Am I a God – ฉันเป็นพระเจ้า - ตอนที่ 183
Chapter 183 ความแน่วแน่และสติกเกอร์
กลุ่มชายชุดดํากลับมาที่ร้านแต่ไม่ได้อยู่ในเสื้อผ้าชุดดําเหมือนก่อนหน้า พวกเขาเพียงใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ดูเหมือนเด็กมหาวิทยาลัยแถวนี้ทั่วไป
“จาวเหยา!” ชายที่เป็นผู้นําขบกรามแน่นพลางมองจาวเหยาอย่างโกรธเคือง
ผู้อาวุโสจวงกระแอมเรียกความสนใจ
“หัวหน้าครับ!” ชายชุดดําถอยหลังออกไปเมื่อได้ยินสัญญาณ ตามแผนในตอนแรก หัวหน้าของพวกเขาจะมาที่ร้านในอีก 1 ชั่วโมงหลังเคลียร์ลูกค้าออกจากร้าน
“อาเว่ย แกใส่ชุดอะไรของแก” ผู้อาวุโสมองสภาพลูกน้องของเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างเวทนา “เจ้าพวกนี้แอบออกไปช็อปปิ้งกันอย่างนั้นเหรอ”
อาเว่ย ชายที่ถูกเอ่ยถึงยิ่งหน้าแดงเมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้อาวุโสกล่าว แต่เขาก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่สามารถเล่าได้ว่าเกิดอะไรขึ้นในร้านบ้างก่อนหน้านี้ เขาเพียงกระซิบเบาๆ “หัวหน้าครับ หน่วยรักษาความปลอดภัยในร้านนี้มีไม่เพียงพอ เพื่อให้มั่นใจว่าท่านจะปลอดภัย อนุญาตให้เราปิดล้อมที่นี่ไว้ด้วยครับ”
จาวเหยาที่ง่วนอยู่หลังเคาเตอร์ส่งเสียงหัวเราะ “ปกป้องมรดกตัวเองยังไม่ได้ด้วยซ้ํา ริจะไปปกป้องคน อื่น” อาเว่ยได้ยินจาวเหยาก็หันมาส่งสายตาอาฆาต
“ทําไมจะต้องปิดล้อมที่นี่ ฉันบอกให้พวกแกมาพักผ่อนหย่อนใจกันไม่ใช่หรือไง จะมาเตรียมอะไรให้ฉันนักฉันก็แค่ตาแก่เกษียณอายุทั่วไป ไม่ต้องดูแลเหมือนฉันเป็นคนพิเศษอะไรหรอก ข้างนอกยังมีเสี่ยวหลี่กับทีมรออยู่ นั่นก็รักษาความปลอดภัยเพียงพอแล้ว” ชายอาวุโสเลิกคิ้วก่อนออกคําสั่ง “เอาล่ะไหนๆก็มาแล้วอย่าก่อกวนธุรกิจของเขาแล้วไปสั่งเครื่องดื่มกันซะสิ”
จาวเหยาระเบิดหัวเราะออกมา “ไปชวน นายไปยืนทําอะไรตรงนั้น รีบไปเอาเมนูมาให้เหล่าลูกค้าที่รักของ เราสิ”
อาเว่ยต้องยอมทําตามนั้นแม้จะฝืนใจ
เขายกมือส่งสัญญาณให้ลูกน้อง เมื่อได้รับคําสั่ง พวกลูกน้องของเขาก็กระจายตัวไปนั่งรอบๆผู้อาวุโสทัน ที่ มีเพียงอาเว่ยที่หาที่นั่งที่ใกล้กับผู้อาวุโสที่สุด
ผู้อาวุโสจวงได้แต่ส่ายหน้าเมื่อรู้ว่าไม่ว่าเขาจะพูดอะไรอาเว่ยก็คงไม่ออกห่างจากเขา อาเว่ยไม่เคยปล่อยให้เขาอยู่ห่างสายตาแม้สักวินาที
เหตุการณ์หลังจากนั้นค่อนข้างสงบสุขกว่าตอนแรก แม้ว่าอาเว่ยและกลุ่มชายชุดดําจะมีท่าทีอวดดีและก้าวร้าวกว่าปกติ ขณะที่ผู้อาวุโสจวงค่อนข้างเป็นกันเองกับผู้อื่น เขาเพียงนั่งดื่มกาแฟอยู่กับโต๊ะเท่านั้นทั้งยังยิ้มกว้างขณะแหย่เล่นกับแมว
“อาโฮ ที่นี่ช่างดูดีและน่าหลงใหลทีเดียว ฉันรู้สึกเหมือนได้ย้อนวัยไปสิบปี” ผู้อาวุโสพูดไปก็ยิ้มไป
ร่างกายของเขาถูกปกคลุมไปด้วยไอจากสวนแห่งความสงบ แม้จะรู้สึกชาๆในอวัยวะ หลอดเลือดและโครงกระดูกของเขาแต่มันกลับทําให้เขาผ่อนคลายและรู้สึกสบายอย่างมากเหมือนกับร่างกายของเขาได้ผ่อนคลายอยู่ในสปา
สารวัตรโฮเองก็หัวเราะคิกคักเมื่อเห็นชายอาวุโสตรงหน้ามีท่าทางพอใจ”ท่านชอบก็ดีแล้วครับผมปรึกษากับหมอแล้วถ้าท่านมาที่นี่สัปดาห์ละครั้งหรือสองครั้งอาจส่งผลดีต่อสุขภาพของท่าน”
เมื่อมาที่ร้านของจาวเหยาครั้งก่อน เขาก็สนใจพลังสวนแห่งความสงบอย่างมาก
เขาลอบส่งคนเข้ามาสืบและทดสอบเรื่องสวนแห่งความสงบแก่ผู้ป่วยที่มีอาการความดันเลือดสูง เมื่อแน่ใจ ว่าไม่มีผลข้างเคียง เขาก็สบหาโอกาสให้ผู้อาวุโสจวงได้มาที่นี่
“นี่นาย!” ผู้อาวุโสเริ่มตบบ่าของสารวัตรโฮ บนหน้าเผยรอยยิ้มเลศนัย “วันนี้ฉันอารมณ์ดีจริงๆนายเตรียมกิจกรรมพิเศษไว้ให้ฉันหลังจากนี้ด้วยหรือเปล่า”
ผู้อาวุโสเน้นไปที่คําว่า กิจกรรม เป็นพิเศษ
สารวัตรโฮเองก็ส่งยิ้มอย่างมีเลศนัยกลับไปเหมือนกัน “ไม่ต้องห่วงเลยครับหัวหน้า ทุกอย่างจัดเตรียมไว้หมดแล้วผมมั่นใจว่าท่านจะต้องชอบ”
ผู้อาวุโสจวงยิ้มกว้างไม่หยุดเมื่อได้ยิน
เขาเลียมุมปากก่อนว่า “แล้วอาหารของวันนี้ล่ะ เนื้อตุ๋นซอสถั่วเหลืองอะไรอย่างนั้นหรือเปล่า”
“ผมได้เชิญเชฟที่มีชื่อเสียงจากปักกิ่งมาแล้วครับ ได้ยินว่าบรรพบุรุษของเขาเป็นพ่อครัวในวังมาหลายรุ่นขอให้ท่านอย่าได้กังวล”
เมื่อผู้อาวุโสได้ยินดังนั้นก็อดน้ําลายไหลไม่ได้ งานอดิเรกของเขาเป็นการดื่มกับอาหารดีๆ
ขณะนั้นเอง อาเว่ยก็แทรกบทสนทนาขึ้น “หัวหน้าครับ ถ้าท่านอยากไปที่อื่น ผมต้องรายงานเบื้องบน”
รอยยิ้มบนหน้าผู้อาวุโสจวงหายไปทันที เขามีท่าที่ไม่ค่อยพอใจก่อนว่า “อาเว่ย! ฉันเป็นเพียงชายแก่วัยเกษียณที่เคยทํางานให้รัฐบาล ตอนนี้ฉันเหลือแรงน้อยนิด ฉันต้องรายงานให้แกรู้ว่าฉันจะไปกินข้าวที่ไหนด้วยหรือไง”
อาเว่ยยังคงนิ่งแม้ได้ยินดังนั้น เขาตอบกลับไปเรียบๆ “นี่เป็นคําสั่งจากเบื้องบนครับ ด้วยสภาพปัจจุบันท่านไม่ควร…”
ผู้อาวุโสจวงส่ายหน้าก่อนถอนหายใจอย่างผิดหวัง “ดูฉันสิ เมื่อครั้งยังหนุ่มฉันเป็นทหารอยู่ในกองทัพปลดแอกประชาชน แล้วก็กลายมาเป็นผู้บัญชาการในกองกําลัง ก่อนย้ายมาเป็นเลขาประจําหน่วยงานราชการแล้วฉันก็เกษียณ ทําไมฉันจะกินข้าวสักมือก็จะต้องมีสายตาจับจ้องอยู่ด้วยนะ”
“แกไม่ได้เคารพฉันเลย เอาแต่ทําตามที่เขาสั่งโดยไม่ดู ไม่รู้จักชั่งน้ําหนักสถานการณ์ด้วยตัวเอง…”
เมื่อเห็นผู้อาวุโสเริ่มบ่นไปไกล อาเว่ยก็รีบขัด “หัวหน้าครับ เราเองก็ไม่มีทางเลือก นี่เป็นคําสั่งจากลูกสาวของท่านได้โปรดอย่าทําให้ฝั่งผมยุ่งยากเลยครับ”
“ยัยลูกอกตัญญ! ฉันไม่เคยได้ทําอะไรบันเทิงเลย บุหรี่ไม่ได้สูบ เหล้าไม่ได้แตะ ตอนนี้ฉันเหลือแค่อาหารมื้อเลิศเป็นงานอดิเรก และยัยนั่นก็จะพรากสิ่งนั้นไป พวกแกยังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า”ผู้อาวุโสล้มลงกับพื้นทันทีเมื่อพูดจบ เขาเพียงมองเพดานอย่างว่างเปล่า
อาเว่ยได้แต่ยืนข้างๆ อย่างหน่ายใจ เขาไม่อาจหาเล่ห์เหลี่ยมใดมาต่อรองกับชายแก่ตรงหน้าเพียงอาศัยชื่อลูกสาวของเขาในสถานการณ์อย่างนี้เท่านั้น
ทันใดผู้อาวุโสจวงเห็นสก็อตติชโฟลด์เดินนวยนาดเข้ามาในสายตา
“เฮ้ อาเว่ย นายเห็นนี่มั้ย มีบางอย่างเขียนไว้บนคอเจ้าแมวตัวนี้ด้วย” ผู้อาวุโสจวงถามอย่างสงสัย “ห้ามกอด? ทําไมล่ะ? ไม่ ฉันต้องลองกอดเจ้าแมวตัวนี้ดู”
เขายื่นมือออกไปหวังจะสัมผัสขนของเจ้าแมวตรงหน้า
เค้กข้าวที่อ่อนไหวกับสิ่งรอบตัว มันรีบปัดแขนของผู้อาวุโสที่ยื่นเข้ามาหามันทันที ก่อนตอบโต้ด้วยการงับนิ้วของเขา
“โอ๊ย! เจ็บนะเนี่ย!” ผู้อาวุโสร้องด้วยความเจ็บปวด “เอาไอ้นี่ออกไป!”
กลุ่มชายชุดดํารีบพุ่งเข้ามาเมื่อเห็นผู้อาวุโสสายแขนอย่างต้องการสลัดแมวออกไปจากเขา
แต่เค้กข้าวไม่ได้ตั้งใจจะทําร้าย มันรีบปล่อยเขาทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้อง
กลุ่มชายชุดดํารีบถามอย่างเป็นห่วงทันที “หัวหน้าครับ เป็นอะไรไหม”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร” ผู้อาวุโสจวงยักไหล่ก่อนสะบัดมือไปมา “ฉันก็เป็นทหารมาก่อนนะดูสิไม่เหลือแผลเป็นหรือแม้แต่รอยเขี้ยวด้วยซ้ํา”
จาวเหยารีบเข้ามาอุ้มเค้กข้าวในทันที เขายังส่ายหน้าพลางคิดในใจ “ดูเหมือนคําว่าห้ามจับจะไม่อาจห้ามให้คนพยายามกอดเธอได้นะ”
นอกจากคําว่า ห้ามจับ ที่คอ เขาก็เพิ่มคําว่า ฉันกัด เข้าไปที่หลังด้วย เค้กข้าวไม่แฮปปี้กับสิ่งนี้มันตาลุกเป็นไฟทุกครั้งที่สบตากับคนอื่น
มัจฉะที่อยู่มุมห้องเห็นดังนั้นก็ตะโกนออกมา”จาวเหยา! ฉันอยากได้สติกเกอร์นั่นด้วย!”
“ฉัน… ฉัน… ฉันก็อยากได้ด้วย” โรลี่โพลี่ตะโกนออกมาอย่างเคอะเขิน
“พวกนายอยากให้ฉันเขียนอะไรล่ะ” จาวเหยาถามอย่างสงสัย
“ฉันอยากได้คําว่า ‘ซูเปอร์ดูเปอร์น่ารักด” เสียงจากมัจฉะ
“ฉันอยากได้คําว่า น่าสะพรึง” เสียงจากโรโพลี่