Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 300
บทที่ 300 – ความยากลำบาก
กองทัพของเวลส์เคลื่อนไหวไปอย่างช้าๆบนทุ่งหญ้า ที่เต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมจนสุดลูกหูลูกตา เมื่อพวกเขาทั้งหมดมองไปพวกเขาก็คิดว่าเดินอยู่บนหัวของผู้ชสยที่หัวล้าน
และในเวลานี้ก็ไม่มีทางอื่น บนทุ่งหญ้าที่ไม่มีหิมะ ซื่อสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของพวกเขาตอนนี้ก็คือพายุหิมะและฝูงของหมาป่า มันเป็นสิ่งที่พวกเขากลัวว่าจะเจอมาก
บนทุ่งหญ้าที่อยู่ในช่วงฤดูหนาวแบบนี้พวกเขาไม่เคยคิดที่จะออกจากเมืองหรือที่ตั้งเต็นท์ของพวกเขาเลยตอนนี้กองทัพของเขามีคนประมาณห้าแสนคน ถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีหิมะปกคลุมและมีอันตรายมากมาย แต่ก็ไม่อาจจะหยุดพวกเขาได้
ถ้ามองดูดีๆแล้วล่ะก็จะเห็นว่ากองทัพนี้ไม่ได้มีเพียงแค่คนหนุ่มเท่านั้น แต่ยังมีเด็ก คนแก่ และสตรีด้วยจำนวนมาก มันก็น่าจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาต้องเคลื่อนไปอย่างช้าๆ
ถูกต้องแล้วนี่ก็คือเผ่าเฮคัสเอง ในการเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มีแค่คนหนุ่มเท่านั้น ทุกคนในเผ่าได้เดินทางไปพร้อมกันหมดทุกคน
มีคำพูดที่บอกกันในทุ่งหญ้าว่า “การเดินทางที่นี่มันต้องใช้เวลามาก” ตราบเท่าที่พวกเขายังคงมีชีวิตอยู่รอบๆตัวพวกเขามันก็เต็มไปด้วยอันตราย นี่เป็นความจริงที่ต้องยอมรับมัน บางครั้งคนที่แข็งแกร่งกว่าซึ่งมีอายุที่น้อยกว่า แต่ในบางครั้งคนที่แก่กว่ากับมีประสบการณ์มากว่า พวกเขาจึงไม่ได้กลัวแะไรทั้งนั้ง
สตรีในเผ่าเฮคัสก็ไม่ใช่คนที่จะถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ ถึงแม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้เรียนรู้การต่อสู้ก็ตาม ยังไงพวกเธอก็ยังคงเป็นคนของเผ่าเฮคัสอยู่ดี และสตรีที่อยู่ในวัยรุ่นจะมีความแข็งแกร่งมาก และเทียบได้เหมือนกับเทพผู้มีพลังระดับ 4 เลยก็เป็นไปได้ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้เผ่าเฮคัสดูน่ากลัวมาก
เผ่าเฮคัสต้องเลือกว่าจะให้คนทั้งหมดไปไม่ได้ เพราะในเผ่าเฮคัสนั้น ยังมีเด็กที่ยังเด็กมาก และคนแก่ที่มีอายุมากแล้วอยู่ด้วย ถ้าพวกเขาไปกันทั้งหมดคนเหล่านี้จะไม่สามารถหลบหนีจากการต่อสู้ได้เลย แต่ตอนนี้เวลส์ก็ได้ตัดสินใจที่จะให้ทุกคนไปด้วยกับพวกเขา เพื่อที่จะต้องสู้ไปพร้อมๆกัน ไม่งั้นคนของพวกเขาอาจจะน้อยกว่าและตายไปในที่สุด
เจ้าไห่เดินตามกองทัพของเวลส์ไป แต่เขาก็ยังอยู่ภายในรถม้าของเขา แทนที่จะอยู่ภายนอกรถของเขาเหมือนกับคนอื่นๆ รถของพวกเขาถูกปกคลุมด้วยหนังแกะหนาตั้งแต่ที่ลอร่าไม่สามารถทนต่อความหนาวได้
ในความเป็นจริงนั้นรถที่พวกเขานั่งอยู่ทุกทางถูกปิดไว้หมด เจ๋าไร่และกลุ่มเดินเข้าไปในมิติดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้รับความทุกข์ทรมานมากนัก เม็กรีบไปที่ห้องครัวของปราสาน เพื่อต้มน้ำชาและนำมาไว้ในห้องนั่งเล่น
ลอร่าดื่มถ้วยชาร้อนๆ และมันก็ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้น ลอร่าวางถ้วยชาของเธอและถอนหายใจและก็พูดออกมาว่า “อยู่ในมิตินั้นดีกว่าอยู่ข้างนอกนั่นมากเลย มันเหมือนว่าพวกเรากำลังจะแข็งตายยังไงยังงั้นเลย”
เจ้าไห่ยิ้มและพูดว่า “มันหนาวเกินไปหรือ? ฉันรู้สึกสบายดีจริงๆ และไม่ค่อยรู้สึกอะไรเลย”
ลอร่ามองไปที่และพูดว่า “พี่ไห่ พี่ไม่เคยอาศัยอยู่ในเมืองหลวงของจักรพรรดิหรือ? พี่ควรเป็นเหมือนฉันที่ไม่สามารถทนกับความหนาวเย็นได้สิ แต่ทำไมพี่ไม่ได้หนาวเลยหล่ะ?”
เจ้าไห่ยิ้มและตอบเธอไปว่า “เธอลืมไปแล้วหรอว่าฉันเป็นนักเวทย์นะ มันก็น่าจะเป็นเหตุผลที่พี่สามารถทนต่อความหนาวได้”
ในความเป็นจริงนี่เป็นเพียงเหตุผลหนึ่งที่เจ้าไห่ สามารถใช้ความหนาวเย็นได้เมื่อเทียบกับลอร่า
แต่ลอร่าได้รับความมั่นใจในเหตุผลนี้แล้วเธอพยักหน้า และพูดต่อว่า “ดีจังฉันกลัวว่าพี่จะป่วยแล้วมันจะลำบากมาก”
เท่าไห่ยิ้มและตอบว่า “อย่ากังวลว่าร่างกายของพี่จะเป็นอะไรเลย พี่มีสุขภาพดีมากตอนนี้ พี่ได้ดื่มน้ำแห่งชีวิตเข้าไปทุกวัน ถ้าพี่ป่วยหนัก พี่ก็กลัวว่าคนอื่นจะแย่กว่านี้หล่ะสิ”
ในขณะที่เจ้าไห่และคนอื่นๆ กำลังคุยกันและหัวเราะภายในมิติ เวลส์และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านนอกก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ร่างกายของพวกเขาห่อหุ้มด้วยหนังแกะทั้งตัว ในมือของพวกเขามีถังไวน์อยู่ พวกเขาค่อยดื่มมันเพื่อทำให้ร่างกายของพวกเขาอบอุ่นขึ้น
การเดินในช่วงฤดูหนาวเป็นการทดลองที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักสู้ที่ต้องใช้ความอดทนและเส้นประสาทเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ โชคดีที่เวลส์เตรียมพร้อมไว้ก่อนแล้วมิฉะนั้นพวกเขาทั้งหมดจะตายไปนานแล้ว
ในทางตรงกันข้ามกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นของทุ่งหญ้า สภาพอากาศของป้อมภูเขาเหล็กก็มีอากาศหนาวเย็นเหมือนกัน ผู้คนยังสวมเสื้อผ้าที่ไม่มีหนาม เนื่องจากปัจจุบันเป็นฤดูหนาวในทุ่งหญ้า เจ้าไม่ได้ไปที่ป้อมภูเขาเหล็ก เมื่อเทียบกับทุ่งหญ้าที่นั่นก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เหมือนกันว่ามันเป็นคนละโลกกันเลยทีเดียว
เล่าไม่รู้ว่าทำไมอากาศในป้อมภูเขาเหล็กจึงเป็นเช่นนั้น ประการแรกเพราะล้อมรอบด้วยเทือกเขาเหล็กฤดูหนาวยังไม่ถึงที่นี่ ประการที่สองเนื่องจากเจ่าฉินอี้สามารถรักษาอุณหภูมิไว้ได้จึงค่อนข้างอบอุ่น
ตั้งแต่ป้อมภูเขาเหล็กได้ปรับเปลี่ยนไป เจ้าไหก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกต่อไป และเน้นความคิดของเขาในทุ่งหญ้าเพื่อช่วยเวลส์
หลังจากการเดินทางทุกวัน ทุกคืนที่ผ่านมา เวลส์และทุกคนหยุดเดินทาง และทำที่พักอาศัยของพวกเขาและเตรียมตัวสำหรับการพักผ่อน พวกเขาไม่ต้องห่วงเรื่องอาหารค่ำเพราะพวกเขาได้กินเนื้อแกะร้อนๆแล้ว
นี่เป็นความคิดของเจ้าไห่ เขาบอกกับเวลส์ว่าจะปรุงอาหารจากเนื้อแกะแล้ว จะเก็บไว้ในขณะที่ยังอุ่นอยู่ ตราบเท่าที่อาหารถูกเก็บไว้ภายในมิติ ก็จะรักษาคุณสมบัติของเมื่อนำออกมาอีกครั้ง
เมื่อได้ยินว่าเจ้าไห่พูดจบ เวลส์เปลี่ยนวิธีที่พวกเขาไอ้แบ่งกัน หลังจากที่พวกเขาต้มเนื้อแกะแล้วพวกเขาก็ส่งให้เจ้าไห่ทันที ในเวลานี้เมื่อถึงเวลากินอาหารพวกเขาจะมีเนื้อแกะร้อนๆและอร่อยซึ่งในช่วงฤดูหนาวอากาศทำให้คนมีความสุข
หลังจากสร้างเต็นท์ของพวกเขาเสร็จ เจ้าไร่ก็ได้นำอาหารไปให้พวกเขา มันทำให้เจ้าไห่ยุ่งมากๆ ลองจินตนาการว่าเป็นอาหารสำหรับห้าแสนคนไม่ใช่งานง่าย
อย่างไรก็ตามเจ้าไร่ไม่บ่น เพราะเขารู้ว่าพวกคนเหล่านี้ ได้เดินทางตลอดทั้งวัน ขณะกำลังเย็นและหิว ด้วยเหตุนี้เจ้าไห่ไม่ได้ออกจากเต็นท์ของพวกเขา เขาเพียงแค่ส่งอาหารออกมาเท่านั้น
ขณะที่กำลังแบ่งอาหารพวกเขาไม่ได้แยกตามครอบครัวของพวกเขา แต่พวกเขาแบ่งกันตามเพศ แต่ละเต็นท์จะมี 20 คนและมีเต็นท์แยกต่างหากสำหรับชายและหญิง
เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุไม่มีไฟภายในเต็นท์ ดังนั้นพวกเขาต้องนอนบนหนังแกะของพวกเขา แต่หลังจากกินเนื้อแกะที่อบอุ่นและดื่มน้ำซุปร้อนๆ พวกเขาก็รู้สึกดีขึ้นมากขึ้นเยอะเลย
เมื่อเจ้าไห่กำลังส่งเนื้อแกะและซุปไปให้กับคนของเผ่าเฮคัส เขาก็จะได้รับอาหารสัตว์ นี้ได้จัดทำขึ้นโดยเวลส์ก่อนและมีเจ้าไร่ที่เป็นคน เก็บไว้ในมิติ
เผ่าเฮคัสได้พัฒนาความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับเจ่สไห่ ก่อนที่พวกเขาจะไปรบ พวกเขาก็มีประสบการณ์การรักษานี้ พวกเขารู้ว่าถ้ามีเจ้าไร่อยู่ ปัญหาเรื่องการขนส่งมันจะหมดไป
ขณะที่สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเวลส์ก็ยืนอยู่ข้างเจ้าไห่ เขามักถามชนเผ่าว่าพวกเขาเป็นอย่างไร การกระทำที่เวลส์ทำนั้นมันจะช่วยให้พวกเขามีกำลังใจมากขึ้น พวกเขาจะต้องกินให้ได้เยอะๆ
ซึ่งพวกเขาต้องรีบร้อนในตอนกลางวัน พวกเขาสามารถมีได้เพียงสองมื้อในแต่ละวัน ในตอนเช้าและในเวลากลางคืน พวกเขาใช้เวลาเกือบตลอดเวลาในช่วงกลางวันเดินทาง ทุกคนมีเวลาลงจากหลังม้าเพื่อไม่นานนัก
วิธีการนี้รีบเร่งไปพร้อมๆ กันซึ่งเป็นการเดินทางโดยรถม้าสำหรับทุกคนทำให้เจ้าไห่ดูความพยายามของชนเผ่า
หลังจากได้รับอาหารจากเผ่าเฮคัสแล้ว เจ้าไห่และกลุ่มรวมตัวกันอยู่ในเต็นท์ของเวลส์ เนื่องจากยังไม่ได้รับประทานอาหาร พวกเขากินเช่นเดียวกับชาวเผ่านอื่นๆ
เวลส์ดื่มน้ำซุปและถอนหายใจ เขาก็พูดว่า “น้องไห่ เรามีความสุขมาก เพื่อให้ผ่อนคลายก่อนการสู้รบ”
โคนยิ้มและพูดว่า “มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ว่าแม้กระทั่งก่อนหน้านี้ เมื่อเราไปทำศึกในช่วงฤดูร้อนก็ไม่ได้สบายใจเท่าตอนนี้เลย”
แต่ในเวลานี้ฟาโรม่าก็พูดว่า “ปัจจุบันปัญหาของเราคือเวลาในการเดินทางมีน้อยเกินไป ในตอนเช้าเราเก็บเต็นท์ของเราและในตอนเย็นเราตั้งพวกมันขึ้นอีกครั้ง จึงจะไม่มีเวลาเพียงพอสำหรับการเดินทาง ตอนนี้การที่หิมะเพิ่มขึ้นมันทำให้พวกเราเดินทางได้ช้าลงไปอีก”
เวลส์ไม่มีทางออกสำหรับเรื่องนี้ ในฤดูร้อนพวกเขาสามารถที่จะไม่ตั้งเต็นท์ของพวกเขาเพียงแค่นอนลงโดยใช้หนังแกะของพวกเขาในเวลากลางคืน แต่ในช่วงฤดูหนาวจะไม่สามารถทำแบบนั้นได้ เนื่องจากพวกเขาจะแข็งตาย
เจ้าไหมองไปที่ท่าทางของเวลส์และพูดว่า “พี่ชาย พรุ่งนี้ไม่ต้องกังวลกับการเก็บเต็นท์เพียงทำตามฉัน ฉันจะไปเก็บต็นท์และเก็บไว้ในมิติของฉันและในเวลากลางคืนฉันจะเอามันออกมา พี่คิดว่าเป็นยังไง?”
เวลส์ตอบเท่าไห่ว่า “น้องจะซื้อเต็นท์ได้อย่างไร?”
เจ้าไห่ยิ้มๆ และพูดว่า “เต็นท์ไม่จำเป็นต้องถูกรื้อถอนฉันจะเก็บไว้อย่างที่พวกมันเป็น”
แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าการเก็บเต็นท์จะเป็นเรื่องเสียเวลาดังนั้นเจ๋าไร่จึงตัดสินใจเก็บมันไว้ทั้งหมด
เวลส์รู้สึกประหลาดใจ “น้องสามารถเก็บมันทั้งหมดได้งั้นหรือ?”
เจ้าไห่ส่ายหัวและพูดว่า “ฉันไม่แน่ใจ ถ้าเราสามารถเก็บไว้ได้แล้วมันจะดีที่สุดเพื่อที่เราจะสามารถประหยัดเวลาได้มาก เรายังคงต้องลองอีกด้วย”
เวลส์พยักหน้าและพูดว่า “ดีมากลองมาดูสิว่าจะดีที่สุดแล้วเราจะมีเวลามากพอที่จะเดินไปได้”
เม็นเดซก็พูดออกมาว่า “ตามความคืบหน้าปัจจุบันของเรา เราควรจะมาถึงเมืองเก่าประมาณครึ่งเดือนหรือมากกว่านั้น น้องไร่ นายเคยส่งนกอินทรีย์ไปดูเมืองของเราหรือไม่?”
เจ้าไห่พยักหน้าและตอบว่า “โล่งใจเถอะพี่ชายที่หก มันยังคงอยู่ที่นั่นในเวลานี้ ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้ออกจากเมืองในช่วงฤดูหนาว”
เวลส์ดวงตาสว่างขึ้นด้วยสายตาที่เย็นชาและพูดว่า “นั่นคือสิ่งที่ดีมีโอกาสของการแก้แค้นเป็นที่สุดที่นี่!”
ตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เวลานานเท่าไร!? พวกเขาไม่ทราบเกี่ยวกับต่อให้พวกเขารู้เพียงว่าเจ้าไห่มีมิติ