Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 323
บทที่ 323 – กับดัก
ชิวมองไปที่ทิศทางที่ซูกะชี้ไป เขาเห็นกําแพงลานบ้านไร่ที่เหมือนจะสร้างด้วยหิน ลานนั่นไม่ได้อยู่ไกลมา กนักและในฤดูหนาวนั้นจะไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน
บ้านที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้น ชาวบ้านได้สร้างมันขึ้น แต่พวกเขาไม่ได้ใช้หินในการสร้างแต่เป็นอิฐที่ได้จากดินเผา บ้านอิฐดินเผาอุ่นกว่าบ้านที่สร้างขึ้นจากหิน บ้านของพวกเขาจึงทําจากอิฐดินเหนียว
ท้องฟ้ามืดและในระยะไกลแสงเล็กๆ ให้ความอบอุ่น อย่างไรก็ตามชิวรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างผิดไป
ในขณะนี้หูของซูกะก็ได้ยินอะไรบ้างอย่าง เขาได้ยินเสียงอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปจากห้องของครอบครัว มันฟังดูเหมือนแรงเสียดทานของเกราะที่สวมเต็มตัว มันทําให้ซูกะจ้องมองอย่างไร้จุดหมายเมื่อเขากําลังจะออกเดินทางเสียงก็บอกเขาว่า “อย่าเคลื่อนที่ ถ้าไม่จําเป็นครอบครัวของนายถูกจับเป็นตัวประกันนายจะทําให้พวกเขามีอันตรายมากขึ้นถ้านายไป”
และนั่นก็คือเสียงของคนที่เขาเพิ่งจะได้รู้จัก เจ่าไห่, ซูกะไม่รู้ว่าเสียงนั่นมาได้ยังไง แต่มันก็ทําให้เขาประหลาดใจมาก เขาจําได้อย่างชัดเจนว่า เจ่าไห่ไม่ได้มากับพวกเขา ชิวที่คุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้เขาก็ถามเจ่าไห่ว่า “นายน้อยทําไมถึงมาที่นี่?”
เจ่าไห่พยักหน้า “ตอนแรกฉันไม่ได้คิดที่จะมาหลอก แต่ฉันเห็นว่าครอบครัวของซูกะนั้นถูกจับเป็นตัวประกัน ฉันจะต้องมาบอกพวกนายให้รู้ก่อนที่จะเข้าไป ตอนนี้คนที่จับครอบครัวของซูกะนั้นมีทั้งหมด 10 คน คนนึ่งอยู่ในบ้านเพื่อเฝ้าดูคนในบ้าน และอีก 9 คนก็คอยที่จะโจมตีคนที่เข้าไปภายในบ้าน ซูกะรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะเขาเพิ่งมาถึงหมู่บ้านคาเตอร์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงนี้ แล้วพวกคนเหล่านั้นมันรู้ได้ไงว่าเขากลับมาในวันนี้?
ตอนนี้เจ้าไม่ได้เห็นสถานการณ์ภายในบ้าน และเจ้าไหก็ไม่เข้าใจว่าทําไมพวกมันถึงต้องมาที่นี่ตามปกติ แล้วถ้าเกิดเหตุแบบนี้ก็น่าจะพาตัวไปที่อื่น
เจ่าไห่หันไปซูกะและพูดว่า “ซูกะมีคนอื่นรู้อีกไหมว่าครอบครัวของนายอยู่ที่นี่? และถ้าไม่มีพวกเขาจะตามหาครอบครัวนายได้ยังไง? อย่างไรก็ตามสถานการณ์ตอนนี้ก็น่าจะบอกได้แล้วว่าพวกเขาน่าจะรู้ที่อยู่ของครอบครัวของนาย ไม่งั้นพวกเขาคงจะไม่ส่งคนมาเพื่อจัดการกับนายที่นี่หรอก และก็นอกจากพวกเขายังมีเกราะแบบเต็มตัว เพื่อป้องกันอาวุธที่นายมี”
ซูกะยืนนิ่งไปแปปนึ่งและไม่นานนักเขาก็ส่ายหัวและพูดว่า “ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีใครรู้ว่าครอบครัวของฉันอยู่ที่ไหน ฉันมักจะทําทุกอย่างนอกบ้านด้วยตัวเอง และถึงแม้ว่าหมู่บ้านนี้จะมีอยู่แต่ก็ไม่มีใครคิดที่จะมาที่นี่หรอก แล้วคนอื่นจะรู้ได้ไงว่านี่เป็นครอบครัวของฉัน”
เจ่าไห่พยักหน้า “ดีมากที่ไม่มีใครรู้เรื่อง ก่อนอื่นเลยเราจะต้องช่วยครอบครัวของนายให้ปลอดภัยก่อน เจ่าไห่โบกมือและก็มีภาพปรากฏบนอากาศและเห็นสถานการณ์ภายในบ้าน
แม่ของซูกะ ภรรยาและลูกสองคนถูกจัดไว้ทางทิศตะวันออกของบ้าน ชายอีกคนหนึ่งสวมชุดเกราะและยืนอยู่ข้างประตูมองดูครอบครัวของซูกะ
สีหน้าของซูกะดูโกรธมาก เจ่าไห่ก็พูดว่า “เจ๋าฉินอี้จัดการกับชายสวมเกราะในบ้านอย่าให้เกิดเสียงใดๆ” เจ่าไห่ฉินอี้ทําตามคําสั่งทันที แล้วภายในภาพก็แสดงให้เห็นเถาที่ขึ้นมาแบบเงียบๆ ปรากฏตัวขึ้นหลังชายคนนั้นแล้วเถานั่นก็กลายเป็นเถาที่คมมากและพุ่งเป้าไปที่หัวของชายคนนั้น ศีรษะของเขาถูกเจาะทะลุแล้วก็ไม่ได้เกิดเสียงใดๆอีกต่อไป เถาก็ไม่ได้หายไปทันทีแต่มันทําให้ชายคนนั้นยืนเหมือนเดิม แต่คนในบ้านก็ไม่อาจจะเห็นเถานั่นได้เพราะมันอยู่ด้านหลังของชายคนนั้น
เจ่าไห่พยักหน้าแล้วก็พูดว่า “ดีมาก” มือของเขาเคลื่อนไปจากนั้นทั้งสามคนก็ปรากฏตัวต่อหน้าครอบครัวซูกะทันที ในขณะที่ครอบครัวเห็นกะและกําลังจะตะโกนออกไปซุกะก็หยุดพวกเขาทันทีและพูดว่า “อย่าทําให้เกิดเสียงดังเลย” เจ่าไห่เป็นคนสั่งให้เขาพูดแบบนี้
เมื่อเห็นซูกะครอบครัวก็พยักหน้าและปิดปากของเขาอย่างแน่น จากนั้นพวกเขาก็หายตัวไปจากห้องเจ่าไห่ พาพวกเขาไปที่มิติพร้อมกับคนที่เจ่าไห่ฉินอี้ฆ่า
หลังจากเข้ามิติแล้ว ซูกะและครอบครัวของเขาก็แค่มอง เจ่าไห่มองไปที่พวกเขาแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “ซูกะนี้เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน หลังจากเมื่อรู้เรื่องนี้แล้ว นายจะไม่ได้รับการอภัยหากนายทรยศฉัน”
ซูกะก็พูดออกมาด้วยความรวดเร็ว “นายน้อยฉันจะเป็นคนดี นับตั้งแต่ฉันได้ตามนายน้อยฉันไม่ได้คิดว่าจะเป็นคนไม่ทรยศเลย ในเวลานี้ฉันอยากจะขอบคุณนายน้อย ที่ช่วยครอบครัวของฉัน” หลังจากที่พูดจบซูกะก็พาครอบครัวเขาไปหาเจ่าไห่
แม่ของชุนชื่อซูจัง ภรรยาของเขาชื่อนาเล และลูกสองคนของเขาชื่อซูกาและซูรินหลังจากที่ได้ยินชื่อเด็กๆ เจ่าไห่เกือบจะไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้ เด็กทั้งสองเกือบทําให้เจ่าไห่ถามเขาว่า “พวกเขาได้มีส่วนกับสงครามหรือไม่”
เจ่าไห่พยักหน้าแล้วนั่งลงกับคนที่อยู่ภายในมิติ เจ่าไห่หันหน้าจอและทุกคนก็มองไปที่ลาน ชายติดอาวุธพร้อมสําหรับการซุ่มโจมตี แม้ว่าพวกเขาจะปลอมตัวอยู่ในบ้านอย่างชัดเจน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาตั้งใจที่จะยึดเหยื่อไว้ในบ้าน
มองดูสิ่งที่คนเหล่านี้ทํา พวกเขาสวมชุดดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้เป็นทหารรับจ้างทั่วไปชุดเกราะของพวก ขามีการปกกันดีมากดูเหมือนว่าพวกเขาจะถูกว่าจ้างโดยตระกูลใหญ่ๆ ชิว, นายคิดอย่างไง?”
ชิวดูหน้าจอมานานก่อนที่เขาจะพูดว่า “ถูกต้อง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใส่สัญลักษณ์ใดๆก็ตาม แต่ก็สามารถเห็นได้ว่าอาวุธและชุดเกราะของพวกเขามีรูปแบบเดียวกันกับคนธรรมดาก็ไม่น่าจะเป็นไปได้”
เจ่าไห่พยักหน้า “ดูเหมือนว่าร่างที่ทรงพลังมีสายตาของพวกเขาในซูกะเราจะจับพวกเหล่านี้ในภายหลังฉันอยากรู้ว่าใครอยากจะจัดการกับซูกะ”
ซูกะรู้สึกพึ่งขณะกําลังมองเจ่าไห่ เจ่าไห่ก็รู้ว่ามันสายแล้วเขาจึงหันไปที่ชิวและพูดว่า “ชิวจัดห้องสองห้องให้กับครอบครัวของซูกะแล้วเราจะไปดูแลพวกเหล่านั้นเราต้องกลับไปหาลอร่าและคนอื่นๆ”
ชิวพยักหน้าจากนั้นก็เดินเข้าไปและจัดการกับครอบครัวของซูกะ และเจ่าไห่กลัวว่าพวกเขายังไม่ได้ทานอาหารเย็น พวกเขาก็ให้อาหารกิน เขายังบอกให้พวกเขาไปห้องน้ํา ไม่นานครอบครัวก็ออกจากห้องนั่งเล่นไป
เมื่อเห็นนักรบคนอื่น เจ้าไหก็หันไปทางชิวกับซูกะ และพูดว่า “ชิวกับซูกะ จําตําแหน่งของพวกมันด้วย” ทั้งสองได้รับการยืนยันแล้ว เจ่าไห่ส่งทั้งสองคนออกไปข้างนอก
ทันทีที่พวกเขามาถึงที่นั่นชิวได้ปล่อยเงา 100 เงาพร้อมทั้งเตรียมอาวุธที่ซ่อนอยู่ของเขาไว้ด้วยและทั้งคู่ก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างระมัดระวัง
เมื่อซูกะเดินเข้าไปในลานนักรบที่รอคอยรีบกระโดดจากที่ซ่อนตัวของตัวเองและล้อมเขา ในมือของพวกเขามีโล่ขนาดใหญ่ ดูเหมือนว่าพวกเขากําลังเตรียมพร้อมที่จะจัดการกับซูกะ พวกเขารู้ว่าซูกะมีมือมาก พวกเขาจึงเตรียมสลักเกลียวเพื่อรับมือกับเขา
เมื่อมองสถานการณ์ซูกะก็แกล้งทําเป็นตกใจแล้วเขาก็พูดว่า “ทําไมพวกแกถึงมาที่นี่ และพวกแกจับใครไปไหม?” นักรบคนหนึ่งพูดว่า “ครอบครัวของแกตกไปอยู่ในมือของเรา”
ในเวลานี้แกอาจได้ยินเสียงฝีเท้านอกลานซึ่งทําให้ทุกคนต้องประหลาดใจ ซูกะรีบขยับตัวเขา อาวุธของเขาออกจากตัวจากมือ ทั้งสองคนเป็นการโจมตีที่เร็วมาก การเอาสลักเกลียวเหล่านั้นออกจะทําให้ทุกอย่างง่ายขึ้นสําหรับซูกะ
เนื่องจากทุกคนมีประสบการณ์ในการต่อสู้พวกเขาจึงรีบตื่นตัวจากความตกใจของพวกเขา ทั้งสองคนที่ถือสลักเกลียวทันที แต่ด้วยวิธีนี้พวกเขาไม่สามารถถ่ายภาพที่เหมาะสมได้ ในขณะนี้ชิวมาในบ้านแล้ว
นักรบเหล่านี้ไม่แข็งแกร่งมาก พวกเขาเป็นเพียงแค่ระดับที่ 6 เท่านั้น แต่เนื่องจากพวกเขาสวมเกราะทั่วไปจึงไม่สามารถเจาะเข้าไปได้ การที่ครอบครัวของซูกะถูกจับก็ทําให้พวกเขากล้าที่จะสู้มากขึ้น
อย่างไรก็ตามด้วยความช่วยเหลือของชิวที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับพวกเขา ทั้งสองได้จับพวกเขาไว้ แต่ก็ไม่ได้ทําอะไร
ชิวและซูกะพาเชลยไปยังรถของเจ่าไห่ เมื่อพวกเขาเดินเข้ามาพวกเขาเห็นซากศพของนักรบที่ถูกสังหารโดยเจ่าไห่ฉินอี้ เห็นแผลที่เกิดจากเถานักรบคิดทันทีว่าเกิดจากการใช้ดาบสั้นของซูกะ
เจ่าที่นั่งอยู่หน้านักรบและมองไปที่พวกเขา เขายิ้มอย่างอ่อนโยนและพูดว่า “บอกฉันหน่อยว่าทําไมต้องการที่จะโจมตีผู้ติดตามของฉัน?”
เมื่อนักรบได้ยินเจ่าไห่ พวกเขาไม่ได้พูดอะไร แต่ละคนก็ปิดปากปากของตนไว้อย่างเงียบๆ ดูเป็นคนที่เสียสละ เมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ของพวกเขา เจ้าไหก็ไม่รู้จะทํายังไง แต่ยิ้มให้ “ไม่พูดดีๆงั้นหรอ ตอนนี้นายสวมชุดเกราะเต็มตัวแล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันย่างเกราะของนายด้วยไฟนายคิดว่าอะไรจะเป็นยังไง?”
หลังจากที่เง่าไห่พูด หทารเหล่านี้หันหน้าเข้าหากัน พวกเขาไม่คิดว่าเจ่าไห่จะโหดร้าย, ชุดเกราะของพวก เขาถูกสร้างขึ้นด้วยแผ่นโลหะ ถ้าเกราะถูกไฟพวกเขาก็จะกลายเป็นบาร์บีคิว
ในเวลาเดียวกันเจ๋าไฟใช้ไม้เท้าของเขาไฟขนาดใหญ่
เละพุ่งไปทางนักรบคนหนึ่ง
ใบหน้าของนักรบเสียทันที่สีของมันเปลี่ยนไปและรีบพูดว่า “ฉันยอมแล้ว ฉันจะบอกนายท่านโปรดอย่าเผาฉัน”
เล่าไร่ยังมองไปที่นักรบคนอื่นๆ กลุ่มนักรบมองกันและกันและรู้ว่าพวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้ พวกเขาพยักหน้าทันทีและพูดว่า “เราจะบอกกับนายท่าน”
เจ่าไห่หันหน้าไปที่ชิว “ชิวพาพวกเขาเข้าไปในบ้านและซักถามที่ละคนถ้คนสองคนพูดสิ่งที่แตกต่างกันกับคนอื่นๆ และหาว่าใครโกหกเมื่อรู้ว่าใครโกหกจะโดนฆ่าทิ้ง”
นี่เป็นครั้งแรกที่ชิวพบกับการสอบปากคําแบบนี้ กลุ่มนี้รู้ดีว่าจริงๆแล้วไม่มีทางใดที่จะหลอกเจ้าไม่ได้ พวกเขาปฏิบัติตามทันทีชิวเอาคนสี่คนมาที่บ้านและสอบปากคําทีละคน นักรบเหล่านี้ไม่กล้าพูดความจริงโดยใบหน้า แต่ละใบหน้าแสดงออกอย่างขมขื่น
จบบทแล้วนะครับขอบคุณที่ติดตามนะครับ