่อนคลายมากขึ้น โลกนี้มีเวทมนตร์และความสามารถที่ แตกต่างกัน
มองไปที่รถที่ด้านหน้าของเขามีอยู่หลายพันคน เขาไม่รู้ว่าเมื่อไรพวกเขาจะไปถึง แต่เขาไม่ได้ใจร้อนเขากลับไปที่รถเพื่อคุยกับลอร่า
เมื่อเจ้าไห่เข้าไปในรถ ลอร่าก็ลุกขึ้นยืนและถามว่า “พี่ไร่มันเป็นยังไงบ้าง ที่ไปคุยกับสตรอง?”
เจ้าไห่หัวเราะและพูดว่า “ไม่มีอะไรที่น่าจดจําเลย เราแค่พูดคุยกันเฉยๆ แต่ดูเหมือนว่าเขาจะชอบวิธีการจัดการโจรของฉัน มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก นอกจากนี้เมื่อฉันก็พูดถึงธุรกิจของฉันในทุ่งหญ้า”
ลอร่ายิ้ม “พ่อค้าที่อยู่ในทวีปนี้ ไม่ได้ชอบทําธุรกิจในทุ่งหญ้าและเป็นร้านค้าแม็กซี่ ฉันได้ยินมาว่าตั้งแต่เริ่มก่อตั้งธุรกิจจนถึงปัจจุบัน พวกเขาไม่ได้ทําการค้ากับชนเผ่าเลย ข่าวลือบอกว่าผู้ก่อตั้ง ร้านค้ามีความผิดหวังกับชนเผ่า”
เจ๋าไร่ก็พูดว่า “แต่ตรองก็ถามเกี่ยวกับการทําธุรกิจในทุ่งหญ้าเพียงแค่นั้น และมันก็เป็นไปได้ว่าพวกเขามีความปรารถนาที่จะทําธุรกิจในทุ่งหญ้าในเวลานี้หรือไม่?”
ลอร่าคิดและพูดว่า “เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ไม่ ในสายตาของคนธรรมดาการทําธุรกิจในทุ่งหญ้าจะทํากําไรได้มาก หลังจากที่งดเป็นเวลาหลายปีเป็นเรื่องปกติถ้าพวกเขาไม่สามารถช่วยตัวเองได้”
เจ้าไห่พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไรอีก สําหรับเจ้าไห่แล้ว สตรองก็เป็นเพียงคนที่ผ่านมาเท่านั้นเขาไม่แน่ใจว่าจะพบกันอีกหรือไม่ในอนาคตเขามองไปที่ลอร่าและพูดว่า “ฉันคิดว่าเราต้องส่งลูหยางไปที่เมืองคาร์สันก่อนจากนั้นเราจะมุ่งหน้าไปยังเมืองสกาย เธอคิดยังไง?”
ลอร่าพยักหน้าและพูดว่า “ดี ไม่ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของลุงอีวาน อย่างน้อยที่สุดเราก็ควรส่งเธอไปที่เมืองคาร์สันและให้เธออยู่ที่นั่นเราจําเป็นต้องมีความอดทนมาก”
เท่าไหก็พูดว่า “เมื่อเราไปส่งลูหยางแล้ว เราจะส่งจดหมายให้กับอีวาน แม้ว่าเราจะทําภารกิจเสร็จเราก็ไม่รู้ว่าเธอจะทําอะไรต่อไปถ้าลหยางไม่พอใจใครบางคนที่โรงเรียนลุงอีวานจะไม่สามารถทําอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้”
ลอร่าถอนหายใจและเม็กก็พูด”นายน้อย ฉันคิดว่าเราควรจะไปที่เมืองสกายโดยตรงมันดีสําหรับเธอที่จะพาเพื่อนมาที่นี่ทุกอย่างจากที่นี่ขึ้นอยู่กับตัวเธอ ควรทิ้งลูหยาง และก็ไม่จําเป็นต้องให้เราดูแลเธอ”
เจ๋าไร่ก็ไม่ได้พูดอะไร เขารู้ว่าเม็กเกลียดลูหยางเมื่อเทียบกับลอร่า นี่เป็นเพราะลูหยางปฏิเสธเจ้าไห่ก่อนนี่ก็เป็นเหตุที่ทําให้เม็กไม่ชอบเธอ
เจ้าไห่ส่ายหัวและพูดว่า “ลืมไปเถอะเราจะพาเธอไปจนถึงที่สุด” หลังจากที่เขาพูดก็มีเสียงดังออกมาจากข้างนอก”คนที่อยู่ในรถโปรดออกมาจ่ายค่าภาษีของคุณและถ้าคุณไม่ใช่พลเมืองของจักรววรดิโรเซ่นโปรดลงทะเบียนด้วยตัวคุณเอง”
เจ้าไหก็ไม่ได้ทําอะไร เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ชิวและซูกะต้องทํา เจ้าไหก็ไม่ต้องทําอะไรเลย ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกองกําลังทหารรักษาการณ์ก็จะไม่ละเลยพวกเขา เนื่องจากพวกเขายังคงเป็นนายอําเภออยู่ทหารยศเล็กๆ เหล่านี้ไม่กล้าที่จะทําอะไรเกินไป
ชิวจ่ายเงินสองเหรียญทองเป็นภาษีและดําเนินการกับการลงทะเบียนแล้วพวกเขาก็อนุญาตให้ดําเนินการต่อโดยกองกําลังสําหรับเจ้าไห่สองเหรียญทองเป็นภาษีไม่ถูก มีเพียงสองคู่ในขบวนของพวกเขาที่พวกเขา จะเอาเหรียญสําหรับรถแต่ละ ภาษีค่อนข้างสูงเกินไป
เขาไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะพวกเขาเป็นคนจากจักรวรรดิอาร์ซู ถ้าเป็นพลเมืองจักรวรรดิโรเซ่นเหรียญเงินจะเพียงพอแล้วพวกขุนนางก็อาจได้รับการยกเว้น แต่เอกอัคราชอาณาจักรไม่ได้รับการยกเว้นภาษีมันค่อนข้างตรงข้ามพวกเขาถูกเก็บภาษีอย่างหนัก
เมื่อจักรวรรดิอาร์ซูทําธุรกิจภายในจักรวรดิโรเซ่น พวกเขาก็อยากจะซื้อยศภายในจักรวรรดิแทนที่จะใช้ชื่อในฐานะพลเมืองของจักรวรรดิอาร์ซูนี้เป็นวิธีการหนึ่งของจักรวรรดิโรเซ่นเพื่อดึงดูดผู้คน
ไม่นานหลังจากนั้นขบวนรถของเจ้าไหก็เข้าไปในป้อมปราการสายน้ํา เมื่อเข้าไปในป้อม เจ้าไห่เปิดหน้าต่างและมองออกไป ซึ่งแตกต่างจากป้อมปราการสายลมซึ่งถนนสายนี้ดูเจ๋งมากและเป็นทหารที่อยู่ในเกราะเต็มตัวเคยมีอยู่ในปัจจุบันถนนป้อมปราการเป็นถนนที่เรียบร้อยมากมีร้านค้าอยู่ทั้งสองฟากของถนนคนเดินเท้ากําลังรีบพร้อมมองชีวิตชีวามากการเปรียบเทียบที่นี่และป้อมปราการสายลมก็เหมือนกับการเปรียบเทียบสองโลกที่แตกต่างกันอย่างมากเข้าด้วยกัน
เจ๋าไร่ไม่ได้วางแผนที่จะออกไปในทันที เขาอยากจะนอนที่นี่สําหรับเย็นวันนี้และเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้และเรียนรู้ความเป็นอยู่ที่นี่
เนื่องจากป้อมสายลมมีสาขาของโรงแรมเซรี่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่ป้อมสายน้ําจะไม่มี เมื่อพวกเขาเลือกที่ที่พวกเขาจะอยู่พวกเขาก้เดินตรงไปยังโรงแรมเซรี่
อย่างไรก็ตามเมื่อเขามาถึงโรงแรม เจ๋าไร่ก็สังเกตเห็นความแตกต่าง ที่ป้อมสายน้ําโรงแรมเซรี่มีธุรกิจที่ดีมากและธุรกิจก็กําลังเฟื่องฟูแต่ที่นี่ที่ป้อมสายลมธุรกิจดูเหมือนจะเป็นอะไรไม่ค่อยดี
อย่างไรก็ตามพนักงานของโรงแรมขยันมากยิ่งกว่าที่เคยไปที่ป้อมสายลมพวกเขาจองห้องพักทันทีสําหรับกลุ่มของเจ้าไห่แม้สัตว์เวทย์ของพวกเขาได้รับการดูแลนี้ทําให้เจ้าไม่รู้สึกสะดวกสบายมาก
จบบทแล้วนะครับ