Bringing The Farm To Live In Another World (ไปสร้างฟาร์มอีกโลกกันเถอะ) - ตอนที่ 324
บทที่ 324 – คฤหาสน์เซรี่กรีน
เจ่าไห่นั่งอยู่ในรถและเขาก็สังเกตขณะที่ชิวเอานักรบทีละคนเข้าไปถามข้อมูล หลังจากช่วงเวลาสั้นๆ ชิวก็ได้พาตัวนักรบออกมา และเอามารวมอยู่ด้านหน้าเจ่าไห่ ชิวได้สรุปสิ่งที่เขาได้ถามนักรบพวกนี้มา “นายน้อย จากข้อมูลที่ได้มานั้น พวกนักรบเหล่านี้ถูกส่งมาที่เมืองบาคา โดยให้ไปดูว่าพวกเราใช่นักเวทย์แห่งความมืดหรือไม่? และเมื่อแผนที่เกิดขึ้นที่โรงแรมบราวน์ไม่สําเร็จพวกเขาก็เริ่มสืบว่าครอบครัวของซูกะอยู่ที่ไหน พวกเขาต้องการจับซูกะ แล้วมันก็จะทําให้พวกเขาเข้าใจถึงสถานการณ์และข้อมูลต่างๆ และพวกเขาก็ได้รู้ว่าครอบครัวของซูกะอยู่ที่นี่ พวกเขารู้ว่าถ้าหากซูกะได้เป็นคนของนายน้อย เขาจะต้องกลับไปที่บ้านแน่ๆ พวกเขาจึงรอเขาอยู่ที่นั่น แต่ก็ถูกพวกเราจับได้เสียก่อน”
เจ่าไห่พยักหน้าแล้วหันหน้าไปหาซูกะและพูดว่า “ซูกะ นายอยากจะให้ฉันทํายังไงกับคนพวกนี้?”
พวกเขากล้าที่จะจับครอบครัวของฉันเป็นตัวประกัน แน่นอนว่าฉันจะไม่เมตตาพวกเขา ซูกะก็บอกกับเจ่าไห่ว่า “นายน้อยฉันปล่อยให้นายน้อยเป็นคนตัดสินใจเลย”
เจ่าไห่พยักหน้าเขามองไปที่นักรบและหันหน้ากลับไปหาซูกะ “ซูกะ นายจะไม่ได้กลับมาที่บ้านนี้อีกแล้ว งั้นฉันก้จะเผาบ้านหลังนี้ทิ้ง”
ซูกะตกใจเมื่อได้ยินเจ่าไห่พูดแบบนั้น แต่เขาก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรเจ๋าไห่แล้วก็พยักหน้า และนอกจากนี้เขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เจ๋าไร่ทํานั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะเขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกในชีวิตที่เหลืออยู่ของเขา
เมื่อเจ่าไห่เห็นซูกะพยักหน้า เจ่าไห่ก็โบกมือขึ้น และก็มีมีดลมขึ้นมา 9 เล่มสับไปที่หัวของนักรบที่อยู่ที่นั่น จากนั้นเขาก็โยนศพของนักรบพวกนั้นเข้าไปในบ้าน และก็ปล่อยลูกไฟเข้าไปในบ้านไฟลุกท่วมทันที
เจ่าไห่ไม่ได้ทําให้นักรบพวกนั้นกลายเป็นซอมบี้ เพราะตอนนี้เขาเองมีซอมบี้เป็นจํานวนมากอยู่แล้ว เขาจึงฆ่าและจัดการทุกอย่างเพื่อที่จะไม่เป็นที่สงสัยจากชาวบ้าน
เมื่อมองไปที่บ้านของตัวเองที่กําลังถูกไฟไหม้ มันทําให้ซูกะรู้สึกเสียใจ แต่เขาก็รู้ว่าเขาจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว และในที่สุดเขาก็หันหลังให้บ้านของเขา และเดินไปขึ้นรถของเจ่าไห่
เมื่อพวกเขาออกจากหมู่บ้านคนอื่นๆ ในหมู่บ้านก็รู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับบ้านของซูกะ คนในชนบทนั้นพวกเขาจะรู้จักกันเป็นอย่างดีและพวกเขาก็จะดูแลกันและกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่มีไฟเกิดขึ้น ผู้คนที่อยู่ในหมู่บ้าน พวกเขาจะช่วยกันดับไฟ แต่ก็น่าเสียดายที่ไฟนี้มันไม่ใช่ไฟธรรมดาทั่วไป เมื่อเห็นว่าไฟมันไม่อาจจะดับได้พวก เขาก็หยุดพักและทําได้เพียงแค่ดูจนไฟเผาไปหมดแล้ว
ชาวบ้านไม่อาจจะดับไฟของเจ้าไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้เห็นครอบครัวของซูกะ เมื่อไฟดับลงพวกเขาก็เดินไปที่บ้านและมองไปที่สิ่งที่ยังคงอยู่ ภายในบ้านมีชุดเกราะที่บิดเบี้ยว พวกเขายังสังเกตเห็นกระดูกที่ถูกเผาภายในบ้านและก็เกราะเหล่านั้น ชาวบ้านรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่นี่และพวกเขาก็ไม่เข้าไปต่อผู้ใหญ่บ้านขี่ม้าไปที่บาคา อย่างรวดเร็วเพื่อบอกข่าวที่เกิดขึ้นนี้ ต่อมาเจ้านายเมืองได้ยินเรื่องนี้และในทางกลับกันกษัตริย์ก็ได้รับเรื่องด้วย แต่ในเวลานี้เจ่าไห่ก็ไม่ได้อยู่ในเขตเพอร์เซลล์อีกแล้ว
คืนนั้นเจ่าไห่กลับมาที่หมู่บ้านคาเตอร์และพักผ่อน เมื่อลูหยางเห็นรถของเจ่าไห่กลับมา เธอก็ไม่ได้พูดอะไร เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจากกินอาหารเช้าแล้ว กลุ่มของเจ้าไหก็ออกจากหมู่บ้านทันที หมู่บ้านคาเตอร์ แม้ว่าจะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ก็ตาม แต่ก็สามารถทําให้เจ้าไห้รู้สึกสบายและอบอุ่นได้
เมื่อชาวบ้านกลุ่มแรกเห็นเจ่าไห่ พวกเขาก็ประหลาดใจ แต่พวกเขาก็บอกได้ว่าเจ่าไห่นั้นเป็นคนที่ปกป้องพวกเขาไว้ เมื่อเจ่าไห่ออกจากหมู่บ้าน เล่าไม่ได้มอบเหรียญทองสิบเหรียญแก่หมู่บ้านเพื่อชดเชยกับการเข้าพักของพวกเขา แต่ผู้ใหญ่หมู่บ้านก็ตกใจแทนที่จะบอกว่าเขาไม่กล้ารับเงินนี้ ในที่สุดเจ้าไหก็บังคับให้เขารับเงิน และเมื่อได้รับเหรียญแล้วเขาก็ขอบคุณเจ่าไห่
หนึ่งอาจกล่าวได้ว่าชีวิตของชาวบ้านไม่ได้ดีอะไรมากนัก แต่เนื่องจากภาษีในเพอร์เซลล์ไม่แพงมากนัก พวกเขาก็สามารถแต่งตัวและกินอาหารที่อุ่นๆได้ และด้วยเหรียญทอง 10 เหรียญนี้ชาวบ้านก็สามารถจัดการกับฤดูหนาวที่ดีได้
กลุ่มของเจ่าไห่กําลังค่อยๆก้าวไปข้างหน้า เจ๋าไร่บอกลูหยางไม่ให้รบกวนเขา แล้วเขาเรียกซูกะไปที่รถ หลังจากนั้นเขาได้ให้ลอร่าและคนอื่นๆ เข้าไปในมิติและพบกับสมาชิกในครอบครัวของซูกะ
ครอบครัวของซูกะยังไม่ได้พักผ่อน พวกเขาไม่ได้อยู่ในสถานที่ที่ดีเช่นนี้มาก่อน พวกเขาจึงไม่กล้าที่จะสัมผัสสิ่งใดและทําได้แค่อยู่ในห้องของพวกเขา เพราะเหตุนี้พวกเขายังคงไม่ได้รับอาหารเช้าของพวกเขา
พวกเขาได้กินก่อนที่เจ่าไห่จะพาเขาไปที่ป้อมภูเขาเหล็กแล้ว และก็เพื่อจัดเตรียมสถานที่ของพวกเขาที่จะอาศัยอยู่นอกจากนี้เขายังพาซูกะไปอธิบายเรื่องปัจจุบันของพวกเขา ซูกะรู้ว่าเจ่าไห่มาจากตระกูลบูดาที่น่าอับอายของจักรวรรดิอาร์ซูและสถานที่ที่พวกเขาอาศัยอยู่คือแดนทมิฬ
แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจ ซูกะรู้เรื่องได้อย่างรวดเร็ว เพราะเขาเป็นผู้ติดตามของเจ่าไห่ เขาจะต้องอยู่กับเจ่าไห่ตลอดชีวิตจของเขา จากนั้นเจ้าไหก็พาซูกะไปรอบๆ เพื่อทําให้เขาคุ้นเคยกับเรื่องต่างๆในป้อม
เมื่อมองไปที่ป้อมภูเขาเหล็ก, ซูกะรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นสัตว์จากทุ่งหญ้าจํานวนมากในทุกที่ นอกจากนี้ ป้อมภูเขาเหล็กยังอุ่นมาก แม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูหนาว ความจริงเรื่องนี้ไม่ได้ทําให้เขาตกใจแม้แต่น้อย
หลังจากนั้น เจ่าไห่ก็บอกให้กรีนจัดให้ลูกสองคนของซูกะไปโรงเรียนและครอบครัวของซูกะไปที่บ้าน หลังจากยุ่งตลอดทั้งวันพวกเขาก็กลับไปที่รถ
วันต่อมาก็ไม่ได้เกิดอะไรแต่อย่างใด อาจพูดได้ว่าถนนจากเมืองคาซ่าไปยังโอกิสะนั้นสงบมากไม่มีโจรอยู่ และถ้าบางคนไม่ได้มุ่งเป้าไปที่คุณโดยเฉพาะ ก็จะไม่มีอันตรายแน่นอน
หลังจากเดินทางมาอีกสองวันในที่สุดก็เข้าใกล์โอกิสะแล้ว แต่ที่นี่แย่กว่าเพอร์เซลล์เล็กน้อย โอกิสะนั้น ควบคุมเมืองขนาดกลางและสามเมืองเล็กๆ เบลล์อาศัยอยู่ในเมืองขนาดกลางแห่งหนึ่งของเมืองเซรี่
คนที่ครอบครองโอกิสะนั้น มีระดับหรือฐานะที่น้อยกว่าอีวาน แต่ตระกูลโอกิสะนั้นเป็นตระกูลที่เก่าแก่และมีมานานกว่าพันปี แม้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องการกับอํานาจของพวกเขาในปัจจุบัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอจริงๆ ดินแดนของพวกเขายังได้ติดชายแดนกับทุ่งหญ้า ซึ่งพวกเขาได้รับเงินจํานวนมากจากการลักลอบนําเข้า แต่เนื่องจากเป้าหมายแรกสําหรับการโจมตีชนเผ่าไปยังอาณาเขตของคนจะเป็นเมืองของตระกูลโดยที่มือของพวก เขาถูกผูกไว้โดยทั่วไป
หลังจากเดินทางมาถึงโอกิสะ เจ่าไห่ก็เห็นว่ายังเป็นเมืองเล็กๆอยู่ ก่อนที่จะเข้าเมืองเซรี่
กลุ่มของเจ่าไห่เข้าไปในเมืองเล็กๆ และพักอยู่ได้หนึ่งวัน ในวันที่สองที่รีบไปเมืองเซรี่ การเดินทางจาก เมืองเล็กๆ ไปยังเซรี่นั้น จะใช้เวลาเพียงวันเดียวเท่านั้น เมื่อพวกเขาออกจากเมืองเล็กๆ พวกเขาจึงเดินทางมา ถึงเมืองเซรี่ภายในเย็นวันรุ่งขึ้น
อย่างไรก็ตามเจ่าไห่ไม่ได้ไปหาเบลล์หลังจากเดินทางมาถึง พวกเขาจองโรงแรมก่อนและส่งซกะออกไปเพื่อรวบรวมข้อมูลเพื่อเตรียมพร้อมสําหรับการไปหาเบลล์ในวันพรุ่งนี้
แม้ว่าจะอยู่ในเขตโอกิสะแล้ว วัฒนธรรมท้องถิ่นก็ไม่ต่างจากเมืองคาซ่า แต่นี่เป็นเรื่องปกติเนื่องจากทั้งสองเมืองอยู่ภายใต้อาณาจักรเดียวกัน จึงไม่มีความแตกต่างกันมากนัก
เช้าวันรุ่งขึ้นกลุ่มของเจ้าไร่ก็ตื่นขึ้น วันนี้พวกเขากําลังจะได้พบกับเบลล์ กลุ่มลูหยางยังไม่ได้อยู่ในโรงแรม หลังจากทั้งหมดเธอเป็นลูกสาวของอีวาน เธอจึงจําเป็นต้องไปตระกูลโอกิสะ ตั้งแต่ความสัมพันธ์ของตระกูลสองตระกูลเป็นสิ่งที่ดี
หลังจากอาหารเช้าเจ่าไห่ได้นั่งรถและมุ่งหน้าไปยังที่พักของเบลล์ทันที ถิ่นที่อยู่ของเบลล์มีชื่อเสียงมากในเมืองเซรี่หรือที่เรียกว่าโรงแรมเซรี่กรีน
ชื่อของคฤหาสน์เซรี่กรีนก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่มาก แต่คนในเมืองก็เห็นว่าคฤหาสน์เซรี่กรีนถือเป็นหนึ่งในคฤหาสน์ที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเซรี่ คฤหาสน์เซรี่กรีนทั้งหลังครอบคลุมพื้นที่สิบไร่ที่ดินมันมีขนาดเล็กกว่าคฤหาสน์ของลอร์ด แต่ทําให้เมืองนี้มีชื่อเสียงมากในเมือง
รถเข้ามาที่หน้าคฤหาสน์เซรี่กรีนประตูของคฤหาสน์เซรี่กรีน ดูธรรมดามากไม่มีอะไรพิเศษ ประตูปิดและไม่มีใครอยู่ข้างหน้า
ชิวและซูกะหยุดรถ ซูกะลงไปและเคาะเบาๆที่ประตู ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ด้านใน แล้วคนรับใช้ก็เปิดประตูและมองไปที่ซูกะและรถที่อยู่ข้างหลัง จากนั้นคนรับใช้ก็ถามอย่างสุภาพ “ท่านเป็นใครกัน?”
คนรับใช้สามารถตัดสินใจต่อสิ่งที่เธอเห็นได้ สายตาของเธอสามารถมองเห็นได้ว่ารถของเจ่าไห่ถูกสร้างขึ้นจากกิลแห่งความสว่าง นอกจากนี้สัญลักษณ์ของนายอําเภอยังสามารถมองเห็นจากรถได้อย่างชัดเจน เธอจึงต้องพูดจาดี
ซูกะยิ้มและพูดว่า “ฉันต้องการจะพบกับใครบ้างคน?
ทันทีที่คนรับใช้ได้ยินคําพูดของซูกะ เขารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยคนรับใช้ก็ตอบว่าทันที “โปรดรอสักครู่ฉันจะส่งข้อความทันที” จากนั้นเขาก็หันกลับและวิ่งไปที่ลาน
เจ่าไห่ไม่ได้เป็นห่วง เขาเพียงแค่นั่งอยู่ในรถของเขา หลังจากชั่วขณะหนึ่งเสียงฝีเท้าอย่างรวดเร็ว ที่ได้ยินจากด้านหลังประตู เมื่อประตูถูกเปิดออกเบลล์ก็เดินออกมาทันที เมื่อเจ่าไห่เห็นเบลล์ออกมาเขาก็รีบออกจากรถของเขา
เบลล์เห็นวัวยักษ์ที่ดึงรถและไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นของใคร แต่เมื่อเขาเห็นเจ่าไห่ เขาก็ตกใจ
เมื่อเห็นท่าทางของเบลล์ เจ่าไห่ก็ไม่ได้ยิ้ม “พี่เบลล์เพื่อที่จะเคลื่อนไปรอบๆ ได้ง่ายขึ้นฉันต้องเปลี่ยนรูปลักษณ์ของฉันมีอะไรผิดพลาดไปหรือไม่? จําฉันไม่ได้งั้นหรอ?”
เบลล์พยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ฉันไม่รู้ว่าเป็นนาย ฉันรอนายอยู่เป็นเวลานานแล้วนายก็มาถึงได้โปรดเข้ามา” เขาชี้ไปที่คฤหาสน์ของเขา
คฤหาสน์ของเบลล์มีเอกลักษณ์มาก เจ่าไห่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เมื่อเข้าสู่คฤหาสน์ จะได้พบกับสนามรบหิน ประตูทางเข้าของคฤหาสน์มีสนามหญ้ากว้างและถึงแม้จะเป็นฤดูหนาว แต่ก็ยังสามารถมองเห็นภาพของฤดูใบไม้ผลิ
จบบทแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ