Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 301
บทที่ 301 – เชลย
ในขนะนี้เจ้าไม่ได้นั่งอยู่ภายในเต็นท์ และกำลังกินซุปและเนื้อแกะอยู่ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้เร่งรีบที่จะทำอะไรต่อไป เพราะตอนนี้พวกเขาได้มาอยู่ใกล้กับเมืองของพวกเขาแล้ว
ตอนนี้เวลส์ก็ได้นั่งกินกับเจ้าไห่อยู่ในเต็นท์ตอนนี้เวลส์รู้สึกว่าตัวเขาเองนั้นมีกำลังเพิ่มมากขึ้นแล้ว และเขาก็หันหน้าไปหาเจ้าไห่และถามเจ้าไห่ว่า “น้องไห่ แน่ใจหรือไม่ว่าพวกมันจะไม่เห็นพวกเรา?”
เจ้าไห่พยักหน้าและตอบว่า “ไม่ต้องห่วงเลยพี่ชาย เผ่ามูลไม่ได้ออกมาจากค่าย หลายวันแล้ว และมันก็จะเป็นไปไม่ได้ว่าพวกมันจะมาเจอพวกเราที่นี่ แต่พี่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า เผ่ามูลไม่ได้เห็นพวกเราเป็นมิตรแล้ว” เจ้าไห่พูดออกมาเพียงแค่นั้นและไม่ได้พูดอะไรต่อ
เวลส์มองไปที่เจ้าไห่และพูดว่า “น้องไห่ มันมีอะไรที่ฉันยังไม่รู้งั้นหรอ?”
“คนของเผ่าที่ถูกจับไว้อยู่นั้น พวกเขาไม่ได้เตรียมที่พักไว้ให้คนของเผ่าเฮคัส และพวกเขาก็ได้รับอาหารไม่มากนัก ซึ่งก็แน่นอนว่ามันคงอยู่ได้ไม่นาน”
สายตาของเวลส์ดูโกรธมาก เขามองไปที่เจ้าไห่ เจ้าไห่ก็เห็นสายตาที่โกรธของเวลส์และพูดว่า”พี่เวลส์ อย่าพึ่งคิดที่จะโกรธเลย เดี๋ยวเราก็สามารถช่วยพวกเขาได้แน่นอน เวลส์หายใจเข้าและหลับตาลง และเวลส์ก็เริ่มที่จะตั้งสติได้ และเขาก็หันไปหาเจ้าไห่และพูดว่า”เราจะต้องเอาคืนพวกมันให้ได้ น้องชาย พี่ขอบคุณนายมากๆเลยนะ เพราะนายแท้ๆที่ทำให้เรากลับมารวมกันได้แบบนี้“เจ้าไห่ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องทำขนาดนั้นหริกพี่ชายตอนนี้ฉันก็ได้เป็นเจ้าชายของเผ่าเฮคัสแล้วด้วยเหมือนกัน และนี่มันก็เป็นเรื่องที่ฉันต้องทำด้วยเหมือนกัน พี่เวลส์ตอนนี้กลุ่มของเราได้ถูกแบ่งส่วนตามนี้ ผู้เฒ่าจะอยู่ด้านนอกและเด็กกับสตรีจะอยู่ตรงกลางเพื่อให้มีความอบอุ่นมากขึ้น อย่างไรก็ตามตอนนี้เผ่ามูลไม่ได้เฝ้าพวกเขาไว้ ดังนั้นฉันสามารถไปที่นั่นได้และจัดหาอาหารให้พวกเขาหากมีอาวุธฉันสามารถส่งมอบให้กับพวกเขาได้เพื่อที่เมื่อเราเริ่มโจมตีเราอาจจะช่วยได้โดยง่ายดาย”
เวลส์ส่ายหัวและพูดว่า “เราสามารถให้อาหารได้ แต่ไม่ใช่อาวุธ พวกเขาต้องทนทุกข์ทรมานมานานแล้ว ถ้าเราปล่อยให้พวกเขาต่อสู้พวกเขาอาจจะตายไปอย่างไร้ประโยชน์”
ในเวลานี้เม็นเดซก็เข้ามาพูด ขณะที่ส่ายหน้าและพูดว่า “น้องเวลส์พี่เห็นด้วยกับคำพูดของน้องไห่ เราควรให้อาวุธแก่พวกเขาไปนะ มันไม่เพียงแต่จะช่วยในการฆ่าศัตรูเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้อาวุธเพื่อการป้องกันตัวเอง ถ้าเรากำลังต่อสู้อยู่ ถ้าเผ่ามูลส่งคนไปฆ่าพวกเขา? ดังนั้นเราจึงควรจัดหาอาวุธให้พวกเขาด้วยเช่นกัน”
ฟาโรม่าพยักหน้ากับเม็นเดซและพูดว่า “ฉันก็คิดว่าเราควรมอบอาวุธให้กับพวกเขา แต่เราไม่สามารถให้อาวุธที่ใหญ่เกินไปได้ ถ้าเป็นปืนก็ดีนะ เพราะมันก็ไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่เกินไป ผู้เฒ่าโคนถามเวลส์ว่าพวกเราจะเริ่มแผนที่วางไว้เมื่อไหร่
เวลส์ก็ตอบด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “วันพรุ่งนี้เลยเราไม่ควรรอให้นานกว่านี้อีกแล้ว “ฟาโรม่าพยักหน้าและพูดว่า “ในเวลากลางคืนดีไหม?”
เวลส์พยักหน้าและตอบว่า “ก็ดีนะ การโจมตีในเวลานั้นมันจะทำให้คนที่เริ่มก่อนได้เปรียบ
ฟาโรม่าก็ถามอีกครั้งว่า “เผ่ามาร์ซีส่งคนมากี่คน?”
เวบส์ก็ตอบว่า “พวกเขามาแค่สองคน ที่จริงฉันคิดว่าเผ่ามาร์ซีจะส่งเทพผู้มีพลังระดับเก้ามาสามคน แต่การที่พวกเขาส่งมาก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากพอแล้ว”
ฟาโรม่าก็พูดเสริมว่า “ดีแล้วให้ทุกคนพักผ่อนในวันพรุ่งนี้และเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีในวันพรุ่งนี้พวกเขาต้องการโจมตีเผ่าบูลส์ ด้วยความจริงจัง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ค่อยเคลื่อนไหว และพวกเขาก็ระมัดระวังอย่างมากที่จะไม่เจอเผ่าอื่นๆ เพื่อที่จะไม่ให้เผ่าบูลรู้ตัวก่อน
สิ่งที่พวกเขากำลังวางแผนคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่การเคลื่อนที่ไปรอบๆ กับผู้คนนับหมื่นนับ แต่ที่ยังไม่ถูกตรวจพบก็เป็นเรื่องที่ท้าทาย โชคดีที่ชนเผ่ามีแนวโน้มที่จะยังคงอยู่ภายในค่ายของพวกเขาในช่วงฤดูหนาว เจ้าไม่ให้เวลส์เอานกอินทรีย์ไปสำรวจพื้นที่ข้างหน้าเพื่อที่จะไม่ให้พบเจอกับใครเลย
ความช่วยเหลือทั้งหมดที่พวกเขาได้รับจากเจ้าไห่ พวกเขาคิดที่จะขอบคุณในทุกๆครั้ง เพราะว่าถ้าพวกเขาไม่ได้มีเจ้าไห่ การเอาเมืองคืนของพวกเขามันก็อาจจะไม่เกิดขึ้นก็เป็นไปได้ โอกาสนี้เป็นสิ่งที่เล่าไม่ได้มอบให้พวกเขา มันก็ทำให้คนของเผ่าเฮคัสเคารพเจ้าไห่มาก
ในเผ่าเฮคัสตอนนี้ แม้ว่าเจ้าไห่จะไม่ใช่คนของทุ่งหญ้า แต่ตอนนี้ตำแหน่งของเขาก็ไม่ได้น้อยกว่าโคนี้เลยตอนนี้ทุกครั้งที่เจ๋าไฟให้อาหารแก่พวกเขา ไม่ว่าจะเป็นคนแก่หรือยังไม่แก่ พวกเขาทั้งหมดก็จะทักทายเจ้าไห่ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้ให้ความเคารพเจ้าไห่
เมื่อมาถึงจุดนี้แล้ว เจ้าไห่ก็บอกกับเวลส์ว่า “พี่ชายมันจะดีกว่านี้ไหม ถ้าพี่ส่งใครสักคนไปกับฉัน เพราะถ้าหากเผ่าอื่นเจอฉันและมันจะทำให้เผ่าบูลรู้การเคลื่อนไหวของเรา”
เวลส์รู้ว่าเจ้าไห่กำลังจะให้คนช่วยนำอาหารไปให้ เขาพยักหน้าและตอบว่า “ลุงโคนโปรดไปกับเจ้าไห่หน่อยนะ ฉันจะเตรียมทุกอย่างไว้ที่นี่เอง
โคนี้ไม่ได้ปฏิเสธเขาพยักหน้าและตอบว่า”ดีเหมือนกัน พูดถึงว่าฉันได้รู้จักกับคนอื่นๆ มันจะเป็นข้อได้เปรียบมากและไม่นานนักพวกเขาทั้งสองก็ปรากฏตัวขึ้น พวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากเผ่ามูลมากนัก และนี่ก็เคยเป็นเมืองเก่าของเผ่าเฮคัส แต่ตอนนี้มันกับถูกยึดไปแล้ว
ตอนนี้โคนี้สามารถมองเห็นสถานการณ์ข้างนอกว่าพวกเขาอยู่ใกล้เมืองมาก ตาของโคนี้มีแสงประกายนิดหน่อย แต่เจ๋าไร่ไม่ได้แสดงความคิดเห็น พวกเขาใส่เสื้อสีดำและโผบเข้ามาข้างๆกลุ่มคนที่ถูกจับไว้ หน้าตาของพวกเขาไม่ได้แสดงอะไรออกมาเลย พวกเขาถูกจับรวมไว้ด้วยกันเกือบจะไม่มีช่องว่างระหว่างพวกเขา
ตอนนี้เจ๋าไร่ก็ได้ใช้เวทย์เพื่อขยายสถานที่ที่พวกเขาถูกจับไว้ แล้วตอนนี้เจ๋าไร่ก็สามารถเข้าไปได้และเห็นคนของเผ่าเฮคัสทั้งหมดเลย
คนที่ถูกจับไว้ ไม่ได้มีอะไรที่จะทำให้พวกเขาอุ่นขึ้นเลย และสิ่งที่จะทำให้พวกเขาอยู่รอดกันในฤดูหนาวพวกเขาจำเป็นต้องเข้ามาอยู่ใกล้ๆกัน เพื่อให้เกิดความอบอุ่น พวกเขาเดินไปรอบๆเหมือนกับกลุ่มของเพนกวินพวกเขาจะเปลี่ยนกันออกมาเพื่อที่จะให้คนด้านในได้รับความอบอุ่น
ถึงแม้ว่าวิธีการของพวกเขาจะได้ผลดี แต่ทุกคนก็ไม่สามารถอยู่รอดได้ในช่วงที่อากาศหนาวและมีพายุหิมะแบบนี้ จากจำนวนของพวกเขามีสามแสนคนแต่ตอนนี้กับเหลือเพียงสองแสนคนเท่านั้น
หลายคนที่ตายไปนั้นก็คือคนที่มีอายุมากแล้ว พวกเขาเสียสละให้กับเด็กและสตรีมีชีวิตอยู่ พวกเขาให้เด็กอยู่ตรงกลางและยืนข้างนอกเพื่อป้องกันไม่ให้ลมหนาวเข้ามา และถ้าได้รับอาหารพวกเขาจะให้เด็กๆกินก่อนเป็นกลุ่มแรก เนื่องจากความหนาวเย็นและความหิวโหยของผู้คนจำนวนมากจึงตายไปด้วยเหตุนี้
เมื่อโคนเห็นะพวกพ้องของเขา เขาแทบจะรีบเข้าไปหาพวกเขาด้วยความเร็ว จากนั้นเขาก็ตบหน้าของทหารเพราะเขาไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขาและด้วยเสียงของเขาที่พูดว่า”พวกเธอจำฉันได้หรือไม่“เผ่าเฮคัสตื่นขึ้นและเริ่มหันหน้าของเขา เขาเหลือบไปที่โคนีและดูเหมือนจะไม่ได้เห็นเขา เขาปิดตาของเขทอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเปิดมันขึ้นมาอย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่เชื่อพวกพ้องมองไปรอบๆ และพูดว่า”ทำไมลุงโคนถึงมาอยู่ที่นี่ ลุงถูกจำมาเหมือนกันงั้นหรอ?“เนื่องจากความวุ่นวายเล็กๆ คนรอบข้างจึงได้สังเกตเห็นคนที่เข้ามา แต่เนื่องจากที่ทุกคนเป็นคนแก่ของเผ่าเฮคัส บางคนรู้ว่าโคนี้สามารถหนีไปได้และรู้สึกประหลายใจที่ได้เห็นเขาที่นี่ อย่างไรก็ตามตั้งแต่ที่พวกเขามีประสบการณ์พวกเขาก็ไม่ได้ทำให้เกิดเสียงดังใดๆ และดูเหมือนจะดำเนินต่อไปกับสิ่งที่พวกเขากำลังทำในขณะที่เอาอาหารที่โคนี้และเจ้าไห่ ส่งต่อไปยังเด็กๆ
ตอนนี้โคนมองไปที่คาร์ริคและส่ายหัวของเขา ดวงตาของเขากำลังร้องไห้ “ชายแก่คนนี้ทำให้คุณต้องทนทุกข์ทรมาน แต่ความทุกข์ยากของคุณเร็วๆ นี้จะจบลง เวลส์ได้กลับมายังเผ่าและกลายเป็นหัวหน้าเผ่าคนใหม่ แล้วเขาพาเรากลับมาที่นี่เพื่อหาทางแก้แค้น คุณจะต้องรอสองวัน ในสองวันเราจะโจมตีเผ่าบูล และนี่ก็คือเจ้าชาย เจ้าไห่เขาเป็นนักเวทย์ที่เก่งและวันนี้เขาพาเรามาที่นี่เพื่อมอบอาหารและอาวุธแก่คุณ คุณต้องทนอีกแค่สองวันเท่านั้น”
คาร์ริคเงยหน้าขึ้นมองโคนีด้วยน้ำตาที่ไหลลงมา มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากสำหรับพวกเขามาก พวกเขากำลังรอวันนี้และในที่สุดก็มาถึง
คราวนี้ท้องฟ้ามืดไปแล้วและเผ่าบูล ก็เงียบมากดูเหมือนว่าพวกเขาจะไปนอนกันหมดแล้ว
พวกเขาไม่กลัวว่าเผ่าเฮคัสจะหนีไปได้ เพราะในสภาพอากาศเช่นนี้ถ้าพยายามที่จะหนีโดยไม่ได้ใส่เสื้อผ้าที่อบอุ่นใดๆ พวกเขาจะถูกแช่แข็งในทุ่งหญ้า ดังนั้นพวกเขาไม่ได้ส่งคนไปเฝ้าเชลย แต่เพียงส่งคนไปดูแกะและธัญพืชของพวกเขาเท่านั้น
โชคดีที่คาร์ริคและคนอื่นๆ เป็นทหารผ่านศึกที่ได้ต่อสู้กับสงครามมากมาย แม้ว่าพวกเขาจะอายุมากและถูกจับพวกเขาก็สงบลงซึ่งเป็นทักษะที่พวกเขาได้รับ กลุ่มดังกล่าวกลับคืนสู่ความสงบหลังจากช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาที่ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
โคนมองความสงบของพวกเขาแล้วหันหน้าไปที่คาร์ริค และพูดว่า “สิ่งเราได้นำมาบอกในวันนี้ จงเก็บไว้และอย่าพูดอะไรออกไป เพื่อที่จะเป็นการดีต่อเรา”
คาร์ริคพยักหน้าและส่งข้อความถึงผู้คนรอบๆตัวและส่งเสียงทันที
ข้อมูลนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็วราวกับว่าก้อนกรวดรบกวนบ่อ ข้อความที่แพร่กระจายและจากนั้น เจ้าไห่ยังเริ่มให้เนื้อแกะและซุป
พวกเขาไม่ได้กล้าว่าจะพูดเสียงดังเกินไป แต่กลัวว่าเผ่าบูลอาจได้ยินเสียง ขณะนี้คาร์ริคไม่ได้ไปกับชนเผ่าอื่นๆ แต่ตามโคนีและเจ้าไห่ที่ด้านข้างเพื่อช่วยทั้งสองคน
เจ้าไห่เริ่มต้นกับผู้สูงอายุคนแรกบางส่วนของผู้สูงอายุเหล่านี้ พวกเขาต้องการอาหารมากที่สุด
คาร์ริคยังมารู้จักกับเวทมนตร์ของเจ้าไห่ เขาเห็นว่าในมือของเจ้าไห่คือ ชามซุปร้อนๆและเนื้อแกะที่อุ่นๆ บางอย่างก็จะปรากฏขึ้น เมื่อเขามองไปที่เจ้าไห่ เขาดูเหมือนจะได้เห็นพระเจ้า
เจ๋าไร่ยังไม่ได้ให้อาวุธของพวกเขาทันที เขากลัวที่จะถูกค้นพบโดยเผ่าบูล เขาให้อาหารแก่พวกเขาเท่านั้นจากนั้นในระหว่างคาร์ริตกับคนอื่นๆ พวกเขามุ่งหน้าไปยังศูนย์กลางของกลุ่มที่ผู้หญิงและเด็กๆ อยู่และให้อาหารแก่พวกเขา
เจ้าไห่พบว่าการให้อาหารครั้งนี้เป็นเรื่องที่ยากขึ้น กลับมาที่เมือง ของเขาต้องการส่งอาหารไปยังเต็นท์แต่ละแห่ง แต่คราวนี้เขาจำเป็นต้องส่งพวกเขาไปทีละคน
เจ๋าไร่ยุ่งจนถึงเช้า แม้ว่าจะเป็นฤดูหนาวเจ้าไห่และโคนี้ก็มีเหงื่อออก เมื่อเช้าวันนั้นประชาชนทุกคนได้ดื่มน้ำซุปร้อนแล้วกินเนื้อแกะที่อุ่น โคนีบอกคาร์ริคเกี่ยวกับวิธีการของพวกเขาในการหนีแล้วหายไปจากกลุ่มกับเจ้าไห่
แม้ว่าคาร์ริคยังคงต้องอดทนต่อลมหนาวที่นี่ แต่ตอนนี้พวกเขาก็มีความหวังที่อยู่ในใจของพวกเขา ถ้าฤดูหนาวมาถึงฤดูใบไม้ผลิก็อีกนานเลย
เมื่อเจ้าไห่และโคนกลับมาที่ค่ายเวลส์ก็ยังไม่ได้พักและรอพวกเขา เวลส์มองที่สีหน้าของพวกเขาและเวลส์ก็ตัดสินใจที่จะเดินไปหาพวกเขาแทน
เล่าไม่รู้สึกเหนื่อยและไม่ได้มีกำลังที่จะพูดคำไม่กี่คำเขาเพียงแค่โบกมือและเดินไปที่ด้านข้างเพื่อนอนลงโคนี้มีอาการดีกว่าเจ้าไห่ ตั้งแต่เขามีความแข็งแกร่งของชนเผ่าและเขายังไม่ได้แจกจ่ายอาหารที่ละคนให้กับ
ชาวเผ่า กลับมาโคนพยักหน้าที่เวลส์และพูดว่า “อาหารได้รับ แต่เจ๋าไฟไม่ให้อาวุธด้วยความกลัวว่ามันจะถูกพบเขาตัดสินใจที่จะมอบอาวุธในวันพรุ่งนี้ในขณะที่เราให้อาหารมื้อเย็นฉันยังเห็นด้วยกับเรื่องนี้ด้วย”
เวลส์พยักหน้าและถามว่า “ชนเผ่าเหล่านี้เป็นอย่างไร?”
โคนตอบว่า “มีคนเหลือน้อยกว่าสองแสนคน การคำนวณในการสู้รบกับผู้เฒ่าและสตรีนั้นจะมีจำนวนหนึ่งแสนห้าหมื่นคนซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัว ส่วนที่เหลือได้ตายจากการแช่แข็งหรือความอดอยากและตอนนี้กำลังนอนลงบนทุ่งหญ้า”
เวลส์รู้สึกโกรธมากและพูดว่า”เผ่าบูล ฉันจะทำให้พวกแก่เป็นทาสของฉันให้หมดเลย”
ขณะนี้ได้ยินเสียงกรน เวลส์หันไปมองที่มันมาจากไหน แต่เขาก็รู้ว่ามาจากเจ้าไห่ และเขาก็รู้ว่าเขาคงเหนื่อยมากจริงๆ
จบแล้วนะครับ ขอบคุณมากครับ